คดีรักร้าง บทที่ 2 : วันครบรอบแต่งงานสิบห้าปี

คดีรักร้าง บทที่ 2 : วันครบรอบแต่งงานสิบห้าปี

โดย : เวฬุวลี

Loading

‘คดีรักร้าง’ นวนิยายดีเด่นกลุ่มครอบครัวจากโครงการช่องวันอ่านเอาปี 2 ผลงานจาก ‘เวฬุวลี’ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เดินตามฝันในวัยเด็กสู่บทบาทใหม่กับการเป็นนักเขียน อ่านเอาขอชวนทุกคนมาอ่านกันกับนวนิยายออนไลน์ครบรส ที่จะย้ำเตือนสติของหญิงสาวผู้ถูกสามีนอกใจ แล้วคดีรักร้างจะสร้างความร้าวรานให้หัวใจแค่ไหน ต้องพิสูจน์!!

“วันก่อนบัวเจอคนที่มาสนใจดูบ้านเรา เป็นผู้หญิง ท่าทางแปลกมากเลยค่ะ”

บัวบงกชบอกกับปรเมศวร์ในเย็นวันศุกร์เมื่อเขากลับมาถึงบ้านและทั้งครอบครัวรับประทานอาหารร่วมกัน

“แปลกยังไงล่ะ” สามีหล่อนย้อนถาม

“ไม่รู้สิคะ อธิบายไม่ถูก แต่วิธีการพูดจาของเขา ไม่เหมือนคนที่สนใจมาดูบ้านเลย”

“แม่ก็มองว่าทุกคนแปลกหมดแหละ” ปณตออกความเห็นบ้าง “เพื่อนของณต แม่ก็มองว่าแปลกทุกคน”

“เอาใหญ่แล้วตาณต เดี๋ยวนี้ย้อนแม่เหรอ” บัวบงกชทำท่าเอ็ดอย่างไม่จริงจังอะไร ลูกชายหล่อนยิ้มขันเมื่อยั่วแม่ได้สำเร็จ

“บัวว่าเรื่องบ้าน…อย่าเพิ่งขายดีกว่าไหมคะ บัวชอบที่นี่ ไม่อยากย้ายไปไหน”

“บัว… เราคุยกันแล้วนะ” ปรเมศวร์พยายามตัดบท “อีกไม่กี่ปี ณตก็จะขึ้น ม.ปลายแล้วก็เตรียมสอบเข้ามหา’ลัย เราต้องใช้เงินเยอะขึ้น อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านนี้อยู่แล้ว คุณกับลูกสองคนย้ายไปอยู่คอนโดที่ใกล้โรงเรียนของณตน่าจะสะดวกกว่า”

“แล้วต้องรีบขายตอนนี้เลยเหรอคะ รอณตขึ้น ม.ปลาย ก่อนก็ได้นี่คะ”

ปรเมศวร์เงียบ หันไปตักกับข้าวให้ลูกชาย เป็นสัญญาณที่บอกว่าเขาไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้อีก บัวบงกชเลยหยุดพูด สักพักปณตก็เป็นคนที่ทำลายความเงียบโดยเอ่ยขึ้น

“เดือนหน้า ที่โรงเรียนมีไปเข้าค่ายต่างจังหวัดนะแม่ ณตลงชื่อไปแล้ว”

บัวบงกชหันมาหาลูกชายทันใด ปฏิกิริยาของหล่อนไม่เกินความคาดหมายของคนในครอบครัว “ไปที่ไหน? ไปพักยังไง? แล้วนี่ณตลงชื่อไปแล้วเหรอ อาหารการกินเป็นยังไง เกิดแพ้ขึ้นมาจะทำไง”

ปณตลูกชายของหล่อนเป็นเด็กที่เกิดก่อนกำหนดหลายเดือน สมัยที่บัวบงกชท้องปณต หล่อนยังเป็นหญิงสาวที่มุ่งมั่นในการทำงาน แม้แต่ตอนตั้งครรภ์ หล่อนก็ไม่เคยคิดจะหยุดพัก จนกระทั่งปวดท้องขึ้นมากลางดึกคืนหนึ่งหลังโหมงานหนัก ปรเมศวร์รีบพาหล่อนไปที่โรงพยาบาล และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หล่อนก็คลอดปณตออกมาด้วยสภาพเด็กทารกตัวจิ๋ว บัวบงกชเห็นสภาพของลูกที่มีสายระโยงระยางรอบตัวแล้ว หล่อนก็ได้แต่ร้องไห้ ภาวนาว่าหากลูกรอด หล่อนจะอุทิศทั้งชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อดูแลเขา

ปณตรอดมาได้ แม้จะมีอาการโรคหัวใจที่ต้องดูแลรักษาไปตลอดชีวิต บัวบงกชทำตามสัญญาที่หล่อนให้ไว้กับตนเอง หล่อนลาออกจากงาน ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลลูกชาย จนเขาเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังใกล้จะพ้นอ้อมอกแม่เต็มที แต่บัวบงกชก็ยังห่วง ลูกชายของหล่อนไม่แข็งแรง และมีอาการแพ้สารพัดอย่างที่ทำให้หล่อนต้องคอยควบคุมดูแลอาหารการกินของลูกอยู่เสมอ

แต่ดูสิ ตอนนี้ความเป็นห่วงของหล่อนกลับทำให้ลูกชายนิ่วหน้าอย่างขัดใจ

“ณตดูแลตัวเองได้น่าแม่ เพื่อนคนอื่นๆก็ไปกันหมดเลย ทำไมณตจะไปไม่ได้”

“แต่คนอื่นๆเขาไม่เหมือนณตไง”

“ไม่เหมือนตรงไหนแม่ แม่เลิกทำเหมือนณตเป็นเด็กซะทีเถอะ ณตอายุสิบสี่แล้วนะปีนี้”

“อีกหลายเดือนกว่าจะสิบสี่ ตอนนี้แค่สิบสาม แม่ก็ยังต้องดูแลอยู่”

ปณตหน้าบึ้ง แม่ห้ามไม่ให้เขาเข้าร่วมกิจกรรมมาหลายหนจนเพื่อนๆในห้องล้อว่าเขาเป็นลูกแหง่ คราวนี้เขาจะไม่ยอมตามใจแม่อีกต่อไป

“ณต ไปเติมน้ำให้พ่อหน่อยไป” ปรเมศวร์หย่าศึกระหว่างแม่ลูกด้วยการที่ใช้ให้ลูกชายเข้าไปหยิบน้ำดื่มที่ครัวด้านใน พอปณตเดินลับไป ปรเมศวร์ก็หันมาหาภรรยา “อย่าห้ามลูกนักเลยบัว ให้ลูกได้ไปเล่นสนุกกับเพื่อนบ้างเถอะ”

“คุณก็รู้ว่าณตไม่แข็งแรง ถ้าเกิดเขาป่วยขึ้นมาเหมือนคราวนั้นอีกล่ะค่ะ” บัวบงกชท้วง หล่อนอ้างถึงเหตุการณ์ที่ปณตเคยไปเข้าค่ายลูกเสือตอนประถมปลายและกลับมาด้วยอาการปอดบวม จนหล่อนและสามีต้องวิ่งวุ่นพาลูกเข้าโรงพยาบาล

“นั่นมันก็นานแล้ว ตอนนี้ณตก็แข็งแรงขึ้นมาก ผมว่าเราอย่าห้ามเลย เขาควรได้มีเวลาอยู่กับเพื่อนบ้าง” ปรเมศวร์เอื้อมไปกุมมือหล่อนให้คลายความกังวล “เราไม่ได้เลี้ยงลูกแค่ให้ลูกแข็งแรง แต่ต้องเลี้ยงให้เขามีความสุขด้วยนะ”

คำพูดนั้นของสามีทำให้หล่อนเงียบไป และเมื่อลูกชายกลับมานั่งร่วมโต๊ะ บัวบงกชเลยพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น

“ไหนณต เล่าให้แม่ฟังสิว่าเพื่อนลูกมีใครไปบ้าง แล้วค่ายมีอะไรสนุกๆให้ทำบ้าง แม่อยากรู้”

ลูกชายของหล่อนหน้าบานขึ้นมาทันใด และเล่าฟุ้งถึงกิจกรรมทั้งหลายแหล่ที่ตนวาดฝันจะไปเข้าร่วม บัวบงกชและปรเมศวร์เลยพลอยมีรอยยิ้มไปด้วย

 

—————————

 

ศลิษามาหาบัวบงกชในเช้าวันเสาร์ หล่อนรู้มาก่อนหน้านี้ว่าเสาร์นี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของบัวบงกช เพื่อนสนิทอย่างหล่อนก็เลยช่วยจัดแจงด้วยการรับดูแลปณตให้ชั่วคราวเพื่อให้สามีภรรยาได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง

“เดี๋ยวคืนนี้ แกก็ให้ณตไปค้างกับฉันนะ ต้นน้ำจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย” ศลิษาเอ่ยถึงลูกชายของหล่อนที่ติดพี่ชายอย่างปณตเป็นอย่างมาก

“จะดีเหรอ… เกรงใจแก”

“เกรงใจอะไรกัน จะมีกี่วันกันเชียวที่แกกับเมศจะได้อยู่กันตามลำพัง” ศลิษาลดเสียงต่ำลงก่อนเข้าไปกระซิบใกล้ๆบัวบงกช “แล้วอย่าลืมทำข้อสอบล่ะ”

“ทำข้อสอบ?”

“ก็เหมือน…ทำการบ้านไง แต่เรียกว่าข้อสอบ จะได้ทำนานๆหน่อย”

บัวบงกชตีแขนเพื่อนอย่างหมั่นไส้เมื่อรู้ความนัย “ทะลึ่ง แกนี่!”

สองสาวหยุดคุยเมื่อปณตหอบกระเป๋ามาที่รถของศลิษา หลังลูกชายขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย แม่อย่างหล่อนก็ยังมองอย่างอาลัยอาวรณ์ จนศลิษาต้องดันหล่อนให้เข้าบ้านไป

“ไม่ต้องห่วงลูกหรอกน่า เดี๋ยวฉันดูแลให้ แกไปคิดดีกว่าว่าคืนนี้จะดูแลผัวยังไง” ศลิษาน้ำเสียงจริงจังขึ้นเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป “บัว ถึงมีลูกแล้ว แกก็อย่าเป็นแค่แม่ของลูกนะ แกต้องเป็นเมียด้วย’

บัวบงกชชะงักไป หัวเราะออกมาเจื่อนๆ “พูดอะไรของแก”

“ถือว่าเป็นคำแนะนำของคนที่เคยแต่งงานแล้ว แล้วก็หย่าแล้ว แล้วกันนะ”

ศลิษาพูดแค่นั้น ก่อนจะโบกมืออำลาหล่อน และขับรถพาปณตออกไป

บ้านเหลือเพียงแค่หล่อนและสามีที่ยังไม่ตื่นนอน คำพูดของศลิษาสะกิดใจให้บัวบงกชหยิบเอาเครื่องสำอางและลิปสติกสีแดงสดขึ้นมาใช้ ที่จริงใช่ว่าบัวบงกชจะไม่ดูแลตนเอง หล่อนเชื่อมั่นว่าในยามนี้รูปร่างหน้าตาของหล่อนก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนแต่งงานใหม่ๆ เพียงแต่ปรเมศวร์คงไม่ได้ตื่นเต้นเมื่อเห็นเธอเท่ากับตอนที่เขาเป็นหนุ่มน้อยมาขอความรักจากสาวต่างคณะอีกแล้ว

และเมื่อปรเมศวร์ตื่นนอน ก็เห็นบัวบงกชที่แต่งตัวสวยยืนยิ้มอย่างสดใสให้เขาที่ข้างโต๊ะทานข้าวที่จัดวางอาหารอยู่เต็มโต๊ะ

ปรเมศวร์ชะงัก และมีสีหน้างงงันเหมือนที่หล่อนเคยเห็นทุกปี

“มีแขกมาหรือ”

นี่คือคำแรกของเขา จนบัวบงกชต้องแกล้งถาม “วันนี้วันอะไร”

“วันเกิดบัวเหรอ ไม่ใช่สิ นั่นมันเดือนมกรา.. วันเกิดผมก็ไม่ใช่ วันเกิดณตก็ไม่ใช่”

ปรเมศวร์มีสีหน้าเหมือนจะนึกขึ้นมาได้เมื่อหันไปเห็นรูปแต่งงานของเขาและหล่อนที่ประดับอยู่บนฝาผนัง บัวบงกชยิ้มก่อนเข้าไปหอมแก้มสามี

“สุขสันต์วันครบรอบค่ะ เราอยู่กันมาสิบห้าปีแล้วนะ’

“‘อืม..” ปรเมศวร์พูดแค่นั้น แววตาของเขาดูสับสนและกังวลจนหล่อนแปลกใจ

“พูดแค่นี้เหรอ”

“อ้อ จ้ะ” สามีของหล่อนเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว หันมาดึงหล่อนเข้าในอ้อมกอดก่อนจะจูบกลับ “สุขสันต์วันครบรอบนะ”

ปรเมศวร์นั่งกินข้าวกับหล่อน พูดคุยเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่มีลูกมาเกี่ยวข้อง บัวบงกชจำแทบไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่หล่อนกับปรเมศวร์ ‘สวีท’ กันนั้นคือเมื่อไหร่ หลังจากที่มีลูก การไปกินข้าว ไปเที่ยว หรือดูหนังกันสองคนแทบไม่เคยอยู่ในความคิดของหล่อน

ต่อไปนี้ หล่อนจะค่อยๆเติมความหวานให้กับชีวิตคู่ บัวบงกชคิดพลางเดินไปหยิบถาดชีสเค้กวางบนโต๊ะ ปรเมศวร์ยิ้มขอบคุณหล่อน แต่ตักไปชิมแค่ในปริมาณเล็กน้อย

“ทำไมกินน้อยจังคะ เมื่อก่อนคุณชอบชีสเค้กแบบนี้มากเลยไม่ใช่เหรอ”

“ช่วงหลังผมพยายามลดน้ำตาลนะ หมอเตือนมาแล้ว”

ฟังคำตอบของสามีแล้วบัวบงกชก็อึ้งไป อดนึกไปถึงคำพูดของหญิงสาวที่แวะมาที่บ้านหล่อนเมื่อวันก่อนไม่ได้ ปรเมศวร์ไม่ได้ชอบชีสเค้กอีกแล้ว อันที่จริงหล่อนก็ไม่ค่อยรู้เท่าไรนักว่าพักหลังปรเมศวร์ชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร เมื่อในหนึ่งสัปดาห์ หล่อนมีเวลาอยู่กับเขาแค่สองวันเท่านั้น แถมหล่อนยังหายใจหายคอเป็นเรื่องลูกเสียหมด

“งั้นเมศบอกบัวนะคะว่าเมศอยากกินอะไร แล้ววันหลัง บัวจะทำให้ทาน”

“ถ้าลำบาก ก็ไม่ต้องก็ได้บัว ผมไม่อยากให้บัวต้องเหนื่อย”

“ไม่ลำบากหรอก” บัวบงกชยิ้มอย่างเอาใจ “เมศเคยบอกว่าเมศชอบของที่บัวทำให้กินทุกอย่างเลยไม่ใช่เหรอคะ”

ปรเมศวร์เพียงแค่ยิ้มรับ และเปลี่ยนเรื่องไปอีกทาง “วันพรุ่งนี้ ผมมีธุระนะ… ต้องออกจากบ้านแต่เช้า แล้วก็คงขับไปที่ทำงานเลย”

บัวบงกชพยักหน้ารับ หล่อนคิดว่าธุระของสามีคงไม่พ้นเรื่องงาน และไม่ได้คิดจะถามรายละเอียดต่อ

 

————————

 

กลางคืนที่มีแค่หล่อนและสามีอยู่กันเพียงลำพัง บัวบงกชหยิบชุดนอนสีดำลายลูกไม้ที่ปรเมศวร์ซื้อให้หล่อนเมื่อหลายปีก่อนมาสวมใส่ จำได้ว่าหล่อนเขินจนหน้าแดงเมื่อเห็น ‘ชุดนอนไม่ได้นอน’ ที่เขาซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิด และยังประกาศว่าหล่อนไม่มีทางจะใส่ชุดนอนที่แนบไปทุกสัดส่วนแบบนี้แน่ๆ

‘ใครจะมาเห็นกันเล่า คุณก็ใส่ให้ผมเห็นคนเดียว’

‘นั่นแหละ ไม่เอาหรอก บัวไม่กล้าใส่แน่ๆ คุณไม่น่าจะเสียเงินแพงๆซื้อมาเลย’

สุดท้ายปรเมศวร์ก็เลยเลิกเซ้าซี้หล่อน และชุดนอนนั้นก็กองเก็บอยู่ในตู้เสื้อผ้ามานมนานจนหล่อนแทบลืมไปแล้ว

บัวบงกชไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนหยิบมันมาสวมใส่ในวันนี้ อาจเป็นเพราะเห็นความไม่แน่นอนในชีวิตคู่ของศลิษา หรือเห็นความว่างเปล่าในนัยน์ตาของสามี ที่ทำให้บัวบงกชรู้สึกว่าหล่อนอาจจะต้อง ‘พยายาม’ ขึ้นอีกสักนิด

ปรเมศวร์ยืนโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงบ้าน หล่อนเดินเข้าไปหาเขาจากด้านหลัง อยากจะเห็นสีหน้าประหลาดใจเมื่อเขาหันมามองเห็นหล่อนในชุดนอนลายลูกไม้

ปรเมศวร์สนทนากับปลายสายในคำพูดที่หล่อนก็จับใจความไม่ได้ เขาหูไวพอที่จะหันมาทางหล่อนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ปรเมศวร์กดวางมือถือ แต่ยังไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา จนบัวบงกชต้องทวงถาม

“ไม่พูดอะไรเลยเหรอคะ บัวอุตส่าห์ใส่ชุดที่คุณเคยซื้อมาให้นะคะ”

นั่นแหละ ปรเมศวร์ถึงยิ้มออกมา เขาเดินมาใกล้หล่อนก่อนจะสัมผัสเนื้อผ้าเบาบาง “สวยมาก…”

ริมฝีปากหนาของเขาประกบลงมายังริมฝีปากบางของหล่อน ความหวานล้ำลึกที่คู่สามีภรรยาห่างหายไปนานแล้วกลับมาอีกครั้ง ปรเมศวร์พาหล่อนเข้ามาที่ห้องนอน และก็เตรียมที่จะจับจูงหล่อนไปสู่ดินแดนแห่งความสุขด้วยกัน

แต่เป็นหล่อนนั่นเองที่ชะงักกลางทาง จนปรเมศวร์ชะงักไปด้วย ชายหนุ่มยังพยายามปลุกให้หล่อนร่วมมือกับเขาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จ

“บัวขอโทษนะคะ… บัว”

ปรเมศวร์ไม่กล่าวโทษหล่อน เขาเพียงก้มลงจูบหน้าผากของหล่อนเป็นการปลอบประโลม ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงเดินเตรียมจะออกไปจากห้อง

“เดี๋ยวค่ะ” บัวบงกชคว้ามือสามีไว้ เอ่ยอ้อนวอน “คืนนี้ คุณนอนที่นี่เถอะนะคะ อย่าไปนอนที่ห้องทำงานเลย…นะคะ”

ปรเมศวร์เหมือนจะเข้าใจความหวั่นไหวในดวงตาของหล่อน เขาจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ก่อนกอดหล่อนไว้อย่างแนบแน่น “ผมจะอยู่ที่นี่แหละ คุณนอนเถอะนะบัว”

บัวบงกชรู้สึกอุ่นใจ ถึงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กันนานแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นชายหนุ่มคนเดิมที่หล่อนมอบความรักให้อย่างหมดใจ แล้วบัวบงกชก็หลับสนิทไปในอ้อมกอดของสามีในวันครบรอบแต่งงานสิบห้าปี

 

————————

 

เมื่อบัวบงกชตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ สามีก็ไม่อยู่ข้างกายเสียแล้ว บัวบงกชชะเง้อมองหน้าบ้านจากหน้าต่างชั้นบนเพื่อดูว่าปรเมศวร์ออกไปหรือยัง

ปรเมศวร์แต่งตัวเสร็จแล้วแต่ยังยืนอยู่หน้าบ้าน แต่สิ่งที่ทำให้บัวบงกชประหลาดใจก็คือปวีณาแม่ของเขาก็ยืนอยู่ด้วย

ปวีณาไม่ได้มาเหยียบบ้านหลังนี้นานแล้ว ถึงบ้านของหล่อนกับปวีณาจะใกล้กันมาก เพียงแค่ขับรถห้านาทีถึง แต่หล่อนก็ไม่ได้เจอกับแม่สามีบ่อยนัก ตะกอนรอยร้าวระหว่างสองบ้านสะสมมานานปี จนปะทุขึ้นในวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เมื่อปวีณาให้ปณตลูกของหล่อนกินอาหารที่เขาแพ้จนกระทั่งต้องเข้าโรงพยาบาล บัวบงกชก็ต่อว่าแม่สามีอย่างไม่ไว้หน้า

‘บัวบอกคุณแม่แล้วไม่ใช่เหรอคะว่าณตแพ้ถั่วทุกชนิดรวมถึงอัลมอนด์ กินแค่นิดเดียวก็ลมพิษขึ้นแล้ว แล้วนี่กินไปตั้งเท่าไหร่ คุณแม่จะฆ่าลูกหนูหรือยังไง!’

‘น้อยๆหน่อยแม่บัว ใครมันจะคิดจะฆ่าจะแกงหลาน ฉันก็เขี่ยไอ้อันที่อยู่ด้านบนแล้ว ไม่คิดว่ามันจะมีในไส้ขนมด้วย’

‘เขี่ยทิ้งก็ไม่ได้ ถึงมีแค่เศษก็ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้นะคะ เลิกพูดซะทีว่าคุณแม่ไม่ผิด’

‘โอ๊ย ลูกหล่อน มันลูกเทวดานักนี่ แตะไม่ได้ กินอันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะใคร ไม่ใช่เพราะแม่มันมัวแต่ทำงาน จนลูกออกมาไม่ครบเก้าเดือนหรอกเหรอ!’

ปวีณาโยนความผิดมาให้ลูกสะใภ้อย่างหล่อนเช่นเคย ปรเมศวร์ต้องเป็นฝ่ายมาห้ามทัพ แต่รอยร้าวก็ยากที่จะประสาน หลังจากนั้น ก็มีแต่ปรเมศวร์ที่ต้องคอยเป็นคนกลางระหว่างสองบ้าน

ปกติบัวบงกชคงเลี่ยงที่จะไม่เผชิญหน้ากับแม่สามี แต่ความสงสัยว่าปวีณามาทำอะไรที่นี่ ทำให้หญิงสาวตัดสินใจใส่เสื้อคลุมก่อนเดินลงไปด้านล่าง

ปวีณาพอเห็นลูกสะใภ้เดินออกมาหน้าบ้านก็ชะงัก บัวบงกชยกมือไหว้ แม่สามีก็พูดแค่ “อ้าว แม่บัวตื่นแล้วเหรอ” หญิงสูงวัยไม่ได้พูดจากระทบกระเทียบเธอเหมือนทุกครั้งที่เจอ แต่กลับหันไปมองทางลูกชายเหมือนให้เขาเป็นคนพูดก่อน

“เดี๋ยวผมจะต้องไปส่งคุณแม่นะ…”

บัวบงกชพยักหน้ารับ เข้าใจว่าธุระที่เขาพูดว่าต้องไปทำตอนเช้า คงเป็นธุระของแม่เขานั่นเอง

“คุณไปนอนต่อเถอะ นี่เพิ่งจะหกโมงเอง”

“ค่ะ เดินทางดีๆนะคะ”

ปวีณาขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ ปรเมศวร์ก็ทำท่าจะเปิดประตูเช่นกัน แต่แล้วเขาก็หันกลับมามองหล่อนอีก

“บัว”

“คะ?”

สามีของหล่อนมีแววตาลึกซึ้งเมื่อเอ่ยคำต่อมา “ผมรักคุณนะ”

บัวบงกชยิ้มเขิน อยู่กันมาสิบกว่าปีแล้วจะมาเอ่ยคำรักอะไรตอนนี้ หญิงสาวไม่รู้จะตอบอะไรนอกจาก “รู้แล้วค่ะ”

ปรเมศวร์สบตาภรรยาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป ทิ้งให้บัวบงกชมองตามอย่างอารมณ์ดี

ในตอนนั้น บัวบงกชคิดว่าการที่หล่อนรู้สึกหวั่นไหวมาทั้งอาทิตย์หลังจากได้ยินเรื่องการหย่าของศลิษาเป็นเรื่องไร้สาระ หล่อนแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและสามีมั่นคงและแข็งแกร่งราวหินผาที่ไม่มีใครทำลายลงได้ง่ายๆ

จนกระทั่งโทรศัพท์สายหนึ่งเข้ามาหาหล่อนช่วงสายๆของวันนั้น

ชนิกานต์นั่นเองที่โทรมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน “บัว ตอนนี้เมศอยู่ไหน? อยู่บ้านหรือเปล่า?”

“เปล่า ออกไปหลายชั่วโมงแล้ว มีอะไรเหรอ”

“คือว่าฉัน…” ชนิกานต์อ้ำอึ้ง มีเสียงคุยแทรกเข้ามาตลอด

“นี่แกอยู่ไหน ไม่ค่อยได้ยินเสียงเลย”

“ฉันอยู่ในงาน” ชนิกานต์ตัดสินใจพูดต่อ “ฉันมางานแต่งงาน เจอเมศ”

“อ้าว เหรอ” ตอนนั้นบัวบงกชคิดเพียงแค่ว่านอกจากไปส่งแม่แล้ว ปรเมศวร์ต้องไปงานแต่งงานด้วยนี่เอง เขาถึงต้องรีบร้อนกลับต่างจังหวัดตั้งแต่ช่วงเช้าวันอาทิตย์ “แล้วแกมาถามหาเมศทำไม แกก็เจอเมศแล้วนี่”

“ฉันอยากจะให้ไม่ใช่เมศนะสิ ตกลงเป็นเมศจริงๆหรือนี่”

“อะไรนะ” บัวบงกชงง คำพูดจากชนิกานต์ฟังดูแปลก แต่หล่อนก็ยังปะติดปะต่อไม่ได้ จนชนิกานต์เอ่ยต่อ “บัว ฟังนะ… เมศอยู่ในงานแต่ง…”

นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้บัวบงกชตั้งคำถามอะไรจนกระทั่งประโยคต่อมา

“เมศเป็นเจ้าบ่าว… เขามาแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน!”

ทันทีที่จบประโยคนั้น หินผาที่แข็งแกร่งของหล่อนมลายหายไปเหลือเป็นเพียงแค่ปราสาททรายที่เพียงคลื่นซัดก็พังทลายลงในพริบตา

 



Don`t copy text!