ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 18 : สุภาพบุรุษ

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 18 : สุภาพบุรุษ

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

ทำไมเขาจะจำใบหน้าสวยหวานกับท่าทางหยิ่งทระนงของเธอไม่ได้ แต่เหตุใด หญิงสาวผู้หยิ่งในชาติตระกูลของตนเองจึงได้ยอมเอนกายพิงชายหนุ่มท่าทางกักขฬะคนนั้นได้

เมื่อพิจารณาดูให้ดีแล้ว ทินพันธ์ก็มั่นใจว่าที่เป็นเช่นนั้น เนื่องมาจากกรผกามารศรีกำลังหมดสติแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วหญิงสาวจะไม่มีวันลดตัวไปทำกิริยาเช่นนั้นโดยเด็ดขาด

“โชติ” ไวเท่าความคิด ทินพันธ์หยิบโทรศัพท์มือถือมากดหาคนสนิททันที

“ครับนาย ว่ายังไงครับ” โชติรับสายรวดเร็วทันใจ

“เดี๋ยวนายมาถึงร้านแล้วช่วยเอนเตอร์เทนแขกไปก่อนนะ ฉันมีธุระด่วนต้องไปทำ” ทินพันธ์สั่งลูกน้องเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปยังรถของตัวเอง แล้วขับตามหลังรถที่มีกรผกามารศรีหมดสติไปอย่างรวดเร็ว และเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ เสียด้วย

รถคันนั้นขับพากรผกามารศรีเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดไปอย่างรวดเร็ว ทินพันธ์เห็นดังนั้นก็รีบเลี้ยวรถตามเข้าไป

“เดี๋ยวก่อนพี่ ห้องนี้มีคนเข้าไปแล้วนะครับ” เด็กประจำโรงแรมรีบวิ่งมาขวางหน้า เมื่อเห็นชายหนุ่มเลี้ยวรถตามหลังเข้าไป

“เฮ้ย อย่ายุ่งน่า เรานัดกันเอาไว้” เขารีบสวมรอยทำทีเป็นว่านัดกันเอาไว้กับรถคันหน้า พอเด็กประจำโรงแรมทำหน้างงๆ เขาก็รีบยัดเงินใส่ในมือของเด็กคนนั้น แล้วขับตามเข้าไปทันที

ชายหนุ่มคนขับรถคงจะประคองกรผกามารศรีเข้าไปในห้องแล้ว เพราะตอนที่เขาก้าวลงมานั้น รถคันที่กรผกามารศรีนั่งมามีแต่ความว่างเปล่า

ทินพันธ์รีบตามไปทันทีก็พบว่าประตูล็อกเอาไว้จากภายใน ด้วยความใจร้อน ชายหนุ่มใช้ไหล่ตัวเองกระแทกอย่างแรงจนประตูเปิดออก

“เฮ้ย…” เสียงคนข้างในร้องตกใจ “ใครวะ”

“ปล่อยกรผกามารศรีเดี๋ยวนี้นะ”

ทินพันธ์เห็นผู้ชายคนนั้นถอดเสื้อของกรผกามารศรีออก แล้วก็เกิดความโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เขากระโดดเข้าไปกระชากร่างผู้ชายคนนั้นออกมาจากหญิงสาวที่ยังคงนอนสลบไสล ไม่ได้สติ แล้วกระหน่ำหมัดต่อยใส่หน้าอีกฝ่ายไม่ยั้ง

“อะไรกันวะ เอ็งเป็นใคร คนเขาจะมีความสุขกัน แส่มายุ่งทำไมด้วยวะ” เฮียแท้เสียงอู้อี้ เพราะถูกต่อยจนเลือดกบปาก

“ไอ้บ้าเอ๊ย” ทินพันธ์สบถ “มีความสุขกันที่ไหน ผู้หญิงสลบแบบนี้ เอ็งนะสิมีความสุขอยู่ฝ่ายเดียว…เลวมาก”

พูดจบ เขาก็กระหน่ำต่อยและกระทืบเจ้าของร้านอาหารสวนป่าด้วยความโมโห

ทินพันธ์นั้นเคยเป็นนักกีฬาเก่ามาก่อน ประกอบกับร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันแข็งแรงกว่าอีกฝ่าย เฮียแท้จึงได้แต่ล่าถอย วิ่งหนีขึ้นรถขับกลับออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่กล้าแจ้งความหรือโวยวายอะไร เพราะกลัวว่าเรื่องจะรู้ไปถึงหูเจ๊จวงผู้เป็นเมียว่าแอบพาเด็กเสิร์ฟในร้านมาเข้าโรงแรมม่านรูด

“คุณกรผกา เป็นอย่างไรบ้างครับ”

ทินพันธ์ไล้มือไปบนดวงหน้าละมุนของหญิงสาวด้วยความรู้สึกสงสาร ผิวของหล่อนขาวละเอียด นัยน์ตาหลับพริ้มไม่ได้สติ นี่ถ้าเขามาช้าไปอีกเพียงแค่วินาทีเดียว หล่อนก็คงจะถูกผู้ชายใจร้ายผลาญทำลาย

“ฉัน…ฉัน…” หลังจากที่ทินพันธ์เอาผ้าชุบน้ำอุ่น ค่อยๆ เช็ดหน้าให้หญิงสาว กรผกามารศรีก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้น “ที่นี่ที่ไหนคะ แล้วฉันมาอยู่นี่ได้อย่างไร” เสียงของหล่อนอ่อนระโหย ลำคอแห้งผาก เพราะยาที่เฮียแท้ผสมน้ำให้ดื่มทำให้เป็นเช่นนั้น กรผกามารศรีรู้สึกปวดหัวจนแทบจะแตก

หล่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เสียงฟ้าร้องจากข้างนอกหน้าต่างบอกให้รู้ว่าฝนกำลังจะตกหนักในไม่ช้านี้

“คุณ…ทินพันธ์”

ทันทีที่กรผกามารศรีได้สติ และเห็นใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าได้ชัดเจน หล่อนก็ถอยหลังกรูดด้วยความตกใจ

หญิงสาวก้มลงมองตัวเองก็พบว่าเสื้อที่สวมอยู่หลุดหายไป เหลือแต่ชุดชั้นในเพียงตัวเดียว

“ไอ้บ้า…เลวมาก” กรผกามารศรีเข้าใจผิด จึงสะบัดมือตบหน้าชายหนุ่มไปอย่างรุนแรง หล่อนร้องไห้น้ำตาไหลรินราวกับสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา “แก…ฉันเกลียดนาย…พอฉันไม่ยอมตกลงแต่งงานด้วย นายก็เลยใช้วิธีสกปรกให้คนมอมยาฉันแล้วพาเข้าโรงแรมแบบนี้หรือ”

“เดี๋ยวก่อนสิฮะ กรผกา คุณกำลังเข้าใจผิดนะ” ทินพันธ์พยายามแก้ตัว ปกติแล้วเขาเป็นคนพูดจาคล่องแคล่ว หากเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวสวยคนนี้แล้ว ความเก่งกล้าของเขาก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด

“ไม่ฟัง ฉันไม่อยากฟัง” หญิงสาวยกมือขึ้นอุดหู รู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

“แต่คุณต้องฟัง” ทินพันธ์พยายามอธิบาย “คุณกำลังเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้วางยาคุณสักหน่อย แต่ผมตามมาช่วยคุณต่างหาก…โธ่เอ๊ย…ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ เลย”

“ฉันเกลียดนายที่สุด” กรผกามารศรีคว้าเสื้อที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวม แล้วผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันเกลียดนาย จำเอาไว้นะ นายทินพันธ์ ฉันกับนายจะไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้เด็ดขาด”

หญิงสาวกรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยหัวใจที่แหลกสลาย เธอหันมาตบหน้าทินพันธ์อย่างแรงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องไป ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา



Don`t copy text!