สาปไอยรา บทที่ 25 : ยังไม่ทันได้บอกรัก ก็เหมือนจะอกหักเสียแล้ว

สาปไอยรา บทที่ 25 : ยังไม่ทันได้บอกรัก ก็เหมือนจะอกหักเสียแล้ว

โดย : ต้นไผ่กวนอิมสีทอง

Loading

สาปไอยรา เรื่องราวของ สัตวแพทย์หนุ่มผู้ต้องคำสาปได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาช่วยเหลือรักษาสัตว์ โดยหวังว่าผลบุญจะลบล้างคำสาปไปได้บ้าง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ได้ใจดี เพราะต้องมีความรักที่จริงใจเท่านั้นถึงจะช่วยได้! นวนิยายน่าอ่านโดย ต้นไผ่กวนอิมสีทอง ที่อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้อ่านใน anowl.co และเพจอ่านเอา

 

นิศากรกำลังจะเดินออกจากโรงแรมที่พักติดริมแม่น้ำโขง ซึ่งด้านหน้าอยู่ติดกับถนนคนเดินเชียงคานพอดี เพื่อออกไปหาอาหารเย็นทานที่ร้านอาหารใกล้ๆ แต่พอเดินออกมาด้านหน้าโรงแรม ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่เดินกันขวักไขว่ หญิงสาวก็เห็นไอยรากำลังยืนอยู่หน้าร้านน้ำลำไยสด จึงรีบเดินเข้าไปหาอย่างดีใจ แล้วรีบเอ่ยทักโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ ทั้งนั้น

“สวัสดีค่ะช้าง มาคนเดียวเหรอคะ”

ไอยราหันมามองหญิงสาวที่มายืนข้างเขาอย่างแปลกใจที่เธอยังไม่ได้กลับบ้านไปอีก ทั้งๆ ที่เขาก็ปฏิเสธไปไม่รู้กี่ครั้งว่าจะไม่ขายช้างในปางของเขาแน่นอน

“เปล่าครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยตอบพลางยื่นมือไปรับแก้วน้ำลำไยสดจากมือแม่ค้าจำนวน 3 แก้ว แล้วมองหาคนที่เขาพามาด้วย เมื่อเห็นจารุมาสกำลังเลือกซื้อเสื้อพื้นเมืองอยู่ร้านข้างๆ กับขันติธรรม ก็เดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นแก้วน้ำลำไยสดให้คนละแก้ว

“ขอบคุณค่ะ”

จารุมาสยิ้มแล้วรับแก้วน้ำลำไยสดจากมือของชายหนุ่ม พลางมองหญิงสาวสวยที่เดินตามเขามาแล้วคล้องแขนไอยราไว้อย่างสนิทสนมด้วยความแปลกใจ

“ใครกันเหรอคะช้าง”

นิศากรเอ่ยถามเสียงหวาน แต่ภายในใจไม่ได้ยิ้มหวานตามริมฝีปากไปด้วย เมื่อเห็นว่าไอยราไม่ได้มาคนเดียวเหมือนตอนที่เธอเห็นเขาตอนแรก กลับมีผู้หญิงหน้าตาดีที่ไหนก็ไม่รู้มาด้วย

“นี่ครูมาสครับ เป็นครูที่โรงเรียนบ้านด่านแก้ว แล้วก็นะโม เด็กที่อยู่ในปางของผม”

ไอยราเอ่ยแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน

“ส่วนนี่นิศากรเป็นเพื่อนของผมครับครูมาส”

“สวัสดีค่ะ”

เป็นจารุมาสที่เอ่ยทักทายขึ้นก่อนอย่างอัธยาศัยดี ถึงแม้จะสงสัยในความสนิทสนมที่มากเกินกว่าความเป็นเพื่อนตามที่ชายหนุ่มบอกก็ตาม

นิศากรเพียงพยักหน้ารับ ปากยิ้มแต่ดวงตานั้นแข็งกร้าวอย่างไม่พอใจ แล้วไม่สนใจจารุมาสอีก ก่อนจะหันมาเอ่ยชวนชายหนุ่มอย่างออดอ้อน

“ช้างไปทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนนิหน่อยนะคะ นิฮิ้วหิว”

“ผมทานแล้วครับนิ คงไปด้วยไม่ได้”

ไอยราเอ่ยปฏิเสธ พลางพยายามแกะมือของนิศากรออกจากแขนของเขาไปด้วย แต่หญิงสาวก็จับไว้แน่นเกินไป แกะอย่างไรก็ไม่ออก

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนิเดินไปกับช้างด้วย ถ้าเจออะไรน่าทานจะแวะเองค่ะ ขอเดินไปด้วยคนนะคะครูมาส”

นิศากรตัดสินใจเดินเล่นไปกับไอยราด้วย แล้วหันไปเอ่ยขอกับจารุมาส เธอไม่อยากปล่อยให้เขาหลุดมือไป เพราะดูแล้วจารุมาสก็คงสนใจในตัวไอยราเช่นกัน ไม่ได้การเสียแล้วเธอต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

“เชิญค่ะ”

จารุมาสยิ้มรับอย่างขอไปที แล้วหันไปสนใจกับการเลือกซื้อเสื้อพื้นเมืองต่อ เมื่อเลือกได้ตัวที่ต้องการก็เดินไปจ่ายเงินกับแม่ค้า

นิศากรปล่อยมือจากแขนของไอยราแล้วหยิบเสื้อพื้นเมืองที่วางอยู่ใกล้ๆ มาหนึ่งตัว ก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ค้าเช่นกัน เมื่อเดินสวนกับจารุมาสก็เอ่ยบอกให้พอได้ยินกันแค่สองคน

“ผู้ชายคนนี้ของฉัน เธอไม่ควรเข้ามาแทรก”

“ของคุณ แล้วได้ถามเขาหรือยัง”

จารุมาสตอกกลับยิ้มๆ เพราะเห็นไอยรายืนมองอยู่ เมื่อเห็นสีหน้าเป็นต่อของนิศากรในตอนแรกเปลี่ยนเป็นขึ้งโกรธ เธอก็พอจะเข้าใจอะไรได้บ้าง แล้วเดินหลีกหนีออกมาทันที

นิศากรวางเสื้อพื้นเมืองส่งๆ ไว้ตรงชั้นใกล้มือ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มตามเดิม แล้วเดินออกมาจากร้าน ก่อนจะเข้าไปเกาะแขนไอยราไว้เหมือนเดิม พลางดึงแขนของชายหนุ่มให้ออกเดิน โดยให้จารุมาสกับขันติธรรมเดินตามหลัง เพื่อให้เห็นว่าเธอกับไอยรานั้นสนิทสนมกันมากแค่ไหน

จารุมาสกับขันติธรรมเดินตามหลังทั้งคู่ไปช้าๆ โดยมีไอยราคอยหันมามองอย่างห่วงใยตลอด เธอจึงยิ้มให้เขาจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล แต่พอทั้งคู่เผลอ จารุมาสก็แอบชวนขันติธรรมเดินหนีไปทางอื่น ปล่อยให้ไอยรากับนิศากรเดินไปด้วยกันสองคนเท่านั้น

จารุมาสชวนลูกศิษย์ตัวน้อยของเธอไปนั่งเล่นพักขาตรงที่นั่งเล่นริมแม่น้ำโขง แล้วนั่งมองพระจันทร์เต็มดวงที่สุกสกาวสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าสีดำ รายล้อมด้วยดวงดาวระยิบระยับ พลางดูดน้ำลำไยสดที่ไอยราซื้อให้ไปด้วย

“นะโมเคยเห็นเพื่อนของคุณช้างคนเมื่อกี้มาก่อนไหม”

หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นมา เพื่อต้องการจะรู้อะไรบางอย่าง

“ไม่เคยเลยครับครู แต่ได้ยินพ่อเล่าให้แม่ฟังว่า มีผู้หญิงสวยมาหาพี่ช้างเมื่อวันก่อนด้วย อาจจะเป็นคนนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ”

ขันติธรรมเอ่ยตอบเท่าที่เขารู้มา

“อืม…แล้วรู้ไหมว่าเขามาทำอะไร”

“ไม่รู้ครับ”

จารุมาสจบบทสนทนาไว้แค่นั้น พลางคิดว่าจะทำตัวอย่างไรต่อไปดี ในเมื่อมีผู้หญิงมาแสดงตัวต่อหน้าเธอขนาดนี้ ถึงแม้ว่าไอยราจะแนะนำว่านิศากรเป็นเพื่อนก็ตาม และเธอที่มาทีหลังควรจะถอยหรือไม่

ยังไม่ทันได้บอกรัก เธอก็เหมือนจะอกหักเสียแล้ว เห้อ!

จารุมาสนั่งถอนหายใจเฮือกๆ อย่างคิดไม่ตก และไม่สนใจโทรศัพท์ที่สั่นเพราะมีสายเรียกเข้าด้วย

ทางด้านไอยราที่เดินนำหน้าจารุมาสกับขันติธรรมอยู่ดีๆ หันไปอีกทีทั้งลูกศิษย์และคนเป็นครูก็หายตัวไปเสียแล้ว จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร.หาหญิงสาวทันที แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายของเขา

“โทรหาใครเหรอคะช้าง”

นิศากรที่ยังคงเกาะแขนของเขาอยู่อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเอ่ยถาม แต่ภายในใจรู้ดีว่าเขาโทร.หาใครพลางยิ้มเยาะไม่ให้ชายหนุ่มเห็นเมื่อจารุมาสหลีกทางออกไปให้เธอแต่โดยดี

“โทรหาครูมาสน่ะ เธอไม่ใช่คนที่นี่ กลัวจะหลงกัน”

ไอยราเอ่ยตอบด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวอีกคน จะหายไปไหนก็น่าจะบอกเขาเสียหน่อย

“โถ…โตจนปานนั้นแล้ว ไม่หลงไปไหนง่ายๆ หรอกค่ะ”

ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา นิศากรพูดอย่างไม่พอใจที่ชายหนุ่มดูจะสนใจและดูแลจารุมาสมากเป็นพิเศษ

“แต่ผมก็เป็นห่วงอยู่ดี”

ผู้หญิงกับเด็กไปด้วยกันสองคน แล้วนี่ก็มืดค่ำแล้วด้วย ถึงแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินกันอย่างพลุกพล่านก็ตาม แต่ก็ไม่ควรไว้ใจใครทั้งนั้น

“อย่าห่วงเลยค่ะ เดินเล่นกับนิต่อดีกว่า และนิยังมีเรื่องจะปรึกษาช้างอีกด้วยนะคะ”

นิศากรพยายามรั้งชายหนุ่มไว้ให้อยู่กับตัวเองต่อ เธอจะไม่ยอมเสียเขาไปให้คนอื่นง่ายๆ หรอก

“ขอโทษนะครับ”

ไอยรายอมเสียมารยาทแกะมือของนิศากรออกจากแขนของตน แล้ววิ่งหนีปะปนไปกับฝูงชนที่เดินเที่ยวอยู่ในถนนคนเดิน จนนิศากรเองก็วิ่งตามไม่ทัน

นิศากรหยุดเดินตามหาไอยราเพราะความเหนื่อย ทั้งเจ็บใจที่เขาทิ้งเธอให้เคว้งคว้างอยู่คนเดียว สีหน้าจึงบึ้งตึงด้วยความโกรธ เมื่อสักครู่นี้มีคนมองเธอที่โดนผู้ชายวิ่งหนีเต็มไปหมด ความอับอายนี้เขาต้องรับผิดชอบ!

ไอยราทั้งเดินทั้งวิ่งตามหาจนทั่วถนนคนเดินก็ไม่เจอจารุมาสกับขันติธรรม โทร.ไปหาเธอก็ไม่ยอมรับสายเขาเสียที จนต้องไปนั่งพักเหนื่อยอยู่คนเดียวริมแม่น้ำโขง ให้ลมเย็นพัดผ่านตัวเขาที่เสื้อเปียกเหงื่อจนชุ่ม ถึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย พลางพิมพ์ข้อความส่งหาจารุมาสไปด้วย โดยมีความหวังว่าเธอจะเปิดอ่าน

Chang : รับสายหน่อยครับ

Chang : ผมเป็นห่วง

 



Don`t copy text!