ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 13 : ศักดิ์ศรีของดอกฟ้า

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 13 : ศักดิ์ศรีของดอกฟ้า

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

คุณหญิงสายหยุดและแม่นิ่มนิ่งฟังการตัดสินใจของกรผกามารศรีด้วยใจระทึก ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าหญิงสาวเรือนร่างสูงระหงในชุดดำจะให้คำตอบว่าอย่างไร เพราะการที่บริษัทมรกตพรอพเพอร์ตี้จะอยู่รอดได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น

หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลริน ก่อนจะเชิดหน้าอย่างทระนงแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวว่า

“ลูกขอปฏิเสธ ไม่แต่งงานกับนายทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐีนั่น”

“อะไรนะคะลูกขา”

คุณหญิงสายหยุดถึงกับตบอกผาง เพราะสิ่งที่นึกคาดเดาเอาไว้นั้นผิดไปทั้งหมด เธอคิดว่าอย่างไรเสียบุตรสาวจะต้องยอมแต่งงานแน่ แต่การณ์กลับตาลปัตรไปจนเธอตกใจแทบสิ้นสติ

“คิดดีแล้วหรือคะลูกกรผกา ถ้าลูกไม่ยอมแต่งงานกับนายทินพันธ์นั่น พรุ่งนี้พวกเขาก็จะมายึดเอาบ้านของเราไปแล้วนะคะ”

“ไม่…” ริมฝีปากของหญิงสาวสั่นระริก “ลูกไม่แต่งเด็ดขาด”

หญิงสาวเหลียวมองดูอาณาบริเวณอันกว้างขวางของคฤหาสน์หลังใหญ่โตที่อยู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ในใจรู้สึกหม่นเศร้า เมื่อคิดไปว่าอีกไม่นาน…คฤหาสน์มรกตก็จะตกเป็นของคนอื่นไปเสียแล้ว

“ไม่มีทางอื่นอีกแล้วหรือคะ ที่เราจะขอผัดผ่อนประนอมหนี้กับพวกเขา” หญิงสาวมองเหม่อออกไปข้างนอกหน้าต่าง ใบหน้านวลเนียนของหล่อนดูสวยเศร้า

“ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากการแต่งงานแล้วใช้นามสกุลของเขา นี่คือสิ่งที่เขายืนขอเสนอมา” คุณหญิงสายหยุดยืนยันเสียงหนักแน่น “หรือไม่พวกเราก็ต้องย้ายออกไปทันที”

“โธ่ แล้วเราจะทำยังไงดีคะ” กรผกามารศรีกรีดร้องเสียงแหลมพร้อมกับซวนกายไปเกาะพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ ทำท่าทางคล้ายจะเป็นลม “จะให้ลูกแต่งกับนายนั่นได้ยังไงคะ อี๊…น่าเกลียด คนอะไร นามสกุลยาวขนาดนี้ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี ลูกรับไม่ได้ค่ะ จากกรผกามารศรี มรกต…ลูกจะต้องไปใช้นามสกุลของนายนั่น เป็นกรผกามารศรี เกียรติมหึมามหาเศรษฐี ยังไงลูกก็รับไม่ได้ค่ะ ให้ลูกตายยังดีกว่าต้องเสียเกียรติ”

“ถึงจะนามสกุลยาว แต่เขาก็รวยนะคะลูกขา ลองฟังนามสกุลดูใหม่สิคะ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี…รวยแค่ไหนก็คงจะพอเดาได้” คุณหญิงแม่ยังไม่ละความพยายาม “ลูกควรจะยอมแต่งกับเขา เพื่อให้คฤหาสน์มรกตและบริษัทยังเป็นของเราเหมือนเดิม”

“ไม่ตกลงค่ะ” กรผกามารศรีส่ายหน้าไปมา พยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างเพื่อให้มารดาใจอ่อน “นอกจากนายทินพันธ์จะเป็นเศรษฐีใหม่แล้ว นามสกุลยาวแบบนี้ลูกรับไม่ได้เด็ดขาด ลองคิดดูสิคะคุณหญิงแม่ ลูกไปออกงานสังคมที่ไหน เป็นได้โดนคนอื่นล้อตายเลย สงสารพวกพิธีกรด้วยนะคะ เพราะหากว่าลูกได้รับเชิญให้ไปเดินแบบกิตติมศักดิ์ พิธีกรคงจะจำนามสกุลเศรษฐีใหม่อันแสนจะยาวเหยียดของลูกไม่ได้แน่ๆ ถ้าหากคุณแม่ว่าเขารวย งั้นคุณแม่ก็แต่งเสียเองสิคะ เพราะยังไงลูกก็ไม่แต่ง”

“ถ้าเขาขอคุณแม่แต่ง แม่ก็คงแต่งไปแล้วละค่ะคุณลูกขา” คุณหญิงสายหยุดชักหงุดหงิด “แต่นี่เขาอยากเป็นสามีของลูกค่ะ เขาไม่ได้อยากเป็นพ่อเลี้ยง…เข้าใจไหมคะ และถ้าลูกไม่ยอมแต่งงานกับเขา เราก็ต้องย้ายออกจากบ้านไปภายในวันพรุ่งนี้ เพราะคุณทินพันธ์กำลังจะให้คนมายึดแล้ว”

“คุณแม่คะ” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น เชิดหน้าด้วยท่าทางหยิ่งทระนงอย่างที่จำมาจากละครโทรทัศน์ “ลูกจำได้ดีว่า ถึงแม้เราจะลำบากเข็ญใจ คุณพ่อก็สอนไม่ให้ลูกก้มหัวให้กับใคร เงินแค่นี้น่ะ ซื้อลูกไม่ได้หรอกค่ะ บอกให้นายทินพันธ์เก็บเงินของเขาไปเถอะ และคุณแม่ห้ามบังคับลูกโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นลูกจะฆ่าตัวตาย”

เพื่อไม่ให้มารดามีเวลาคิดหาเหตุผลมาบีบบังคับเรื่องการแต่งงาน กรผกามารศรีจึงรีบหันไปบอกกับแม่นิ่มซึ่งนั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ แล้วสั่งแม่นมของตนเองว่า

“แม่นิ่มคะ ช่วยบอกให้ทุกคนเก็บข้าวเก็บของ พรุ่งนี้เราจะย้ายออกจากคฤหาสน์มรกตกันก่อนฟ้าจะสาง”

“แต่คุณหนูคะ ข้าวของเรามีตั้งแยะ ให้เวลาแค่คืนเดียว จะเก็บหมดเหรอคะ” แม่นิ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นึกหนักใจขึ้นมาครามครัน

“เก็บให้หมด ระดมคนใช้ทั้งบ้านช่วยกันเก็บให้เสร็จก่อนฟ้าสาง” กรผกามารศรีสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว เธอชี้มือขึ้นไปที่โคมไฟระย้าบนเพดานห้องโถง “แม้แต่แชนเดอเลียร์นั่น เราก็จะขนเอาไปด้วย ในเมื่ออีตาทินพันธ์นั่นอยากได้บ้านของเรา ก็ให้เอาไปแต่ตัวบ้าน ข้าวของทุกอย่าง ทรัพย์สมบัติทุกชิ้น กรวดหินดินทราย เราก็ขนไปให้หมด”

“แล้วเราจะไปอยู่กันที่ไหนล่ะคะลูกกรผกา” คุณหญิงสายหยุดคร่ำครวญ น้ำตารินไหลราวกับหยาดน้ำฝน “เราไม่มีญาติ ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีเพื่อน ไม่มีเงิน ไม่มีทางไปอีกแล้วนะคะ เครื่องเพชรของเก่าแก่ประจำตระกูล คุณแม่ก็ขายไปหมดแล้วด้วย ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ทำแบบนี้คิดบ้างหรือเปล่าว่า ต่อจากนี้ไปเราจะไปซุกหัวนอนกันที่ไหนล่ะคะลูกขา”

“สลัมไงคะ” กรผกามารศรีนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ตามหลักของนิยายน้ำเน่าที่ลูกชอบดู จากคฤหาสน์หลังใหญ่โต เราก็ต้องย้ายไปอยู่สลัมค่ะคุณหญิงแม่ ลูกจำได้ว่าคุณพ่อมีบ้านไม้เก่าๆ กับที่ดินให้เช่าอยู่แถวคลองเตยแปลงหนึ่ง คุณแม่จำได้ไหมคะ”

“นั่นสิคะ นิ่มนึกออกแล้ว” แม่นิ่มออกความเห็น “เจ้าสัวท่านมีที่ดินเก่าอยู่แถวนั้นแปลงหนึ่ง…เรารอดตายแล้วค่ะ”

“กรี๊ด…ตายแล้ว ลูกขา” คุณหญิงสายหยุดทำตาโต ลืมไปเสียสนิทว่ากำลังร้องไห้อยู่ “เราจะไปอยู่ที่นั่นจริงหรือคะ แล้วเราจะทำมาหากินอะไรกันคะ ลูกเป็นคนสวย แต่งตัวออกไปงานปาร์ตี คบหากับลูกผู้ดีมีสกุลด้วยกัน ไม่เคยต้องคิด ไม่เคยทำงานหนัก แม้แต่จะล้างแก้วเองก็ยังล้างไม่เป็น แล้วเราจะทำอะไรกันต่อไปคะ”

“ลูกก็ยังไม่รู้หรอกค่ะ” หญิงสาวมีสีหน้าครุ่นคิด “แต่เราก็ต้องไปค่ะคุณแม่ ลูกทนอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป ลูกทนให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเราไม่ได้อย่างเด็ดขาด พอเราไปอยู่ที่นั่นแล้ว ลูกจะหางานทำ เก็บเงิน แล้วสักวันหนึ่งลูกจะกลับมาทวงสิทธิ์ของเราคืน ลูกสัญญาค่ะแม่ ลูกสัญญาว่าจะซื้อคฤหาสน์มรกตของเรากลับคืนมาให้ได้”



Don`t copy text!