คดีรักร้าง บทที่ 3 : ทนายความคดีครอบครัว

คดีรักร้าง บทที่ 3 : ทนายความคดีครอบครัว

โดย : เวฬุวลี

Loading

‘คดีรักร้าง’ นวนิยายดีเด่นกลุ่มครอบครัวจากโครงการช่องวันอ่านเอาปี 2 ผลงานจาก ‘เวฬุวลี’ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เดินตามฝันในวัยเด็กสู่บทบาทใหม่กับการเป็นนักเขียน อ่านเอาขอชวนทุกคนมาอ่านกันกับนวนิยายออนไลน์ครบรส ที่จะย้ำเตือนสติของหญิงสาวผู้ถูกสามีนอกใจ แล้วคดีรักร้างจะสร้างความร้าวรานให้หัวใจแค่ไหน ต้องพิสูจน์!!

บัวบงกชเงยหน้าดูป้ายด้านหน้าที่เขียนเอาไว้ว่า ‘สำนักงานกฎหมายภาวินท์’ และมีตัวอักษรเล็กๆที่เขียนไว้ข้างใต้ว่า ‘รับปรึกษาคดีครอบครัว’ หล่อนผลักประตูเข้าไปด้านใน ชะงักเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยวัยน่าจะสักสิบกว่าขวบ ยืนมองหล่อนตาแป๋วอยู่

เด็กหญิงดูท่าทางไม่กลัวคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย แจกยิ้มสดใสมายังหล่อนก่อนถาม “มาหาใครคะ”

“ทนายภาวินท์อยู่ไหมจ๊ะ”

เด็กหญิงวิ่งไปด้านหลังสำนักงานอย่างเร็วจนหางเปียสะบัด ตะโกนเรียกดังลั่น “คุณพ่อๆ มีลูกความมาหาค่ะ”

ตัวแค่นี้ รู้จักคำว่า ‘ลูกความ’ ด้วย คงได้ต้อนรับแขกของพ่อบ่อยสินะ ไม่นานนัก บัวบงกชก็ได้เห็นชายหนุ่มร่างสูงผู้หนึ่ง เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีสดใสและกางเกงผ้า แต่งกายลำลองจนเกินกว่าที่หล่อนจะคิดว่าเขาคือคนที่หล่อนนัดหมายมาพบในวันนี้  ดูเหมือนคุณทนายก็จะรู้ตัวเมื่อเห็นหล่อนชะงัก เขารีบอธิบาย

“เชิญครับ พอดีผมเพิ่งไปงานกีฬาสีของลูกสาวมา เขาให้ผู้ปกครองแต่งเสื้อทีมเดียวกัน”

บัวบงกชก้าวเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวด้านหลังสำนักงาน บนโต๊ะมีรูปของภาวินท์และลูกสาวในวัยที่เด็กกว่าปัจจุบันเล็กน้อย บัวบงกชตาไวพอที่จะเห็นว่าในรูปนั้นมีแค่เขากับลูกสาวเท่านั้น ไม่มีแม่ของลูกแต่อย่างใด

ส่วนเด็กน้อยลูกสาวเขาก็ไปนั่งอ่านหนังสือเงียบๆนอกห้อง แต่ภาวินท์ก็ยังมองเห็นหนูน้อยได้จากกระจกห้องทำงาน ดูเหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันของสองพ่อลูกเวลาที่มีคนเข้ามาปรึกษา

“ฉัน บัวบงกช ที่โทรมาก่อนหน้านี้ คุณรับทำคดีครอบครัวใช่ไหมคะ”

“ครับ คดีครอบครัว… แต่อันที่จริง อาจจะต้องเรียกว่าเป็นคดีบ้านแตกมากกว่า เพราะไม่ค่อยมีใครคิดอยากจะอยู่เป็นครอบครัวเท่าไหร่เวลามาหาผม”

บัวบงกชพยักหน้าเข้าใจ หล่อนค้นหาในอินเทอร์เน็ตจนรู้ว่าทนายที่รับทำคดีครอบครัว ส่วนใหญ่ก็ทำคดีหย่า คดีฟ้องชู้ คดีแย่งอำนาจปกครองบุตร ดูไม่ใช่เรื่องที่คนที่มีครอบครัวสุขสันต์จะเฉียดมาใกล้เหมือนที่เขาบอก

ทนายหนุ่มเชื้อเชิญให้หล่อนนั่งลงตรงข้ามเขา ก่อนจะเริ่มซักถามและจดรายละเอียด

“คุณอยากปรึกษาเรื่องอะไรครับ”

บัวบงกชนิ่งไป ก่อนเอ่ยสิ่งที่หล่อนก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง  “เมื่ออาทิตย์ก่อน สามีฉันเขาแอบไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น”

ภาวินท์ชะงักเมื่อฟังจบ “เขาจดทะเบียนกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าครับ”

“ฉันไม่รู้ เราคุยกันแค่หนเดียวหลังเกิดเรื่อง”

“เรื่องนี้สำคัญนะครับ แล้วคุณจดทะเบียนกับเขาด้วยหรือเปล่า”

บัวบงกชฉุนกึก หล่อนขึ้นเสียงเมื่อเอ่ยประโยคถัดมา “ฉันเป็นเมียหลวง ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าฉันเป็นเมียของเขาคนเดียวมาตลอด จนกระทั่งสามีไปมีเมียน้อย”

“คุณบัวบงกช” ภาวินท์หันมามองหล่อนอย่างจริงจัง “เรื่องแรกที่คุณควรจะรู้สำหรับคดีครอบครัวก็คือ… ในกฎหมายไม่มีเมียหลวง เมียน้อยหรอกนะครับ มีแค่เมียที่จดทะเบียนสมรส ถ้าคุณอยู่กับเขาเป็นสิบๆปี แต่ไม่ได้จดทะเบียน แล้วเขาไปจดทะเบียนกับผู้หญิงที่เขาเจอแค่วันเดียว คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง”

“ฉันจดทะเบียนกับเขา” บัวบงกชตอบสั้นๆทำให้ภาวินท์ถอนหายใจโล่งอก “โอเค แล้วคุณต้องการจะฟ้องหย่าใช่ไหมครับ มีรายการสินส่วนตัว สินสมรสแล้วหรือยัง”

บัวบงกชส่ายหน้า ภาวินท์ดูออกว่าหล่อนคงยัง ‘ช็อก’ อยู่มากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนโยนลงเมื่อพูดต่อ

“เอาใหม่นะครับ ผมจะยังไม่ถามคุณแบบที่ทนายถามลูกความ ผมอยากให้คุณคิดเสียว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่ง… เล่าได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

บัวบงกชพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆทบทวนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นและเปลี่ยนชีวิตของหล่อนไปทั้งชีวิต

 

———————————

 

บัวบงกชจำได้ว่าหล่อนถามย้ำชนิกานต์หลายต่อหลายครั้งทางโทรศัพท์

‘แกพูดอะไร? เมศเขาจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง? แกจำผิดหรือเปล่าเดียร์’

‘ชื่อเจ้าบ่าวในงานก็เขียนว่าปรเมศวร์เหมือนกันนี่นะ แกคิดว่าจะมีกี่คนที่หน้าเหมือนกัน ชื่อเหมือนกันเป๊ะ’

บัวบงกชพยายามตั้งสติ ทั้งที่ใจหล่อนเต้นรัวแทบจะลืมหายใจ ‘แกถ่ายรูปส่งมาให้ฉันหน่อย’

ปลายสายเงียบไปสักพัก ก่อนที่ชนิกานต์จะพูดขึ้น ‘ไม่สำเร็จ มีคนมุงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเต็มเลย ฉันอยู่วงนอก มองไม่เห็น’

‘แล้วงานจัดที่ไหน’

‘จัดที่วสันต์บุรีนี่แหละ ที่บ้าน…’

เสียงของชนิกานต์เงียบไป ก่อนที่บัวบงกชจะได้ยินเสียงอื่นแทรกเข้า ‘คุณทำอะไร! ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปยุ่งเรื่องของคนอื่น!’

บัวบงกชจำได้ว่าเป็นเสียงของธีร์สามีของชนิกานต์ เสียงโต้เถียงกันดังแว่วอยู่ไกลๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบดับลง จากนั้นบัวบงกชก็พยายามโทรหาชนิกานต์อีกหลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เหมือนเครื่องโทรศัพท์จะถูกปิดไปตั้งแต่นั้น

และเมื่อหญิงสาวโทรหาปรเมศวร์ผู้เป็นสามี ก็ไม่มีใครรับสายเช่นกัน

บัวบงกชปั่นป่วนใจอย่างประหลาด ใครว่าลางสังหรณ์ของผู้หญิงแรงนัก ตอนนี้ลางสังหรณ์ของหล่อนก็กำลังบอกว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่

หญิงสาวตัดสินใจพิสูจน์ความจริงด้วยการขับรถไปที่วสันต์บุรี จังหวัดที่ปรเมศวร์ไปทำงานในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมา หล่อนยังโทรบอกศลิษาก่อนไปว่า ‘ฉันฝากณตไว้อีกคืนนะษา ฉันจะไปหาเมศ’

ศลิษามีท่าทีแปลกใจ แต่บัวบงกชก็ไม่มีเวลาอธิบาย รถที่ขับด้วยความเร็วร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมงยังช้าเกินไปเมื่อเทียบกับใจที่ร้อนรนของหล่อนในตอนนี้

บัวบงกชใช้เวลาแค่เพียงชั่วโมงครึ่งจากกรุงเทพฯมาที่วสันต์บุรี

ที่แรกที่หล่อนไปคือที่พักของปรเมศวร์​ แต่บ้านปิดเงียบ แม่บ้านที่แวะเวียนมาทำความสะอาดก็ไม่อยู่ บัวบงกชโทรหาปรเมศวร์อีกหนแต่ก็ไม่มีใครรับสาย

แล้วนี่หล่อนจะไปตามหาตัวเขาที่ไหนกัน บัวบงกชพยายามนึกทบทวนว่าชนิกานต์ได้บอกก่อนเสียงตัดไปว่างานจัดที่บ้านของใครสักคน หญิงสาวจึงไม่ได้มุ่งไปที่โรงแรม หากแต่ขับรถวนเวียนไปบริเวณบ้านแถบนั้น

วสันต์บุรีเป็นจังหวัดที่ไม่ใหญ่นัก และเป็นเมืองรองที่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางท่องเที่ยว จึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ ในยามใกล้เที่ยงของวันอาทิตย์ หล่อนเห็นชาวบ้านเพียงไม่กี่คนที่ค้าขายอยู่ริมทาง และมีป้ายหาเสียงขนาดใหญ่เรียงรายตลอดทาง บ่งบอกว่าใกล้ถึงฤดูกาลของการเลือกตั้งแล้ว

เมื่อเห็นว่าบ้านไหนจัดงานแต่งอยู่ บัวบงกชก็ขับรถเลี้ยวเข้าไป แต่พอเห็นหน้าบ่าวสาว หล่อนก็ถอยกลับมา ไม่มีสักงานที่มีร่างสูงของสามีหล่อนปรากฏตัวอยู่

หรือเรื่องทุกอย่างจะเป็นเพียงความเข้าใจผิดของชนิกานต์ บัวบงกชเองก็อยากให้เป็นแบบนั้น สามีที่ยังบอกรักหล่อนอยู่เมื่อคืนนี้นะหรือจะมาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เป็นไปไม่ได้ หล่อนย้ำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น หากแต่ก็ยังขับรถวนไปมาด้วยใจที่ไม่อาจจะสงบลงได้เลย

หญิงสาวจอดรถอยู่ตรงสี่แยกไฟแดง แล้วหล่อนก็ซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ บัวบงกชไม่รู้ว่าเธอกำลังตามหาอะไรอยู่ และเธอก็ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจที่ไม่ได้เจอกับสามี

เสียงแตรรถดังลั่น ทำให้บัวบงกชเงยหน้าขึ้น ไฟเขียวนานแล้ว และรถคันหลังบีบแตรเตือนให้เธอขับรถออกจากสี่แยก บัวบงกชขับรถต่อไปด้วยใจที่เหม่อลอย คนขับรถคันหลังทนความชักช้าของเธอไม่ไหว เลยขับแซงไปด้านหน้า บัวบงกชถึงเห็นว่ารถคันนั้นมีโลโก้ของบริษัทรับจัดงานแต่งงานชื่อดังติดอยู่

ความรู้สึกสังหรณ์ของหล่อนอีกนั่นแหละ ที่ทำให้บัวบงกชตัดสินใจขับตามรถคันนั้นไป ขับต่อไปอีกไม่ถึงกิโล รถคันนั้นก็เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง

บัวบงกชลงจากรถ มองเข้าไปในบ้านหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์ก็ได้ ถ้าดูจากพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตและตัวบ้านที่ตกแต่งประดับประดาหรูหราต่างจากบ้านชาวบ้านทั่วไปในแถบนั้น

ป้ายหาเสียงขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าบ้าน ทำให้บัวบงกชรู้ได้ว่าเจ้าของบ้านคือใคร วสันต์บุรีก็เหมือนหลายจังหวัดในไทยที่มีตระกูลใหญ่ที่ครองอำนาจทางธุรกิจและการเมือง ต้นตระกูลนี้เป็นคนจีนที่อพยพมาอยู่ที่วสันต์บุรีและทำมาค้าขายจนเป็นเจ้าของกิจการมากมาย ฟาร์มเกษตร ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ล้วนเป็นของญาติพี่น้องในตระกูลเดียวกัน ภายหลังลูกหลานก็เปลี่ยนจากแซ่ หันไปใช้ชื่อสกุลว่า วสันต์วาณิช เพื่อบ่งบอกถึงการลงหลักปักฐานในจังหวัดแห่งนี้

บ้านกำลังมีงานเลี้ยง บัวบงกชจึงสามารถเดินเข้าไปได้โดยง่าย หญิงสาวพยายามกวาดสายตาหาสามี แต่อีกใจก็ภาวนาว่าอย่าให้เป็นจริงเลย อย่าให้หล่อนได้เจอเขาที่นี่เลย

บนเวทีมีชายสูงวัยท่าทางภูมิฐานที่ยืนเคียงข้างชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าแต่ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกัน บัวบงกชไม่ได้ติดตามข่าวมากนัก แต่ก็พอจะเดาได้ว่าสองคนนี้น่าจะเป็นพ่อลูกตระกูลวสันต์วาณิช

“ผมขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกสาวของผมในวันนี้ และถ้าท่านจะเมตตา ผมอยากฝากลูกชายด้วย เขาเป็นคนตั้งใจทำงาน ผมเชื่อว่าเขาจะสามารถช่วยพัฒนาจังหวัดวสันต์บุรีของเราได้อย่างดี ถ้าได้รับเลือกเป็น สส. ต่ออีกสมัย”

แขกกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากบัวบงกชกระซิบกระซาบกัน

“ตกลงนี่งานแต่ง… หรืองานหาเสียงกันแน่” นิภา หญิงวัยห้าสิบกว่าเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน

“ก็ทั้งสองอย่างแหละ คนอย่างเจ้าสัวอัคระ ธรรมดาที่ไหนกัน” วิทูร หนุ่มใหญ่ที่ทำงานอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดกระซิบกระซาบกับเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

แล้วทั้งกลุ่มก็หัวเราะกันคิกคัก จันทร์จรี เลขานุการสาววัยสามสิบ หันมาเห็นบัวบงกชเข้า ทีแรกยังไม่ได้สนใจอะไร แต่พอจำได้เท่านั้น หล่อนก็รีบไปสะกิดนิภาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ

“พี่นิๆ ดูนั่น!”

นิภาหันมามองตาม แต่ก็ยังไม่เข้าใจ “ดูอะไร”

“เมีย”

“เมียใคร?”

หญิงสาวกระซิบเสียงเบา แต่ทำให้ทุกคนในกลุ่มนั้นเห็นมามองหล่อนเป็นตาเดียว “เมียรองฯเมศ!”

เมื่ออีกฝ่ายจำเธอได้ บัวบงกชก็จำได้ว่าเธอเคยเห็นหน้าทุกคนที่ยืนในกลุ่มนั้น นิภา จันทร์จรี และวิทูร ทุกคนเป็นลูกน้องและเพื่อนร่วมงานของปรเมศวร์ ที่ได้เจอกันเมื่อหล่อนตอนยังอยู่ที่วสันต์บุรีกับสามีเมื่อหลายปีก่อน

บัวบงกชใจสั่น ใจหนึ่งก็อยากจะวิ่งหนี เพราะไม่อยากเผชิญกับความจริง แต่อีกใจ กลับทำให้หญิงสาวยิ่งสาวเท้าไปด้านหน้า เพื่อจะหาผู้ชายที่ยังนอนร่วมเตียงกับเธออยู่เมื่อคืนนี้

ในกลุ่มแขกมากมายนั้น บัวบงกชไม่เห็นชนิกานต์เพื่อนของหล่อน แต่กลับได้เจออีกใบหน้าที่คุ้นเคย

ปวีณาแม่สามีของหล่อนนั่นเอง บัวบงกชน่าจะสงสัยว่าทำไมเมื่อเช้า หญิงชราถึงแต่งตัว ‘จัดเต็ม’ ขนาดนั้น ทั้งชุดผ้าไหมและสร้อยที่เข้าชุดกัน เหมือนเตรียมพร้อมที่จะมางานสำคัญของใครสักคน

ปวีณายังหัวเราะเสียงใสกับแขกผู้ใหญ่อีกคนในงาน แต่เมื่อหันมาเห็นบัวบงกชเท่านั้น หล่อนก็สะดุ้งสุดตัวราวกับเห็นผี

“มะ…แม่บัว มาที่นี่ได้ยังไง”

บัวบงกชไม่ตอบ แต่กลับถามแม่สามีด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เมศอยู่ไหนคะ?”

ปวีณาหน้าซีดเผือดตัดกันกับชุดผ้าไหมสีสดที่หล่อนสวมอยู่ เมื่อบัวบงกชเห็นว่าแม่สามีได้แต่อ้ำอึ้ง หล่อนก็เลยจะเดินเข้าไปข้างใน แต่ปวีณาคว้าแขนหล่อนไว้

“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งเข้าไป รอให้เมศเขา… เขาเสร็จงานก่อนนะ”

บัวบงกชดึงแขนออกจากมือของหญิงชราอย่างเต็มแรง ไม่สนด้วยว่านั่นจะทำให้แม่สามีของหล่อนเกือบหงายหลัง หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในบ้าน ซึ่งหล่อนเชื่อว่าเป็นที่ที่กำลังทำ ‘พิธี’ อยู่

แล้วหล่อนก็เห็นเขา…

สามีของหล่อน ใส่ชุดไทยประยุกต์ที่ด้านบนเป็นสูท ด้านล่างเป็นโจงกระเบน นั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ยๆที่ด้านหน้ามีตั่งเล็กๆใช้ประกอบพิธีรดน้ำสังข์ ด้านข้างของเขาไม่มีใคร เหมือนพิธีเพิ่งเสร็จสิ้นไปไม่นาน ปรเมศวร์จึงขยับตัวลุกขึ้น แล้วเขาหันมาเห็นหล่อน

บัวบงกชไม่รู้ว่าปรเมศวร์รู้สึกเช่นไร แต่ที่แน่ๆคือเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหล่อนจะมา สามีของหล่อนทั้งตกใจ หน้าซีด แล้วก็พยายามคิดหาทางออกให้ได้ในไม่กี่วินาทีนั้น

ชายหนุ่มตัดสินใจเดินมาประชิดตัวหล่อนก่อนกระซิบบอก “ไปคุยกันด้านนอกนะบัว”

บัวบงกชสะบัดมือออก ใช้แรงที่มีทั้งหมดตบหน้าเขา จนทำให้แขกอีกสี่ห้าคนที่ยังอยู่ด้านใน หันมามองเป็นตาเดียว

“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงเมศ! คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณแต่งงานแล้ว ฉันยังเป็นเมียคุณอยู่นะ!”

หญิงสาวไม่มีโอกาสได้โวยวายอีกมากมายนัก บ้านตระกูลใหญ่อย่างวสันต์วาณิชมีคนคอย ‘จัดการ’ เรื่องที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ ไม่ช้าไม่นาน บัวบงกชก็พบว่าตนเองถูกชายร่างใหญ่โตสองคนประกบ ก่อนจะกึ่งดึงกึ่งลากให้หล่อนออกไปจากที่นั่น

บัวบงกชยังพยายามดิ้นรน หญิงสาวหันไปมองว่าสามีอยู่ที่ไหน จึงเห็นร่างสูงเดินตามหลังไปง้องอนหญิงสาวอีกผู้หนึ่ง ขณะที่หล่อนกำลังถูกลากออกไป

“ลิน เดี๋ยวก่อนลิน”

เสียงที่เว้าวอนของเขา บ่งบอกว่าปรเมศวร์แคร์ผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน ขณะที่หล่อนเป็นเพียงหญิงบ้าที่เขาพยายามกำจัดออกจากงาน

“ลินบอกแล้วไงว่าให้คุณไปจัดการให้เรียบร้อย”

เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังเข้าเต็มสองรูหูของหล่อน เป็นคำสารภาพที่หล่อนรู้ในทันทีว่าหญิงสาวที่มาเป็นมือที่สามในชีวิตคู่ของหล่อนนั้นรู้ทุกอย่างดี รู้กระทั่งว่าผู้ชายที่หล่อนกำลังจะแต่งงานนั้นมีพันธะ

บัวบงกชกรีดร้อง ความโกรธจนหน้ามืดทำให้หล่อนสามารถผลักชายที่ยึดตัวหล่อนไว้ให้พ้นทาง บัวบงกชวิ่งตามไปถึงตัวหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะคว้ามือให้หันมาเผชิญหน้ากับหล่อน

เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัด หล่อนก็จำได้ในทันทีว่าผู้หญิงที่มาแต่งงานกับสามีหล่อนคือใคร

อรนลิน ผู้หญิงที่จะมาซื้อบ้านของหล่อนนั่นเอง

 



Don`t copy text!