ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 27 : ล๊อคมง

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 27 : ล๊อคมง

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

ใครจะคิดว่าไสยศาสตร์มีจริง จะเป็นเพราะว่าคะแนนสงสารจากกรรมการ จะเป็นเพราะคะแนนเชียร์จากชาวสลัมที่ขนกันมาทั้งหมู่บ้าน หรือจะเป็นเพราะคุณนายกิมเฮียงใช้เส้นของประธานคณะกรรมการช่วยเหลือก็ตามที

ในที่สุด นางสาวกรผกามารศรี มรกต ผู้เข้าประกวดหมายเลข ๑๓ ก็ใช้น้ำเสียงแหบพร่าของตนเองฝ่าฟันผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เข้าไปจนถึงรอบสุดท้าย ท่ามกลางเสียงก่นว่าจากทั่วทุกสารทิศ หากหญิงสาวสวยใสก็ไม่ยั่น ยังคงมุ่งหน้าฝึกร้องเพลงเพื่อชิงชัยชนะต่อไป

จนกระทั่งวันประกวดรอบสุดท้ายมาถึง กรผกามารศรีมาถึงสนามหลวงซึ่งเป็นเวทีแข่งขันตั้งแต่ตอนเย็น เตรียมแต่งหน้าแต่งตัว เตรียมความพร้อมเพื่อขึ้นเวทีในรอบสุดท้าย

หล่อนลงทุนไปเช่าเสื้อนางโชว์มาจากคณะคาบาเรต์ชื่อดัง เป็นชุดระบำฟลามิงโกสีชมพูสวยสดใส ยิ่งเมื่อแสงไฟเวทีส่องจับร่างสูงระหง กรผกามารศรียิ่งสวยสง่าจนผู้เข้าร่วมประกวดหมายเลขอื่นๆ อดจะรู้สึกอิจฉาไม่ได้

“อีกนิดเดียวเองนะคะคุณหญิงแม่ แม่นิ่ม พี่เก่ง” กรผกามารศรีน้ำตาคลอเบ้า เมื่อการแข่งขันในรอบสุดท้ายมาถึง “อีกเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น หากชนะการแข่งขันรอบนี้ กรผกาก็จะได้เงินรางวัลสิบล้านมาให้คุณหญิงแม่เอาไปคืนนายทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี และพวกเราก็จะได้เป็นอิสระเสียที”

“ไม่ง่ายไปหน่อยหรือโว้ย” เสียงจากผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งตะโกนขึ้นจากด้านหลังเวทีประกวด “เสียงสู้คนอื่นไม่ได้ เข้ารอบมาได้ยังไงยะ”

“ต้องเส้นกรรมการแน่เลยฉันว่า” ผู้เข้าประกวดอีกคนจีบปากจีบคอพร้อมกับค้อนกรผกามารศรีจนตาคว่ำตาหงาย “มันต้องใช้ความสาว ความสวยเข้าแลกแน่ๆ เสียงห่วยขนาดนี้ ถึงเข้ามาจนรอบสุดท้าย หน็อย…ฉันไม่สวยมั่งก็แล้วไปนะยะ”

“นี่แน่ะ นี่แน่ะ” ผู้เข้าประกวดอีกคนอดรนทนไม่ได้ จึงวิ่งเข้าไปหากรผกามารศรีทั้งที่ถือกรรไกรในมือ แล้วลงมือตัดขนนกที่ห้อยประดับหมวกของหญิงสาวคนสวยด้วยความอิจฉาริษยา “ฮะ ฮะ ฮะ” หล่อนหัวเราะร่วนราวกับฆาตกรโรคจิต เมื่อเห็นขนนกจากเสื้อผ้าของกรผกามารศรีปลิวว่อนไปจนทั่ว “สมน้ำหน้าเสื้อผ้าเละไปหมดแล้ว ดูซิว่ามันจะมีหน้าขึ้นเวทีอีกหรือเปล่า หน็อยแน่ะ…ขี้โกงดีนัก ต้องสั่งสอนให้เข็ด”

“ตายจริง” กรผกามารศรีร้องอุทานด้วยใบหน้าซีดเซียว “มาทำแบบนี้ได้ยังไงคะ กรผกาไม่ได้ทำอะไรให้พวกเธอสักหน่อย ผิดด้วยหรือคะที่กรผกามารศรีเกิดมาสวยและเสียงดี กรรมการกับคนดูทางบ้านเมตตาและเอื้อเอ็นดู”

“เออ ผิดสิยะ” ผู้เข้าประกวดที่เข้ามาถึงรอบสุดท้ายตะโกนประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน “อย่างหล่อนน่ะ น่าจะตกไปตั้งแต่รอบแรกแล้วละ”

“น้องผกามาทางนี้ดีกว่าฮะ” พี่เก่งเห็นว่าขืนปล่อยให้ทะเลาะกันต่อไป สถานการณ์อาจจะบานปลายถึงขั้นตบตีกันก็ได้ จึงช่วยกันกับแม่นิ่มลากตัวหญิงสาวหลบไปทางอื่น

“ถอดเสื้อออกมาให้แม่นิ่มกับพี่เก่งช่วยกันซ่อมก่อนดีกว่าค่ะ” แม่นิ่มบอกหญิงสาวด้วยความสงสาร “เสื้อเยินไปหมดแล้ว จะออกไปทั้งอย่างนี้ก็อายเขา ยังพอจะมีเวลานะคะ”

กรผกามารศรีนิ่งคิดพิจารณาก็เห็นจริงตามนั้น หล่อนเดินหลบไปหลังฉากที่นำมากั้นเพื่อให้ผู้เข้าประกวดแต่งตัว แล้วถอดเสื้อผ้าชุดนักร้องที่มีขนนกประดับอยู่เต็ม ส่งให้กับเก่งที่ยืนรออยู่ข้างนอก

หญิงสาวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดา จากนั้นก็ออกมายืนรอเก่งกับแม่นิ่มช่วยกันเก็บขนนกที่ร่วงหล่นอยู่กับพื้นมาแซมเสื้อและซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน

ยิ่งยืนดูก็ยิ่งเครียด กรผกามารศรีเลยบอกกับสองคนนั้นว่าขอออกไปเดินข้างนอกเป็นการผ่อนคลาย แล้วจะรีบกลับเข้ามาแต่งตัวให้ทันขึ้นประกวด

“อย่าออกไปเลยค่ะ” จู่ๆ แม่นิ่มรู้สึกสังหรณ์ใจประหลาด “จวนเวลาแล้ว คุณหนูซ้อมร้องเพลงอยู่ในนี้ดีกว่านะคะ”

“ไม่เอาละ…กรผกาหมั่นไส้นังพวกนั้น” หญิงสาวบุ้ยใบ้ไปทางบรรดาผู้เข้าประกวดรายอื่นๆ ที่สุมหัวกันนินทาหล่อนอยู่มุมหนึ่งของเวที “ขืนอยู่นานเดี๋ยวได้ตบกันกระจาย”

“ต๊ายตาย” คุณหญิงสายหยุดกรี๊ด “คุณลูกกรผกาขา…พวกเราเป็นนางเอกนะคะลูกขา จะพูดจาเป็นนางร้ายแบบนั้นได้อย่างไรกัน ไม่เอาค่ะ ไม่เอาค่ะ ไม่โกรธค่ะลูกขา ท่องเอาไว้…ไม่โกรธ ไม่โกรธ…โกรธแล้วเดี๋ยวหน้าเหี่ยวไม่รู้ด้วย”

“อุ๊ย…ว้าย” กรผกามารศรีอ้าปากกว้าง “จริงด้วยสิคะ ลูกลืมตัวไปหน่อย…ไม่เอาค่ะ ลูกจะไม่โกรธ เพราะลูกเป็นนางเอก ลูกเป็นคนสวยนะคะคุณแม่ เอาเป็นว่าขอกรผกาออกไปเดินเล่นทำสมาธิให้สบายอกสบายใจสักครู่ดีกว่านะคะคุณแม่ขา นะคะแม่นิ่ม นะคะพี่เก่ง”

“แต่ฝนจะตกแล้วนะฮะน้องผกา ระวังออกไปโดนฝน ประเดี๋ยวเจ็บคอเสียงแหบละก็แย่เลย ประกวดรอบสุดท้ายแล้วด้วย” เก่งติง เมื่อเห็นท้องฟ้าเบื้องนอกมืดทะมึน มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ดูแล้วน่ากลัวว่าฝนกำลังจะตกหนักในอีกไม่นานนี้

“กรผกาสัญญาว่าไปเดินเล่นไม่ไกลหรอกค่ะ จะอยู่แถวๆ นี้ละ ซ่อมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พี่เก่งชะโงกไปเรียกกรผกาที่หลังเวทีก็ได้” หญิงสาวหันไปออดอ้อนแม่นิ่ม ด้วยน้ำเสียงแบบที่เคยใช้ออดอ้อนอยู่เสมอ “นะคะแม่นิ่ม…นะคะ”

“เอาเถิดค่ะ” แม่นิ่มไม่เคยขัดใจกรผกามารศรีได้สำเร็จสักที “เดินเล่นสบายใจแล้ว ยังไงก็รีบกลับเข้ามาก็แล้วกันนะคะ”

 

ร่างสูงใหญ่ของชายฉกรรจ์สี่ห้าคนที่ซุ่มอยู่ในเงามืดด้านหลังเวที ต่างพากันจ้องมองหญิงสาวร่างบางระหงที่ก้าวออกมาด้วยความอดทน

สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเป็นละอองฝอย ก่อนจะกระหน่ำหนักในเวลาต่อมา เบื้องบนมีแต่ก้อนเมฆทะมึน สายฟ้าแลบแปลบปลาบแลดูน่ากลัว หากหญิงสาวผู้นั้นยังคงเดินเล่นอย่างไม่หวั่นเกรง

งานชิ้นนี้…ธงชาติ ลูกชายของเสี่ยช้วน…เจ้านายของพวกมันเป็นผู้สั่งการมาด้วยตัวเอง เขาบอกลูกน้องว่าผู้หญิงคนนี้คือศัตรูหัวใจของคุณวิกกี้ ผู้เป็นน้องสาวสุดสวาทขาดใจของธงชาติ ดังนั้น นายของพวกมันจึงต้องการกระทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดผู้หญิงคนนี้ทิ้งไป

‘จับตัวมัน เอาลงใต้…ขายให้พวกมาเลย์ไปเลย ข้าจะเตรียมรถตู้พร้อมคนขับเอาไว้ พวกเอ็งจับตัวมันได้แล้วรีบพามาที่หลังเวที ข้าจะจอดรถรออยู่ที่นั่น ขายได้เงินเท่าไหร่ ข้ายกให้พวกเอ็งให้หมด’ ตัวหัวหน้าทีมยังจำคำสั่งของธงชาติได้อย่างแม่นยำ

‘ห้ามไม่ให้พวกมึงทำอะไรแม่นี่นะโว้ย ห้ามแตะต้องให้ชอกช้ำเป็นอันขาด’

พอเห็นกรผกามารศรีถนัด ไอ้ตัวหัวหน้าก็ได้แต่ตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงที่เป็นเหยื่อของพวกมันจะสวยหวานถึงขนาดนี้

“พี่จะเก็บเอาไว้เชยชมเองหรือไง” ลูกสมุนคนหนึ่งหัวเราะร่วน

“ไอ้บ้า…ไม่ใช่โว้ย เราจะเอามันไปขายมาเลย์ ก็ต้องให้มันดูดีสักหน่อย” คนเป็นหัวหน้าตะคอก “ถ้ามันช้ำในไปก่อน จะขายไม่ได้ราคา…สวยขนาดนี้ ข้าว่าขายได้เงินเยอะแน่ๆ พวกเราจะได้เอาไปตั้งตัวไง”

พวกมันเดินสะกดรอยตามหญิงสาวไปห่างๆ ขณะที่ฝนเริ่มกระหน่ำรุนแรงมากขึ้นทุกที มีผู้ชายร่างผอมสูงคนหนึ่งวิ่งหนีฝนเดินสวนมา พวกมันจึงเบี่ยงกายหลบไป ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวา พอไม่เห็นมีใครแล้ว ก็รีบวิ่งกรูกันเข้าไปหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว

เหมือนจะรู้ว่ามีคนสะกดรอยตาม กรผกามารศรีรีบหันหลังกลับมา หากทว่าช้าไปเสียแล้ว

“โอ๊ย…อะไรกันน่ะ”

หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งรีบใช้ถุงผ้าคลุมเข้าที่ศีรษะของหล่อน ขณะที่อีกคนพุ่งเข้ารวบตัว ใช้เชือกมัดเท้า แล้วอุ้มขึ้นพาดบ่า

“ช่วยด้วย…” กรผกามารศรีกรีดร้อง ทั้งเตะทั้งถีบ จนผู้ชายหนึ่งในนั้นต้องชกเข้าที่ท้องของหญิงสาวจนหมดแรงจะส่งเสียงร้องเรียกคนให้ช่วย

“อื้อออออ อ้าาาาาาา” กรผกามารศรียังคงพยายามดิ้นรนตามสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด หากผู้ชายพวกนั้นมีจำนวนมากกว่า และศีรษะของหล่อนก็ถูกถุงผ้ารัดจนแน่นแทบหายใจไม่ออก ความพยายามของหล่อนจึงไม่เป็นผล

หล่อนพยายามจะร้องให้คนช่วย หากดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ เพราะสายฝนกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงจนเสื้อผ้าของหล่อนเปียกโชก หญิงสาวตกใจจนแทบสิ้นสติ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ชายฉกรรจ์พวกนี้เป็นใครกันแน่และกำลังจะพาหล่อนไปที่ไหน

คงมีแต่โชคชะตาเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนต่อจากนี้ไป…

 



Don`t copy text!