ซ่อนรัก บทที่ 58 : พรสวรรค์

ซ่อนรัก บทที่ 58 : พรสวรรค์

โดย : โสภี พรรณราย

Loading

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ดุสิตไม่ยอมให้ปารีสพูด ดูเหมือนในส่วนลึก เขารู้ว่าเธอจะพูดอะไร สังหรณ์ใจ และไม่อยากได้ยิน

“คุณสิตต้องฟังฉันก่อนนะคะ”

คุณไม่ต้องพูดเลย แค่คุณนั่งอยู่ข้างๆ ผม ผมก็จิตใจสงบลงได้จริงๆ ผมแค่ต้องการให้คุณอยู่ข้างๆ ตลอดไป”

“แต่ว่า”

แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ดุสิตจึงตัดบท

“ผมขอรับสาย คุณออกไปก่อน”

ปารีสจำต้องออกจากห้อง โดยไม่ได้พูดความจริงเสียที ทั้งที่อยากจะบอกเขา ยิ่งถลำลึก คนกลางอย่างหญิงสาว จะรับผิดชอบต่อไปไม่ไหวแล้ว

วิศว์มาคุมการตกแต่งปรับปรุงห้องประชุมใหญ่ของเพชรอนันต์จนคุ้นเคยกับพนักงานที่อยู่ในชั้นเดียวกัน ชั้นผู้บริหาร ตลอดจนได้รับอนุญาตจากคุณจิรานุชให้เข้าออกนอกในในสำนักงานได้ทุกชั้น

วิศว์ตั้งใจมาชงกาแฟในห้องอาหารส่วนตัวของระดับผู้บริหาร และพบกับปารีส เธอบอกว่า

“มาชงกาแฟให้เจ้านายค่ะ คุณสิตเครียด การตัดสินเราแพ้แผนกของคุณนุช”

วิศว์ซึ่งไม่รู้อะไรเลย ได้แต่พยักหน้า

“ผมไม่รู้คุณสิตจะเครียดไปทำไม อาหลานกันแท้ๆ”

“เพราะคุณสิตจริงจังเกินไปค่ะ”

เขายื่นหน้ามาใกล้เธอเล็กน้อย ดวงตามีความนัย

“คุณควรบอกความจริงได้แล้วนะครับ บอกหรือยัง?”

หญิงสาวยิ้มแห้งๆ

“ค่ะ…ต้องบอกแล้ว…อาจวันนี้…”เพราะหญิงสาวตั้งใจจะเดินหน้าสร้างครอบครัวกับวิศว์อย่างจริงจังเสียที เธอปล่อยให้เขารอมานานแล้ว สมควรถึงแก่เวลาแล้ว

ในขณะนั้นรินทร์ก็ก้าวเข้ามาเห็นวิศว์กับปารีส…ก็แสดงสีหน้าออกมาว่าไม่ชอบ ไม่ชอบทั้งคู่ คนนึงเป็นคนพิเศษของคุณนุช เป็นศัตรูหัวใจตน อีกคนเป็นคนพิเศษของคุณสิต ก็เป็นคู่แข่งของคุณนุช รินทร์เกลียดทั้งคู่

“หวัดดีฮะ” ทักทายอย่างแกนๆ แล้วเดินไปรินน้ำร้อน

แค่มารินน้ำร้อนแก้วใหญ่แก้วเดียวเพื่อไปใส่ขิงผงที่ตนเก็บไว้ที่โต๊ะ รู้สึกอึดอัดท้องอยากกินไล่ลม

ได้น้ำร้อนแล้วจะเดินออกจากมุมกาแฟ หรือเด็กในแผนกบางคนเรียกว่ามุมนินทานาย เพราะเป็นห้องที่หลบอยู่ในสุดของบริเวณสำนักงานชั้นพิเศษนี้ ปกติจะมีแต่พนักงานและเลขาของเจ้านายต่างๆ เข้ามามากกว่าเจ้านายจะมาด้วยตัวเอง

แก้วน้ำร้อนในมือกับช่วงเสี้ยววินาทีที่ผ่านปารีสไม่รู้อะไรดลใจให้ตนทำแบบนั้น ด้านมืดในตัวเกิดขึ้นกะทันหัน และวิศว์ก็อยู่ใกล้ๆ ด้วย ต้องทำอะไรสักอย่าง และต้องแนบเนียนพอจะเป็นอุบัติเหตุ จึงพูดกับวิศว์ว่า

“ตามสบายนะฮะ ไม่รบกวน คุยกันต่อเลยฮะ”

ทำเป็นพูดแกล้งทำให้สะดุด และมือก็เอียงน้ำร้อนกระจอกไปทางตัวปารีส

“ระวังครับ” วิศว์รีบโจนเข้าคว้าแขนหญิงสาวให้หลบมาเข้าใกล้ตนจนเธอเองก็สะดุดล้มกับอ้อมแขนเขา

น้ำร้อนกระฉอกพลาดเป้าหมาย และรินทร์ก็ร้องว่า

“อุ๊ย…ขอโทษฮะ ขอโทษฮะ เป็นไรหรือเปล่าฮะ ไม่โดนนะฮะ”

ปารีสโคลงศรีษะ

“ฉัน…ไม่เป็นไร”

“โชคดีที่คุณวิศว์เร็วนะฮะ”

แล้วมีเสียงถามเย็นๆ บริเวณหน้าห้อง

“ใครเป็นอะไร?” จิรานุชถาม และเดินมาเกือบพร้อมๆ กับดุสิต

ปารีสยังอยู่ในอ้อมแขนวิศว์ ความห่วงใยทำให้เขาโอบกอดหล่อน แต่พอมีคนเข้ามา เพิ่มหญิงสาวก็ดีดตัวออกจากอ้อมแขน หากจีรานุชก็ยังทันเห็น แววตาที่ห่วงใยของวิศว์กับความสนิทสนมแนบชิดของคนทั้งสอง

ถ้าจิรานุชเห็น ดุสิตก็ต้องเห็นด้วย

รินทร์ลำบากใจที่ต้องตอบเจ้านายสาว และวิศว์เป็นฝ่ายตอบแทนว่า

“คุณรินทร์ถือแก้วน้ำร้อนและเดินสะดุด ไม่มีอะไรหรอก ผมดึงตัวคุณปารีสกันน้ำร้อนกระฉอกทัน”

รินทร์มองวิศว์ เขาจะรู้เจตนาของตนหรือไม่ แต่เขากำลังช่วยเธอแก้ตัว ไม่รู้สึกขอบคุณหรอก เรื่องเล็กแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น รินทร์ยังรับมือไหว ไม่ทำให้รู้สึกดีกับวิทย์มากขึ้น

“อุบัติเหตุนะ?” จิรานุชถามกับรินทร์

“ฮะ…” ลงฮะอย่างเต็มคำและมั่นใจ หากคนถามมองแววตาก็รู้ทันเสมอ “ขอตัวไปทำงานฮะ” เดินออกไปทันที

“คุณไม่เป็นไรนะครับ” ดุสิตถามปารีส

“ค่ะ…ค่ะ…คุณวิศว์ดึงตัวฉันออกทัน”

ส่วนจิรานุชเห็นอยู่ส่วนจีรานุชเห็นว่าอยู่กันพร้อมหน้า โดยเฉพาะต่อหน้าดุสิต จึงพูดกับวิศว์ว่า

“วันที่คุณวิศว์รอฉันในห้องทำงานเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และวาดรูปเล่นๆ ฉันเอางานของคุณมาปรับเล็กน้อยและส่งให้คุณอนันต์เทียบกับงานของแผนกสิต เราเปรียบเทียบกันเล่นๆ ว่าคุณอนันต์จะชอบงานของใคร ท่านเลือกงานของคุณค่ะ”

วิศว์งง…เลิกคิ้ว

“ผมขะขยำทิ้งแล้ว?”

“ฉันขอไว้ดูเล่นๆ ค่ะ”

“แต่ว่าผมก็แค่ทำเล่นๆ เอางานออกแบบห้องมาใช้กับซอยเล่นๆ ครับ นึกสนุกๆ”

“ก็เลยแปลกตา เอามาปรับนิดๆ ให้เหมาะกับจี้เพชร เลยถูกใจพี่อนันต์ คุณคงไม่ว่าอะไรนะ ที่ขโมยความคิดของคุณ”

วิศว์เลยหัวเราะเบาๆ

“ผมว่าท่านจะขำผมสิ เอาลายแบบอินทีเรียมาเป็นแบบจิวเวอรี่”

“ความคิดสร้างสรรค์ดีค่ะ”

ปารีสตาโต…อะไรนะ…ความคิดสร้างสรรค์ของวิศว์เรอะที่คุณอนันต์เลือกให้ชนะเหนือกว่าผลงานแผนกตน

วิศว์ไม่รู้ตัวเลยไม่ได้บอกตนไว้ หญิงสาวงงที่เขามีพรสวรรค์ จะว่าไปเขาก็เก่งมากในงานอินทีเรีย คงไม่คิดมาเอาดีทางด้านอัญมณีอีกทาง งานคนละอย่างเลย

ส่วนดุสิต นอกจากแปลกใจยังระคนไม่พอใจ เพราะมองว่าวิศว์เป็นคู่แข่ง ศัตรูหัวใจที่สนิทสนมกับปารีส

เก่งเกินไปไหม ตนยอมได้หรือต้ องระงับอารมณ์เต็มที่ พูดอย่างฝืนใจ

“ออกแบบอินทีเรียของคุณไปเถอะครับ อย่ามาแย่งงานผมเลย” พูดติดตลก “ผมกลัวตกงาน”

“มันคนละสายอยู่แล้วครับ”

จิรานุชโพล่ง

“ก็ไม่แน่นะ อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าสามารถร่วมงานกันได้จะดีมาก”

“อานุชพูดเกินไป” ดุสิตปฏิเสธทันควัน “ให้คุณสิตทำงานถนัดของตัวเองไปเถอะครับ แต่ผมยอมรับว่าอานุชตาแหลมมาก และอ่านใจคุณพ่อออกจะเลือกงานแบบไหน คุณพ่อคงนึกสนุกที่เลือกงานแปลกๆ ของคนทำงานวงการอื่น”

“จะงานไหน ถ้าปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้ ก็ร่วมมือกันได้นะ”

“สำหรับผมไม่ได้หรอกครับ อย่างจะให้ผมไปออกแบบห้องประชุม ผมก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่ทางของผม”

“เอาเป็นว่า ก็รู้แล้วนะว่างานเป็นของใคร”

“เก่งมากคุณวิศว์ที่สามารถเอาชนะใจคุณพ่อผมได้” ดุสิตมองตาวิศว์กัดฟันพูดอย่างไม่เต็มใจ “เก่งมาก ชนะใจคนในครอบครัวผมหลายคน ตั้งแต่กร จนอานุช ตอนนี้ก็คุณพ่อ ต่อไปคงหมดทั้งบ้านมั้ง”

จะให้พูดอย่างไร การชนะใจแต่ละคน โดยวิศว์ไม่ได้ตั้งใจเลย จึงเลือกจะนิ่งเงียบ ส่วนดุสิตแพ้ใครไม่แพ้มาแพ้กับนายวิศว์ที่จะแย่งปารีสกับตน รู้สึกเสียหน้า

ดุสิตพูดกับปารีสว่า

“นานๆ คุณพ่ออาจชอบของแปลกสักทีก็ไม่เป็นไร ผมไม่สน เราไปคุยงานกันดีกว่า อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ตั้งใจพูดให้สะเทือนไปถึงคนฟังอย่างวิศว์

ปารีสเดินตามเจ้านายออกไปอย่างงงๆ  งจิรานุชจึงพูดกับวิศว์ว่า

“ฉันแค่เห็นลายออกแบบคุณแปลกดี ไม่คิดว่าคุณอนันต์จะชอบมากกว่าอีกงาน”

“ลวดลายอัญมณีมากมาย ลูกค้าก็แตกต่าง ผมแค่ว่าเล่นๆ ฆ่าเวลา”

“ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณก่อน บอกตามตรงว่าตอนแรกไม่คิดจะเลือกแบบของคุณ ลังเลอยู่นาน”

“คุณนุชเชื่อสายตาตัวเองเกินไป เกิดท่านไม่ชอบล่ะ”

จิรานุชโคลงศีรษะ

เชื่อสายตาตัวเองไม่เท่ากับเชื่อสายตาพี่อนันต์ และพูดเบาแสนเบาต่อว่า “เลือด…เข้มข้นเสมอนะ”

 

คุณอนันต์หัวเราะ ขณะทานอาหารเช้ากับครอบครัวโดยเฉพาะคนชนะคืออินทีเรียดีไซน์เนอร์ โดยที่ดุสิตบ่นขึ้น

“คนออกแบบตกแต่งมาออกแบบจิวเวอรี่ คุณพ่อก็ดันชอบเสียอีก”

บิดาพูดอย่างอารมณ์ดีว่า

“เออ…มันก็เก๋ดีออก”

“คุณพ่อชอบเข้าข้างอานุช เพิ่งรู้ว่าคุณพ่อชอบของแปลก”

“อ้าว…” อุทานอีกครั้ง “ไม่เห็นแปลกตรงไหน สร้างสรรค์จะตาย”

“เป็นแก…แกจะเลือกใคร” ดุสิตหันมาถามน้องชาย “ให้ตอบจากใจจริง”

คุณนาถเองก็พยักหน้ากับลูกชายคนเล็ก

“ตอบเลย”

นิกรมองหน้าอานุชที่ทำท่าไม่สนใจคำตอบหรอก เพราะในส่วนลึกมีความสะใจซ่อนอยู่ภายใน ดุสิตผยองเกินไป ร้ั้งๆ ความผยองไว้บ้างก็จะดี ต้องทำทุกวิถีทางให้ลดความผยองให้ได้

นิกรทำหน้าไม่มั่นใจ

“เรื่องออกแบบผมไม่ค่อยถนัด แต่ว่า…แต่ผมชอบของพี่สิตมากกว่าครับ ผลงานอ่อนหวานกว่างานของอานุชที่ดูกระด้างแข็งมากครับ”

“เห็นไหม” ดุสิตดีใจ “กรมันยังดูออก”

“แบบนี้ก็เท่ากับว่าพ่อพลาด” คุณอนันต์โพล่ง แต่ยังอารมณ์ดี เพราะเรื่องเล็กๆ ในครอบครัวยกมาเป็นหัวข้อสนทนากัน ขัดแย้งกันบ้าง เห็นพ้องกันบ้าง เป็นเรื่องปกติ

ดุสิตยิ้มแห้งๆ

“ผมกับน้องสองเสียงครับ”

ประมุขบ้านพยักหน้า

“เรื่องของอัญมณี สำหรับพ่อมันเป็นเรื่องของความชื่นชอบส่วนบุคคล ไม่มีสวยที่สุด หรือไม่สวย หรือไม่ดี คนที่สวมใส่จะเลือกในสิ่งที่ตนชอบ ใช่สิเพราะอาจชอบแบบหนึ่ง และคนอื่นๆ ก็ชอบอย่างอื่น นี่ขนาดตัวเลือกมีแค่สองเองนะ ถ้าเข้าร้านอัญมณีตัวเลือกละลานตา ลูกค้าจะยอมควักเงินซื้อในแบบที่ตนชอบเท่านั้น สุดท้ายยอดขายสำคัญที่สุดที่ทำให้บริษัทอยู่รอด

 

วิศว์นั่งจิบกาแฟมองโทรศัพท์มือถือ และกดโต้ตอบทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวโดยมีปารีสนั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหาร เอามือเท้าคางจ้องมองฝ่ายชาย จนเขาต้องวางโทรศัพท์และถาม

“เช้านี้ผมมีอะไรผิดปกติหรือครับ?”

“มองคนเก่งค่ะ”

รู้ทันทีว่า หมายถึงเรื่องใด จึงหัวเราะ

“จะมาแซวผมเรอะ จบได้แล้ว”

“เปล่าค่ะ มองหน้าคนเก่ง คนที่สามารถทำให้คุณเสียหงุดหงิดได้ และทำให้คุณอนันต์ชอบมากกว่างานของแผนกฉันค่ะ”

วิศว์ทั้งขำทั้งอึดอัด

“ออกแบบอย่างสนุกๆ ไม่คิดอะไร ใครก็ทำได้ อย่างคุณก็ออกแบบตกแต่งในห้องได้”

“จริงหรือคะ?”

“ก็ดูอย่างห้องนี้สิ คุณออกแบบไม่ใช่เรอะ เรียบหรูดูดีอยู่สบายจะตาย ผมยังไม่คิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเลย”

“ตอนตกแต่ง ฉันชอบอะไรก็ใส่ๆ เข้าไปจนเป็นอย่างที่เห็น”

“นั่นไงครับ ก็ถือว่าคุณทำได้”

“แต่ออกแบบอัญมณีมันเฉพาะเจาะจงจะตาย คุณเก่งจริงๆ”

“ผมว่าพอได้แล้ว งานออกแบบเป็นศิลปะ ผมว่าทุกคนมีอารมณ์ศิลป์อยู่ในตัว ผมแค่บังเอิญทำอะไรสนุกๆ และคุณอนันต์ชอบ แค่งานแบบเดียวไม่ถือว่าเก่งหรือชนะอะไร ผมว่าจบได้แล้ว ชีวิตทุกคนต้องเดินหน้า อย่ามัวคิดถึงอดีตให้เสียเวลา”

ปารีสยิ้มหวานทันที

“นี่ล่ะค่ะ ตัวคุณที่ทำให้คนอยู่ใกล้สบายใจ ถ้าคุณสิตคิดได้อย่างคุณก็ดีสิ”

“เขาต้องคิดได้อยู่แล้วครับ มันไม่เกี่ยวกับงานผมหรอก เขาเครียดเพราะอยากชนะคุณนุช และอยากชนะใจคุณ”

“ค่ะ…เพราะฉันไม่พูดความจริงเสียที ฉันจะพูดค่ะ ต้องพูดแล้วค่ะ ถ้าพูดแล้วตกงาน ฉันก็ยอม”

คำพูดที่แสนน่ารัก ทำให้วิศว์ต้องดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดและพูดพึมพำว่า

“เราจะได้เปิดเผยกันเสียที จะได้เป็นครอบครัวและมีลูกตัวเล็กๆ เป็นพ่อแม่ลูกอย่างสมบูรณ์” พึมพำจากใจอย่างมีความสุข “ใช่…เรามีลูกกันเร็วๆ นะครับ ผมรักเด็ก” และ…อ้าว…อ้าว…จะเริ่มปฎิบัติการมีลูกอีกแล้ว เพราะหญิงสาวก็ปล่อยแล้ว ไม่ได้กินยาคุมกำเนิดแล้ว วิศว์จึงไม่รีรอ กอด…จูบจนปารีสหายใจหายคอไม่ทัน

แต่…แต่…ก็มีเสียงกดเรียกหน้าประตู ใครมาขัดจังหวะอีกล่ะ

วิศว์เปิดดูที่ช่องเล็กๆ แล้วหันมาพูดกับหญิงสาวอย่างตื่นเต้น

“พ่อกับแม่คุณมา!”

 



Don`t copy text!