ซ่อนรัก บทที่ 33 : เรื่องของความหึงหวง

ซ่อนรัก บทที่ 33 : เรื่องของความหึงหวง

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

คุณอนันต์เลิกคิ้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า

“เหมือนกันเลย ตอนเป็นเด็กฉันก็กินกุ้งไม่ได้ แล้วพอโตหน่อยก็กินได้ เหมือนนิกรอีกคน ทำไมเหมือนกันขนาดนี้”

“ผมเคยเจอคนที่หายได้ครับ”

“เออ…เออ…ใช่ แพ้จนชนะล่ะ ฉันกับลูกชายคนเล็ก ตอนนี้ก็กลับมากินได้แล้ว ดุสิตคนเดียวไม่เคยแพ้อะไร กินได้หมด  รายนี้ต้องชนะอย่างเดียว”

“ตอนแพ้กุ้งลำบากครับ กินอาหารต้องระวัง ป้าผมต้องคอยระวังให้ผม”

“อาการแพ้เป็นยังไง?”

“หน้าบวมครับ ตาบวมครับ”

“สำหรับคนชอบอาหารทะเล ถือว่าอดกินอาหารอร่อย”

“ใช่ครับ ตอนไปกินกับเพื่อนมัธยมต้น เพื่อนมันชอบแกล้งผม โดยเฉพาะไอ้บรม เพื่อนรัก มันจะเน้นสั่งแต่กุ้ง กุ้งเผาตัวโตมันเยิ้มๆ มายั่วผม”

“แล้วแอบกินหรือเปล่า?”

“ต่อหน้าป้าไม่ครับ ลับหลังขอสักคำก็ยังดี”

“วัยรุ่นแบบนี้จนได้ กรก็เหมือนกัน ต่อหน้าฉันไม่กล้ากิน ลับหลังพี่ชายมันชอบยุให้กินทีละนิด บอกว่า แพ้ต้องเอาชนะ กินให้เอาชนะให้ได้”

“บางเรื่องอันตราย ไม่น่าเสี่ยงนะครับ ป้ามารู้ทีหลัง ดุผมเป็นชุดเลย”

“พูดถึงแต่ป้า แล้วพ่อแม่ล่ะ?”

“ตายหมดแล้วครับ”

“ดีนะยังมีป้าเลี้ยงดู”

“คุยอะไรกันคะ?” คุณนาถกับจิรานุชเดินมาใกล้ เมื่อเห็นภาพคุณอนันต์กำลังคุยกับวิศว์

“อือ…คุยเรื่องเคยแพ้กุ้งตอนเด็กกัน ไม่มีอะไรหรอก” คุณอนันต์ต่อภรรยา

“ตระกูลแพ้เรอะ แล้วชนะจนได้”

“มันก็ธรรมดา คนแพ้กุ้งเยอะแยะ”

“แต่ดุสิตไม่แพ้นะคะ”

คุณอนันต์หัวเราะเบาๆ

“เออ…มันก็ไม่แพ้อะไร เคยแพ้กับเขาเสียเมื่อไหร่ล่ะ”

จิรานุชเฝ้ามอง..มอง…และมอง

วิศว์ปรากฏตัวขึ้นแล้วในครอบครัว แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไรล่ะ

 

“แค่นี้ทำไมเหนื่อยจัง”

ปารีสบ่นพึมพำ เมื่อกลับมาถึงคอนโด แล้ววิศว์ก็ตามเข้ามาติดๆ

เขาเห็นนะ…ออกจากงาน ดุสิตอาสามาส่งปารีสถึงหน้าคอนโดหรู

เขาจอดรถอยู่ห่างจากรถของดุสิตไม่ไกล พอจะเห็นอะไรได้ชัดเจนว่า ภรรยาของเขายังไม่ลงจากรถ คุยอะไรกับดุสิตต่อ ตอนมาส่งก็น่าจะคุยกันตลอดทางแล้ว ยังมาหยุดคุยหน้าคอนโดอีก

จนเธอลงจากรถ แล้วก้าวเข้าที่พัก รถของดุสิตจึงได้เลื่อนไป

“ท่าทางเขาคงอยากส่งคุณถึงห้องพักเลยมั้ง” วิศว์พูดอะไร พูดตามที่กำลังคิด

หญิงสาวเลิกคิ้ว

“ฉันเห็นรถคุณตามมาติดๆ นะคะ”

“แล้วถ้าไม่เห็นรถผม จะคุยกันอีกนานไหมครับ”

ปารีสยังเลิกคิ้ว

“คุณหมายความว่าอย่างไร?”

“ในงานผมเห็นคุณดุสิตใส่ใจคุณเป็นพิเศษ”

คราวนี้เธอเม้มริมฝีปาก สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนพูดว่า

“ฉันก็เห็นคุณสนิทกับคุณเทวีมาก…มาก…มาก”

คราวนี้ฝ่ายชายเลิกคิ้วบ้าง

“รู้จักคุณเทวีด้วยเรอะ?”

“เจ้าของโรงแรมสาวแสนสวย ทำไมจะไม่รู้จักคะ”

“เราเคยสนิทกันอยู่พักหนึ่ง ผมพูดความจริง ผมไม่ต้องปิดบังคุณ แต่พอเรารู้ว่าไปกันไม่รอดจึงแยกจากกัน”

“ทำไมถึงไปกันไม่รอดคะ?”

“บางเรื่องคงไม่ต้องอธิบายละเอียด”

“ไหนว่าไม่ปิดบังไง?”

“ก็ได้ ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ขัดแย้งกันฎ

“แล้วคุณเสียดายไหมล่ะ”

“ทำไมต้องเสียดาย ในเมื่อเป็นความทรงจำ เก็บส่วนดีไว้ ส่วนไม่ชอบก็ลืมๆ ซะ ผมไม่ค่อยคิดมาก”

“นี่เรอะ ไม่คิดมาก”

“ผมเห็นคุณสนิทกับคุณดุสิตเป็นพิเศษเหมือนกันนะ”

“เขาก็แค่สุภาพบุรุษที่คอยเทคแคร์”

“ไม่เห็นเทคแคร์สาวอื่นเลย”

“ฉันว่าคุณไม่ใช่คนใจแคบนะ วันนี้เป็นวันรับรางวัลของฉันนะคะ และเขาเป็นเจ้าภาพ”

“ผมคงชอบล่ะนะ ที่เห็นเมียผมสนิทกับชายอื่น”

“นี่…คุณฉันอธิบายแล้ว”

“ผมหวงของผมนี่”

“แล้วคุณกับอดีตคนสนิทของคุณล่ะ”

“นั่นคืออดีตแน่นอน”

“ฉันเหนื่อยแล้วนะ ไม่อยากพูดมาก”

ส่วนลึกๆ ต่างคนต่างก็ห่วงกันและกัน หากชีวิตคู่ยังต้องมีอะไรต้องเรียนรู้กันอีกมาก รวมทั้งปรับตัวกัน

แม้วิศว์จะรู้สึกอย่างไรก็ตาม เขาเป็นผู้ชาย ต้องไม่คิดมากเกินไป

“เอาเถอะครับ เราอยู่ในสังคม ต้องมีสังคมและเพื่อนบ้าง ท่าทางคุณเหนื่อยมากจริงๆ”

“ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

“ผมอาบด้วย”

“ไม่…ไม่ค่ะ”

“ผัวเมียกันนะ”

“ไม่ค่ะ…ไม่”

เขาหัวเราะท่าทีเธอ จะปฏิเสธอย่างจริงจัง รีบเข้าห้องน้ำและยังล็อกประตูทันที

เมื่อออกมา วิศว์จึงเข้าห้องน้ำบ้าง แต่พอเสร็จธุระ ออกจากห้องน้ำ พบว่าเธอหลับแล้ว

วิศว์มีหรือจะยอมให้เจ้าหล่อนหลับ เขานอนเบียดร่างบอบบางที่น่าทะนุถนอม แต่ภายใต้ร่างบางนั้นมีแต่เนื้ออุ่นนุ่มและกลมกลึงไปทุกสัมผัสที่เขาเคยสัมผัสมาแล้ว

แต่งงานแล้วก็จริง แต่การอยู่ด้วยกันน้อยมาก เพิ่งย้ายมาอยู่คอนโดด้วยกัน ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี

วิศว์โอบกอดจากด้านหลังของหญิงสาวที่นอนตะแคง และมือก็เริ่มซุกซนเอาแต่ใจ

ปารีสดิ้นรนขัดขืนเล็กน้อย พึมพำ

“ง่วง…และเหนื่อย”

เขาก็ตอบกระซิบข้างหูว่า

“ผมจะทำให้คุณหายง่วง หายเหนื่อย”

“ไม่นะคะ ฉันเหนื่อย”

“เดี๋ยวก็หายเหนื่อยเองล่ะครับ”

“คุณ…”

เขาซุกซนจริงๆ ล่ะนะ มันทำให้เธอไม่สามารถต่อต้านความต้องการของเขา

ทำไมหญิงสาวต้องพ่ายแพ้ทุกครั้ง…ทุกครั้ง

แล้วก็พ่ายแพ้จริงๆ หยุดเขาไม่สำเร็จ ตัวเองก็ต้องปล่อยตัวปล่อยใจกับการนำทางของฝ่ายชายอย่างสุขสม

หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกครั้งก็เช้าแล้ว สายแล้วด้วยซ้ำ ข้างกายไม่มีร่างชายหนุ่ม

สำหรับคนตกงานอย่างเธอ จะตื่นสายขนาดไหนก็ได้

สำหรับวิศว์ เขาก็อิสระ ทำงานบริษัทของตัวเองที่ร่วมทุนกับบรมเปิดบริษัทออกแบบ จะไปทำงานวันเวลาไหนก็ได้เช่นกัน

ปารีสอาบน้ำและออกจากห้องนอนมาที่โต๊ะอาหาร เห็นวิศว์เดินออกจากห้องครัว พลางกล่าวว่า

“ตื่นแล้วหรือครับ อาหารเช้าเสร็จพอดี”

ปารีสมองบนโต๊ะ

เขาจัดอาหารเช้าสองที่ เป็นขนมปัง แยม เนยและไข่ดาว หมูแฮมทอดจนหอม เขาถามขึ้น

“คุณจะดื่มกาแฟหรือนมสด?”

“ฉันไม่ได้ซื้อนมสดติดตู้เย็นนะคะ”

“ผมซื้อไว้แล้ว มีอาหารสดหลายอย่าง ผมไปซุปเปอร์มาร์เก็ตมาเมื่อวาน”

“เพิ่งรู้ว่าคุณก็เป็นพ่อบ้าน”

“ผมไปเมืองนอกบ่อย บางทีก็อยู่เป็นเดือนๆ ผมเช่าบ้านอยู่และชอบทำอาหารกินเอง สลับกับนอนโรงแรมบ้าง เรื่องทำอาหารกลายเป็นง่าย”

“ดูดีนะคะ”

“ดูดีอย่างเดียวไม่ได้ครับ ต้องกินก่อน แต่อาหารแบบนี้ไม่ต้องใช้ฝีมืออะไรเลย ไว้ผมจะทำอาหารเช้าอื่นๆ ให้อีก”

“ฉันเป็นประเภทชอบกินแต่ไม่ค่อยชอบทำ ตอนอยู่กับสองสาวเพื่อนรัก ก็ปล่อยให้เป็นฝีมือของยัยวดี รายนั้นชอบทำอาหาร ส่วนยัยทัยเป็นฝ่ายจัดบ้าน ชอบแต่งบ้านสวยๆ”  พูดไปก็กินไปอย่างชอบใจ

“แล้วคุณทำอะไรล่ะ?” เขาถามหลังจากเยาะซอสมะเขือเทศลงบนไข่ดาวเล็กน้อย ใช้มีดตัดส่วนไข่ขาวทานก่อน

“ฉันอยู่แผนกซ่อมแซม เช่นเปลี่ยนไฟ เปลี่ยนอุปกรณ์ในครัว”

“คอนโดมีช่างประจำอยู่แล้ว”

“บางครั้งต้องการความเร่งด่วนค่ะ ทำได้ก็ทำเองเลย ขี้เกียจรอช่าง ซึ่งต้องทำงานตามคิว”

ระหว่างกำลังทานอาหารเช้า ก็มีเสียงกดกริ่งเรียกหน้าห้อง

วิศว์เดินไปดูก่อน เปิดช่องมองออกไป เห็นว่าเป็นใคร จึงเปิดประตูให้เข้ามา

หฤทัยกับกุลวดีถลามาถึงโต๊ะอาหาร

“อุ๊ย…ฝีมือใครเนี่ย ดูน่ากินขนาดนี้ ไม่ใช่ยัยปาแน่ๆ คุณใช่ไหม” หฤทัยถามวิศว์

“ก็แค่อาหารง่ายๆ ครับ” ชายหนุ่มตอบ

“อุ๊ย…น่ารัก” เอื้อมมือไปจับแก้มฝ่ายชายอย่างสนิทสนมเปิดเผย “ถามหน่อยเถอะ คุณบรมน่ารักขนาดนี้หรือเปล่าคะ”

วิศว์หัวเราะ

“ต้องเรียนรู้ศึกษาเองครับ”

“เห็นคุณบรมเงียบๆ”

“ไม่หรอกครับ มันคุยเก่งจะตาย”

“ช่วยเชียร์ฉันหน่อยสิคะ”

วิศว์หัวเราะตามเคย แต่หฤทัยก็ถูกกุลวดีตีแขนอย่างแรง

“แกจะบ้าเรอะ เปิดเผยเกินเลยไปแล้ว แบบนี้ทุกครั้งเลย ใครไม่รู้จะว่าแกบ้าผู้ชาย”

“ฉันเลือกนะจ๊ะ”

“รู้…แต่คนอื่นอาจเข้าใจผิด”

“คุณวิศว์…เพื่อนเขยของเราไม่เข้าใจผิดหรอก คนที่ปาเลือกต้องแน่ใจอยู่แล้ว”

“พูดมาก มาเคาะประตูเรียก มีธุระอะไรล่ะ” ปารีสถาม

“จะให้แกไปช่วยเปลี่ยนไฟให้หน่อย ไฟในห้องครัวดับ” หฤทัยพูดหน้าตาเฉย

“ก็เปลี่ยนเองสิ”

“แหม…แหม พอมีแฟนแล้ว แยกตัวอยู่ห้องกับแฟนแล้ว ทำเป็นหยิ่ง ไม่อยากกลับห้องเก่าเลยนะ”

“ผมเองครับ ผมจะไปเปลี่ยนไฟให้ครับ” วิศว์อาสา

“อุ๊ย…น่ารักอีกแล้ว เพื่อนเขยของเรา ไป…ไป…เร็ว” หฤทัยจับแขนฉุดชายหนุ่ม ลากออกจากห้องไปอีกห้องหนึ่ง

“วิศว์เปลี่ยนไฟอย่างคล่องแคล่ว โดยหฤทัยพูดว่า

“บ้านมีผู้ชายสักคนก็ดีนะ รู้งี้มีแฟนดีกว่า มีแต่สาว…สาว…สาว ชักเซ็งแล้ว” หันมาพูดกับปารีส “ขอบใจนะเพื่อนที่ส่งแฟนมาช่วย”

ปารีสโคลงศีรษะ

“เรื่องเล็กแค่นี้ ก็ทำกันเองไม่ได้”

“ผมยินดีช่วยนะครับ ถ้ามีปัญหาอะไรอีก เรียกใช้ผมได้เลย” วิศว์อาสา ท่ามกลางสายตาสาวๆ ที่มองเขาอย่างอบอุ่น

 

รัศมีมีท่าทีหงุดหงิดระหว่างทานอาหารเช้ากับคุณอุเทน

“คุณเป็นอะไรครับ?” ชายหนุ่มถามภรรยาที่อายุมากกว่า หน้าที่เขาคือต้องทำให้ภรรยาอารมณ์ดีเสมอ แต่หมู่นี้ออกอาการหงุดหงิดบ่อยครั้ง

“กินไม่ลงเลย ดูคนอื่นชีวิตก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอ…มีอะไรก้าวหน้าล่ะ ย่ำอยู่กับที่!”

อุเทนต้องระงับอารมณ์ตัวเอง ใช่…อารมณ์ตัวเองไม่เป็นไรหรอก อารมณ์คนตรงหน้าสำคัญกว่า

“ต้องรอร้านเปิดใหม่ครับ ผมจะทำยอดขายให้คุณพอใจเลย” เขารู้ว่า…คำว่าคนอื่นก้าวหน้าหมายถึงใคร

“ฝีมือออกแบบของปารีสไม่ธรรมดาเลยนะ ชนะเลิศจนได้ มีหน้ามีตาเต็มที่ วันงานมอบรางวัล เธอก็เห็น ใครๆ ก็รุมเอาใจ ทั้งๆ ที่ฉันต้องจ้างให้ออกจากงานเป็นเงินสิบล้าน…สิบล้านเชียวนะ!”

เจ็บปวดนะ…อุเทนรู้ว่า สิบล้านเป็นเงินซื้อเขาต่างหาก แล้วปารีสก็สามารถรับได้อย่างหน้าตาเฉย!

 



Don`t copy text!