ซ่อนรัก บทที่ 55 : พรสวรรค์ของวิศว์

ซ่อนรัก บทที่ 55 : พรสวรรค์ของวิศว์

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

วิศว์นั่งรอจิรานุช

เขาย้ายจากที่นั่งด้านหน้าโต๊ะทำงานของเจ้าของห้องไปที่โซฟารับแขกมุมห้อง เพราะโซฟากว้างกว่า นั่งสบายกว่า ไม่ลืมจะยกกาแฟมาดื่มด้วย

 

บนโต๊ะมีกระดาษและดินสอ นอกเหนือจากแจกันดอกไม้สดที่รินทร์จัดให้กับเจ้านายสาวทุกวัน

เพื่อฆ่าเวลา วิศว์หยิบดินสอและวาดภาพบางอย่าง

ตอนนี้มีการแข่งขันประกวดสร้อยคอกับจี้ ระหว่างแผนกของดุสิตกับแผนกของจิรานุช ดวลกันแบบด่วนๆ สิบวัน พิสูจน์ฝีมือ โดยมีคุณอนันต์เป็นผู้ตัดสินคนเดียว

เขาเห็นว่าปารีสทำงานหนักเพื่องานนี้ และ ดุสิตก็ทุ่มเทเพื่อชัยชนะ

วิศว์นึกสนุก อยากลองเล่นๆ

แค่นึกสนุกจริงๆ ไม่มีอะไรทำ

เจ้าของห้องก็ยังไม่มา กระดาษพร้อม ดินสอพร้อม

สร้อยและจี้…

วิศว์คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ลงมือวาดร่างๆ ตวัดดินสอเบาๆ ลองออกแบบเล่นๆ เหมือนวาดรูปส่งคู่ล่ะ

สร้อยจะเป็นเส้นเดี่ยวๆ ไม่ได้ ต้องเป็นเส้นคู่สิ และคู่แบบแตกต่าง แต่ต้องให้กลมกลืนเป็นชุดเดียวกัน

สร้อยต้องไม่ธรรมดา ต้องมีลูกเล่น อ่อนช้อย มีเหลี่ยม มีกลม มีแฉก ต้องไม่ฉูดฉาดแบบลิเก ต้องเรียบหรู เหมือนที่เขาออกแบบตกแต่งบ้านทุกหลังที่ไม่เน้นเด่น ฉูดฉาดแน่นอน ต้องเรียบ หรูและดูดี ดูได้นานๆ ไม่รู้จักเบื่อ

เนื่องจากสร้อยเด่นมาก เป็นสองเส้นเรียงประกบงดงาม จี้ก็ควรเรียบ เพื่อส่งเสริมสร้อยที่เป็นเป้าสายตา

ลวดลายของจี้ก็ต้องสอดคล้องกับตัวสร้อย

วิศว์รู้สึกสนุกกับภาพวาดสร้อยและจี้ วาดแบบรวดเดียวเสร็จ ไม่ต้องมียางลบไว้ลบเลย เพราะสนุก อิสระ และตามใจฉัน

แล้วกระดาษเปล่าบนโต๊ะ ก็กลายเป็นภาพสร้อยกับจี้ด้วยดินสอร่างแบบออกมาอย่างสวยงาม

วาดเพื่อฆ่าเวลา และใช้เวลาน้อยมาก จะว่าไปเขาเป็นคนทำงานเร็ว คิดเร็ว ทำเร็ว และสนุกกับงานเสมอ

ดินสอกับมือที่ตวัดไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน และอยู่ในสมาธิจนไม่ทันรู้ว่ามีคนอยู่ด้านหลังและกำลังมอง

ภาพที่ออกมาสำเร็จตามตั้งใจของคนวาด

วิศว์ขำตัวเอง และกำลังจะฉีกทิ้งก็มีเสียงห้าม

“อย่าฉีก”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เงยหน้าขึ้น

“อ้าว…คุณนุช เอ้อ…ผมวาดเล่นๆฎ

จิรานุชเอื้อมมือไปหยิบภาพจากมือของฝ่ายชาย และทรุดกายลงนั่งข้างๆ เขา

“ออกแบบสร้อยกับจี้ได้สมบูรณ์มากๆ”

เขาหัวเราะเบาๆ ทำท่าเขินๆ

“ผมก็แค่ลองเล่นๆ ระหว่างรอ”

“แสดงว่าการรอก็มีประโยชน์ โชคดีที่ให้รอ ฉันถึงเห็นผลงานของคุณ”

“เรียกผลงานไม่ได้หรอกครับ ผมแค่นึกสนุก”

“สนุกจึงเห็นพรสวรรค์ของคุณไงคะ”

“ผมเป็นนักออกแบบตกแต่งอาชีพ แต่ด้านอัญมณี ยังห่างไกล”

จิรานุชโคลงศีรษะ แววตาชื่นชมชัดเจน พึมพำว่า

“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”

วิศว์เลิกคิ้วอีกครั้ง ได้ยินผิดไปหรือ

“อะไรครับ?” ได้ยิน…ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ไม่ผิดแน่

จิรานุชโบกมือ ต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดอีกนิดเดียว…กับความจริงที่ตนก็แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว

“ฉันชื่นชมคุณแน่ะค่ะ นักออกแบบ เป็นทั้งอินทิเรียดีไซน์เนอร์ ทั้งจิวเวลลี่ดีไซเนอร์ก็ยังได้”

“แค่วาดเล่นๆ แค่นี้นะครับ”

“เพราะคุณมีพรสวรรค์ไงคะ” เน้น ‘พรสวรรค์’ ปกติแล้วทายาท ‘เพชรอนันต์’ ก็ควรมีพรสวรรค์ด้านนี้มากน้อยต่างกัน ก็ควรมี หากวิศว์เด่นชัดมาก

“ผมว่าเราคุยงานดีกว่าครับ” ชมมากๆ เขาก็เขิน จิรานุชมีท่าทางที่เปิดเผยมากว่าชื่นชมเขามากแค่ไหน

จิรานุชพยักหน้า

“ก็ดีนะ คุยงานกันก่อน”

 

หลังเสร็จงาน และวิศว์ออกไปแล้ว รินทร์จึงก้าวเข้ามาและเห็นเจ้านายสาวกำลังชื่นชมภาพตรงหน้า

สร้อยกับจี้บนกระดาษขาว ร่างด้วยดินสอดำ

“ใครออกแบบฮะ เก๋ดีฮะ” รินทร์ชม แปลกใจเพราะภาพนี้ไม่เคยผ่านตาเลย ตนให้คนในแผนกช่วยกันกับทรัพย์เพื่อให้งานดีที่สุด เพราะอยากเอาชนะแผนกของดุสิต ภาพทุกภาพต้องผ่านตนก่อนปรับให้ดีที่สุดก่อนจะถึงมือจิรานุช คนสุดท้าย

“คนที่เพิ่งเดินออกจากห้องเมื่อกี้” เจ้านายตอบ ไม่ระบุชื่อรู้ว่ารินทร์ไม่ชอบวิศว์

“คุณวิศว์!” รินทร์ตาโต อคติขึ้นทันที “ออกแบบอัญมณีเหมือนออกแบบลวดลายตกแต่งห้องตกแต่งตู้โชว์ ตกแต่งขอบประตู กึ่งๆ ไปแนวฝรั่ง เอาพวกแนวหลุยส์ๆ เข้ามาแทรก”

“หลุยส์ ฝรั่งเศสก็ดูแปลกดีนะ”

“ฝรั่งจ๋าเกินไปฮะ”

“ไม่นะ แทรกนิดเดียว ถ้าไม่สังเกตดูไม่ออกด้วยซ้ำ เพราะเธอสังเกตเกิน”

“เพราะรินทร์อยู่ในวงการนี้มานาน”

“เขา…มีพรสวรรค์นะ”

รินทร์เบ้ปาก

“แค่บังเอิญนะฮะ ตอนเข้ามาเขาคงได้ยินรินทร์คุยกับพี่ทรัพย์เรื่องออกแบบสร้อยจี้ ตลกจังไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย มาวาดรูปเฉยในห้องทำงานคนอื่น”

จิรานุชตวัดสายตามองผู้ช่วยอย่างเรียกว่าตาแข็ง และเสียงพูดก็เย็นๆ แข็งๆ เช่นกัน

“ห้องทำงานคนอื่นเรอะ ไม่แน่นะ ห้องนี้อาจจะเป็นห้องทำงานของคุณวิศว์ในอนาคตก็ได้!”

คนฟังใจหายวาบ แค่สายตา แค่น้ำเสียงก็แย่แล้ว ยังคำพูดแปลกๆ ชวนตกใจอีก

แสดงว่า…ว่า…ต่อไป…วิศว์ต้องมีบทบาทสำคัญในบริษัทนี้แน่ เพราะ…เพราะ…คุณนุช…และคุณนุชเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน เปลี่ยนไปจากเดิมที่ตนมีความสำคัญที่สุดของเธอ สำคัญที่รองจากตัวคุณนุชเอง ตนสำคัญมาก…จนมีอำนาจในแผนกล้นเหลือ แต่ต่อไปไม่แล้ว คุณนุชปันใจ ให้ความสำคัญกับคุณวิศว์…ชายที่รูปหล่อ มีเสน่ห์เป็นชายแท้ๆ เหนือตน

 

ปารีสนั่งทานข้าวกับกุลวดีและหฤทัยในตอนพักเที่ยง คำสนทนาต่างๆ ที่พูดคุยทำให้กุลวดีต้องพูดออกมาอย่างยินดี

“ดีเลย…ดีมากที่แกจะพูดความจริงกับคุณสิตเสียที ขืนไม่พูดต่อไปจะยิ่งถลำลึก ถอนตัว ถอนใจกันยาก”

ปารีสพยักหน้า

“ก็ขอกับคุณวิศว์ไว้ครึ่งเดือนจะบอกแน่”

“แกก็เกินไป ต้องขอเวลาอีก” หฤทัยว่า

“เพราะช่วงนี้คุณสิตเครียดกับการแข่งขันกับแผนกคุณนุชนะ…ต้องรอให้การตัดสินผ่านไปก่อน”

“คุณสิตกับอาสาวก็เป็นไม้เบื่อไม้เมา ขัดแย้งกันมาตลอดทั้งปีทั้งชาติอยู่แล้ว”

“นั่นแน่ะสิ คุณสิตอยากชนะคุณนุช เลยดูเครียดๆ”

“เออ…เออ…แกก็ช่างคิดนะ แกก็ช่างมีเสน่ห์เหลือล้นนะ ขนาดนี้คุณวิศว์แสนดีทั้งคน คุณสมบัติครบถ้วน หายากมาก…มาก…ยังมีคุณสิตโผล่มาอีกคน ไม่ยิ่งหย่อนกันเลย แกทำบุญอะไรมาวะ ฉันสักคนยังไม่ได้ ขนาดวางถาดขนมจีบหน้าคุณบรมแล้วเขาก็ยังดูเฉยๆ”  พูดพลางหัวเราะตัวเอง

“ดีแล้วล่ะ” กุลวดีเน้นกับปารีส “แกควรบอกคุณสิตตรงๆ ถึงเรื่องของแกกับคุณวิศว์ พวกแกๆ แต่งงานกันเงียบๆ ที่เวนิส เอาเถอะ ถึงไม่ใช่งานแต่งเป็นงานเป็นการ แต่ก็ถือว่าสองคนตกลงร่วมกัน บอกคุณสิตเถอะ…ถึงไม่ใช่เพื่อตัวแกเอง ก็เพื่อคุณวิศว์ของพวกเรา”

“หา…คุณวิศว์ของพวกเรา…” หฤทัยเผลอพูดดังกลั้วหัวเราะ “ยัยวดี จะเห็นแฟนเพื่อนเป็นของตัวเองไม่ได้นะ”

กุลวดีเบ้ปาก ตีแขนหฤทัยแรงๆ

“แกจะบ้าเรอะ ฉันชอบคุณวิศว์ด้วยใจจริง ชอบที่เขาเป็นสุภาพบุรุษ และรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เอาใจยัยปาของเรา ดูแลจิตใจของปา คนที่ทำให้ปามีความสุขและสงบได้อย่างคุณวิศว์ ฉันชื่นชมย่ะ”

หฤทัยยิ้มกว้าง

“รู้ย่ะ…แกมันจริงจังกับคุณกรคนเดียว รักเดียวใจเดียว และเฝ้ารออย่างเหี่ยวหัวใจ”

กุลวดีส่งค้อน

“แกอย่าพูดมาก คนอย่างฉันรู้จักเจียมตัวนะ เป็นแค่คนธรรมดาๆ เขาเป็นใคร” ยังจำคำพูดของคุณนาถได้ไม่ลืม

“เฮ้ย…อยากตีค่าตัวเองต่ำๆ เลย คนเหมือนกัน แกมีความสามารถ แกเก่งภาษา แกเป็นเลขาที่เจ้านายชมก็พอแล้ว เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสอง คนอย่าฟังเสียงนกเสียงกา” เปรียบเสียงคุณนาถเป็นเสียงนกเสียงกาอย่างนั้น แล้วก็หัวเราะ ขบขัน

“เสียงคุณนาถดังเสมอนะ” กุลวดีย้ำ “เสียงดังที่ทุกคนต้องฟังและเชื่อ”

“อย่ายอมแพ้สิวะ”

กุลวดีแค่ยิ้มแห้งๆ ใช่ว่าจะแพ้หรือชนะ หากแต่มองในภาพจริงและภาพรวม ยังห่างไกลนักระหว่างตนกับคุณกร

เสียงหฤทัยบ่นยาวๆ ว่า

“เออ…เออ…แต่ละคนมีปัญหาคนละอย่าง ไอ้ปาก็ปัญหาเรื่องแต่งงาน…เก็บเป็นความลับ แกนะ…ไอ้วดีก็แอบรักเจ้านาย เจ้านายก็ดูดูมีใจให้แกนะ แต่ติดขัดตรงผู้มีอำนาจเด็ดขาดขัดขวาง ส่วนฉัน…ไอ้ทัยโดดเดี่ยวชะมัด แหม…แหม…สวยก็สวย เก่งก็เก่ง ทำไมหาแฟนยากเย็นเหลือเกิน ไม่มีใครมาจีบเลย”

ทั้งปารีสและกุลวดีพร้อมใจกันโคลงศีรษะ

“เพราะแกเรื่องมาก!” ปารีสว่า

“เพราะแกปากเก่งเกินไป” กุลวดีเสริม

พอถูกตำหนิก็เลยตัดบท

“กิน…กิน…ฉันต้องเข้างานให้ทันบ่าย พวกแกสองคนมันอภิสิทธิ์ชน จะเข้างานกี่โมงก็ได้ เพราะเป็นคนโปรดของเจ้านาย กินเร็วๆ อย่ามัวแต่พูด ฉันคนเดียวไม่มีเจ้านายหนุนหลัง แย่จัง”

 

กุลวดียกกาแฟให้เจ้านาย เห็นนิกรกำลังดูภาพร่างและพูดขึ้นโดยไม่มองเลขา

“งานนี้พี่สิตเอาจริงมาก อีกสองวันก็จะครบสิบวันตามตกลงกับแผนกอานุชแล้ว ยังสรุปไม่ได้เลยว่าจะเลือกภาพไหนเข้าชิงชัย” ตอนท้ายพูดติดตลกแต่ไม่ขำว่า “ยังกับประกวดระดับโลก?”

“คุณสิตจะเป็นคนเลือกไม่ใช่หรือคะ?”

“ใช่…แต่พี่สิตก็ยังต้องการความเห็นจากผม จากคนในแผนกที่ตาแหลมคม มีพรสวรรค์” พูดเหมือนประชดประชันตัวเอง

“แพ้ชนะสำคัญนักหรือคะ?

“สำคัญสิ คนอย่างพี่สิตไม่เคยมีคำว่า…แพ้นะ”

“ก็…ค่ะ…ต้องไม่แพ้ค่ะ” แล้วก็หันหลังเดินออกมา แต่ตอนเดินกุลวดีเดินแบบโขยกเขยกเล็กน้อย เท่านั้นล่ะที่เจ้านายเห็นก็รีบลุกจากเก้าอี้ถาม

“คุณเป็นอะไร เดินอย่างงั้น”

เลขาสาวหันกลับ ตอบแบบเขินๆ

“ตอนไปชงกาแฟ เดินไม่ดี ขาพลิก แต่เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ”

“กะโผลกกะเผลกขนาดนี้…นั่งลงก่อน บนโซฟานี่ล่ะ” เขาสั่ง

หญิงสาวงงๆ นั่งลง สงสัยว่าเขาจะทำอะไร

“ผมมียานวด วันก่อนปวดแขน แม่ให้ผมมา สรรพคุณนวดแก้ปวดได้ดี” เดินไปหยิบยาจากลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน แล้วทรุดกายนั่งแบบกึ่งคุกเข่ากึ้งยองๆ ขาข้างหนึ่งคุกเข่า อีกข้างชันเข่าไว้และดึงขาของเธอมาพาดไว้กับขาเขาที่ชันไว้

“ว้าย…ไม่ได้ กุลวดี…เธอจะลืมตัวไม่ได้ กำลังงงๆ อยู่เพิ่งได้สติ จะชักขาออกแต่ถูกเขากด

“จะทำอะไร?” เขาถาม

“คุณจะทำอะไร?” หล่อนถามกลับ

“ก็ทายาให้คุณ”
“ไม่ได้ค่ะ…ไม่ได้ คุณเป็นเจ้านาย วดีเป็นลูกจ้าง”

“ทำงานกับผม ไม่มีคำว่านายหรือลูกน้อง เราเสมอเท่าเทียมกัน ผมไม่เรื่องมาก”

“แต่ว่า…”

“เจ็บก็ต้องทายา”

“วดีทาเองได้นะคะ”

“คุณจะทาได้ถนัดเรอะ ผมช่วยดีกว่า ผมเชื่อว่าถ้าผมขาแพลง คุณก็คงช่วยทานวดให้ผมเหมือนกัน”

โอ๊ย…ยิ่งกว่าเต็มใจ ยิ่งกว่าอยากปรนนิบัติค่ะ…คุณกร

วดียินดีมาก…แต่ว่า หญิงสาวก็ยังไม่อาจให้เขาช่วย พยายามจะดึงเท้าออก แต่ทำไมเรี่ยวแรงกลับสู่ฝ่ายชายไม่ได้ หรือเพราะว่าในส่วนลึก เธอดึงขาออกไม่แรงพอ อ่อนเรี่ยวแรงเสียอย่างนั้น

“คุณกร…พอเถอะค่ะ” ปล่อยให้เขาทายาให้ และเขาก็ไม่บีบนวดแรง กลัวว่าหญิงสาวจะยิ่งเจ็บ จึงเบามือมากๆ

อีกแล้ว…ต้องเป็นแบบนี้จนได้ เพราะประตูเปิดออกและคุณนาถก็ก้าวเข้ามาขัดจังหวะ



Don`t copy text!