ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 1 : ฉันชื่อกรผกามารศรี

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 1 : ฉันชื่อกรผกามารศรี

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

“ลูกไม่แต่งค่ะ คุณแม่ ยังไงลูกก็ไม่แต่ง…คนอะไรชื่อ อนึก…น่าเกลี๊ยด น่าเกลียด”

หญิงสาวร่างสูงระหงในเครื่องแต่งกายกระโปรงสีชมพูหวานรัดเอวจนคอดกิ่วก่อนจะบานกว้างออกราวกับกลีบดอกไม้ และทรงผมดัดจนหยิกเป็นลอนปรกหน้าผากสวยงาม วิ่งลงมาจากบันไดของคฤหาสน์ใหญ่โต พร้อมกับร้องไห้กระซิกๆ

“แต่ลูกขา แค่หมั้นหมายเฉยๆ เองนะคะลูก ยังไม่ได้แต่งสักหน่อย ตามใจคุณพ่อหน่อยเถอะค่ะ คุณพ่ออยากให้ลูกหมั้นกับอนึก เขาเป็นลูกชายเพื่อนรักคุณพ่อเลยนะคะ” คุณหญิงสายหยุดที่วิ่งตามลงมาทางด้านหลังเริ่มปริวิตกว่าจะเกลี้ยกล่อมธิดาสาวอย่างไรดี

เธอแหงนหน้าขึ้นจ้องมองแชนเดอเลียร์แก้วเจียระไนขนาดใหญ่โตมโหฬารที่สามีสั่งนำเข้ามาจากฝรั่งเศส ก่อนจะถอนหายใจยาวกับความหัวดื้อของบุตรสาว

กรผกามารศรีเป็นบุตรสาวที่สวยงามอ่อนหวานอยู่เสมอ แต่ก็ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ ยามที่หล่อนนึกจะดื้อรั้นขึ้นมาแล้วละก็ ยังไม่เคยมีใครจัดการปราบพยศธิดาสาวคนนี้ได้สักครั้ง

“ไม่ค่ะ” กรผกามารศรียังคงยืนยัน ดวงหน้าสวยงามของเธององ้ำ ไม่สบอารมณ์ “ลูกไม่สนหรอกนะคะว่าอีตาอนึกนั่นจะเป็นลูกใคร ตอนนี้ให้ลูกหมั้น อีกหน่อยก็ต้องบังคับให้แต่ง…ไม่นะคะคุณแม่ ลูกไม่อยากหมั้น ไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่คู่ควรกับลูก อย่าลืมสิคะว่าลูกคือใคร ลูกคือกรผกามารศรี มรกตนะคะ”

อันที่จริง คุณหญิงสายหยุดเองก็ไม่ค่อยชอบความคิดของเจ้าสัวทินกรผู้เป็นสามีนัก ที่จู่ๆ จะให้บุตรสาวเพียงคนเดียว ผู้เป็นที่รักดังแก้วตาดวงใจ ไปหมั้นกับอนึก ปัจจนึกนิมิตร บัณฑิตหนุ่มหมาดๆ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดแห่งเมืองผู้ดีอังกฤษ

จะว่าไป คุณหญิงสายหยุดมองไม่เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นมีอะไรไม่เหมาะสมกับบุตรสาว

หน้าตาของอนึกหล่อเหลา เรือนร่างหรือก็ออกจะสูงใหญ่ หล่อล่ำสมชาย ชาติตระกูลก็ดี ความรู้ก็สูง…จะมีก็แต่ฐานะการเงินเท่านั้นที่ไม่ได้ร่ำรวยจริงอย่างภาพที่แสดงออกมาให้เห็น

นั่นอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คุณหญิงรู้สึกเป็นกังวลตั้งแต่สามีเปรยว่าอยากให้กรผกามารศรีหมั้นกับบุตรชายของเพื่อนสนิท เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูล ที่เธอไม่สบายใจก็เพราะรู้ดีว่าตระกูลของอนึกนั้นมีแต่ตัว ที่เห็นหรูหราฟู่ฟ่านั้นเป็นแค่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ไหนเลยจะเหมือนตระกูลมรกตที่เก่าแก่ของหล่อน

เจ้าสัวทินกรผู้สามี เป็นทายาทเพียงคนเดียวของพระยาบริรักษ์เดชา ขุนนางใหญ่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แม้เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ทรัพย์สมบัติประดามีของท่านก็ยังคงงอกเงยเป็นอย่างดี ด้วยฝีมือการบริหารธุรกิจอันชาญฉลาดของรุ่นลูกรุ่นหลาน

ด้วยความที่พระยาบริรักษ์เดชา ต้นตระกูล ‘มรกต’ เป็นเจ้าของที่ดินมากมาย ทินกรผู้เป็นบุตรชายเล็งเห็นการณ์ไกล จึงตั้งบริษัทมรกตพรอพเพอร์ตี้ขึ้น เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์จนเจริญรุ่งเรือง มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ใครๆ ทั่วกรุงเทพฯ ต่างพากันนับหน้าถือตา เรียกทินกรเป็นเจ้าสัว ส่วนคุณสายหยุดเองก็ได้รับพระราชทานตราตั้งเป็นถึงคุณหญิง

ทั้งสองมีบุตรสาวเพียงคนเดียวคือ กรผกามารศรี ธิดาสาวผู้เป็นที่รักดุจดังแก้วตาดวงใจ บิดามารดาทั้งรักและถนอมยิ่งกว่าไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม

กรผกามารศรีนอกจากจะสวย อ่อนหวานราวกับนางฟ้าแล้ว เธอยังฉลาดเฉลียวเรียนหนังสือเก่งอีกด้วย เพราะเหตุนี้เจ้าสัวทินกรจึงทั้งรักและหลงบุตรสาวเพียงคนเดียวเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้ต้องตรากตรำทำงานลำบากลำบนอะไร จึงตัดสินใจส่งกรผกามารศรีเข้าเรียนฟินิชชิ่งคอร์สจากสวิตเซอร์แลนด์ เพราะเจ้าสัวมีความคิดว่า ผู้หญิงสวยๆ จะร่ำเรียนวิชายากๆ ไปทำไม สู้เรียนวิชาง่ายๆ สำหรับเตรียมพร้อมเป็นแม่บ้านแม่เรือนจะดีกว่า อีกไม่นานเมื่อหญิงสาวเติบใหญ่ ก็จะถึงเวลาต้องแต่งงานแยกบ้านออกไปดูแลครอบครัวของตัวเอง

“โอย ฉันปวดหัวจะแย่แล้ว พูดกันมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายยังไม่รู้เรื่องหรือไงคะลูกกรผกามารศรี นี่แม่นิ่ม…” เมื่อจนปัญญาขึ้นมา คุณหญิงสายหยุดก็หันไปขอความช่วยเหลือจากแม่นิ่มผู้เป็นแม่นมของกรผกามารศรี “ช่วยเจรจาหน่อยสิ ในบ้านมรกตหลังนี้ กรผกามารศรีเชื่อฟังใครที่ไหนนอกจากแม่นิ่มคนเดียว” ถูกของคุณหญิงสายหยุด…หญิงสูงวัยนามแม่นิ่มนิ่งคิด

กรผกามารศรีให้ความเคารพและเชื่อฟังเธอยิ่งเสียกว่าเจ้าสัวทินกรและคุณหญิงสายหยุดผู้เป็นบิดามารดาเสียอีก

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากว่า แม่นิ่มเป็นแม่นม เลี้ยงดูอุ้มชูเธอมาตั้งแต่ยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยๆ

เจ้าสัวทินกรนั้น วันๆ มัวแต่วุ่นวายอยู่กับเรื่องธุรกิจร้อยล้านพันล้านของท่าน ส่วนคุณหญิงสายหยุดนั้นมัวแต่ออกงานสังคมสงเคราะห์ เมื่อว่าง แทนที่จะดูแลธิดาสาวเพียงคนเดียว ก็เอาแต่ตั้งวงเล่นไพ่ตองกับบรรดาเพื่อนคุณหญิงคุณนายด้วยกันจนไม่มีเวลาเอาใจใส่ดูแลกรผกามารศรี

แม่นิ่มจึงเป็นเพียงคนเดียวที่คอยทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงคุณหนูน้อยๆ ของเธอมาด้วยความรักใคร่ เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี กรผกามารศรีจึงรักและเชื่อฟังเธอยิ่งกว่าใครๆ

“โถ คุณหนูของนิ่ม” แม่นิ่มเงยหน้าขึ้นมองดูดวงหน้าสวยหากทว่าหม่นเศร้าของหญิงสาว แล้วปลอบประโลมว่า “นึกเสียว่าทำตามหน้าที่ลูกที่ดีเถอะค่ะ…เจ้าสัวท่านอยากให้หมั้น คุณหนูก็หมั้นให้ท่านเสียหน่อยก็หมดเรื่องแล้ว คุณอนึกก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นลูกชายเพื่อนสนิทของท่านเอง”

“ไม่ค่ะ” กรผกามารศรีเม้มริมฝีปากแน่น นัยน์ตาเธอยังคงดื้อดึง หากน้ำเสียงนั้นอ่อนลงไปมาก “กรผกาไม่ใช่วัวไม่ใช่ควายนะคะ จะได้สนตะพายให้กรผกาต้องทำตามอำเภอใจของคนนั้นคนนี้ อีตาอนึกนี่ กรผกาไม่เคยเห็น จะสูงต่ำดำขาว หน้าตาจะเป็นอย่างไร ใครจะบอกได้ ไม่เอาหรอกค่ะ จะรักใครชอบใคร กรผกาจะต้องเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง หมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะคะ ถ้าคุณพ่ออยากหมั้นก็หมั้นเองสิคะ”

“ตายจริง” แม่นิ่มตกอกตกใจ “คุณหนูพูดอย่างนั้นได้ยังไงคะ เจ้าสัวมาได้ยินเข้าจะไม่งามนะคะ”

“ก็จริงนี่คะ” กรผกามารศรีลอยหน้าลอยตาเถียงแม่นิ่ม “กรผกามีหัวใจนะคะ กรผการู้ว่าใครคู่ควรกับกรผกา ใครไม่คู่ควร เรื่องของความรักบังคับกันไม่ได้หรอกค่ะ อย่ามาบังคับนะคะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่บังคับกรผกามากๆ กรผกาจะ…กรผกาจะ…”

“จะอะไรคะลูกขา”

คุณหญิงสายหยุดแอบยิ้ม เพราะรู้ว่ากรผกามารศรีถูกเลี้ยงมาด้วยความทะนุถนอม แม้แต่จะล้างแก้วยังล้างเองไม่เป็น แล้วธิดาสาวของเธอจะมีปัญญาหนีไปไหนหรือทำอะไรได้

“จะหนีออกจากบ้านหรือคะ คุณหญิงแม่ว่าไม่ได้แน่ เพราะหนูขึ้นรถเมล์ไม่เป็น ถนนหนทางก็ไม่รู้จัก เพราะไปไหนมาไหนลูกก็ใช้ให้คนรถขับพาไปเสมอ ไม่เคยไปไหนเองสักหน ถ้าหนีออกจากบ้านไป ลูกอาจจะหลงทางและโดนจิ๊กโก๋ลวนลามก็ได้นะคะ เอ๊ะ หรือว่าจะฆ่าตัวตายเหรอคะ ไม่ได้แน่ เพราะมันเจ็บมากและมีเลือดออกมากมาย แม่รู้ดีว่าลูกกลัวเลือดมากที่สุด ลูกอาจจะเป็นลมไปเสียก่อนจะได้ลงมือฆ่าตัวตายจริงๆ ก็ได้”

ก่อนที่บุตรสาวจะทันอ้าปากเถียงอะไรมารดาออกมา เสียงห้าวทุ้มของบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้น

“มีอะไรกันรึ คุยอะไรกันเสียงดังไปถึงข้างนอกโน่น”

“คุณพ่อ” ดวงหน้าของกรผกามารศรีซีดเผือด

“คุณท่าน”

“คุณพี่”

แม่นิ่มและคุณหญิงสายหยุดร้องอุทานขึ้นพร้อมๆ กัน ด้วยไม่มีใครคิดว่าเจ้าสัวทินกรจะกลับมาจากบริษัทมรกตพรอพเพอร์ตี้เร็วกว่าทุกวัน

“เลิกงานแล้วหรือคะ เอ๊ะ แปลกจังเลย ดูเหมือนว่าวันนี้คุณพี่เลิกงานเร็วกว่าปกตินะคะ” คุณหญิงสายหยุดเดินเข้าไปหาสามี พร้อมกับส่งผ้าชุบน้ำเย็นให้เช็ดหน้าแบบที่เคยทำมานานนับสิบปี

“เลิกแล้ว” สีหน้าของเจ้าสัวเบื่อหน่าย ท่าทางเคร่งเครียดจนแม่นิ่มต้องค่อยๆ เลี่ยงออกไปจากห้อง ปล่อยให้พ่อแม่ลูกอยู่กันตามลำพัง

“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณ ท่าทางคุณดูไม่ค่อยสบายใจเลย” คุณหญิงสายหยุดเป็นคนช่างสังเกต จึงแลเห็นความกังวลในดวงหน้าของเจ้าสัวได้ในทันทีนั้น

“ท่าทางเศรษฐกิจจะย่ำแย่ ค่าเงินบาทตกอีกแล้ว นักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจในบ้านเราเสียแล้ว” เจ้าสัวทินกรบ่น ดวงตาของเขาแลเลยไปไกลเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด “ผมไม่น่าทุ่มเงินทั้งหมดของเราลงทุนไปกับคอนโดมิเนียมกลางเมืองเลย”

“หมายความว่ายังไงคะ” คุณหญิงสายหยุดชักผิดสังเกตในคำพูดนั้น

“หมายความว่า ถ้าเศรษฐกิจทรุดตัวลงอีก เราอาจจะถึงขั้นล้มละลาย” เจ้าสัวทินกรพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

“อะไรนะคะ” คราวนี้กรผกามารศรีถึงกับสะดุ้งตกใจ “ล้มละลาย!”

 



Don`t copy text!