ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 3 : สวัสดีพี่ชายที่คิดถึง

ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 3 : สวัสดีพี่ชายที่คิดถึง

โดย : นวาภัส

Loading

ลูกไม้เกี่ยวรัก โดย นวาภัส นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ (เล็กๆ) เรื่องราวของหญิงสาวสุดแกร่งที่ชีวิตนี้ขอมีลูก โดยไม่ต้องมีสามี แล้วใครเล่าจะเข้าใจเธอ พบกับความอลหม่านของสองแม่ลูกคู่ป่วนใน “ลูกไม้เกี่ยวรัก” ได้ในเพจอ่านเอา และ เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตรงหัว เป็นสีฟ้ากระจ่างใสไม่มีแม้เมฆก้อนน้อยๆ ให้จินตนาการ แสงแดดกระจายความร้อนลงมาปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ อาคารคณะวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมดูเงียบเหงาในยามนี้ นักศึกษาต่างพากันหลบร้อนไปอยู่ตามโรงอาหารที่มีพัดลม หรือไม่ก็ร้านกาแฟที่มีแอร์ฉ่ำๆ ส่วนบรรดาคณาจารย์ก็เก็บตัวอยู่ในห้องทำงาน หากไม่จำเป็นก็ไม่มีใครอยากออกไปเสี่ยงชีวิตกับเปลวแดดฤดูร้อน

อคิราห์ในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพาสเทลกับกางเกงสแล็กสีครีมเดินตรงเข้ามาในอาคาร ไม่ต้องเป็นกูรูด้านแฟชั่นก็รู้ว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่คือแบรนด์เนมราคาแพง นักศึกษาสาวที่นั่งรับลมใต้อาคาร ต่างพากันสะกิดเพื่อนๆ ให้ดูหนุ่มหล่อที่เบ้าหน้าราวกับเทพบุตร อคิราห์เดินหน้านิ่งไม่สนใจสาวๆ ที่พยายามส่งยิ้มหวานให้ แถมบางทียังมีส่งสายตาดุกลับไป ราวกับเป็นคุณครูฝ่ายปกครองที่กำลังปรามนักเรียนตัวแสบ ทำเอาหญิงสาวเหล่านั้นหน้าเจื่อนเป็นแถว

เทพบุตรสุดหล่อของสาวๆ มุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟเล็กๆ ข้างอาคาร แต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตูร้านเข้าด้านใน ปัณฑารีย์ก็ผลักประตูออกมากระแทกหน้าของชายหนุ่มอย่างจังจนเซถลา หญิงสาวตกใจรีบเข้าไปดึงตัวเขาด้วยความหวังดีกลัวว่าจะล้มทั้งยืน โดยลืมไปว่ามือขวาของเธอถือแก้วกาแฟเอาไว้ ทำให้อเมริกาโน่ร้อนหวานน้อยราดใส่เสื้อสีฟ้าราคาแพงของเขา…จนหมดแก้ว

ปัณฑารีย์ใจหายวาบเมื่อเห็นรอยเปื้อนดวงใหญ่บนเสื้อ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มที่ถูกกาแฟร้อนๆ ราดใส่ตัว กลิ่นหอมของกาแฟลอยคลุ้ง เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาในใจคิดว่ายิ้มหวานๆ เข้าไว้ เขาอาจจะให้อภัยหรือไม่ก็ถูกด่าน้อยลง จากที่คิดว่าจะยิ้มหวานๆ เพื่อขอลดโทษ แต่เมื่อเห็นหน้าบึ้งตึงพร้อมฟาดของชายหนุ่มชัดๆ หญิงสาวกลับทำหน้าตกใจเหมือนถูกผีหลอก

“พี่ซัน!”

 

…ในวันสุดท้ายของการสอบไฟนอล ปัณฑารีย์ในชุดนักศึกษาเดินตัวปลิวออกมาจากห้องสอบก่อนใคร ความที่เป็นคนเรียนเก่งมีผลการเรียนดีมาตั้งแต่ปี 1 จนถึงปีสุดท้าย ใครๆ มั่นใจว่าเธอจะจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ได้แบบสบายๆ เพราะฉะนั้นการออกจากห้องสอบภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเธอ

หญิงสาวมุ่งหน้าไปที่คณะแพทยศาสตร์ แล้วยืนกระสับกระส่ายเมื่อมาถึงหน้าคณะ ไม่กล้าที่จะเข้าไป พยายามสงบใจที่กำลังเต้นระส่ำแต่ก็ทำไม่ได้ วันนี้เธอตัดสินใจว่าจะทำบางสิ่งบางอย่างที่ยากกว่าการสอบหลายเท่า หญิงสาวมองดูนาฬิกาแล้วชะเง้อหาใครบางคน

‘ไม่ใช่กลับไปแล้วเหรอ หรือว่าอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่สิก็เพื่อนพี่เขาบอกวันนี้เข้าคณะนี่นา’

หญิงสาวบ่นพึมพำคนเดียว ไม่มั่นใจว่าคนที่กำลังรออยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เดินฝ่าเปลวแดดมา หน้าตาคงโทรมมาก เลยล้วงกระจกมาส่องดูความเรียบร้อย เธอตกใจเมื่อเห็นสภาพซีดเซียวไร้สีสัน จึงรีบลนลานเอาแป้งเด็กมาเทใส่มือลูบทั่วใบหน้าและทาลิปสติกสีส้มอิฐลงไปที่ริมฝีปาก ปัณฑารีย์พอใจเมื่อใบหน้าสดใสมีสีสันขึ้น

‘อ้าว ปัน สอบเสร็จแล้วเหรอครับ’ เสียงใครบางคนเอ่ยทักมาแต่ไกล หญิงสาวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงคนที่เธอรอคอย ประหม่าจนแทบไม่กล้าหันหน้าไปมอง

‘เสร็จแล้วค่ะ แล้วพี่ซันล่ะคะ’

‘พี่ไม่มีสอบหรอก กำลังจะกลับไปที่โรงพยาบาล แล้วมาทำอะไรที่นี่ หรือว่ามารอใคร’ อคิราห์เป็นนักศึกษาแพทย์ ปี 6 ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาดั่งเทพปั้น ทำให้เขาเป็นหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ชายที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ ปัณฑารีย์เฝ้ามองพี่ชายต่างคณะมาตลอด 4 ปี และวันนี้ตั้งใจว่าจะมาสารภาพรักก่อนที่จะเรียนจบออกไป ถึงจะพร่ำบอกตัวเองว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็รับได้ แต่ในใจลึกๆ ก็แอบหวังว่าเขาจะตอบรับความรู้สึกของเธอ

‘ปัน…เอ่อ..มารอพี่ซันค่ะ’ สาวรุ่นน้องพูดติดๆ ขัดๆ เหมือนกับหัวใจเธอในตอนนี้ที่เต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย

‘มารอพี่ มีอะไรเหรอครับ’ ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย

ปัณฑารีย์เป็นรุ่นน้องต่างคณะที่เจอกันบ่อยครั้ง อาจเป็นเพราะคณะของเขาและเธออยู่ติดกัน เขาชอบแอบมองเธอเวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ ความน่ารักสดใสของหญิงสาวทำให้เขายิ้มได้ เมื่อใดที่รู้สึกท้อแท้หรือเหนื่อยกับการเรียน ปัณฑารีย์จะเป็นเหมือนผู้สร้างแรงบันดาลใจและพลังบวกให้กับเขาโดยที่หญิงสาวไม่เคยรู้ตัว แค่เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสนุกสนานของเธอ เขาก็เผลอตัวยิ้มและอารมณ์ดีไปด้วยเสมอ แต่ช่วงปี 4 เป็นต้นมา เขาจะเรียนที่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยได้เจอกัน และยิ่งเข้าสู่ช่วงปีสุดท้ายความเครียด ความกดดันที่กำลังจะก้าวไปสู่การเป็นแพทย์ฝึกหัด ยิ่งทำให้เขาแทบไม่ได้พบปะกับใคร นอกจากคนไข้และเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน ทำให้เขาต้องห่างเหินจากปัณฑารีย์ไปด้วย

‘พี่ซันคะ คือว่า…เอ่อ…’ พอถึงเวลาจะต้องพูดความรู้สึกออกไป หญิงสาวกลับประหม่าจนพูดไม่ออก มือของเธอเย็นเฉียบและชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในใจเริ่มสับสนว่าจะพูดดีหรือไม่

‘ครับ ว่ายังไง’ ชายหนุ่มจ้องหน้ารุ่นน้องด้วยแววตาสงสัย

‘คือ…ปัน ปันชอบพี่ซันค่ะ ชอบมานานแล้ว พี่ซันเป็นผู้ชายที่ปันอยากเดินเคียงข้างไปตลอดชีวิต เป็นแฟนกับปันได้มั้ยคะ’ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจก้มหน้าพูดออกมาเป็นชุด ใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้ มือสั่นจนต้องเอามาบีบกันไว้ให้แน่น แต่ก็โล่งอกที่สารภาพความในใจออกไปเสียที คราวนี้ก็แค่กลั้นใจรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย

อคิราห์ตกใจที่ได้ยินคำสารภาพรักจากหญิงสาว ใจของเขาพองโตและเต้นแรง เลือดในกายสูบฉีดไปทั่วร่าง ความยินดีเปล่งประกายออกมาทางสายตา แต่เพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ชายหนุ่มกลับนิ่งงัน สีหน้าแห่งความยินดีเปลี่ยนเป็นเศร้า

‘ขอบใจนะที่มีความรู้สึกดีๆ ให้พี่ แต่พี่ขอโทษที่รับความรู้สึกของปันไว้ไม่ได้’

น้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนของเขา ไม่ได้ทำให้หญิงสาวดีขึ้นเลย ปัณฑารีย์ชาไปทั้งตัวเหมือนถูกน้ำแข็งก้อนใหญ่กระแทกใส่อย่างจัง ทั้งผิดหวัง เสียใจ เจ็บปวดและอับอาย จนเธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา หยดน้ำใสๆ เอ่อล้นดวงตาคู่สวย หญิงสาวพยายามซ่อนหน้าจนถึงที่สุด ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของเธอ

‘ขอบคุณนะคะที่บอกปันตรงๆ’ ปัณฑารีย์เสียงสั่นเครือ เกิดมาก็เพิ่งเคยอกหัก ไม่รู้เลยว่ามันจะเจ็บปวดใจขนาดนี้ เหมือนมีมือยักษ์มากระชากหัวใจของเธอจนฉีก หญิงสาวรีบหันหลังอยากจะหนีออกไปให้ไกลที่สุด

‘เดี๋ยวก่อนปัน’ ปัณฑารีย์ชะงักเมื่อถูกเขาเรียกเอาไว้ ‘อย่าโกรธพี่เลยนะ…’

ที่จริงเขาอยากจะพูดความรู้สึกมากกว่านี้ มากกว่าคำปลอบใจ มากกว่าคำแก้ตัว พูดสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ก็เหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกอยู่ที่ลำคอทำให้พูดอะไรไม่ออก

ปัณฑารีย์หันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม น้ำตาของเธอไหลริน อคิราห์สะเทือนใจที่เห็นน้ำตาของหญิงสาว ความร่าเริงสดใสที่เคยมีหายไปกับคราบน้ำตา และหัวใจที่แหลกสลาย

‘ปันไม่โกรธค่ะ คนไม่ชอบจะบังคับให้ชอบได้ยังไง ปันเข้าใจดี และก็ขอโทษที่ทำให้พี่ซันต้องลำบากใจ ปันขอให้พี่ประสบความสำเร็จนะคะ เป็นคุณหมอที่เก่งและดี วันไหนเราเจอกันอีกก็ทักปันบ้างนะคะ อย่าแกล้งทำเป็นไม่เห็นกัน ไม่งั้นปันโกรธจริงๆ…ลาก่อนค่ะ…พี่ซัน’ ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหล เธอจึงรีบหันหลังแล้ววิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะอดกลั้นไม่ไหวแล้วปล่อยโฮออกมาต่อหน้าเขา

อคิราห์คิดจะรั้งเธอเอาไว้แต่เปลี่ยนใจในที่สุด

‘ปล่อยไปแบบนี้แหละ ดีแล้ว’ เขาบอกกับตัวเองก่อนที่จะเดินจากไปคนละเส้นทาง ด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจไม่แพ้กัน…

 

อคิราห์เดินออกจากห้องน้ำ ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อใหม่เรียบร้อย โดยอภินันทนาการจากอชิระ น้องชายของเขา ตอนที่อชิระลงมาตามนัด ก็เห็นปัณฑารีย์กับพี่ชายยืนจ้องหน้ากัน สภาพพี่ชายเหมือนนายแบบรูปหล่อที่กำลังถ่ายหนังโฆษณาผงซักฝอกขจัดคราบเปื้อน ที่มีสโลแกน หมดห่วงเรื่องคราบกาแฟดวงใหญ่บนเสื้อผ้าราคาแพง

อชิระตกใจเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้รู้ว่าปัณฑารีย์เปิดประตูกระแทกหน้าพี่ชายและยังทำกาแฟร้อนราดใส่ เขาจึงรีบไปเอาเสื้อในรถมาให้พี่ชายเปลี่ยน และก็นึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้เจ้าอสูรร้ายในตัวพี่ชายถึงไม่ตื่นมาอาละวาด ปกติถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ หญิงสาวจะต้องโดนอคิราห์เหวี่ยงใส่จนยับเยินหาทางกลับห้องพักอาจารย์ไม่เจอแน่ แต่พอรู้ว่าปัณฑารีย์กับพี่ชายเคยรู้จักกันมาก่อน เขาก็ทั้งแปลกใจและโล่งใจไปพร้อมๆ กัน

“บังเอิญจังนะครับที่ปันรู้จักพี่ซันด้วย” อชิระดูดชาเขียวเย็นแล้วมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา

“พี่ซันเป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัยค่ะ” ปัณฑารีย์ก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดความจริงทั้งหมดว่านอกจากจะเป็นรุ่นพี่แล้ว อคิราห์ยังเป็นรักแรก และเป็นคนที่ทำให้เธอได้รู้ซึ้งถึงอาการอกหัก ความเจ็บปวดครั้งนั้นเธอยังจำไม่เคยลืม

อคิราห์มองหญิงสาวตรงหน้า แม้เวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแต่ความรู้สึกผิดในวันนั้นยังฝังลึกในใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงติดค้างในใจจนลบไม่ออก

“ปัน เป็นอาจารย์ที่นี่เหรอ” พอถามออกไปแล้ว เขาก็อยากจะเอามือตบปากตัวเอง เห็นชัดขนาดนี้ยังจะถามอีก

“ครับ ภาควิชาเดียวกับผมด้วย” คนถูกถามไม่ได้ตอบ คนตอบคืออชิระ พี่ชายมองน้องด้วยสายตาเอือมระอากับความวุ่นวายไปเสียทุกเรื่อง

“พี่ซันสบายดีนะคะ ไม่ได้เจอกัน…สิบปีแล้วมั้ง” หญิงสาวหยุดคิด สิบปีแล้วสินะที่ไม่รู้ข่าวคราวของรุ่นพี่ ที่จริงถ้าเธออยากรู้ก็ง่ายนิดเดียว แต่เธอเลือกที่จะไม่รับรู้และแกล้งทำเป็นลืมว่าเคยมีเขาอยู่ในช่วง เวลาดีๆ ของชีวิต

“สบายดีครับ…” นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่จะแยกย้ายกันไป เพราะทั้งคู่ไม่รู้ว่าควรจะสนทนากันต่อด้วยเรื่องอะไร

หญิงสาวแอบมองอคิราห์จากนอกร้าน หัวใจที่เคยสงบสุขมานับสิบปี ตอนนี้ร้อนรุ่มและสับสนจนเจ้าของหัวใจอยากจะเป็นบ้า เธอเคยคิดว่าลืมรักครั้งแรกได้แล้วแต่เมื่อโชคชะตาได้นำพามาพบเขาอีกครั้ง จึงรู้ว่าความรู้สึกที่เคยมีต่อชายหนุ่มไม่เคยเลือนหายไปไหน แค่ถูกฝังกลบเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้นเอง

อชิระเล่าให้ฟังว่าพี่ชายของเขาเป็นแพทย์อายุรศาสตร์โรคหัวใจที่เก่งมาก จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา แม้อายุจะยังไม่มากแต่เป็นที่ต้องการของโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆ แต่อคิราห์เลือกที่จะทำงานในโรงพยาบาลรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ด้อยโอกาสทางการรักษา และเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแพทย์ด้วย เธอไม่แปลกใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอคิราห์จะต้องประสบความสำเร็จ เขาเป็นคนเก่งและมุ่งมั่นมาก และยังมีอุดมการณ์ที่มั่นคงมาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา

หลังจากพบกันครั้งนั้น หญิงสาวก็ไม่ได้เจอกับอคิราห์อีกเลย แม้จะมีบางสิ่งรบกวนจิตใจให้ไขว้เขวไปบ้าง แต่เธอก็พยายามทำชีวิตให้เป็นปกติ สอนหนังสือ เลี้ยงลูก แค่นี้ก็แทบไม่มีเวลาหยุดพักแล้ว

 

ความสามารถของปัณฑารีย์เป็นที่จับตามองของผู้ใหญ่ ความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่นทำให้เธอได้รับการผลักดันให้ออกสู่เวทีภายนอก หญิงสาวได้รับเชิญให้เข้าร่วมในงานเสวนาบรรยายขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อมบ่อยๆ จนมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น ปัณฑารีย์เริ่มเนื้อหอม ไม่เพียงความสามารถเท่านั้นที่ทำให้เธอโดดเด่นแต่จุดขายสำคัญคือรูปร่างหน้าตาที่สวยทันสมัยและโปรไฟล์ที่ใครเห็นก็ต้องประทับใจ รายการโทรทัศน์พากันรุมตอมให้ไปร่วมรายการบ่อยครั้ง ไม่นานปัณฑารีย์ก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในแวดวงสิ่งแวดล้อม

การไปร่วมเวทีใหญ่ๆ ทำให้เธอได้รู้จักกับ ตีรณา สาวไฮโซลูกนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมเหมือนกับเธอ ปัณฑารีย์เคยติดตามผลงานของตีรณามาบ้าง จึงรู้ว่าสาวสวยคนนี้ดีกรีไม่ธรรมดา ความสามารถเป็นที่ยอมรับของวงการ ตีรณามีบุคลิกที่สวยสง่าแต่ดูเคร่งขรึม ไว้ตัว จนดูเหมือนหยิ่ง ซึ่งแตกต่างจากปัณฑารีย์ที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เจอใครก็ยิ้มทักทายยกมือไหว้ทุกคน ไม่ถือตัวว่าเป็นครูบาอาจารย์ การวางท่าสมกับเป็นผู้มีภูมิความรู้ของตีรณา การรักษาระยะห่างกับทุกคน ทำให้ช่วงแรกอาจารย์สาวรู้สึกประหม่าเมื่อต้องร่วมพูดคุยบนเวทีเดียวกัน

แต่สำหรับตีรณา เธอมองปัณฑารีย์เป็นคู่แข่งคนสำคัญ สาวนักสิ่งแวดล้อมคนใหม่ ส่องประกายเฉิดฉายจนสร้างความหงุดหงิดใจให้เธอได้ไม่น้อย ทั้งหน้าตาและโปรไฟล์การศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่าเธอ มีเพียงนามสกุลเท่านั้นที่เทียบกันไม่ได้ อย่างน้อยหญิงสาวก็อุ่นใจที่เกิดมาในตระกูลนักการเมืองที่ร่ำรวย แต่ความสามารถของคู่แข่งคนใหม่ก็ทำให้เธอหวั่นไหว แม้จะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่สำหรับสังคมไทยเมื่อมีกระแสใหม่ๆ เข้ามา ก็มักได้รับความสนใจจนกระแสเก่าถูกหลงลืม ซึ่งตีรณาบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นกับตัวเธอเป็นอันขาด

 

“แม่จะไปไหนคับ” โอโซนร้องถาม เมื่อเห็นแม่แต่งตัวสวยเหมือนจะไปทำงานทั้งที่เป็นวันเสาร์

“วันนี้แม่มีอีเวนต์จ้ะ แต่แค่ครึ่งวันก็กลับแล้ว แม่ให้ป้าณีมาอยู่เป็นเพื่อน แล้วจะซื้อขนมมาฝากนะครับ” ทุกวันนี้ปัณฑารีย์งานยุ่งขึ้นมาก แม้วันหยุดก็มักได้รับเชิญไปงานเสวนาหรือบรรยายอยู่บ่อยครั้ง จนต้องฝากลูกชายไว้กับป้าวรรณี แม่บ้านที่เธอจ้างมาทำความสะอาด

แม้โอโซนจะเป็นเด็กฉลาดเข้าใจอะไรง่าย แต่บางครั้งก็งอแงไม่อยากให้แม่ไปทำงานตามประสาเด็ก หญิงสาวเคยคิดจะพาลูกไปทำงานด้วย แต่ก็ไม่อยากปลุกลูกให้ตื่นแต่เช้าในวันหยุดและไปนั่งแกร่วรอแม่ครึ่งค่อนวัน จึงปล่อยให้ลูกพักผ่อนอยู่บ้าน

“โอโซนไม่อยากได้ขนม อยากให้แม่มากลับไวๆ” เด็กน้อยคิดอย่างไรก็พูดออกไปอย่างนั้น ถ้าแม่แวะซื้อขนมแล้วต้องกลับบ้านช้า เขาไม่เอาขนมก็ได้

ปัณฑารีย์เข้าไปกอดลูกชายแน่น หอมแก้มฟอดใหญ่ โอโซนเป็นความภาคภูมิใจของเธอ ไม่ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ถ้าทำให้ลูกมีความสุข เธอพร้อมทำได้ทุกอย่าง

“แม่จะรีบกลับนะครับ”

หญิงสาวโบกมือให้ลูกชายแล้วขับรถออกไป เด็กน้อยมองตามรถแม่แววตาเศร้า เขาอยากให้แม่พาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ สวนสนุก หรือที่ไหนก็ได้เหมือนที่แม่เคยพาไปตอนอยู่เมืองนอก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงต้องทำงานทุกวันทั้งที่คนอื่นๆ ได้หยุดกัน ป่านนี้เพื่อนๆ ของเขาคงไปเที่ยวกับพ่อแม่อย่างมีความสุขสนุกสนาน

พ่อ!…จริงสิ ถ้ามีพ่อ วันหยุดพ่อก็พาไปเที่ยวแทนแม่ได้…

โอโซนหน้าเศร้า ในเมื่อเขาไม่มีพ่อ แล้วจะเอาพ่อที่ไหนมาพาไปเที่ยว

 

หลังจากเสร็จงาน ปัณฑารีย์ลาทีมงานทุกคน รวมถึงตีรณาที่มาเป็นวิทยากรบนเวทีเดียวกัน หญิงสาวเตรียมตัวไปซื้อขนมให้โอโซนก่อนกลับบ้าน ถึงจะบอกว่าไม่เอาขนมก็ได้ แต่ซื้อไปทีไรก็ดีใจทุกที เธอคว้ามือถือขึ้นมาแล้วก้มหน้าก้มตากดส่งข้อความไปบอกป้าวรรณีว่ากำลังจะกลับบ้าน เพราะมัวแต่ก้มหน้าเดิน ไม่ระมัดระวังจึงชนเข้าอย่างจังกับร่างใครบางคน หญิงสาวรีบเงยหน้าขึ้นมาขอโทษ เธอตกตะลึงเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่เธอซุ่มซ่ามเดินชนนั้นคืออคิราห์ ที่กำลังมองมาที่เธออย่างแปลกใจ

“อีกแล้วเหรอ” เขาแกล้งทำหน้าดุ เมื่อเห็นเป็นปัณฑารีย์จอมซุ่มซ่าม โชคดีที่วันนี้เธอไม่ได้ถือแก้วน้ำมาด้วย

“ขอโทษค่ะ ปันซุ่มซ่ามอีกแล้ว แล้วพี่ซันมาทำอะไรที่นี่คะ” หญิงสาวขมวดคิ้วสงสัย ตอนนี้ในห้องบรรยาย ทีมงานกำลังเก็บของอย่างเร่งรีบ อคิราห์คงไม่ใช่คนทั่วไปที่สนใจมาฟังบรรยาย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาตอนเลิกงานแบบนี้

“มาแล้วเหรอคะ” เสียงหวานใสของตีรณาดังมาจากด้านหลัง

“ครับ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ พร้อมกับเผยอรอยยิ้มน้อยๆ ให้เจ้าของเสียงหวาน

“อ้าว ดอกเตอร์ปันฑารีย์ ยังไม่กลับอีกเหรอคะ” ตีรณามองสาวคู่แข่งที่ยืนอยู่กับอคิราห์ด้วยท่าทางสงสัย

“กำลังจะกลับค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ปัณฑารีย์รู้สึกถึงเค้าลางบางอย่างที่ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจนัก

“เดี๋ยวก่อนค่ะ ดูเหมือนว่าดอกเตอร์กับคุณซันจะรู้จักกัน” ตีรณารั้งเอาไว้

“ครับ ปันเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย และก็เป็นเพื่อนร่วมงานของนายเดย์ด้วย” อคิราห์เป็นฝ่ายคลายความสงสัยให้กับหญิงสาว

“บังเอิญจังเลยนะคะ ถ้าอย่างนั้นดอกเตอร์ก็รู้สิคะว่าเราสองคนเป็นคู่หมั้นกัน” ตีรณายิ้มหวานเข้าไปกอดแขนอคิราห์แนบชิด แสดงสถานะความเป็นเจ้าของให้อีกฝ่ายรับรู้

“คู่หมั้น!” ปัณฑารีย์เผลอตัวอุทานออกมา แววตาตกตะลึง พลางคิดในใจว่าอะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น

 



Don`t copy text!