ล่ารักสุดขอบฟ้า บทที่ 3 : บัลลังก์น้ำแข็ง

ล่ารักสุดขอบฟ้า บทที่ 3 : บัลลังก์น้ำแข็ง

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

ล่ารักสุดขอบฟ้า นิยายออนไลน์ โดย พิมพ์อักษรา หญิงสาวชาวเชียงใหม่ผู้หลงใหลในความงามของอักษร แม้เธอจะเคยมีผลงานวนิยายมาแล้วหลายเรื่อง หาก ล่ารักสุดขอบฟ้า เป็นผลงานในแนวจินตนิยายที่ อ่านเอา ภาคภูมิใจนำเสนอ และเป็นหนึ่งในนิยายได้รับรางวัลชมเชยจากโครงการอ่านเอาก้าวแรกรุ่นที่ ๑ ที่เราอยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

——————————–

ภาคต้น : นาวาแห่งดินแดนอันเหน็บหนาว

– 3 –

 

ความมืดนั้นครอบครองพื้นที่ใต้ท้องเรืออยู่เสมอ หากแสงตะเกียงดวงเล็กที่บุรุษผู้นั้นนำมาแขวนไว้ที่หลืบมุมนั้นทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างแจ่มชัด ทั้งท่วงท่า หน้าตา และรูปร่างของชายผู้มาเยือน

น่าขันเหลือเกินที่เห็นบุรุษผู้ตีหน้าเคร่งขรึมมีทีท่าเก้อเขินกระดากอาย ทั้งที่คำถามนั้นแสนธรรมดาสามัญ

ดูเอาเถิด เลือดฉีดขึ้นผิวจนสีน้ำตาลอ่อนนั้นเปลี่ยนเป็นแดงจัด ราวกับหนุ่มน้อยริรักที่เพิ่งพบพานอิสตรีชิดใกล้เป็นครั้งแรก ช่างผิดกับท่วงท่าทระนงมั่นใจยามแรกที่ก้าวเข้ามา

หากจะเดาว่าไม่เคยชิดใกล้สตรีมาก่อนก็เห็นจะไม่จริง บุรุษรูปงามเช่นนี้มิมีทางร้างห่างนารีได้นาน แล้วเหตุใดเขาจึงมีท่าทางเก้อเขินเช่นนั้นเล่า

ถ้าซีมายน์ที่ปรากฏตรงหน้าเขาเป็นหญิงงามเฉิดโฉม เนื้อตัวสะอาดสะอ้านก็ว่าไปอย่าง หากยามนี้ผมเผ้านางยุ่งเหยิง เสื้อผ้าเก่าโทรม และเนื้อตัวปุปะน่ารังเกียจ หาความสวยงามอันใดให้ติดตาตรึงใจมิได้

หรือว่าเขาจะรู้ว่านางพรางตาด้วยโรคร้ายอัปลักษณ์นั้น

“ข้าไม่อยากเห็นใครต้องลำบาก โดยเฉพาะคนที่…” เขากลืนถ้อยคำลงไปเพียงเท่านั้น เรือโคลงอีกครั้ง ทำให้เผลอรัดนางแน่นขึ้นกว่าเดิม ผิวเนื้อซีมายน์ร้อนวูบวาบ เช่นเดียวกับผิวหน้าที่คาดว่าบัดนี้คงแดงก่ำไม่แพ้กัน

“ท่านจงดื่มน้ำเสียก่อนเถิด โปรดวางใจว่าข้าไม่ได้คิดร้ายวางยาท่านอย่างแน่นอน” เสียงเขาตอบขึงขัง ก่อนทอดสายตาอบอุ่นมั่นคงมาที่นาง

หญิงสาวจรดถุงหนังที่ริมฝีปาก ลังเลอยู่แวบหนึ่งก่อนจะกรอกเข้าปากทีละน้อย ๆ จนหมด ดวงตาสีน้ำตาลอมม่วงจับจ้องอยู่ที่เขาไม่วางตาเช่นกัน

“ข้าเป็นนักโทษเดนตาย ท่านสงสารเมตตาข้าไปเพื่ออะไรกันหรือ”

“เพราะท่านไม่สมควรตาย”

“ท่านรู้ได้อย่างไรหรือโรอัน”

“ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่า ว่าจักรอให้ท่านเป็นผู้บอกเล่าด้วยตนเอง” เขายิ้ม ความมั่นใจเริ่มกลับคืนมาในดวงตาและท่าทาง

“ท่านพักผ่อนเสียก่อนเถิด ไว้ข้าจักนำน้ำมาให้ท่านใหม่อีกครั้ง จะลงมาเป็นเพื่อนคุยหากท่านต้องการ”

“เพื่อนคุยหรือ” ซีมายน์อ้าปากค้าง “ข้าไม่ได้เพ้อไข้แล้วฝันเห็นเทพโอดินาร์มาโปรดหรอกใช่ไหม อยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาน้ำมาให้ แล้วยังอาสาเป็นเพื่อนคุย…”

แล้วมือเรียวเสลาที่ถูกป้ายด้วยยางไม้เหนียวสีน้ำตาลแก่ กับจุดประด่างดำในกุญแจมือก็ถูกยกขึ้นช้า ๆ อย่างทะนุถนอม ริมฝีปากอุ่นจัดจรดแผ่วเบาลงบนหลังมือขณะที่ดวงตาสีเขียวนั้นจับจ้องนางมิวางตา หญิงสาวร้อนวูบวาบขึ้นมาอีกครา

“หากท่านไม่รู้สึกอันใดท่านก็คงฝัน” บุรุษแปลกหน้าตอบสั้น ๆ

“ท่านนี่มัน…” เจ้าหญิงนักโทษห่อปาก ตาเบิกกว้าง ครั้นเมื่อรู้สึกตัวก็ค่อย ๆ ถอนมือออกอย่างลังเล

“ทำถึงเพียงนี้ไม่คิดจะรู้จักชื่อข้าเลยหรือ ทำอย่างกับรู้แล้วอย่างนั้น ถึงไม่กลัวโรค ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”

ดวงตาสีเขียวคู่นั้นเป็นประกายขึ้นอย่างขบขันอีกครั้ง ซีมายน์จึงตัดบท

“ท่านจะพูดอีกใช่ไหมว่ารอให้ข้าเป็นคนพูดเอง” นางกระเถิบตัวออกห่างเขาด้วยรู้สึกอึดอัดระคนวูบวาบอย่างไรชอบกล

“แต่ดูเถิด ท่านก็มิได้เปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงแก่ข้าเลยด้วยซ้ำไป เราสองคนต่างมีความลับที่ยังไม่กล้าเปิดเผยจนกว่าจะแน่ใจว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ที่สมควรแก่ความไว้วางใจ ข้าเองมิเชื่อหรอกว่าท่านเป็นจับกังกเฬวรากแบบคนพวกนั้น”

“ข้าหวังว่าคงจะมีวันหนึ่งที่เราจะยอมเปิดใจต่อกันอย่างแท้จริง”

“เปิดใจอะไรของท่าน ช่างพูดกำกวมประหลาดดีแท้” เจ้าหญิงนักโทษเผลอสะบัดหน้า เม้มปากแน่น “ข้าจะเป็นใครก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ตอนนี้เป็นนักโทษที่มิรู้ชะตากรรมของตน การรู้จักข้าอย่างถ่องแท้ หรือการที่ข้ารู้จักตัวตนที่แท้จริงของท่านไม่ได้ช่วยอันใดให้ดีขึ้นมาได้”

บุรุษเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวอมน้ำตาลนิ่งไปอึดใจ ดวงตาเขาช่างคมระยับและเต็มไปด้วยพลังมุ่งมั่นแรงกล้ายามจ้องนางแน่วแน่ ก่อนจะผุดลุกขึ้น คว้าตะเกียงแล้วกลับออกไปทางเดิม ทิ้งท้ายไว้อย่างเรียบง่าย แต่สะท้านก้องอยู่ในใจผู้ฟัง

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจักทำให้ท่านได้เห็นว่า… ต่อให้เราไม่ต้องรู้จักตัวตนรากเหง้าของกัน ข้าก็จะช่วยท่านให้พ้นจากความตายหรือโทษทัณฑ์อันโหดร้ายที่ท่านคิดว่าจะได้รับก็แล้วกัน”

ปราสาทน้ำแข็งสูงใหญ่กลางกองหิมะขาวโพลนดูซีดเผือดตัดกับนภาสีนิลแห่งราตรี อากาศทวีความหนาวเย็นเยือกขึ้นตามโมงยามที่ผันผ่าน ลมเย็นจัดพัดแรงจนกิ่งก้านโกร๋นที่ถูกหิมะทับถมไหวเอนเล็กน้อย เมฆหมอกเริ่มจับตัวหนาขุ่น บดบังแสงสลัวรางจากจันทร์เสี้ยวลิบ ๆ ริมขอบฟ้า

ราชินีแห่งเอียโลยังไม่เสด็จนิทรา ดำเนินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องบรรทมด้วยความกระวนกระวาย ทอดพระเนตรออกไปนอกพระแกลอย่างครุ่นคิด… ราตรีนี้ฟ้ามืด ไร้ดาริกาวิบวับ ไร้กระทั่งดวงจันทร์สว่างกลางฟ้า พระนางควรจะวางพระทัยได้แล้วถ้ามิเห็นแสงกะพริบจากเสี้ยวจันทร์จางในม่านเมฆเสียก่อน

ซีมายน์ไปพ้นเสียจากแผ่นดินเอียโลแล้ว…  จันทราแห่งเมืองน้ำแข็งลอยเคลื่อนจากโพยมอากาศ ทว่าซ่อนตัวอยู่มิดเม้น ณ ที่ใดที่หนึ่ง รอวันทอแสงเต็มดวงอีกครั้ง พระนางจะไม่มีวันวางพระทัยเมื่อรู้ว่าพระน้องนางกำลังลอยละล่องอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งกลางทะเล แม้มีความตาย ณ เกาะคนคุกรอคอยอยู่เบื้องหน้า แต่ตราบใดที่ยังไม่รู้ไม่เห็นกับตาว่า ‘มัน’ ตายแล้ว เนริซาก็ไม่มีวันบรรทมหลับเต็มพระเนตรได้

“จนกว่าข้าจะได้เห็นความตายของเจ้านั้นแล ซีมายน์” ราชินีตรัสพึมพำขณะทอดมองบนผืนฟ้า

‘เหตุใดพระนางจึงต้องลำบากส่งเจ้าหญิงน้อยลงเรือไปตายเอาดาบหน้าด้วยเล่า อย่างไรเสียองค์หญิงก็ต้องถูกประหารในเร็ววัน’ ซิกริด ข้าหลวงคนสนิทเคยทูลถามอย่างข้องใจ

‘มันต้องถูกประหารในคืนจันทร์เพ็ญน่ะซี ข้าเสี่ยงไม่ได้หรอก อีกทั้งอลันก็ทรงจ้องหาโอกาสอภัยโทษให้นางอยู่เรื่อย’

หรือแม้แต่การลอบสังหารซีมายน์ในคุกหอคอยน้ำแข็งก็ยิ่งจะทำให้คนเพ่งเล็งราชินีผู้เป็นพระพี่นางมากขึ้น พระนางเล่นบทพี่สาวที่รักน้องมาทั้งชีวิตและจะไม่ยอมพลาดเป็นอันขาด แลควรต้องเดินเกมอย่างรอบคอบ ทางเดียวที่จะแน่ใจว่าเจ้าหญิงซีมายน์จะตายโดยที่ไม่มีใครสงสัยในตัวราชินีก็คือส่งไปตายที่อื่น

แลถึงกระนั้นไม่ควรให้ตายแบบธรรมดา ฆ่าให้ตายทันทีจะไปสนุกอย่างไรเล่า ซีมายน์ควรต้องตายอย่างทุกข์ทรมานให้สมกับที่เป็นมารความสุขของพระนางมาตลอดพระชนม์ ถึงต้องส่งมันไปไกลถึงเกาะคนคุกเดนตาย ให้มันพบกับความลำบากยากแค้น ถูกพวกนักโทษผู้โหดเหี้ยมทารุณจนตาย

แต่การไม่ได้เห็นมันตายต่อหน้าต่อตานั้นทำให้ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ก็ดูบนฟ้านั้นอย่างไรเล่า เสี้ยวจันทร์ยังซ่อนตัวอยู่ไม่ได้เลือนหายไปจากฟากฟ้า… อีกนานแสนนานกว่าเรือสินค้าจะไปถึงเกาะคนคุกนั่น

ได้แต่หวังว่าช่องแสงนั้นจะยังถูกปิดอยู่ตลอด

 

เนริซาทรงสะดุ้งเมื่อบานทวารเปิดผลัวะ ร่างสูงใหญ่ประหนึ่งโทรลล์ภูเขา (1) ยืนตระหง่านง้ำอยู่ตรงนั้น จะมีใครอีกเล่าที่ถือวิสาสะเข้าห้องพระราชินียามวิกาลอย่างไม่เกรงอาญานอกจากองค์ราชัน… วรองค์ใหญ่โตเดินจ้ำ ๆ ประชิดพระนางเนริซา พระกรใหญ่โตกอดหมับที่บั้นพระองค์ (2)

“อลัน” พระนางเรียกนามพระราชาผู้เป็นสวามีอย่างตระหนก “มีอะไรหรือเพคะ”

“คิดถึงเจ้าน่ะซีเนริ ยังไม่นอนอีกหรือ คิดถึงซีมายน์หรืออย่างไร”

“เอ้อ… เพคะ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ทรงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสวามีมีดำรัสถึงซีมายน์

“คิดถึงนางก็ไปเยี่ยมเสียบ้างสิ อีกไม่นานก็จะถูกประหารแล้ว” ราชาอดีตแม่ทัพตรัสกระซิบคลอเคลียอยู่ข้างลำพระศอขาว เนริซาทรงเกือบเคลิบเคลิ้มหากไม่สะดุดพระกรรณเสียก่อนว่าอลันตรัสถึงนางผู้นั้นซ้ำอีกครั้ง

“หม่อมฉันเกรงจะทำใจมิได้”

“เจ้าเองก็มิเชื่อมิใช่หรือว่าซีมายน์คิดร้ายกับเจ้า เจ้าสามารถอภัยโทษ ไม่เอาผิดนางได้ หรือแม้แต่รื้อไต่สวนเรื่องราวอีกครั้ง มิเห็นต้องเกรงคำครหา”

เนริซาลอบเบ้โอษฐ์ นึกกรุ่นโกรธในหทัย

“ก็มิเชิงว่ามิเชื่อหรอกเพคะ…” สายพระเนตรทอดจับไปยังขอบฟ้าไกลลิบนอกพระแกล เดือนเสี้ยวซีดจางคล้ายกะพริบให้เห็นอยู่รางเลือน “หลักฐานคาตาถึงเพียงนั้น หม่อมฉันก็จนใจจะคัดค้าน”

“ซีมายน์จะคิดฆ่าเจ้าไปเพื่ออันใดกัน” ริมโอษฐ์อลันยังคงคลอเคลียระข้างพระกรรณ หากยังตรัสในสิ่งที่เนริซาแสลงพระทัยนัก

“ก็ไม่ทราบสิเพคะ มีทั้งยากำหนัดอยู่ในสุธารสชาของพระองค์พอดี ไม่รู้หม่อมฉันควรจะถือเป็นเหตุจูงใจได้หรือไม่ กำจัดหม่อมฉันได้ ไม่แคล้วพระองค์ก็คงจะยกนางขึ้นเป็นมเหสีแทนกระมัง”

ราชาอลันทรงนิ่งไป สัมผัสสุรเสียงไม่พอพระทัยของราชินี หากรับสั่งต่อก็เกรงจะวกเข้าตัว เพราะในวันที่เกิดเหตุนั้นมียาปลุกกำหนัดอยู่ในน้ำชาที่ซีมายน์ถวายพอดี

อันที่จริงมันควรจะอยู่ในชาดอกไม้ที่ซีมายน์ต้องดื่มก่อนเข้านอนเสียมากกว่า มิรู้เหตุใดมันถึงตาลปัตรไปอยู่ในชาของพระองค์ได้… ทรงอดคิดไม่ได้ว่าเด็กสาวแสนโสภาผู้นั้นเริ่มมีจิตเสน่หาพระองค์ขึ้นมาบ้างหลังจากที่ทรงเพียรเกี้ยวพาอยู่นานปี

แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าเจ้าหญิงโฉมงามผู้นั้นวางแผนคิดกำจัดภคินีของตน โทษทัณฑ์ตามบัญญัติมณเฑียรคือความตาย… ราชันหนุ่มได้แต่หวังว่าพระราชินีจะเปลี่ยนพระทัย ด้วยทรงเสียดายรูปโฉมโสภาแจ่มกระจ่างของเจ้าหญิงซีมายน์ยิ่งนัก

ราชาแห่งเอียโลลอบถอนพระทัยอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นท่าศอแข็งพักตร์เชิดของมเหสี เนริซาช่างมีแต่ดวงพักตร์บึ้งตึง ไร้ความอ่อนหวาน แม้พระนางจะเพียรเอาพระทัยด้วยจริตสตรี หากเนื้อแท้ที่จริงพระนางเป็นศิลาแข็งอันแสนเย็นชาจึงมักจะหลุดอาการปั้นปึ่งผยองอยู่เป็นนิตย์ หากมิติดว่าพระนางเป็นบันไดทองที่พระองค์จะใช้ไต่ไปสู่บัลลังก์เอียโลแล้ว อลันเชื่อว่าพระองค์คงมิสามารถทนกอดรัดคลอเคลีย เอาใจเนริซาอยู่ได้นาน

และแม้ว่าตอนนี้จะได้ครองบัลลังก์สมดังหมายแล้ว หากความเป็นราชธิดาองค์แรก ของอดีตกษัตริย์เวอร์มอนนิคัส มีเลือดสีน้ำเงินบริสุทธิ์เต็มองค์ ทำให้อำนาจของพระนางยังมากล้น อลันจึงยังต้องใช้บารมีมเหสีหนุนหลังอยู่

อดีตแม่ทัพใหญ่เบือนพักตร์หนีจากซอกพระศอยาวขาวซีดของราชินี พระนางช่างเย็นชืดไปทั้งเนื้อตัวมิเว้นแม้ลำคอแลลาดไหล่อันเป็นส่วนชวนเร้าอารมณ์ ไร้กลิ่นหอมรัญจวนชวนเชิญเหมือนนางสนมกำนัลอื่น ๆ หรือแม้แต่เหมือนซีมายน์ ผู้มีกลิ่นกายหอมระรินเสมอแม้เพียงแค่เดินผ่านไกล ๆ เนริซาช่างไม่รู้จักเสน่ห์แห่งอิตถีเพศ ไม่รู้จักการปรุงแต่งเนื้อตัวแลจริตกิริยาให้จับใจชาย ยิ่งเมื่อพระนางพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้า อลันก็ยิ่งทรงเบื่อหน่าย ฉวีพระนางซีดเหมือนกวางเผือกที่โดนสูบวิญญาณแลเลือดเนื้อไปแทบหมดร่าง ดวงเนตรแข็งปูดโปน และนาสิกโค้งดุจดั้งขอดูดุดันผิดส่วน เมื่อรวมกับรอยแย้มสรวลชืด ๆ ยิ่งทำให้ทรงดูมิต่างกับรูปปั้นหินเก่า ๆ ในสุสาน… อารมณ์พิศวาสของพระราชาอลันมอดไหม้ไปตั้งแต่ยังมิทันเริ่ม

เหตุใดธิดาองค์โตของกษัตริย์เฒ่าเวอร์มอนนิคัสจึงมิใช่ซีมายน์หนอ และเหตุใดซีมายน์จึงเป็นเจ้าหญิงเลือดผสม มิได้เกิดจากพระมารดาชาวเอียโลแท้ ๆ … มิเช่นนั้นพระองค์คงจะได้ราชินีผู้โสภาดังเทพีแห่งจันทราแทนที่ราชินีที่ชืดเย็นเป็นน้ำแข็งของแท้อย่างเนริซา!

“นอนเสียเถิดเนริ…” อลันกลั้นพระทัยจุมพิตราชินีตัวจริง หมายมาดว่าจะต้องทำให้พระนางพระทัยอ่อนลดโทษตายให้กับเจ้าหญิงซีมายน์ให้จงได้ ตวัดอ้อมพาหารั้งร่างผ่ายผอมกระดูกทิ่มมือไปยังแท่นบรรทม “คืนนี้ข้าจักอยู่กับเจ้า กอดเจ้าให้อบอุ่นทั้งคืน มิต้องคิดสิ่งใดอีกแล้วนะเมียรักของข้า”

เนริซาโอนอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟเมื่อรู้สึกเป็นที่ปรารถนาของสวามี อลันทรงทราบดี พระนางไม่มีรูปโฉมมัดใจบุรุษ ย่อมหวาดกลัวสวามีเบื่อหน่าย หากนางก็หยิ่งแลไว้องค์เกินกว่าจะเป็นฝ่ายรุกเร้าเข้าหา เป็นหน้าที่พระองค์ที่ต้องทำให้เนริซารู้สึกเป็นที่ปรารถนา ให้รู้สึกว่าพระนางน่าสนิทเสน่หาอย่างที่สุด

เพราะนอกจากปรารถนาให้ซีมายน์รอดตายแล้ว ยังทรงต้องการกำลังสนับสนุนจากเนริซาในการทำสงครามขยายอาณาเขตไปให้ไกลสุดหล้า ยามนี้ทรงรวมได้ทั้งนอร์เดนแล้ว อย่างไรก็ต้องพิชิตดินแดนใหญ่น้อยทั้งพวกโบเรติส ทั้งคาบสมุทรอนาโตเลีย และข้ามไปให้ไกลถึงฝั่งพวกบาราไนอัสให้ทั่วให้จงได้ ถึงตอนนั้นมัซซาอันขึ้นชื่อว่าเป็นขุมทองกลางทะเลทรายก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

แม้ได้ครองบัลลังก์เป็นพระราชาและไร้เงาตาเฒ่าเวอร์มอนนิคัสคอยบงการ หากอำนาจล้นหัตถ์มิสามารถได้มาโดยง่าย ขุนนาง ข้าราชบริพารแลประชาชนยังยำเกรงราชอำนาจพระนางเนริซา แลยังคลางแคลงในตัวราชาผู้มีอดีตเป็นเพียงสามัญชน ทุกคำสั่งสงครามต้องได้รับความเห็นชอบจากราชินี และพระองค์เองทรงมีหน้าที่ต้องลิดรอนถ่ายอำนาจมาสู่หัตถ์ตนให้เร็วและมากที่สุด

อากาศยะเยือกในห้องบรรทมเริ่มอุ่นจัด ไฟแรงร้อนที่พระราชาพยายามกระพือโหมทำให้ราชินีเริ่มเคลิบเคลิ้ม กอดรัดสวามีที่รักอย่างสุดจิตสุดใจ หวงแหนสุดชีวิต จุมพิตร้อนละลายความชืดเย็นในหทัยพระนางหมดสิ้น ในห้วงหฤหรรษ์นั้นทรงนึกดีพระทัยที่กำจัดนางน้องตัวดีไปให้พ้นทาง ความสาวสดสวยของซีมายน์เป็นภัยต่อความรักที่อลันมีต่อพระนาง ป่านนี้แม่น้องสาวต่างสายเลือดคงจะลอยละล่องอยู่กลางทะเล แลจบชีวิตลงก้นผืนน้ำหรือบนเกาะคนคุกเดนตายในไม่ช้า

อลันจักต้องมีแต่พระนางเท่านั้น ราชบัลลังก์จะมั่นคงปลอดภัย ดวงฤทัยพระนางก็เช่นกัน

สุขเสียจนมิสังเกตเห็นม่านเมฆที่คลี่คลาย จันทร์เสี้ยวเริ่มทอแสงเรืองขึ้น…เล็กน้อย

 

เชิงอรรถ : 

(1)  สัตว์ประหลาดดุร้ายในเขตนอร์เดน รูปร่างเหมือนยักษ์ ผิวหนังหยาบเป็นเกล็ด หน้าตาอัปลักษณ์ มีกลิ่นตัวเหม็น และเท้าแบน ส่วนมากมีนิสัยโหดร้าย กักขฬะ และไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรมได้ โทรลล์แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ โทรลล์ภูขา โทรลล์ป่า และโทรลล์แม่น้ำ (นำมาจากตำนานพื้นบ้านแถบสแกนดิเนเวีย ทุกวันนี้อาจพบได้ในแถบไอร์แลนด์ อังกฤษ และยุโรปตอนเหนือ)

(2) บั้นพระองค์ = เอว



Don`t copy text!