ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 38 : หงส์ฟ้า

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 38 : หงส์ฟ้า

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

กรผกามารศรีแต่งตัวสวยเฉิดฉาย หลังจากที่ไม่ได้แต่งตัวแบบนี้มานานนักหนาแล้ว อนึกจ้องมองหญิงสาวด้วยความตื่นตะลึง เพราะคืนนี้กรผกามารศรีเลือกที่จะสวมชุดผ้าไหมสีงาช้าง งามผุดผ่อง เอวคอดกิ่ว กระโปรงบานกว้างออกราวกับชุดของเจ้าหญิงในเทพนิยาย

เสื้อผ้าทุกชุดของหล่อนนั้น ทินพันธ์ให้คนเก็บเอาไว้ในตู้เป็นอย่างดี และเมื่อลงมาจากบันไดเวียน สาวใช้คนหนึ่งก็รีบนำเอากล่องกำมะหยี่ใบใหญ่มาให้หญิงสาว พร้อมกับบอกว่าทินพันธ์สั่งให้นำมามอบให้กับหญิงสาวสำหรับใช้ประดับกายไปงานในคืนวันนี้

“แล้วคุณทินพันธ์ไปอยู่เสียที่ไหนล่ะ”

กรผกามารศรีชะเง้อหาชายหนุ่ม หากมองไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงไหน

“คุณทินพันธ์ทานข้าวเรียบร้อยแล้วขึ้นนอนไปแล้วค่ะ” สาวใช้คนนั้นพูดเหมือนท่องจำ “คุณทินพันธ์ยังสั่งอีกด้วยว่า ห้ามใครขึ้นไปกวน เพราะท่านอยากจะพักผ่อน”

กรผกามารศรีพยักหน้า พร้อมกับเปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มออกดูเครื่องประดับที่อยู่ภายในนั้น และทันทีที่หญิงสาวเห็นเครื่องประดับที่อยู่ภายในกล่อง กรผกามารศรีก็ต้องทำตาโตด้วยความตื่นตะลึง เพราะมันคือสร้อยมรกตประจำตระกูลที่เธอให้เก่งนำออกไปขาย เมื่อตอนที่มารดาป่วยหนักต้องผ่าตัดหัวใจด่วนนั่นเอง

สร้อยมรกตประจำตระกูลมาอยู่ที่ทินพันธ์ได้อย่างไรกัน

“พี่เก่ง…” หญิงสาวเรียกหาอดีตทอมสาวประจำสลัมเสียงดัง

“ครับผม” ยามเผลอตัว บางครั้งเก่งก็จะลืมไปว่าบัดนี้เธอเลิกเป็นทอมโดยเด็ดขาดแล้ว “เอ๊ย…ขา…น้องกรผกาขา เรียกพี่เก่งทำไมคะ”

เก่งวิ่งมาจากในครัว พร้อมกับถือจานข้าวอยู่ในมือด้วย เธอกำลังกินข้าวเย็นอยู่พอดี ได้ยินเสียงกรผกามารศรีเรียกก็เลยรีบวิ่งออกมาด้วยความสงสัย แต่แล้วเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหญิงสาวกับสร้อยมรกตที่อยู่ในมือ เก่งก็ถึงกับหน้าซีด

“อู้ยยยยยย”

“อู้ยอะไรพี่เก่ง” กรผกามารศรีย่างสามขุมตรงเข้ามาหา พร้อมด้วยสีหน้าคาดคั้น “ตอบกรผกามาเดี๋ยวนี้นะว่าสร้อยมรกตเส้นนี้มาอยู่กับคุณทินพันธ์ได้อย่างไร พี่เก่งขายให้ใครไปกันแน่”

“อู้ยยยยย” เก่งชักกลัวว่าหญิงสาวคนสวยจะออกอาการวีนแตก เลยยอมสารภาพแต่โดยดี “แบบว่าอยู่กับใคร ก็ขายคนนั้นละจ้ะน้องจ๋า”

“พี่เก่งขายสร้อยมรกตให้คุณทินพันธ์หรือ” กรผกามารศรีขมวดคิ้วมุ่น ถ้าเป็นสมัยก่อนหล่อนคงจะอาละวาดไปแล้ว แต่นี่หล่อนเริ่มเข้าใจทินพันธ์มากขึ้นทุกที

เขาคอยแอบช่วยเหลือหล่อนมาตลอดโดยที่ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนแม้สักนิด ในขณะที่เธอจงเกลียดจงชังเขาเป็นอย่างมาก ยิ่งคิด…กรผกามารศรีก็ยิ่งรู้สึกผิด

“ถ้าไม่ใช่คุณทินพันธ์ ใครจะมีเงินซื้อสร้อยมรกตแพงขนาดนี้ล่ะน้องผกา ที่พี่ไม่บอกน่ะ ก็เพราะว่าคุณทินพันธ์เขาสั่งเอาไว้ เขากลัวว่าถ้าน้องผการู้ความจริงว่าใครเป็นคนซื้อสร้อย ก็จะรังเกียจและไม่ยอมรับเงินของเขา พี่เก่งก็เลยไม่กล้าบอกน้องผกาฮะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอพี่เก่งพูดหน่อยเหอะ พี่เก่งอยากพูดมานานแล้ว รู้ไหมน้องผกา…คุณทินพันธ์เขารักน้องผกามากนะฮะ”

“เอาเถอะ” หญิงสาวหลับตานิ่ง ก่อนจะสวมสร้อยมรกตเข้ากับลำคอระหง

“ขอบคุณพี่เก่งมากนะคะ”

“ตกลงพี่กลับไปกินข้าวต่อได้แล้วใช่ไหม” เก่งถามด้วยท่าทางงงๆ เพราะกรผกามารศรีในวันนี้ดูผิดไปจากเดิมคือจากหน้ามือเป็นหลังมือ

เก่งเชื่อแล้วว่าความรักทำให้คนเปลี่ยนไปได้…เธอสนิทสนมกับกรผกามารศรี เคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมานาน มองดูดวงตาก็อ่านทะลุไปถึงดวงใจ เก่งสามารถอ่านใจหญิงสาวออกว่าวันนี้…กรผกามารศรีรักทินพันธ์จนหมดหัวใจ

 

งานเลี้ยงเปิดร้านอาหารอิตาเลียนมีบรรยากาศสนุกสนานเหมือนที่กรผกามารศรีคาดคิดเอาไว้ไม่มีผิด หล่อนรู้สึกรื่นเริงกับวงสังคมที่ห่างหายไปนาน หญิงสาวสนทนากับคนนั้นคนนี้อย่างมีความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอึดอัด เพราะเมื่อเดินคล้อยหลังไปไม่นาน บรรดาลูกท่านหลานเธอทั้งหลายที่ยิ้มแย้มทักทายหล่อนเป็นอย่างดี ก็หันหน้าเข้าหากัน พร้อมกับจับกลุ่มนินทาด้วยท่าทางสนุกสนาน

“ตายจริง…แม่กรผกามารศรีนี่มันแมวเก้าชีวิตนะยะ ตายยากจริงๆ นึกว่าหลุดวงโคจรไปจากสังคมแล้ว ที่ไหนได้ ไปคว้าคนตาบอดมาทำสามี เลยมีเงินกลับมาเข้าวงการอีกเนอะเธอ”

“อู้ยยย น่าเกลียดมั่กมาก” อีกคนหนึ่งทำจีบปากจีบคอ “ทำเป็นปากดีเที่ยวว่าคุณทินพันธ์เขา หาว่าเป็นเศรษฐีใหม่บ้างละ ลูกคนจีนมั่งละ สุดท้ายเป็นยังไง เห็นไหมล่ะเธอ ก็มาแต่งกับเขาจนได้ เพราะอยากกลับมารวยเหมือนเดิมนั่นไง”

กรผกามารศรีได้ฟังคำนินทาพวกนี้จนรู้สึกเบื่อสังคมที่ใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา หลายคนยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายหล่อนเป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยามที่หล่อนกำลังลำบาก ไปขอความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ทุกคนต่างพากันเมินหน้าหนี ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

แต่พอวันนี้ กรผกามารศรีเป็นบูมเมอแรงหมุนกลับมาสู่วงสังคมอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใสกับหล่อน ราวกับไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน

กรผกามารศรีทนอยู่ในงานได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ความอดทนของหล่อนก็สิ้นสุดลง นั่นเป็นเพราะหญิงสาวรู้สึกรับไม่ได้กับความหน้าไหว้หลังหลอก ความไม่จริงใจต่อกัน รู้สึกคลื่นไส้จนแทบจะอาเจียน พอจะเดินไปหาอนึก เพื่อบอกให้เขาช่วยไปส่งหล่อนกลับบ้านหน่อย ก็บังเอิญได้ยินเขาสนทนากับเพื่อนผู้ชายด้วยความคึกคะนอง ไม่ทันสังเกตว่าหล่อนเดินมาอยู่แถวนั้นพอดี

“โอ๊ย…กรผกามารศรีน่ะหรือ จะคิดอะไรเป็น” เขาหัวเราะด้วยฤทธิ์วอดก้าที่ดื่มเข้าไปหลายแก้ว “ตอนนี้ผมยุให้แต่งงานกับนายตาบอดนั่น ปอกลอกเอาเงินมันมาให้มากที่สุด แล้วค่อยหาเรื่องหย่าขาดจากกัน ถึงตอนนั้นกรผกามารศรีก็จะได้สมบัติติดตัวมามากมาย คุ้มค่าจะตายกับความสาวที่เสียไป หย่าเรียบร้อยแล้ว ผมค่อยหาทางแต่งงานกับเธออีกที พวกคุณคอยดูนะ เรามาพนันกันก็ได้ว่าผมจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า”

กรผกามารศรีอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง หล่อนโมโหจนหน้าแดง รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย

อ้อ…ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง

หญิงสาวคิดอยากจะด่าอนึก คิดอยากจะเดินถือแก้วแชมเปญในมือเอาไปสาดหน้าเขานัก หากเมื่อตั้งสติไตร่ตรองให้ดีแล้ว กรผกามารศรีก็คิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำเช่นนั้น เพราะคนพวกนี้ย่อมไม่มีสามัญสำนึก ไม่เคยมองเห็นคนอื่นนอกจากตัวเอง

ดังนั้น หญิงสาวจึงตัดสินใจหันหลังให้กับทุกคน เดินออกจากงานด้วยความสง่างาม แล้วตรงออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงแรม บอกทางให้พาหล่อนไปส่งที่บ้านมรกตโดยไม่ฟังเสียงเรียกชื่อหล่อนที่ดังแว่วมาจากข้างหลังแม้แต่น้อย

ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่ กรผกามารศรีเอนกายพิงประตูรถ แนบหน้ากับกระจก เหม่อมองดูดาวดวงน้อยที่กะพริบวับวาวพร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า ในใจนึกถึงชายหนุ่มผู้มีหัวใจแสนจะงดงาม

บางที ถ้าเขาจะขอหล่อนแต่งงานอีกสักครั้ง…กรผกามารศรีก็คิดว่าจะตกลง

เมื่อก้าวเข้ามาในห้องโถงของบ้านมรกต กรผกามารศรีก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ด้วยทุกห้องหับนั้นเงียบงัน ตกอยู่ในความมืด

เพิ่งจะห้าทุ่มเท่านั้น และปกติเก่ง แม่นิ่ม และคุณหญิงสายหยุดมักจะนั่งเล่น ดูโทรทัศน์ด้วยกันในห้องรับแขก บางครั้งคุณนายกิมเฮียงก็จะมานั่งเฮฮาด้วย แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะพร้อมใจกันหายหน้าไปหมด

“คุณแม่ขา”

กรผกามารศรีเดินไปเคาะประตูห้องของมารดา ก็ไม่เห็นมีใครจะส่งเสียงตอบออกมา พอถือวิสาสะลองเปิดเข้าไปก็พบว่าทั้งห้องมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนกับว่ามารดาของเธอออกไปที่ไหนสักแห่ง

“แม่นิ่ม พี่เก่ง หม่าม้ากิมเฮียง ป๊าคะ” กรผกามารศรีเดินตามหาทุกคนไปจนทั่วทั้งบ้าน “ไปไหนกันหมด ยู้ฮู…กรผกากลับมาแล้วค่ะ”

ไม่มีร่องรอยของผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว

กรผกามารศรีรู้สึกสังหรณ์ไม่ดี นึกเป็นห่วงว่าทินพันธ์อาจจะป่วย หรือเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทุกคนในบ้านจึงพร้อมใจกันหายหน้าไปจนหมด

หญิงสาวโยนกระเป๋าถือในมือไปที่เก้าอี้ยาวในห้องรับแขกอย่างไม่สนใจไยดี ใจนึกถึงทินพันธ์ขึ้นมาอย่างมากมาย กรผกามารศรีรีบวิ่งขึ้นบันไดเวียนตรงไปที่ห้องนอนของชายหนุ่มด้วยความรวดเร็ว เพียงเพื่อจะพบกับความว่างเปล่า

“ทินพันธ์ คุณอยู่ไหนคะ” กรผกามารศรีชักตกใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว “ออกมาสิคะ ทุกคนอย่าไปแอบซ่อนกรผกาแบบนี้สิคะ ไม่เอา ไม่เล่นนะคะ”

หญิงสาวเปิดไฟในห้องให้สว่าง แล้วก็เหลือบไปเห็นจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่บนเตียงของทินพันธ์

กรผกามารศรีเปิดจดหมายฉบับนั้นออกอ่านด้วยมือที่สั่นระริก

ดวงตาของหล่อนพร่าพราย เมื่ออ่านจดหมายที่เขียนด้วยลายมือตัวโตของทินพันธ์…ดวงตาของเขามืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด หากเขาพยายามใช้สัมผัสและความชำนาญเพื่อเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงหล่อน

จดหมายฉบับสุดท้ายจากชายหนุ่มผู้มีหัวใจงาม

 

กรผกามารศรียอดรักของผม

เมื่อคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นั่นหมายถึงว่าผมได้จากคุณไปแล้ว ผมตัดสินใจเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อผ่าตัดดวงตาให้หาย และสามารถกลับมามองเห็นได้ดังเดิม

ผมเพิ่งเข้าใจว่า การที่ดวงตาของผมมืดบอดนั้นเป็นความเห็นแก่ตัวที่สุด เพราะเท่ากับว่าผมจองจำคุณเอาไว้กับตัวผมตลอดเวลา คุณไม่สามารถจะออกไปใช้ชีวิตให้มีความสุขตามแบบฉบับที่คุณเคยชอบ

ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจไปรักษาตัวให้หายเป็นปกติ และเมื่อดวงตาของผมมองเห็นดีแล้ว คุณก็จะได้เป็นอิสระ ไม่ต้องมาทนทรมานกับผมอีกต่อไป

ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อบอกกับคุณว่า ผมขอยกเลิกหนี้สินทั้งหมดที่คุณหญิงสายหยุดก่อขึ้น ถึงวันนี้ ถือว่าหนี้สินต่างๆ บุญคุณความแค้นที่พวกเราทุกคนมีต่อกันได้ชำระสะสางกันหมดสิ้นแล้ว ไม่เหลือสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไป

ผมเซ็นยกบ้านมรกตและบริษัทมรกตพรอพเพอร์ตี้คืนให้กับพวกคุณ เพียงแค่คุณเซ็นชื่อของคุณลงไปอีกหนึ่งชื่อเท่านั้น สมบัติทุกอย่างก็จะกลับคืนมาเป็นของคุณทันที และเมื่อผมกลับมาจากอเมริกา ตระกูลเกียรติมหึมามหาเศรษฐีก็จะย้ายกลับไปยังบ้านเดิมของพวกเรา

กรผกามารศรี มรกต…ผมรักคุณเสมอ

กรผกามารศรี มรกต…โปรดอย่าได้รู้สึกผิด โปรดอย่าได้รังเกียจที่จะรับบ้านและบริษัทของคุณกลับคืนไป ทุกสิ่งเป็นของคุณโดยชอบธรรม

กรผกามารศรี มรกต…บัดนี้คุณเป็นอิสระแล้ว

ลาก่อน…

 ทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี

 



Don`t copy text!