เกมอาชา บทนำ :  พักร้อนยาว

เกมอาชา บทนำ : พักร้อนยาว

โดย : ภัสรสา

Loading

เกมอาชา โดย ภัสรสา เรื่องราวของคนกับม้าที่แค่การดูแลให้ม้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็ทำเอาสุมิตราเหนื่อยหนัก แต่ที่หนักหน่วงมากกว่าคือ ความพิศวงของวิญญาณตนนั้นที่มาพร้อมผีม้า และอดีตชาติของเธอที่ค่อยๆ ชัดเจน พร้อมๆ กับเขาคนนั้นที่ผูกพันกับเธอมากกว่าที่คิด… ‘ เกมอาชา’ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้ทุกคนได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถซื้อฉบับรวมเล่มได้ที่ www.naiin.com ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งสนับสนุนทั้งนักเขียนและเว็บไซต์อ่านเอาชุมชนสำหรับนักเขียนและนักอ่านของพวกเรา

—————————————————

 

 

ตีสองแล้ว… แต่สุมิตรากับทีมยังไม่ได้นอน หรืออันที่จริงคือยังนอนไม่ได้ ตรงหน้าเธอคือซูซี่ ม้าไทยตัวเล็กที่มีอัตราการเต้นของหัวใจแปดสิบครั้งต่อนาที ทั้งที่ปกติควรต้องอยู่ที่ราวๆ สี่สิบครั้งต่อนาทีเท่านั้น ฟังเสียงลำไส้ก็เงียบกริบ ผิวหนังแห้งน้ำ คอตก ท่าทางหมดเรี่ยวแรงจนน่าสงสาร

เจ้าของม้าติดต่อเธอมาตอนสี่ทุ่ม เธอมาถึงหน้างานในเวลาราวเกือบเที่ยงคืนและรักษาประคองอาการของม้าจนถึงตอนนี้ สอดท่อ กรอกน้ำเข้ากระเพาะไปแล้วเป็นร้อยขัน เอาของเสียออกไปได้เป็นสิบถังใหญ่ๆ ทั้งกลิ่นทั้งสภาพที่เห็นทำให้สุมิตราแน่ใจทันทีว่าคนดูแลม้าโกหกเรื่องม้าเพิ่งเสียด เน่าเหม็นหมักหมมขนาดนี้เป็นมาแล้วไม่น้อยกว่าสองวันแน่

“พี่แซม น้ำเกลือจะหมด”

สุมิตราหันมอง กมนนุช เทคนิคการสัตวแพทย์อีกคนที่กำลังคิดจะมาทำงานกับม้า จึงขอมาฝึกงานกับเธอเป็นการส่วนตัว หลายงานที่ผ่านมา กมนนุชช่วยเธอได้เยอะทีเดียว อย่างตอนนี้สถานที่ไม่ได้เอื้อต่อการรักษานัก ไม่มีเสาน้ำเกลือให้ใช้ ก็ต้องไปโยงกับขื่อเพื่อให้ถุงน้ำเกลืออยู่สูงกว่าคอม้ามากพอจะทำให้น้ำเกลือไหลลงสะดวก กมนนุชต้องปีนเสาขึ้นลงถ้าต้องเปลี่ยนถุงน้ำเกลือ สุมิตราเห็นว่าน้ำเกลือเหลืออีกเพียงสามขวดสุดท้าย ก็รีบหันไปถามวิศรุต ซึ่งทำงานกับเธอมานานกว่า ทำด้วยกันมาตั้งแต่แสงฉาน เพื่อนอีกคนยังอยู่ในทีมเดียวกัน ตอนแสงฉานอยู่วิศรุตจะมาช่วยเป็นบางทีเพราะยังทำงานประจำในฟิลด์สัตว์เล็กอยู่ หลังรู้ว่าแสงฉานจะหยุดรับงาน วิศรุตเห็นว่าเธอจำเป็นต้องมีคนช่วย และอาจจำเป็นต้องเป็นผู้ชายด้วย จึงยอมกระโดดมาทำงานด้วยกันเต็มตัว

“รุต เรายังมีน้ำเกลืออยู่อีกไหม”

วิศรุตส่ายหน้า “สองลัง หมดเรียบไปแล้ว ต้องหาเพิ่มแล้วแหละ”

สุมิตราจึงเรียกกมนนุชที่เฝ้าน้ำเกลืออยู่มากรอกน้ำแทน ส่งตัวนับให้เพื่อนับจำนวนขันที่กรอกต่อ เพื่อตัวเองจะได้ไปคุยกับเจ้าของม้า “พอจะหาน้ำเกลือเพิ่มได้ไหมคะ”

“อันนี้มันเหมือนที่ของคนใช้ไหมหมอ”

“เหมือนกันค่ะ”

“ได้ๆ เดี๋ยวผมส่งคนไปซื้อจากโรงพยาบาล เอาเท่าไร”

“สักห้าลังก็ได้ค่ะ นี่ของหมอใช้ไปสองลังแล้ว ม้ายังนิ่งๆ อยู่เลย”

“พี่แซม แก๊สหมด”

เสียงกมนนุชตะโกนบอกมาทำให้สุมิตราถอนใจหนึ่งเฮือก เพราะตอนนี้อากาศค่อนข้างเย็น หลังกรอกน้ำให้ม้าไปได้สักพักม้าก็ตัวสั่น และที่นี่ก็ไม่มีผ้าห่มม้าใช้ มีเพียงผ้าขาวม้าผืนบางๆ ซึ่งแทบไม่มีผลอะไรเลย สุมิตราเลยถามถึงน้ำอุ่น คิดว่าถ้ากรอกน้ำอุ่นจะช่วยให้ม้าคลายความหนาวลงได้บ้าง เจ้าของม้าจึงเสนอให้ใช้เตาแก๊สถังเล็กมาตั้งต้มน้ำ เดาว่าคงใช้มานานแล้วแก๊สจึงหมดง่ายดายเพียงนี้ รีบหันไปทางเจ้าของม้าที่โทรสั่งเรื่องน้ำเกลืออยู่ รอจนอีกฝ่ายวางสายจึงบอก “แก๊สหมดค่ะ มีอีกไหมคะ”

“ได้ๆ เดี๋ยวให้เด็กเอามาให้… ซูซี่จะเป็นอะไรมากไหมหมอ”

สุมิตรามองหน้าคนเลี้ยง ส่งยิ้มอ่อนให้ก่อนตอบไป “ซูซี่เป็นอะไรมากอยู่แล้วค่ะ อย่างที่หมอบอกตอนแรกว่าให้ทำใจเผื่อไว้ ดูจากชีพจรแล้วก็อื่นๆ แล้ว โอกาสรอดห้าสิบห้าสิบค่ะ นึกถึงถ้าเราหัวใจเต้นสักร้อยสี่สิบครั้งต่อนาทีสิคะ”

“แล้ว… ที่รักษามาสองชั่วโมงนี่ล่ะ”

“ก็ประคองอาการกันไปค่ะ ที่หวังตอนนี้คือให้หัวใจเต้นช้าลง แล้วก็รอให้ซูซี่ถ่าย หมอจะเอาของเสียในกระเพาะออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรียบร้อยแล้วจะปรับสมดุลลำไส้ให้ ยังไงเตรียมรถไว้นะคะ อาจจะต้องเอาส่งโรงพยาบาลไปผ่าตัดค่ะ”

เห็นเจ้าของม้าพยักหน้าด้วยท่าทีกังวลแล้ว สุมิตราส่งยิ้มให้อย่างต้องการปลอบอีกรอบ รู้ว่าซูซี่เป็นม้ารักดูจากการจัดหาทุกอย่างที่เธอขอให้ได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับคนเลี้ยงก็เล่าให้ฟังตอนที่ยังไม่ได้หนีไปนอนว่าซูซี่เป็นม้าตัวแรก อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ซูซี่ยังเป็นลูกม้า เจ้าของเลยรักมากเป็นพิเศษ… กระนั้นก็ยังรักไม่มากพอจะดูแลด้วยตัวเอง สุมิตราไม่โทษเจ้าของม้าหรอก รู้ว่าชีวิตคนเรามีหลายอย่างต้องทำ รู้ว่าเจ้าของม้าก็ทุ่มเทด้วยการจ้างคนเลี้ยงให้ดูแลซูซี่เป็นพิเศษแล้ว ถ้าจะหาคนผิดก็คงต้องโทษคนเลี้ยงที่มักง่ายนั่นแหละ แล้วพอนึกออกจึงย้ำให้เจ้าของฟัง “อย่าลืมบอกคนเลี้ยงนะคะ ว่าอาหารวัวใช้เลี้ยงม้าไม่ได้ วัวกับม้ามีกระเพาะคนละแบบค่ะ เปลือกสับปะรดอย่าให้กิน น้ำตาลมันเยอะแล้วก็ย่อยยาก ไอ้ที่ออกๆ มาตอนหมอสอดท่อนี่ เศษเปลือกสับปะรดทั้งนั้น แล้วก็ถ้าม้ามีอาการให้เรียกหมอทันทีค่ะ อย่ารอจนแย่แบบนี้”

“เห็นเด็กว่าเพิ่งเป็นเมื่อตอนสองทุ่ม”

สุมิตรานิ่งไป ส่งยิ้มอ่อนให้เจ้าของม้าอีกรอบ ไม่ตอบคำใดแล้วหันกลับไปทำงานของตนต่อ อยากรู้นักว่าถ้าเอาอาหารที่ทำแล้วสามวันมาให้กินโดยโกหกว่าเป็นอาหารเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ เจ้าของม้าจะว่าอย่างไร ไม่มีของหมักหมมไม่กี่ชั่วโมงที่ไหนจะกลิ่นแรงแบบนั้น ขนาดวิศรุตว่าอึดๆ แล้ว ตอนดูดออกจากท่อแล้วได้กลิ่นเขายังเกือบอาเจียน

สุมิตราสลับกับกมนนุชและวิศรุตช่วยกันกรอกน้ำ ดูแลน้ำเกลือ ผ่านไปอีกพักใหญ่ซูซี่ที่คอตกโรยแรงก็ค่อยๆ มีแรงมากขึ้น ขยับตัวหนีได้มากขึ้นตอนขยับท่อสอดกระเพาะอาหารที่เสียบจมูกไว้ สุมิตรากอดไหล่ซูซี่เพราะต้องล็อกตัวให้อยู่เฉยๆ หลังวิศรุตขยับท่อสอดเรียบร้อยแล้วจึงตบบ่าเบาๆ “ดีมากซูซี่ ต้องสู้นะ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด”

จบประโยคนั้น กรอกน้ำไปอีกหลายสิบขัน หมดน้ำเกลือไปอีกสองลัง… ในที่สุดซูซี่ก็ถ่ายออกมาทั้งหนักและเบาให้สุมิตราโล่งอก รีบตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ ห้าสิบสอง ยังสูงอยู่แต่ไม่น่ากลัวมากเท่าตอนแรก ฟังเสียงลำไส้ทั้งบนและล่าง พอได้ยินเสียงอยู่บ้างก็พอยิ้มได้ ตอนนี้ดูจากอาการแล้วซูซี่อาจไม่ต้องผ่าตัดด้วยซ้ำ

สุมิตราดูนาฬิกาข้อมือ พอเห็นว่าใกล้ตีสี่แล้วจึงหันไปทางเพื่อนร่วมทีม ออกปาก “ม่อนกับรุตไปงีบในรถไหม ตรงนี้คงไม่มีอะไรมากแล้ว”

กมนนุชส่ายหน้า โยนกลับไปให้สุมิตรา “พี่แซมแหละไปนอน เมื่อวานพี่แซมก็ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเอง”

สุมิตราแค่ยิ้ม ไม่ตอบคำใด แต่ดูจากการที่ยืนลูบตัวซูซี่อยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหนก็บอกได้อย่างดีว่าการหลบไปงีบไม่ใช่ทางเลือกของหมอม้าสาว ในที่สุดวิศรุตก็ต้องบอกกับกมนนุช

“ม่อนแหละไป เดี๋ยวพี่จะให้ขับรถให้หน่อย”

กมนนุชมองไปมองมาประเมินสถานการณ์อีกนิด ในที่สุดก็ยอมเดินไปยังรถเอนกประสงค์ทรงรถตู้ของสุมิตรา สุมิตราเลยหันมาทางวิศรุต

“ขอบคุณนะ”

“อือ สภาพม่อนไม่ไหวแล้วแหละ ยังไม่อึดเท่าพวกเรา แล้วฉันรู้ว่าถ้าม้ายังไม่โอเคแกไม่ไปไหนแน่”

สุมิตราพยักหน้า เซไปเล็กน้อยเมื่อซูซี่ขยับตัวมาเบียด หัวเราะได้เบาๆ กอดคออย่างระวังไม่ให้โดนเข็มน้ำเกลือที่เสียบคาอยู่ “แหม มีแรงแล้วซ่าใหญ่เลยนะซูซี่”

หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ สุมิตรารอจนแน่ใจว่าซูซี่อาการพ้นขีดอันตราย ชีพจรกลับมาปกติ ผิวหนังคืนตัวเร็ว ฟังจากเสียงลำไส้แล้วรู้ว่ามันเริ่มทำงานมากขึ้นอีกนิด คงต้องใช้เวลาอีกสักนิดถึงจะกลับมาเป็นปกติแต่ก็ไม่น่ากลัวมากแล้ว จึงเดินไปปลุกเจ้าของม้าที่หลับอยู่บนเก้าอี้ที่ปรับนอนได้ แจ้งข่าวดีเมื่ออีกฝ่ายตื่น

“ซูซี่โอเคแล้วนะคะ หมอกรอกพาราฟินให้ วันนี้ให้คนเลี้ยงงดอาหารก่อน วันต่อไปให้หญ้าทีละน้อยดูว่าม้าอยากอาหารไหม ส่วนอาหารข้นงดเลยค่ะ รอจนม้าอึเอาพาราฟินออกมา แปลว่าลำไส้ทำงานปกติแล้ว ค่อยให้อาหารข้นนะคะ ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบแจ้งหมอค่ะ” หลังจากนั้นสุมิตราก็เปิดเล็กเชอร์ให้เจ้าของม้ามีข้อมูลการเลี้ยงม้าเบื้องต้นว่าควรทำอย่างไร ให้อาหารหยาบ หญ้า น้ำแบบไหน การดูแลรักษาความสะอาดตัวม้า คอกที่ใช้หลับนอน ก่อนต้องหยุดเมื่อเจ้าของม้ายกโทรศัพท์ขึ้นมาใช้งาน

“ซูซี่ปลอดภัยแล้วแม่ แม่เตรียมหัวหมูสามหัวกับไข่ต้มร้อยฟองเลยนะ จะได้แก้บนกัน”

สุมิตราเลิกคิ้ว หันไปสบตากับวิศรุต ซึ่งแม้เธอจะได้ยินแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังวางหน้าไม่ถูกอยู่ดี

“เจ้าที่บ้านผมนี่ศักดิ์สิทธิ์มากเลยหมอ ผมบนตั้งแต่หมอบอกว่าซูซี่อาการไม่ดี นี่ขนาดบนปากเปล่าไม่ได้จุดธูปขอนะ ถ้าหมออยากขออะไรมาบนได้เลย”

ซื้อเกมอาชาฉบับรวมเล่มที่ www.naiin.com

เพื่อสนับสนุน ‘ภัสรสา’ และเว็บไซต์อ่านเอา

 

อยากขอให้เจ้าของม้าขอบคุณเธอกับทีมด้วยสักคำที่เฝ้าม้ารักษาอาการมาเกือบครึ่งคืน… แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ แค่จ่ายเงินก็พอ “เดี๋ยวหมอส่งบิลค่ารักษาให้นะคะ”

เจ้าของม้าพยักหน้ารับ บอกชัดถ้อยชัดคำ “ได้หมอ แต่ผมขอจ่ายเดือนหน้านะ ขอหมุนเงินหน่อย”

แล้วที่เอาไปซื้อหัวหมูกับไข่… สุมิตราส่งยิ้มอ่อนให้เจ้าของม้า เก็บของกับวิศรุตจนเสร็จเรียบร้อย นั่งเงียบกริบตอนวิศรุตขับรถไปยังที่พัก จนรถจอดหน้าห้องพักแล้วทั้งคู่ก็ยังนั่งเงียบไม่ขยับตัว ทั้งรถมีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของกมนนุชที่หลับสนิท

วิศรุตพูดขึ้นเสียงเบา “ฉันเข้าใจแก”

สุมิตราถอนใจยาว ครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่พักก็ตัดสินใจบอก “ฉันเหนื่อยว่ะรุต อยากพักสักปี ไม่งั้นฉันอาจเลิกทำตามซันไปอีกคน”

วิศรุตไม่พูดอะไร รู้ว่าช่วงนี้งานเยอะและสุมิตราทุ่มเทเต็มที่ทุกงาน นอกจากรักษาม้าแล้วสุมิตรายังพยายามให้ความรู้กับเจ้าของม้าซึ่งก็มีคนเห็นค่าบ้าง ไม่เห็นค่าบ้าง แต่หลายปีที่ผ่านมาสุมิตราไม่เคยท้อ ตอนนี้ก็ใช่ว่าจะท้อ แต่คงถึงจุดที่รู้สึกว่าต้องพัก แต่…“ปีเลยเหรอ”

“อื้อ ฉันอยากรีเซ็ตตัวเองหน่อย… ช่วงนี้รุตก็รับงานกับม่อนไปก่อน ม่อนก็เก่งใช้ได้อยู่”

วิศรุตหันไปมองกมนนุชที่นอนหลับปุ๋ยอยู่เบาะด้านหลัง พยักหน้ารับด้วยรู้ดีว่าคงทำอะไรเรื่องนี้ไม่ได้ เขาเองก็เห็นด้วยว่าสุมิตราควรพักเสียหน่อย “เห็นม่อนว่ามีเพื่อนอยากมาลองทำฟิลด์ม้าอีกคน เดี๋ยวให้ชวนมาเลยแล้วกัน”

สุมิตราส่งเสียงตอบรับแผ่วเบา หันไปปลุกกมนนุช บอกก่อนวิศรุตจะแยกเข้าห้อง “เดี๋ยวพอกลับกรุงเทพฯ แล้วไปหาของอร่อยกินกัน ฉันเลี้ยงเอง”

 


เกมอาชา โดย ภัสรสา เรื่องราวของคนกับม้าที่แค่การดูแลให้ม้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็ทำเอาสุมิตราเหนื่อยหนัก แต่ที่หนักหน่วงมากกว่าคือ ความพิศวงของวิญญาณตนนั้นที่มาพร้อมผีม้า และอดีตชาติของเธอที่ค่อยๆ ชัดเจน พร้อมๆ กับเขาคนนั้นที่ผูกพันกับเธอมากกว่าที่คิด… ‘ เกมอาชา’ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้ทุกคนได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถซื้อฉบับรวมเล่มได้ที่ www.naiin.com ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งสนับสนุนทั้งนักเขียนและเว็บไซต์อ่านเอาชุมชนสำหรับนักเขียนและนักอ่านของพวกเรา

 



Don`t copy text!