ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 25 : พิโธ่พิถังกะละมังแตก

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 25 : พิโธ่พิถังกะละมังแตก

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

“หา…อะไรนะฮะ” เมื่อกรผกามารศรีบอกถึงการตัดสินใจขงหล่อน เก่งถึงกับทำตาโตด้วยความตระหนก “น้องผกาเนี่ยนะฮะ จะประกวดร้องเพลง”

“ก็ใช่น่ะสิคะ มีอะไรหรือเปล่าพี่เก่ง” กรผกามารศรีทำหน้าใสซื่อ “ไม่ดีหรือไงถ้าหากกรผกาได้ที่หนึ่ง รางวัลตั้งสิบล้านเชียวนะคะ ได้เงินรางวัลก้อนนี้มา กรผกาจะได้เอาไปใช้หนี้ให้คุณหญิงแม่ กรผกาจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับนายทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐีอะไรนั่นด้วย”

“เอ่อ…แบบว่าโดยหลักการแล้วก็ดีหรอกฮ่ะคุณน้องผกา แต่ในทางปฏิบัติคุณน้องจะไหวเหรอฮะ”

พี่เก่งทำสีหน้าสยดสยอง เพราะยังจำได้ดีว่าในเย็นวันหนึ่งเธอเดินเล่นผ่านไปแถวบ้านของกรผกามารศรีที่ท้ายสลัม แล้วเห็นบรรดาฝูงสุนัขที่อาศัยอยู่ในสลัมพากันไปชุมนุมส่งเสียงหอนโหยหวนอยู่ที่หลังบ้านของหญิงสาว จึงได้ตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เลยพบว่าที่บรรดาสุนัขทั้งสลัมไปชุมนุมกันอยู่นั้น เป็นเพราะว่ากรผกามารศรีกำลังอาบน้ำพร้อมกับร้องเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข หากเสียงเพลงที่หญิงสาวแผดร้องออกมานั้น ทั้งโหยหวน ทั้งแหบพร่า น่าหวั่นกลัว แตกต่างจากหน้าตาสวยหวานของหญิงสาวแบบฟ้ากับเหว บรรดาสุนัขทั้งหลายจึงพากันมาชุมนุมเพื่อช่วยร้องเป็นคอรัสให้ เก่งจึงสรุปได้ในทันใดว่ากรผกามารศรีร้องเพลงได้แย่มากถึงมากที่สุด!

แล้วแบบนี้จะไปประกวดกับเขาไหวเรอะ!

“ไหวสิคะคุณพี่เก่ง” กรผกามารศรีตอบราวกับอ่านใจพี่เก่งได้ หล่อนมีท่าทางมุ่งมั่น ก่อนจะยกมือชูขึ้น แล้วครวญเพลงออกมาด้วยความมั่นใจ

“บนทางเดินแห่งความฝันนี้ อาจไม่มีพรมแดงปูทาง อุปสรรคขวากหนามมากมายเหลือเกินนนนน…ถึงแม้ว่าการแข่งขันอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่กรผกาก็จะสู้จนถึงที่สุดค่ะพี่เก่ง…สู้โว้ย!”

“เอ่อ…คุณน้องผกาฮะ” เก่งทำหน้าเหมือนใกล้จะตาย “เราลองหาโปรเจกต์อื่นที่ง่ายกว่านี้ จะดีกว่าไหมฮะ”

“ไม่ดีค่ะ โปรเจกต์นี้เงินรางวัลตั้งสิบล้านเชียวนะคะ” กรผกามารศรีเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจว่า “เก่งและสวยอย่างกรผกา…มั่นใจเต็มสองร้อยอย่างกรผกา เสียงดีอย่างกรผกา ยังไงก็คงต้องติดเข้ารอบสุดท้าย ได้รางวัลใดติดไม้ติดมือมาสักรางวัลหนึ่งละค่ะ”

“เอ่อ…”

เก่งได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะตนเองไปมา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายแล้วเห็นหน้าหวานๆ กับรอยยิ้มใสๆ ของหญิงสาว เก่งก็ใจอ่อนแล้วเลยยอมขี่มอเตอร์ไซค์พากรผกามารศรีนั่งซ้อนท้ายไปสมัครเข้าประกวดร้องเพลงในที่สุด

ชาวสลัมรับทราบข่าวประกวดร้องเพลงของกรผกามารศรีในเย็นวันนั้นเอง

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนฉ่า เป็นหัวข้อสนทนาของทุกครอบครัวในสลัม เนื่องจากบัดนี้ทุกคนถือเสมือนว่าครอบครัวมรกต กลายเป็นสมาชิกของสลัมไปเสียแล้ว ทุกคนจึงพูดถึงเรื่องนี้กันโดยทั่วหน้า บางคนก็เป็นห่วง บางคนก็ตื่นเต้น บางคนก็เชียร์ให้กรผกามารศรีชนะการประกวดในครั้งนี้

“เอ็งว่าอีหนูมันจะไหวเหรอวะ” ป้าจิตได้ฟังเรื่องราวจากเก่งก็ชะโงกหน้าจากแผงขายกะปิของเธอไปถามความเห็นเจ๊ใหญ่และป้าน้อม ขาเมาท์ประจำสลัม

“น่านสิวะ อาการน่าเป็นห่วงว่ะ” ป้าน้อมกระซิบกระซาบ “ข้าเคยแอบได้ยินอีหนูมันร้องเพลง เสียงยังกับกะละมังแตกแน่ะ แบบนี้จะไปแข่งกับใครได้”

“กรรมการเขาอาจจะอยากได้ของแปลกก็ได้นะป้า” เด็กชายป๋องได้ยินบรรดาผู้ใหญ่คุยกัน เลยขอออกความเห็นบ้าง

“จะบ้าหรือไงวะไอ้ป๋อง” ป้าจิตเขกหัวเด็กชายเสียงดังโป๊ก “เขาประกวดร้องเพลงโว้ย ไม่ได้ประกวดเทพีวิ่งควายสักหน่อย”

“แต่ถึงยังไงข้าก็อยากให้อีหนูมันชนะว่ะ” เจ๊ใหญ่ว่า “ถึงมันจะร้องเพลงไม่ดีก็เหอะ แต่มันสวยว่ะ…มันน่าจะชนะ จะได้เอาเงินรางวัลไปใช้หนี้ที่คุณหญิงแม่ของมันก่อเอาไว้”

“ถ้าไปประกวดนางงามก็อาจจะชนะละวะ” ป้าจิตกุมขมับ “แต่นี่ประกวดร้องเพลงนะโว้ย…หน้าตากับเสียงของอีหนูผกาไม่ได้ไปด้วยกันเล้ย ให้ตายเถอะว่ะ”

“เอายังงี้” เจ๊ใหญ่เริ่มวางแผนการ “พวกเราก็ยกขบวนไปเชียร์อีหนูมัน ขนไปกันให้หมดสลัมนี้ละ…ช่วยกันตบมือดังๆ กรี๊ดดังๆ ซื้อพวงมาลัยไปคล้องคอมัน เผื่อกรรมการเขาจะเอาเสียงประชาชนเป็นคะแนน อีหนูมันจะได้ชนะเลิศไง”

“เออดีๆๆ”

พ่อค้าแม่ค้าทุกคนในตลาดนัดประจำสลัมต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“งั้นพวกเรารีบเลิกตลาด กลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวกันเถอะว่ะ จะได้รีบไปเชียร์อีหนูผกากัน วันนี้ประกวดรอบแรกเสียด้วย กว่าพวกเราจะเดินทางไปถึงสนามหลวงต้องรถติดแน่ๆ เลย รีบไปกันเหอะ ข้าไม่อยากพลาดรอบแรก”

ป้าจิตพูดแล้วก็รีบเก็บอ่างกะปิของตนเองเป็นรายแรก ตามมาด้วยพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นๆ หากใครผ่านไปที่ตลาดนัดประจำสลัมในบ่ายวันนั้นก็คงจะต้องประหลาดใจไม่ใช่น้อย เพราะร้านค้าทุกร้านล้วนแต่เงียบสงัด ปราศจากผู้คนคับคั่งเหมือนอย่างเคย

 

เนื่องจากการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งในวันนี้เป็นการประกวดเวทีใหญ่ จัดได้ว่าสุดยอดแห่งการประกวดในระดับประเทศ แถมเงินรางวัลยังมากถึงสิบล้านบาท นักร้องลูกทุ่ง นักล่าฝัน นักล่ารางวัลจากทั่วทั้งประเทศจึงพากันแห่แหนมาสมัครแข่งขันกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน

เมื่อกรผกามารศรี คุณหญิงสายหยุด แม่นิ่ม และเก่งเดินทางไปถึงเวทีแข่งขันกลางท้องสนามหลวง หญิงสาวจึงเริ่มหวั่นวิตก เพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะมีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้

หญิงสาวจับฉลากได้หมายเลข ๑๓ ซึ่งประมาณว่าจะต้องขึ้นร้องเพลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้ว

“หมายเลขสิบสาม…กรี๊ดดดดด” กรผกามารศรีร้องด้วยความตื่นตระหนกพร้อมใบหน้าเผือดสี “เลขไม่ดีเลยค่ะ แบบนี้กรผกาแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว ไม่เอาๆ กรผกาจะจับใหม่”

“ได้ยังไงคะลูกขา” คุณหญิงสายหยุดหยิกแขนลูกสาวด้วยความหมั่นไส้ “เราต้องมีน้ำใจนักกีฬาสิคะลูกกรผกา อีกอย่าง เลขสิบสามก็สิบสามสิ…คุณหญิงแม่ว่าถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีอะไรจะโชคร้ายไปกว่าที่เรากำลังเป็นอยู่นี่แล้วละ”

“ตายแล้วๆ” พอหายหงุดหงิดเรื่องหมายเลข กรผกามารศรีก็ตกประหม่าในเรื่องอื่นต่อไป “กรผกาจะทำยังไงดีคะ เกิดมาไม่เคยตากหน้าขึ้นเวทีท่ามกลางผู้คนนับพันนับหมื่นแบบนี้มาก่อนเลย”

“สู้ค่ะลูกขา” คุณหญิงสายหยุดเชียร์ลูกสาวสุดลิ่มทิ่มประตู “สวยอย่างลูกกรผกา เขาเรียกว่าสวยสะท้าน สวยไม่เกรงใจใคร ฉะนั้นไม่ต้องกลัวใครค่ะลูกกรผกามารศรีของคุณหญิงแม่ สู้ตายค่ะ…งานนี้”

“ไม่ต้องกลัวค่ะ” แม่นิ่มจับมือหญิงสาวเอาไว้แน่น “นึกถึงเวลาตอนที่คุณหนูไปเดินแบบกิตติมศักดิ์เข้าไว้สิคะ หรือไม่ก็นึกถึงตอนที่ไปเป็นประธานตัดริบบิ้นตามงานแสดงเครื่องเพชรสมัยที่เรายังรวยอยู่ก็ได้ งานพวกนั้นก็มีคนเยอะพอๆ กันนะคะคุณหนู”

“แต่งานพวกนั้น กรผกาแค่ทำหน้าสวยอย่างเดียว ไม่ต้องร้องเพลงอย่างงานนี้นี่คะแม่นิ่ม” หญิงสาวเริ่มโอดครวญ “โอย…กรผกาชักหวั่นยังไงไม่รู้”

“นึกถึงเงินรางวัลและอิสรภาพเอาไว้ค่ะลูกขา” คุณหญิงสายหยุดให้คาถาเด็ด “เงินค่ะคุณลูก…สิบล้าน…อิสรภาพที่จะได้มา…ท่องไว้ค่ะลูกขา”

“เอ่อ…ท่องสูตรของคุณหญิงแม่แล้วก็อย่าลืมท่องโน้ตด้วยนะฮะคุณน้องผกา” เก่งพยายามหาช่องพูดแทรกขึ้นมา เธอส่งเนื้อเพลงที่กรผกามารศรีเลือกมาร้องในวันนี้ พร้อมกับช่วยเทรนให้หญิงสาว

“โด้ เร หมี่ ฟ้า ซ่อลลลลลลลลล โด่ โด้ๆๆ เหล่ๆๆ เร้” กรผกามารศรีพยายามขยับลูกคอ “ว้ายๆๆ แม่นิ่มขา ขอน้ำมะนาวหน่อยค่ะ…กรผกาชักคอแห้ง”

แม่นิ่มรีบส่งกระติกน้ำมะนาวให้คุณหนูสุดเลิฟของเธออย่างรวดเร็วทันใจ พอหายคอแห้ง กรผกามารศรีก็มาวิตกเรื่องชุดที่เก่งไปเช่ามาให้ใส่เป็นเรื่องถัดมา

ชุดที่กรผกามารศรีสวมใส่ในวันนี้นั้นเต็มไปด้วยขนนก แถมยังมีเครื่องสวมศีรษะประดับด้วยขนนกสีสดสวย ดูแล้วกรผกามารศรีสวยงามราวกับเป็นนางฟ้าองค์น้อยๆ หญิงสาวลองขยับซ้ายขยับขวาไปมา เพื่อให้มั่นใจว่าชุดที่สวมนั้นใส่ได้พอดี

“ว้ายๆๆ ขนนกหล่นค่ะ” กรผกามารศรีเหลียวกลับไปดูขนนกกระจอกเทศสีช็อกกิงพิงก์ที่หล่นจากศีรษะลงไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นหลังเวที

เก่งก็ไวทายาด รีบคว้าขึ้นมาเสียบกลางกระหม่อมหญิงสาวตามเดิม ท่ามกลางสายตาอิจฉาริษยาของบรรดาผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ที่แต่งตัวกันมาแบบตามมีตามเกิด

“เฮ้ย อีนี่ใครวะ แต่งตัวเหมือนกะเทยเลยว่ะ” เสียงผู้เข้าประกวดคนหนึ่งลอยขึ้นมาตามลม

“สงสัยมันเป็นพวกนางโชว์ว่ะ” อีกคนรีบสนับสนุน

“โอ๊ย…อีพวกนี้ก็ดีแต่สวยละวะ ร้องเพลงไม่ได้เรื่องหรอก…คอยดูนะ ยังไงก็สู้ฉันไม่ได้” คนแรกจีบปากจีบคอนินทากันซึ่งๆ หน้า

“นี่หล่อน…” กรผกามารศรีได้ยินดังนั้นก็เกิดอาการเลือดขึ้นหน้า ยกมือข้างที่ไม่ได้ถือเนื้อเพลงขึ้นชี้หน้าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ “อย่ามานินทาฉันนะยะ…พวกหล่อนไม่รู้จักฉันหรือไง ฉันคือกรผกามารศรี มรกตย่ะ”

“เหรอยะ” ผู้เข้าประกวดที่หมั่นไส้กรผกามารศรียกมือเท้าเอว “กรผกง กรผกาที่ไหนฉันไม่รู้จักหรอกโว้ย…เห็นแต่อีลิเกแต่งหน้าทาปากแดงแช้ด”

“ใจเย็นๆ ฮ่ะคุณน้องผกา” เก่งเห็นท่าทางหงุดหงิดของกรผกามารศรีก็รีบห้ามเอาไว้ “ขันติฮ่ะ ท่องเอาไว้ ขันติ”

“สงครามจิตวิทยาค่ะคุณลูกขา” คุณหญิงสายหยุดรีบดึงธิดาสาวไปอีกทางหนึ่ง “อย่าไปสนใจค่ะคุณลูกกรผกา พวกนั้นมันต้องการจะทำลายสมาธิคุณลูกค่ะ คุณลูกกรผกาทั้งสวยทั้งเก่ง อย่าไปสนใจพวกมันเลยนะคะ”

“จริงสิคะ…ต๊าย…กรผกาไม่ทันได้คิด พวกนี้มีแผนการร้ายกาจจริงๆ เสียด้วย แหม โชคดีนะคะที่คุณแม่ไหวทัน” พอหายจากเรื่องหนึ่ง กรผกามารศรีก็เริ่มเป็นห่วงต่อมาว่าหน้าของเธอจะไม่สวยเด้ง “โอ๊ะๆๆ ตายแล้วๆๆ หน้ากรผกาได้หรือยังคะพี่เก่ง เติมแป้งหน่อยสิคะ เดี๋ยวหน้าซีด ปากซีด ถ้าไม่สวย กรผการู้สึกไม่มั่นใจเลยค่ะ”

แม่นิ่มกับพี่เก่งก็รู้ใจหญิงสาวคนสวย รีบควักเอาแป้งพัฟมาซับดวงหน้าสวยหวานของหญิงสาวรวดเร็วทันใจ

“โปะเข้าไปหนาๆ เลยนะค้าคุณพี่เก่งสุดหล่อ เอาแบบละครคาบูกิเลยก็ได้ค่ะ” กรผกามารศรีสั่งความ “เพราะแสงไฟหน้าเวทีแรงมั่กมาก ประเดี๋ยวหน้ากรผกาเยิ้มค่ะ”

ระหว่างกำลังมะรุมมะตุ้มช่วยกันเสริมสวยให้กับกรผกามารศรีนั่นเอง เสียงประกาศเรียกผู้เข้าแข่งขันก็ดังขึ้น

“ผู้เข้าประกวดคนต่อไป หมายเลขสิบสาม…นางสาวกรผกามารศรี มรกต”

“ว้าย!” กรผกามารศรีลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนทันทีที่ได้ยินโฆษกประกาศชื่อของตนเอง “ถึงคิวกรผกาแล้วค่ะ”

“สู้เขาค่ะคุณลูก” คุณหญิงสายหยุดดึงเอาร่างแบบบางของธิดาสาวมากอดเอาไว้อย่างจะให้กำลังใจ

“โชคดีนะคะคุณหนู” แม่นิ่มและเก่งส่งกำลังใจและรอยยิ้มให้กับหญิงสาวคนสวย

 



Don`t copy text!