หริณจันทร์กังสดาล บทส่งท้าย : สวรรคาโรหณบรรพ (จบบริบูรณ์)

หริณจันทร์กังสดาล บทส่งท้าย : สวรรคาโรหณบรรพ (จบบริบูรณ์)

โดย : กันต์พิชญ์

Loading

หริณจันทร์กังสดาล นวนิยายจาก กันต์พิชญ์ นักเขียนจากช่องวันอ่านเอาปี 1 ที่เปิดตัวด้วยผลงานสุดระทึกวางไม่ลง ‘ม่อนเมิงมาง’ ตามด้วย ‘วายัง’ และ ‘สีตคีตา’ ที่ประดาผู้อ่านกล่าวขานว่างานเขียนของกันต์พิชญ์นั้นช่างโดดเด่นและแตกต่าง และวันนี้เขามากับผลงานเรื่องนี้ที่อ่านเอานำมาให้คุณได้อ่านบนเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา

๏ ในกาลปางก่อนนั้น พระอินทราธิราชทรงพระสุบินว่า แก้วมณีโชติหลุดจากพระโอษฐ์ ร่วงหล่นลงไปในเปือกตมแห่งมนุษยโลก พระอินทร์มีความเสียดายนัก จักลงมาเก็บเอาดวงแก้วกลับคืนขึ้นไปก็เดียดฉันท์

ครั้นตื่นจากพระบรรทม จึ่งส่องจักษุพิจารณาดูรู้ว่า แต่บรรดาเทวบุตรทั้งเจ็ดองค์ ซึ่งเป็นบุตรแห่งพระองค์จักจุติลงไปในมนุษยโลก จึ่งตรัสสั่งให้หาเทวบุตรทั้งเจ็ดองค์มาเฝ้า ตรัสเล่าเรื่องความในพระสุบินให้ฟังทุกประการ แล้วจึ่งตรัสว่าเทวบุตรทั้งเจ็ดนี้ผู้ใดจักจุติลงไปเกิดในมนุษยโลกได้บ้าง เทวบุตรทั้งหกองค์มิยอมจุติลง ทว่าเกตุเทวบุตรองค์หนึ่งนั้นรับว่า หากเป็นการทะนุบำรุงศานติแล้วไซร้ จักขอรับอาสาจุติลงมาเกิดในมนุษยโลก

พระอินทร์ก็มีความยินดีในพระหฤทัย จึ่งพระราชทานให้เกตุเทวบุตรลงมาเกิดในครรภ์นางปทุมวดีผู้เป็นอัครมเหสีท้าวหิรัญจามีกร อันเสวยราชสมบัติอยู่ในราชธานีที่ราบสูง ด้วยอานุภาพบุญญาธิการของพระราชกุมารซึ่งอยู่ในพระครรภ์นั้น

แต่ประดาวิหคปักษาทั้งหลายที่บินข้ามปราสาทที่พระอัครมเหสีอยู่ครั้งใด ก็ตกลงมาตายเห็นเป็นอัศจรรย์นัก

เหล่าอำมาตย์ราชมนตรีผู้ใหญ่ผู้น้อยเห็นดังนั้น จึ่งกราบทูลท้าวหิรัญจามีกรว่า ราษฎรมีแต่ความเมตตากรุณาแก่สัตว์ทั้งปวง ถึงว่ามีโทษทัณฑ์กรรมกรณ์ก็ผ่อนผันหย่อนยานแก่กัน เอาแต่ความสุข เหตุไฉนพระราชกุมารองค์นี้ตั้งแต่ปฏิสนธิในพระครรภ์ จึ่งให้โทษแก่วิหคทั้งปวงฉะนี้

ท้าวหิรัญจามีกรก็พลอยทรงเห็นด้วยกับเสนามนตรีทั้งปวงว่า พระราชกุมารซึ่งอยู่ในพระครรภ์เป็นกาลกิณี จึ่งตรัสสั่งให้เอานางปทุมวดีซึ่งทรงครรภ์นั้นไปใส่แพลอยทิ้งเสีย เสนามาตน์ราชปโรหิตจึ่งทูลทัดทานไว้ว่า หากจักทำโทษแก่พระอัครมเหสีซึ่งทรงพระครรภ์อยู่นั้นมิควร ต่อเมื่อใดประสูตรพระราชบุตรแล้วจึ่งขับเสียจากราชธานี ท้าวหิรัญจามีกรจึ่งให้งดไว้

ครั้นพระอัครมเหสีประสูติพระราชบุตรแล้ว ท้าวหิรัญจามีกรก็ขับเสียราชธานี

นางปทุมวดีพาราชบุตรตรากตรำไปด้วยความลำบากเวทนา ด้วยนางมิเคยตกยาก จึ่งร้อนขึ้นไปถึงพระอินทร์

เมื่อพระอินทร์ส่องทิพยจักษุดูรู้เหตุแล้ว ก็นฤมิตรเพศเป็นมนุษย์นุ่งห่มผ้าขาวลงมา เดินตามทางพลางย่นมรรคา พานางปทุมวดีแลพระราชกุมารไปได้เจ็ดวันถึงเทือกเขาไม้คาน จึ่งนฤมิตกระต๊อบให้หยุดพักอาศัย แล้วให้เสวยอาหารทิพย์

ลำดับนั้นพระอินทร์จึ่งพาพระราชเทวีกับพระราชกุมารมาถึงแดนโคกทลอก ไปพักอยู่ที่ภูเขาแห่งหนึ่งในทิวเขาไม้คาน จึ่งให้นางกับพระราชกุมารอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง

ครั้นพระราชกุมารมีพระชนมายุได้สามปี มีรูปโฉมอันงามตามวงศ์เทวราช มนุษย์ผู้ใดในโลกนี้จักมีรูปอันงามเปรียบเหมือนพระราชกุมารนั้นไม่มี

พระอินทร์รักใคร่ยิ่งนัก จึ่งนฤมิตเพศเป็นบุรุษแกล้งมาเยี่ยมเยียนพระราชเทวีกับพระราชกุมาร

“ดูกรกุมาร เราจักสร้างเมืองให้อยู่ให้งามดุจเมืองสวรรค์”

พระอินทร์กอบดินก่อภูเขาไฟลูกหนึ่งกลางท้องทุ่ง แล้วจึ่งเหยียบยอดเขาจนเป็นแอ่งปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

เมื่อพระอินทร์เห็นว่านครนี้ไม่มีราษฎร จึ่งเหาะนฤมิตเป็นเศวติภช้างเผือกใหญ่อยู่ ณ ตีนทิวเขาไม้คานให้พรานป่าเห็น ช้างเผือกนั้นก็เดินดุ่มลัดเลาะมาถึงภูเขาไฟกลางทุ่ง พรานป่าตามมาถึงที่ใกล้นครนั้น ช้างเผือกก็หายไป เห็นแต่รอยเท้าปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

พรานป่าได้เห็นพระนครเลื่อมพรายลายรุ้งงามนัก จึ่งเข้าไปพิจารณาดูรู้ว่าพระราชกุมารกับพระอัครมเหสีท้าวหิรัญจามีกรผู้เป็นเจ้าของตน ก็มีความปีติยิ่งนัก

พรานป่าก็เร่งรีบกลับมากราบทูลท้าวหิรัญจามีกรตามที่ตนได้เห็นทุกประการ

ท้าวหิรัญจามีกรจึ่งใช้ให้เสนามนตรีคุมไพร่พลมาเชิญพระกุมารกับพระอัครมเหสี จักให้กลับไปราชธานี ทว่าพระราชกุมารกับพระมารดามิยอมกลับไป เสนามนตรีกับไพร่พลทั้งหมดก็อยู่ด้วยพระราชกุมารทั้งสิ้น

ท้าวหิรัญจามีกรเห็นไพร่พลมิกลับมา จึ่งใช้ให้เสนามนตรีคุมไพร่พลไปอีก เสนามนตรีกับไพร่พลนั้นก็ชวนกันอยู่กับพระราชกุมารมิยอมกลับไป แต่ท้าวหิรัญจามีกรใช้เสนามนตรีมา จักรับพระราชกุมารไปถึงสองครั้งสามครั้ง พระราชกุมารก็ไม่กลับไป ไพร่พลทั้งปวงก็ยอมอยู่ด้วยพระราชกุมารทั้งสิ้น

ท้าวหิรัญจามีกรจึ่งยกพวกพลโยธามาตามเสด็จมาถึงนครเลื่อมพรายลายรุ้ง ได้เห็นพระราชกุมารกับพระมเหสีก็มีพระหฤทัยยินดีนัก จักชักชวนพระราชกุมารสักเท่าใด พระราชกุมารก็ไม่กลับไป ท้าวหิรัญจามีกรจึ่งราชาภิเษกพระราชกุมารให้เสวยราชสมบัติอยู่ในนครภูเขาไฟเลื่อมพรายลายรุ้ง ตั้งพระนามชื่อว่าท้าวรุ้งพราย ผู้งามรัศมีดุจแสงระยิบระยับบนเหลี่ยมเพชร

พระอินทร์ได้ทรงทราบเหตุนั้นจึ่งยกดวงแก้วในเปือกตมให้ตกลงมากลางที่ประชุมเสนามาตย์ราชบรรษัททั้งปวง

ในวันราชาภิเษกท้าวรุ้งพรายเห็นมหัศจรรย์นัก ดวงแก้วนั้นยังอยู่จนทุกวันนี้ แว่นแคว้นแดนเลื่อมพรายลายรุ้งนั้นจึ่งได้นามปรากฏชื่อว่าเมืองรุ้งพรายมหานคร

ฝ่ายท้าวหิรัญจามีกรผู้เป็นพระราชบิดาก็พาพระอัครมเหสีผู้เป็นมารดาท้าวรุ้งพรายเสด็จกลับไปราชธานี ท้าวรุ้งพรายจึ่งเสวยราชสมบัติสืบมา บรรดาอาณาประชาราษฎรก็อยู่เย็นเป็นสุข กิตติศัพท์นั้นก็เลื่องลือไปทุกประเทศ เหล่าโปญผู้นำสรุกต่างนำเอาดอกไม้ทองเงินมาถวาย แต่ท้าวรุ้งพรายมิได้มีใจปฏิพัทธ์กับผู้ใด เสวยราชสมบัติครองพรหมจรรย์มาช้านานได้หลายปี แต่ไม่มีพระราชบุตรพระราชธิดาที่จะสืบวงศ์ต่อไป จึ่งทรงพระอุตส่าห์รักษาศีลจำเริญภาวนา ปรารถนาพระราชโอรสได้เจ็ดวัน จึ่งร้อนขึ้นไปถึงทิพยอาสน์แห่งพระอินทร์

พระอินทร์จึ่งเชิญเทวบุตรองค์หนึ่งให้จุติลงมาเกิดในดอกสโรชะในบารายแห่งหนึ่ง แล้วบันดาลให้ท้าวรุ้งพรายพาบริวารเสด็จไปประพาส พบพระกุมารอยู่ในดอกสโรชะ เอาเลี้ยงไว้เป็นพระราชบุตรบุญธรรม

เวลาวันหนึ่งท้าวรุ้งพรายเสด็จไปเที่ยวประพาสป่าจึ่งไปถึงโคกทลอกกลางบึงใหญ่ เหตุมีไม้ทลอกต้นหนึ่งใหญ่นัก ลำต้นเอนไปข้างทิศอาคเนย์ นอนราบถึงพื้นปฐพี ลึกลงไปเป็นรอยปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

แผ่นดินงอกขึ้นสูงประมาณสองวาถึงค่าคบ แตกกิ่งใบตั้งขึ้นเป็นร่มเย็น แลไม้ทลอกต้นนี้คำบุราณเล่าสืบกันว่า

เมื่อครั้งปฐมกัลป์ ประเทศนี้ยังเป็นมหาสมุทรโคลนตม พระยานาคชื่อว่าท้าวชมภูปาปะกาศไปรับอาสาพระอิศวร ขนดกายพันเข้ากับเขาพระเมรุมิให้เอนเอียง ฝ่ายพระพายขัดใจ จึ่งพัดให้มหาบรรพตเอนเอียง พระพายเอาพระขรรค์ตัดศีรษะพญานาค ขว้างมาตกลงที่นั้น เกิดเป็นโคกมีต้นทลอกใหญ่ จึ่งขนานนามว่าโคกทลอก

ฝ่ายท้าวรุ้งพรายเห็นต้นทลอกเอนอยู่ดังนั้น ก็ให้มหาดเล็กเอาพระยี่ภู่ไปลาดบนต้นทลอกนั้น แล้วเสด็จขึ้นไปบรรทม

เมื่อตะวันพลบค่ำต้นทลอกนั้นก็ค่อยตรงขึ้นทีละน้อย ท้าวรุ้งพรายบรรทมหลับ ต้นทลอกก็ตั้งตรงดุจมีผู้ยกขึ้น ท้าวรุ้งพรายจึ่งตื่นจากพระบรรทม ให้หวาดหวั่นพระหฤทัยจึ่งเหนี่ยวกิ่งทลอกไว้ จักเลื่อนพระองค์ลงมาก็มิได้ เสด็จนั่งอยู่บนค่าคบจนต้นทลอกตรงโด่ขึ้นสูงสุด เป็นอัศจรรย์ในพระหฤทัยนัก จักเรียกมหาดเล็กเข้าเฝ้าทั้งปวงก็ไม่ได้ยิน

ฝ่ายประดาไพร่พลเสนาข้าเฝ้าทั้งหลายก็ตกใจ คอยอยู่ใต้ต้นทลอกทั้งสิ้น พอเพลาพระอาทิตย์อุทัยต้นทลอกนั้นจึ่งเอนลงราบถึงพระธรนีดังเก่า ท้าวรุ้งพรายจึ่งลงจากต้นทลอกมายังบรรดาข้าเฝ้า

ครั้นรุ่งขึ้นเพลาเช้า นาคหนุ่มผู้เป็นโอรสพระยานาค ชวนบริวารขึ้นมาเล่นน้ำในทะเลสาบ แล้วว่ายเข้ามาตามคลองที่เชื่อมกับบึงใหญ่ กระทั่งถึงที่ใกล้ต้นทลอก

ท้าวรุ้งพรายเห็นนาคหนุ่ม ก็พาพวกอำมาตย์ราชเสนาทั้งปวงเข้าล้อมจับ เมื่อจับได้ก็พานาคหนุ่มมาไว้ที่ต้นทลอก ได้สมัครสังวาสแล้วตั้งเป็นคู่ครอง…

 

– จบบริบูรณ์ – 

 



Don`t copy text!