มายากาเหว่า บทที่ 3 : คนรักของลูกเลี้ยง
โดย : ณรัญชน์
มายากาเหว่า โดย ณรัญชน์ กับแผนการร้ายที่ลูกกาเหว่าอย่างดารินกานต์นำมาใช้ฟาดฟันกับพลอยแสง ผู้ที่เลี้ยงดูเธอมาด้วยความรัก อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าแม่นกที่อุ้มชูมาไม่ได้รักเธอด้วยใจจริง ความรักของพลอยแสงจะเอาชนะอคติที่บดบังดวงตาและดวงใจไปได้อย่างไร…นวนิยายออนไลน์แนว Family Drama สุดเข้มข้นที่อ่านเอาอยากชวนคุณมาลุ้นไปกับเรา
กรุงเทพมหานคร พ.ศ 2564
ร่างโปร่งระหงในเสื้อลูกไม้ดำสนิทและกระโปรงยาวกรอมเท้าสีเดียวกัน ยืนอยู่หน้ารูปถ่ายขนาดใหญ่เหนือตู้หนังสือ ผิวหน้างามผ่องที่แต่งไว้อย่างประณีตมีริ้วรอยเพียงบางๆที่หางตา ดูเผินๆแทบไม่ต่างจากสาวน้อยคนเก่าที่อารัญเคยรู้จักเมื่อยี่สิบปีก่อน ในมือมีกระดาษนุ่มที่เจ้าตัวกำลังลูบไล้ไปตามกรอบทองของรูปถ่ายอย่างตั้งใจ
เช็ดจนสะอาดเอี่ยม ไม่มีฝุ่นละอองแม้สักเสี้ยวธุลีแล้ว เธอก็มองชายที่อยู่ในกรอบรูปอย่างเพ่งพิศ รูปนี้อารัญถ่ายไว้ก่อนเสียชีวิตไม่นาน จึงยังดูหนุ่มแน่นจนพลอยแสงเคยแอบตั้งคำถามเล่นๆกับตัวเองว่าหากสามียังมีชีวิตต่อมาจนถึงทุกวันนี้ เขาจะร่วงโรยผิดจากในภาพไปสักเท่าใดหนอ
แต่อารัญเป็นคนใส่ใจกับหน้าตา ทั้งยังรักษาสุขภาพเป็นอย่างดี เขาคงจะแก่ลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแม้จะกรำงานหนักแค่ไหนก็เถอะ พอเธอเตือนให้ลดงานลงบ้างเขาก็มักจะบอกว่า
“พี่ต้องสร้างฐานะให้มั่นคง คนที่เคยปรามาสว่าพี่จะต้องหมดตัวเพราะถูกพลอยปอกลอกจะได้หน้าหงายไปไงล่ะ”
เธอยิ้มอ่อนโยนให้คนในภาพถ่าย รำลึกถึงเขาด้วยความซาบซึ้งใจ
‘เรื่องของเราไม่ง่ายเลยใช่ไหมพี่อารัญ กว่าจะสมหวัง เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคกันหนักหนาเหลือเกิน’
หลังจากเสร็จงานศพคุณนพวรรณ อารัญก็พาพลอยแสงย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนท์แห่งใหม่ที่สะดวกสบายกว่าที่เดิมอย่างเทียบกันไม่ติด เขาใส่เงินก้อนหนึ่งเข้าบัญชีของพลอยแสงและห้ามด้วยเสียงเฉียบขาดเมื่อเธอบอกว่าจะไปหางานพิเศษทำ เพื่อนำเงินมาใช้คืนเขา
พลอยแสงไล้ปลายนิ้วเรียวยาวไปบนใบหน้าของชายหนุ่มในรูป อารัญไม่รู้หรอกว่าเธอต้องระมัดระวังเพียงใดเพื่อผดุงความเป็นดอกฟ้าสูงค่าในสายตาเขาไว้ให้นานที่สุด หากเธอทำตัวเป็นผู้หญิงสิ้นคิดที่แบมือขอเงินเพียงถ่ายเดียว มีหรือความเทิดทูนของอารัญจะดำรงอยู่ไปตลอด พลอยแสงจึงขัดคำสั่งของเขา แอบไปทำงานนอกเวลาเป็นแคชเชียร์ในร้านอาหาร พออารัญบอกให้ลาออกเธอก็ส่ายหน้า
“พี่อารัญจะโกรธพลอยก็ยอม แต่พลอยไม่ต้องการเกาะพี่กิน”
“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย พี่ตั้งใจว่าจะดูแลพลอยแทนคุณอาไกรศักดิ์ ถ้าคุณอายังอยู่ก็คงไม่ยอมให้พลอยลำบากเหมือนกัน”
“แต่พี่ไม่ใช่คุณพ่อนี่คะ พลอยไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ อีกไม่นานพี่อารัญก็จะแต่งงานกับปณาลีอยู่แล้ว ส่วนพลอย พอเรียนจบพลอยก็จะหางานเต็มเวลาทำ แล้วก็คงมีเงินจ่ายค่าหอพักเอง ไม่ต้องรบกวนพี่อารัญหรอกค่ะ”
อารัญยื่นมือมาหมายจะรวบร่างอรชรเข้าไปกอด แต่พลอยแสงถอยห่างอย่างไว้ตัว ไม่ยอมให้เขาล่วงเกินมากไปกว่าการจับมือถือแขน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาคุณค่าในตัวเธออย่างแยบยล เธอรู้ดีว่าหากยอมโอนอ่อนคล้อยตามเขาเมื่อไร พลอยแสงก็จะมีสภาพไม่ผิดอะไรกับเมียเก็บ ต่อให้มีภูมิหลังสูงส่งสักแค่ไหนก็เถิดน่า แต่ชายใดเล่าจะชื่นชมบูชาได้นานนัก
อารัญเป็นสุภาพบุรุษเกินกว่าจะดึงดันให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ จึงได้แต่มองหญิงสาวที่เดินไปปาดน้ำตาเงียบๆอย่างกลัดกลุ้ม ก่อนตัดสินใจว่าเขาคงต้องทำอะไรให้เด็ดขาดลงไปเสียที เพื่อไม่ให้ดอกฟ้างามเลิศดอกนี้หลบเร้นหนีไปจนไกลสุดเอื้อม
“พี่จะบอกพ่อแม่ว่าจะไม่แต่งงานกับลี และทันทีที่พลอยเรียนจบเราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน ตกลงไหมจ๊ะ”
วันที่อารัญแจ้งกับครอบครัวว่าจะไม่เข้าพิธีวิวาห์กับปณาลี ไม่ต่างอะไรกับมีพายุใหญ่พัดถล่มหลังคาบ้าน พ่อแม่ของชายหนุ่มนั่งอึ้งพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แต่พอเปิดปากได้ก็ตามมาด้วยการทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนเข้าหน้ากันไม่ติด ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยเรื่องของพลอยแสง เพียงแต่ยืนกรานว่าไม่เคยรักปณาลี อีกทั้งนิสัยใจคอก็แตกต่างกันมากจึงไม่อยากทนใช้ชีวิตร่วมกับหล่อน พอเรื่องร้อนถูกส่งต่อไปถึงครอบครัวของปณาลี แม่ของหญิงสาวก็แทบล้มทั้งยืน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายปิดห้องเจรจากันอย่างเคร่งเครียด ทั้งขู่ทั้งปลอบสารพัด กระนั้นผู้ที่จะต้องเป็นเจ้าบ่าวก็ดึงดันปฏิเสธท่าเดียว
“ถ้าฝืนแต่งงานกันไปก็เหมือนเอาน้องลีมาทรมาน ผมเองก็ไม่มีความสุข ทั้งเขาทั้งผมคงตกนรกกันทั้งคู่” อารัญให้เหตุผล
“อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองละน่า ขืนไม่แต่งบ้านเรากับบ้านหนูลีต้องผิดใจกัน ทางเราน่ะไม่เท่าไรหรอกแต่ฝ่ายเขาบอกญาติๆเพื่อนฝูงไปหมดแล้ว เขาจะเสียหน้าแค่ไหนอารัญคิดดู” แม่ของชายหนุ่มแย้ง เมื่อกลับมาคุยกันต่อที่บ้าน “ไม่รู้ละ แม่จะรีบไปขอฤกษ์แล้วจัดงานแต่งงาน อารัญไม่ต้องทำอะไรแค่รอเป็นเจ้าบ่าวอย่างเดียวพอ”
เพื่อยุติสงครามที่ทำท่าจะยืดเยื้อ วันรุ่งขึ้นหลังจากพลอยแสงสอบวิชาสุดท้ายเสร็จสิ้น อารัญก็พาเธอไปจดทะเบียนสมรส ชายหนุ่มอิ่มเอิบอยู่ในความผาสุกเสียจนไม่ทันสังเกตว่าความสมหวังในดวงตาพราวระยับราวกับนิลต้องแสงไฟของภรรยา มีสิ่งใดลึกเร้นเจือปนอยู่บ้าง
ทีนี้เธอก็แย่งขุมทรัพย์กองนี้ไปจากฉันไม่ได้แล้วปณาลี ยกเว้นแต่จะยอมเป็นเมียน้อยเท่านั้น…
แน่นอนว่าแม่ของปณาลีมีเกียรติและหน้าตาในวงสังคมของตน เกินกว่าจะยอมให้ลูกสาวลดตัวลงไปกินน้ำใต้ศอกใคร ธุรกิจเครื่องสำอางที่สองครอบครัวหมายมั่นจะทำร่วมกันจึงเป็นอันล้มเลิก ส่วนปณาลีนั้น วงเนตรเป็นคนนำข่าวของหล่อนมาบอกพลอยแสง
“ลีร้องไห้จนเป็นลมไปหลายยก ข้าวปลาไม่ยอมกินเอาแต่ตีโพยตีพายทั้งวัน คนที่บ้านเขาต้องเฝ้ากันแจกลัวลีจะฆ่าตัวตาย เขาเที่ยวบอกเพื่อนทั้งคณะว่าเธอแย่งแฟนเขาไป ให้ทุกคนเลิกคบเธอให้หมด ตอนนี้มีแต่ข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับเธอนะพลอย”
พลอยแสงเชื่อว่าปณาลีคงรักอารัญจริง เป็นความลุ่มหลงของผู้หญิงที่ปักใจต่อชายที่หมายมาดว่าจะร่วมชีวิตด้วย เมื่อพลาดหวังหล่อนจึงรวดร้าวไม่ต่างจากถูกกระชากหัวใจไปทั้งดวง ที่สำคัญความเจ็บปวดของปณาลียังพ่วงมาด้วยความขายหน้าอย่างรุนแรง เนื่องจากเจ้าตัวคุยโม้เรื่องงานแต่งงานและชีวิตหวานชื่นหลังจากนั้นไว้อย่างเลอเลิศ ยิ่งสร้างความริษยาไว้มากเสียงทับถมสมน้ำหน้าก็ยิ่งดังกระหึ่มกึกก้องจนเพียงพอจะถล่มปณาลีให้แหลกยับลงไปได้เลยทีเดียว
สำหรับพลอยแสง หญิงสาวเตรียมใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องมีข้อครหาตามมา โดยเฉพาะญาติๆของอารัญย่อมจะดูถูกที่เธอแอบจดทะเบียนสมรสโดยไม่มีผู้ใหญ่รับรู้ พลอยแสงจึงเบนเข็มไปที่การช่วยชายหนุ่มสร้างฐานะ เธอขอให้สามีเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆให้ตนเองดูแล เพียงไม่กี่ปีเธอก็สามารถทำให้กิจการนอกสายตานั้น กลายเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตคุณภาพดีขนาดใหญ่ มีแต่ลูกค้าเกรดเอและชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ
ขณะเดียวกันพลอยแสงก็ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าๆของบิดา อาศัยเส้นสายต่อยอดธุรกิจไปทีละน้อย นักธุรกิจมือฉมังเหล่านี้มีหูตาและประสบการณ์ในวงการมากมาย ข้อมูลที่ได้มาช่วยให้พลอยแสงทำเงินเป็นกอบเป็นกำในตลาดหุ้น ทั้งยังเกื้อหนุนไปถึงธุรกิจก่อสร้างของอารัญจนเงินทองที่มีอยู่เดิมเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าชื่นใจ
พ่อแม่สามีลดทิฐิลงไปมากเมื่อเห็นความเอาการเอางานของลูกสะใภ้ รวมถึงความมั่นคงของฐานะที่เธอและสามีช่วยกันสร้างขึ้น และแล้วทุกสิ่งก็เหมือนจะราบรื่นในท้ายที่สุด แต่แล้วก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางวันแสกๆ เมื่อจู่ๆอารัญก็ด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ…
วันนั้นอารัญพาพ่อแม่ของเขาไปจังหวัดชายทะเลเพื่อคารวะหลุมฝังศพบรรพบุรุษที่ตั้งอยู่ที่นั่น รถตู้ที่เขานั่งไปถูกรถบรรทุกสิบล้อที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนจนพลิกคว่ำหลายตลบ ผู้โดยสารทั้งหมดไม่มีใครรอดชีวิต ขณะนั้นพลอยแสงบินไปร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศในแถบตะวันออกกลาง จึงแคล้วคลาดจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด
“น้าพลอยคะ ได้เวลาไปวัดแล้วค่ะ”
การปล่อยใจครุ่นคำนึงถึงอดีตของของพลอยแสงสะดุดลงเมื่อมีเสียงร้องเรียกมาจากด้านหลัง หญิงสาวในชุดดำสนิทเหมือนกับเธอก้าวเข้ามาในห้อง พอพลอยแสงหันไปมอง อีกฝ่ายก็บอกสั้นๆ
“พี่ธัสขอไปด้วย น้าคงไม่ว่านะคะ”
“เราจะไปทำบุญให้พี่อารัญ น่าจะไปกันเฉพาะคนในครอบครัวมากกว่า” พลอยแสงแย้งเรียบๆ แต่ส่งผลให้คิ้วเรียวสวยของดารินกานต์ขมวดฉับเข้าหากัน หล่อนตอบด้วยเสียงดึงดันตามความเคยชินว่า
“วันนี้ครบรอบวันตายของพ่อดาว พี่ธัสเป็นแฟนดาว จะไปด้วยก็สมควรแล้วนี่คะ”
พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินฉับๆไปทันทีเพื่อปิดโอกาสไม่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธ แม่เลี้ยงที่ยังดูอ่อนวัยราวกับเป็นพี่สาวจึงได้แต่ถอนใจ
ญาติๆที่สนับสนุนให้อารัญแต่งงานกับปณาลีมักจะบ่นว่าอารัญเป็นคนดีเกินไป ถึงได้ตกหลุมพรางถูกผู้หญิงแสนกลอย่างพลอยแสงปั่นหัวจนอยู่มือ พลอยแสงเองก็เคยเชื่อสนิทในความซื่อตรงของสามี จนกระทั่งหลังจากอยู่กินกันเป็นปีที่สาม วันหนึ่งอารัญก็จูงมือเด็กหญิงวัยหกขวบเดินเข้ามาหา
“พลอย นี่ดารินกานต์ เรียกแกสั้นๆว่าดาวก็ได้” เขาตีหน้าพิพักพิพ่วน “แกเป็นลูกสาวของพี่เอง”
ในตอนแรกพลอยแสงยังคิดว่าตนเองฟังผิดไป จนสามีต้องย้ำอีกครั้ง เธอถึงได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ครอบครัวของอารัญหมายมั่นจะให้เขาเป็นทองแผ่นเดียวกับปณาลี ไม่มีแม้สักคนจะเอะใจว่าลูกชายที่ดูเหมือนเรียบร้อยอยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม จะแอบไปมีความสัมพันธ์กับเด็กสาวคนหนึ่งมาตั้งแต่เขายังเป็นเพียงนักศึกษาปีสอง ความผิดพลาดนั้นส่งผลให้ฝ่ายหญิงตั้งท้อง อารัญจึงพาหล่อนไปเช่าบ้านหลังเล็กๆและส่งค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือน แม้กระทั่งหลังจากแต่งงานกับพลอยแสง เขาก็ยังคอยดูแลเด็กสาวคนนั้นมาตลอด
‘พี่ขอโทษ ที่ผ่านมาพี่อยากบอกพลอยตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้า พี่รู้ว่าพลอยจะต้องผิดหวังในตัวพี่” สีหน้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเสียใจ “ตอนนี้พี่เลิกกับแม่ของดาวอย่างเด็ดขาดแล้ว เขาไปแต่งงานใหม่พี่เลยเอาลูกมาเลี้ยงเอง พลอยจะว่าอะไรไหมถ้าพี่จะขอให้พลอยเป็นแม่ของดาว’
เป็นแม่ของเด็กหญิงตาคม มีแววรั้นระคนความเป็นปรปักษ์ระบายอยู่บนดวงหน้าเล็กๆอย่างชัดเจนคนนี้น่ะหรือ…
สมัยที่ยังเล็กมีพี่เลี้ยงนางนมแห่ห้อมดูแล พลอยแสงเคยได้ยินเพลงพื้นบ้านที่คนแก่ๆร้องกล่อมเด็ก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในวันหนึ่งข้างหน้ามันจะกลายมาเป็นชีวิตของเธอเอง
กาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก….
ถึงแม้จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูลูกกาเหว่าอย่างดีสักเพียงใด ลูกกาเหว่าและแม่กาก็ยังคงเป็นนกต่างเผ่าพันธ์กันอยู่นั่นเอง….
…………………………………………………………………………………………………………………………………..
การทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตของอารัญผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นในสายตาคนนอก มีแต่พลอยแสงเท่านั้นที่รู้ว่าเธอต้องควบคุมตัวเองหนักหน่วงเพียงใด ที่จะไม่แสดงความรู้สึกแท้จริงออกมาเมื่อได้พบคนรักของดารินกานต์
หน้าตาเวธัสจัดว่าหล่อเหลากว่าผู้ชายทุกคนที่ดารินกานต์เคยคบมา ผิวขาวเหลืองช่วยส่งให้รูปร่างล่ำสันแบบนักกีฬาของเขาดูสูงเพรียวขึ้นไปอีก อีกทั้งการแต่งกายก็บอกถึงรสนิยมดีเลิศสมกับอาชีพดาราของเจ้าตัว ทว่าพลอยแสงคงจะเอ็นดูเวธัสได้สนิทใจกว่านี้หากสร้อยคอ นาฬิกา หรือแม้แต่รถยนต์ที่เขาขับจะไม่เนรมิตมาจากกระเป๋าสตางค์ของดารินกานต์
เมื่อเริ่มคบหากับลูกเลี้ยงของพลอยแสงใหม่ๆ เวธัสเคยขับรถยนต์มือสองเข้ามารับดารินกานต์ แต่เมื่อพบกันในครั้งต่อมา พาหนะของเขาก็กลายเป็นรถยนต์ยุโรปใหม่เอี่ยม ตราสัญลักษณ์หน้ารถระบุราคาที่แพงกว่าค่าตัวจากการแสดงละครของเขาสิบเรื่องรวมกัน ดารินกานต์ยิ้มย่องผ่องใสบอกแม่เลี้ยงเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่สุด
“ดาวซื้อรถให้พี่ธัสคันหนึ่งนะคะน้าพลอย ขอหักจากบัญชีบริษัทก็แล้วกัน”
“รถคันนั้นราคาเป็นสิบล้าน พลอยซื้อให้เขาทำไม” พลอยแสงติง “เวธัสควรจะออกเงินเอง ถ้าไม่มีเงินก็ขับคันเดิมไปสิ”
“พี่ธัสมีเงินนะคะ ถึงเขาจะเป็นพระรองไม่ใช่พระเอกแต่ก็งานชุก แล้วยังมีรายได้จากอีเวนท์อีกตั้งไม่รู้เท่าไร เพียงแต่เขาอยากเก็บเงินไว้ปลูกบ้านก่อนเลยยังไม่ซื้อรถใหม่” ดารินกานต์รีบกางปกปีกป้องคนรัก “แต่ขับรถเก่าๆดาวว่ามันเสียภาพพจน์ แล้วเวลาพี่ธัสเอารถคันนั้นมารับ ดาวก็ต้องนั่งไปด้วย รถแอร์ไม่เย็นดาวนั่งไม่สบาย”
“แต่ถึงยังไงเวธัสก็เป็นผู้ชาย ไม่ควรแบมือรับของแพงๆจากผู้หญิง เขาน่าจะมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้” พลอยแสงไม่เห็นด้วย รอยยิ้มของคนฟังเลือนหายไปทันทีที่ถูกขัดใจ เสียงที่ตอบกลับมาเริ่มระคายหู
“ทีแรกพี่ธัสก็จะไม่รับหรอกค่ะแต่ดาวบังคับเองเขาถึงต้องรับไว้ แล้วเขาก็มารับส่งดาวแทบทุกวัน ก็ต้องถือว่าดาวเป็นคนใช้รถสิคะ ส่วนพี่ธัสมีหน้าที่แค่ขับให้ดาวนั่งเท่านั้น”
พลอยแสงอยากจะคัดค้านต่อไปอีก แต่สีหน้ามุ่งมั่นจะเอาชนะของลูกเลี้ยงบอกให้รู้ว่าถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ตั้งแต่เล็กจนโตดารินกานต์ไม่เคยเชื่อฟังเธออยู่แล้ว แม้แต่คำว่า “แม่” หล่อนก็ยังไม่ยอมให้ออกจากปาก หลังจากอารัญตายไป ความดื้อรั้นของหญิงสาวก็ยิ่งทวีขึ้นตามจำนวนปีที่พ้นผ่าน แม้จะยังรักษากิริยาอ่อนน้อมกับแม่เลี้ยงตามที่ได้รับการอบรมมาตลอด แต่ดารินกานต์นั้นมีนิสัยช่างจดช่างจำในสิ่งที่หล่อนมองว่าตนเองถูกรังแก สุดท้ายพลอยแสงจึงต้องปล่อยวางหลายๆอย่างเกี่ยวกับลูกเลี้ยงคนนี้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ไม่ให้แตกร้าวจนอยู่ร่วมกันไม่ได้
ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ลูกของเรา…
เธอมักใช้ประโยคนี้ปลอบใจตัวเองเมื่อเหนื่อยหน่ายกับดารินกานต์ แต่ทั้งๆที่พยายามมองข้ามแล้ว พลอยแสงก็ยังไม่อาจวางเฉยที่เห็นลูกเลี้ยงประเคนเงินทองให้ดาราหนุ่ม ราวกับเป็นคลังสมบัติย่อมๆให้เวธัสกอบโกยตามอำเภอใจ
ถัดจากรถยนต์คันใหม่ ดารินกานต์ก็ให้คนรักยืมเงินไปซื้อห้องเพนท์เฮ้าส์ราคาแพงลิบลิ่ว ด้วยเหตุผลว่า “พี่ธัสอยู่บ้านจัดสรรเก่าๆ เวลาดาวไปหาเขาดาวนั่งไม่ลง” ตามด้วยคอร์สอบรมบุคลิกภาพเพื่อให้เวธัสปรับปรุงตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ซื้อคอร์สเรียนภาษาต่างประเทศให้ชายหนุ่มยกระดับความรู้ไว้โอ้อวดแฟนคลับ และเดือนที่แล้วนี่เองที่เวธัสและดารินกานต์ควงกันไปเที่ยวอิตาลี ขากลับก็ช็อปปิ้งเสื้อผ้าแบรนด์เนมกลับมาหลายกระเป๋า ทำไมพลอยแสงจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่มีวันจ่ายเงินเองเป็นอันขาด ความหรูหราฟุ่มเฟือยที่แฟนคลับของเขาชื่นชมนักหนา มีลูกเลี้ยงของเธอเป็นผู้อุปถัมภ์อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
พอแม่เลี้ยงเตือนไม่ให้ทุ่มเงินกับเวธัสจนเกินขอบเขต ดารินกานต์ก็บอกยิ้มๆว่า
“ถึงยังไงเงินในบริษัทก่อสร้างของคุณพ่อก็เป็นของดาวอยู่แล้ว แค่ซื้อของเท่านี้คงไม่กระทบบัญชีบริษัทหรอกค่ะ”
มรดกที่อารัญทิ้งไว้ให้ลูกสาวมีพอจะบำรุงบำเรอดารินกานต์ให้สุขสบายไปได้ตลอดชีวิต นอกเหนือจากเงินสดในธนาคารและที่ดิน ยังมีบริษัทก่อสร้างเออาร์คอนสตรัคชั่นซึ่งมีมูลค่ามากที่สุด ทั้งหมดนี้ชายหนุ่มทำพินัยกรรมไว้ว่าให้อยู่ในความดูแลของพลอยแสง จนกว่าหญิงสาวจะเห็นสมควรส่งมอบมันต่อให้ดารินกานต์ ไม่มีใครเข้าใจความคิดของผู้วายชนม์ว่าเหตุใดอารัญต้องทำพินัยกรรมเช่นนั้น แต่เมื่อดารินกานต์โตขึ้น ญาติๆที่เหลืออยู่ก็มักจะบอกให้พลอยแสงคืนมรดกให้ลูกเลี้ยงเสียที แม้แต่ดารินกานต์เองก็ชอบย้ำเรื่องนี้อยู่เสมอ คล้ายเกรงว่าเธอจะคดโกงก็ไม่ปาน
คำตอบที่ไม่ยอมพลาดโอกาสกระแทกแดกดันนั้นเปรียบได้ดังแสงตะวันแผดร้อนที่เผาทำลายกำลังใจของพลอยแสงให้แห้งเหือดในพริบตา แต่เมื่อคิดถึงอนาคตของดารินกานต์หากยังคบหากับปลิงดูดเดือดตัวนี้อยู่ พลอยแสงก็แข็งใจพูดต่อ
“เพราะดาวมีเงินมากนี่ละน้าถึงเป็นห่วง เงินทองมันซื้อความจริงใจไม่ได้หรอกนะ มีแต่จะเป็นเครื่องดึงดูดคนที่หวังปอกลอกให้เข้ามาหา อย่างเวธัส ถ้าดาวไม่หลงเขาจนเกินไปก็น่าจะเห็นว่าเขาต้องการอะไรจากดาว ดาวหมดเงินไปกับเขาตั้งเท่าไรแล้ว ผู้ชายดีๆไม่ทำตัวอย่างนี้หรอก”
“ดาวเชื่อว่าพี่ธัสจริงใจกับดาวค่ะ” ดารินกานต์เชิดหน้าตอบด้วยดวงตาวาววับ “เขาอาจยืมเงินดาวบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่คนเป็นแฟนกันจะมามัวคิดเล็กคิดน้อยได้ยังไงคะ ถ้าคนหนึ่งลำบากคนที่สบายกว่าก็ต้องช่วยสิ ถึงจะเรียกว่ารักกันจริง”
เมื่อการตักเตือนไม่เป็นผล พลอยแสงจึงต้องใช้ไม้แข็งด้วยการสั่งฝ่ายบัญชีให้งดจ่ายเงินให้ลูกเลี้ยงของเธอ ก่อนจะนำบัญชีมากางต่อหน้าดารินกานต์
“ดาวใช้เงินไปเกินกว่าเงินปันผลประจำปีที่จะได้รับจากเออาร์คอนสตรัคชั่นแล้ว เท่ากับว่าปีนี้ดาวจะไม่ได้เงินสักบาทเดียว และต่อไปถ้ายังมีรายจ่ายแบบนี้มาอีก น้าก็จะไปตัดจากเงินปันผลของปีหน้า ดาวจะซื้อของให้เวธัสก็ตามใจแต่บริษัทจะไม่ออกอะไรให้เขาทั้งสิ้น”
เปลวไฟในดวงตาดารินกานต์ลุกโชติช่วงแทบว่าจะเผาอีกฝ่ายให้ไหม้เป็นจุณ หล่อนขบฟันเค้นเสียง “เกินไปแล้วนะคะน้าพลอย ทั้งบริษัทก่อสร้างทั้งเงินเป็นมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ดาว ดาวมีสิทธิ์จะใช้”
“ตราบใดที่เออาร์คอนสตรัคชั่นยังอยู่ในการดูแลของน้า น้าจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าเงินของบริษัทจะใช้ไปกับใคร หรือเรื่องอะไร”
การโต้แย้งจบลงที่ดารินกานต์ประชดไม่ยอมกลับบ้านเสียหลายวัน พอกลับมาหล่อนก็ทำเย็นชาปั้นปึ่ง เป็นสัญญาณเตือนอยู่เงียบๆว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกเลี้ยงใกล้จะถึงจุดแตกหักที่ไม่อาจสมานกันได้เต็มทนแล้ว
หลังการทำบุญให้อารัญเสร็จสิ้นลง ดารินกานต์ก็เข้าไปนั่งในรถคันโก้ มีเวธัสทำหน้าที่สารถีขับโลดลิ่วพาไปตามแต่ฝ่ายหญิงจะบัญชา ส่วนพลอยแสงขับรถไปจอดในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเธอซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่คอมมิวนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ เมื่อเดินผ่านประตูกระจกเข้าไป ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็นำเอาความสดชื่นมากระทบร่าง พลอยแสงกวาดสายตามองสินค้าที่วางเรียงรายเป็นระเบียบอยู่บนชั้น ซุปเปอร์มาร์เก็ตของเธอเน้นลูกค้าต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงมีของกินของใช้ที่ชาวต่างชาติหาไม่ได้จากร้านค้าทั่วไปมากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าราคาสินค้าย่อมสูงกว่าที่อื่นด้วย แต่เธอก็มั่นใจว่าคัดสรรมาเฉพาะของดี มีคุณภาพสมราคา
สำรวจความเรียบร้อยจนพอใจแล้วพลอยแสงก็เดินออกประตูด้านข้างที่เชื่อมต่อเข้าไปในเขตของคอมมิวนิตี้มอลล์ เธอใช้เวลาหลายปีกว่าจะกว้านซื้อที่ดินที่อยู่ติดซุปเปอร์มาร์เก็ตมาได้สำเร็จ นำมาปรับปรุงจนเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์สวยแปลกตาในธีมดอกไม้เมืองหนาวในพระราชวังเขตร้อน ใช้ชื่อว่าคามิลเลียคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงเปลี่ยนชื่อซุปเปอร์มาเก็ตเดิมเป็นคามิลเลียมาร์เก็ตเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ พื้นที่กว้างด้านหน้าทำเป็นลานเอนกประสงค์ ปกติจะมีคนมาขอเช่าที่จัดงานแสดงสินค้าแทบทุกสัปดาห์ ช่วงไหนไม่มีคนเช่าพลอยแสงก็มีลูกมือคอยจัดกิจกรรมต่างๆเรียกความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นสัปดาห์นี้เป็นเทศกาลขนมหวาน จึงมีร้านขนมชื่อดังมาออกร้านกันคึกคัก
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนคุยกับชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในลานเอนกประสงค์ พอเห็นเขาพลอยแสงก็เดินเข้าไปหา “เป็นยังไงบ้างพฤทธิ์ ร้านขายดีไหม”
“มาเปิดสาขาที่คามิลเลียทั้งที ก็ต้องขายดีสิครับน้าพลอย”
นอกเหนือไปจากดวงตาโตทอประกายแจ่มใส จมูกโด่งตรงได้รูป และริมฝีปากหยักโค้งค่อนข้างหนานั่นแล้ว น้ำเสียงรื่นรมย์และบุคลิกสบายๆเป็นกันเองนี่ละ ที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของพฤทธิ์ จนทำให้มีสาวๆมาสนใจผูกมิตรด้วยไม่ได้ขาด กระนั้นพลอยแสงก็ยังไม่เคยลืมภาพเด็กชายตัวน้อยที่เคยพักอยู่ในบ้านหลังใหญ่ติดกับบ้านของเธอ คนที่ชอบเข้ามาเล่นซนกับมิริน เป็นพี่ชายที่น่ารักของดารินกานต์ และเป็นเด็กขี้อ้อนที่จะขอของว่างจากน้าพลอยติดมือก่อนกลับบ้านเสมอ
พฤทธิ์เป็นลูกชายของคุณเกริก เพื่อนสนิทของอารัญ ทว่าคุณเกริกโชคร้ายถูกโจรยิงเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังหนุ่ม ต่อมาคุณมารตี มารดาของพฤทธิ์ก็แต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่ต่างประเทศ พฤทธิ์ซึ่งกำลังเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ห้าจึงต้องย้ายไปใช้ชีวิตวัยรุ่นในประเทศอันไกลโพ้น เขาเรียนจบและทำงานอยู่ที่นั่นหลายปี จนกระทั่งสามปีก่อน ก็ตัดสินใจย้ายกลับมาปักหลักถาวรที่ประเทศไทย
นอกจากจะกลับมาเป็นเพื่อนบ้านของพลอยแสงตามเดิมแล้ว พฤทธิ์ยังมาเปิดกิจการร้านขนมหวานกึ่งร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสชื่อซาวูเรอ ร้านของเขาเป็นที่นิยมมากในหมู่หนุ่มสาวผู้รักการลิ้มลองรสชาติแบบฝรั่งเศสแท้ๆ โดยเฉพาะขนมหวานได้รับคำชมว่าอร่อยระดับมิชลินสตาร์เลยทีเดียว
ซาวูเรอสาขาใหม่มาเปิดตัวที่คามิลเลียได้ไม่นานนัก แต่ก็สามารถครองความนิยมได้เป็นอันดับต้นๆ ทั้งหมดนี้นอกจากจะยกความดีให้พฤทธิ์ผู้เป็นเจ้าของร้านแล้ว พลอยแสงยังต้องให้เครดิตหญิงสาวที่กำลังยืนคุยกับเขา ซึ่งเป็นคนจัดหาทำเลและช่วยประชาสัมพันธ์อย่างแข็งขันด้วย
“พอดีน้ามีธุระจะสั่งงาน ขอตัวเมี่ยงไปกับน้าสักครู่นะ” เธอบอกชายหนุ่ม
มิรินยิ้มให้พฤทธิ์ก่อนจะเดินตามผู้อุปการะไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่บนชั้นห้าของอาคารพาณิชย์ ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของศูนย์การค้า ระหว่างที่ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไป พลอยแสงก็ใช้เวลานั้นนึกเปรียบเทียบเด็กในปกครองของเธอไปพร้อมกัน ขณะที่ดารินกานต์สำรวยบอบบางดังเจ้าหญิงอยู่ทุกขณะจิต มิรินกลับไม่เคยทิ้งสภาพเด็กยากไร้ที่ต้องปากกัดตีนถีบได้จนแล้วจนรอด หญิงสาวเป็นคนสู้งาน ชอบใช้เวลาไปกับการหารายได้พิเศษ พลอยแสงแทบจะไม่เคยเห็นมิรินนั่งเฉยๆเลยสักครั้ง หากไม่แปลเอกสารภาษาจีนที่รับมาทำที่บ้าน หล่อนก็จะขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ท หรือไปรับจ้างทำงานนอกเวลาเล็กๆน้อยๆ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยลูกอุปถัมภ์คนนี้ก็มาเป็นกำลังสำคัญในการดูแลคอมมูนิตี้มอลล์ และเป็นพนักงานที่พลอยแสงไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่ง
การอุปการะมิรินมีที่มาจากงานระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสของมูลนิธิที่พลอยแสงเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์อยู่ งานนั้นเป็นการถ่ายทอดสด พิธีกรซึ่งถือสคริปต์อยู่ในมือเย้าว่า
“คุณพลอยแสงน่าจะรับอุปการะเด็กด้อยโอกาสสักคนนะคะ จะได้เป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆทำตาม”
วินาทีนั้นพลอยแสงไม่รู้เลยว่าคำตอบที่กำลังจะออกจากปากอิ่มงามของตน จะไปเกี่ยวกระหวัดอีกชีวิตหนึ่งให้เข้ามาร้อยรัดผูกพันกับเธออย่างลึกซึ้ง เธอเพียงแต่ยิ้มสบายๆให้กับกล้องทีวีที่กำลังจับภาพ ตอบอย่างไม่ใส่ใจนักว่า
“เอาสิคะ ในฐานะกรรมการดิฉันยินดีสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิเราอยู่แล้ว”
ประโยคสั้นๆที่หมายจะทำเพียงเพื่อรักษาภาพพจน์นักธุรกิจหญิงผู้มีเมตตา ย้อนกลับมาหาเธอในรูปของเอกสารรับอุปการะเด็กกำพร้า พลอยแสงจำต้องเซ็นรับเพราะไม่อยากมีข่าวเสียหายตามมา แต่เพื่อความไม่ประมาทเธอก็เจียดเวลาไปที่มูลนิธิเพื่อคัดเลือกเด็กที่จะอุปถัมภ์ด้วยตนเอง
ในจำนวนเด็กยากไร้นับร้อยชีวิต ใบหน้าที่สะดุดตาเธอที่สุดเป็นของเด็กผู้หญิงผิวขาว ดวงตาโตดำขลับราวกับแผ่นฟ้าในคืนเดือนแรม จมูกโด่งเป็นสันเด่นชัดกว่าคนไทยทั่วไป พอเธอถามเจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า
“เด็กคนนี้ชื่อมิรินค่ะ แกมีปัญหาทางบ้านเราเลยรับตัวมาอยู่ด้วยเป็นการชั่วคราว คือว่าพ่อของแกติดคุกอยู่กว่าจะออกมาก็อีกหลายปี ส่วนแม่ตายไปนานแล้ว ถ้าคุณพลอยจะรับอุปการะก็เป็นบุญของเด็ก”
พ่อของมิรินเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่กลับทำตัวสวนทางกับหน้าที่ แอบเข้าไปขโมยของขณะเจ้าของบ้านออกไปทำงานในตอนกลางวันเสียเอง พอเขาถูกจับและส่งตัวเข้าคุก ลูกสาวตัวน้อยจึงเคว้งคว้างจนทางมูลนิธิต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ พลอยแสงเห็นหน้าตาเด็กหญิงเหมือนจะมีเค้าชาวตะวันออกกลางก็นึกแปลกใจ
“นายสมบัติพ่อของมิรินเป็นแขกขาวค่ะ เมียเขาที่ตายไปก็สวยนะคะ ลูกเลยออกมาหน้าตาดีแบบนี้” เจ้าหน้าที่เฉลย
พลอยแสงบอกไม่ถูกว่าทำไมเธอถึงถูกชะตากับมิรินเป็นพิเศษ อาจเพราะเธอเป็นคนชอบของสวยๆงามๆกระมัง เด็กหญิงหน้าตาสวยล้ำกว่าเด็กกำพร้าคนอื่นๆจึงสะดุดใจเธอโดยง่าย มิรินมาอาศัยอยู่ในเรือนคนใช้ของพลอยแสงได้สามปี มีความประพฤติเป็นที่พอใจของผู้อุปการะมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้พอนายสมบัติออกจากคุก พลอยแสงก็เรียกเขามาพบ เสนอเงินให้ก้อนหนึ่งแลกกับการเซ็นยกมิรินให้อยู่ในปกครองของเธอโดยที่เขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวอีก นายสมบัติพอใจที่ลูกสาวได้อยู่ในบ้านเศรษฐี มีความเป็นอยู่สุขสบายเกินกว่าที่เขาจะมอบให้ได้ด้วยซ้ำ ก็ยอมตกลง
พลอยแสงเลี้ยงมิรินอย่างดี แม้จะไม่เทียบเท่าลูกเลี้ยงอย่างดารินกานต์ แต่ก็มีฐานะเหนือกว่าคนรับใช้ กระนั้นเธอก็ไม่ได้จดทะเบียนรับหญิงสาวเป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากญาติๆที่เหลืออยู่ของอารัญยกขบวนมาดักคอไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม
“จดทะเบียนไม่ได้นะแม่พลอยแสง ขืนจดทะเบียนรับต่อไปมันก็มีส่วนในมรดกด้วยน่ะสิ สมบัติของอารัญต้องเป็นของยายดาว เธอจะให้คนนอกมาชุบมือเปิบ มันจะถูกหรือ”
สายตาของพลอยแสงเหลือบไปเห็นดารินกานต์นั่งฟังอยู่ไม่ไกลนัก เด็กหญิงมองตอบกลับมาด้วยแววตาเหินห่างแกมระแวงแคลงใจจนน่าใจหาย ญาติบางคนยังแอบไปคุยกันลับหลัง ทว่าก็ยังมาเข้าหูพลอยแสงอยู่นั่นเอง
“หรือแม่พลอยแสงจะแอบโอนมรดกของตาอารัญไปใส่เป็นชื่อเด็กมิริน แต่จริงๆตัวเองควบคุมอยู่ข้างหลังเสียก็ไม่รู้ เรื่องแม่เลี้ยงฮุบสมบัติลูกเลี้ยงมันมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าคนที่แย่งผู้ชายของคนอื่นได้หน้าด้านๆ จะใจบุญขนาดรับเด็กกำพร้าเป็นลูกโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง”
ไม่มีใครรู้ว่าพลอยแสงเคยคิดจะจดทะเบียนรับมิรินเป็นบุตรบุญธรรมจริงหรือไม่ เพราะเธอไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้นับตั้งแต่ถูกคัดค้านเป็นต้นมา
ห้องทำงานของพลอยแสงตั้งอยู่ที่มุมด้านในสุดของชั้นห้า พอเดินนำมิรินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน และรอจนมิรินนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว พลอยแสงก็ตั้งคำถาม
“เรื่องเวธัสที่ฉันให้ไปสืบ ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”