ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 3 : อะไรที่พยายามไขว่คว้า (2)

ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 3 : อะไรที่พยายามไขว่คว้า (2)

โดย : หมอนอิงพิงหลัง

Loading

ถนนสายนี้มีแมวเหมียว โดย หมอนอิงพิงหลัง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาขอเอาใจนักอ่าน โดยเฉพาะนักอ่านทาสแมว กับเรื่องราวของ น้ำปิง  เจ้าพ่อแห่งความเพอร์เฟคที่โดนวงล้อโชคชะตาเล่นตลกและแมวสามสี….ที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องราวสารพัดจนเขาหลงรักชีวิตแบบแมวๆ เข้าอย่างจัง น้ำปิงกับถนนสายแมวเหมียวจะเป็นอย่างไร อ่านกันได้เลยค่ะ

“ส้มจุกเอ้ย เตรียมสามเกลอให้ยายที ยายมือเหม็นคาว” ยายตะโกนบอก ผมก็ลุกหันไปมองหาส้มจุก

“จ้ะยาย” เธอผละจากกองตุ๊กตากระดาษแล้ววิ่งไปเตรียมครกหินประจำตำแหน่งใบน้อยที่วางบนชั้นไม้ ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ สงสัยว่าเธอทำได้จริงหรือ ก็เห็นส้มจุกค่อยๆ เลือกรากผักชี กระเทียม พริกไทย อย่างระมัดระวังอย่างละหนึ่งกำมือเด็ก แล้วก็ใส่ลงไปโขลกพอหยาบ นี่คงเป็นหน้าที่สำคัญที่ยายมอบหมายให้ไว้ส้มจุกทำเองเสมือนว่าเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เก่งมากเลยนะเนี่ย ผมทึ่งในยายหลานคู่นี้จริงๆ

“เก่งมากจ้า ช่วยยายได้เยอะเลย” ยายชม ส้มจุกยิ้มจนแก้มปริ

จากนั้นยายตักสามเกลอจากครกไปหมักกับปลาเพื่อดับความคาว ส้มจุกก็ช่วยยายหุงข้าว โดยซาวข้าวกับน้ำในหม้อ แล้วรินน้ำออกจนเหลือน้ำแค่พ้นฝ่ามือ

ผมมองตามยายหลานทำกับข้าวอย่างคล่องแคล่วจนลืมความกลัดกลุ้มใจไปหมด กลับมานึกถึงตัวเองว่า ชีวิตที่วางแผนไว้นั้นสมบูรณ์แน่หรือ แต่ละวันก็กินข้าวกล่องแช่แข็งจากร้านสะดวกซื้อ ใช้แต่ของสำเร็จรูป แล้วจะไปเอาตัวรอดได้ยังไง ไอ้ผมแค่จะติดเตาถ่านหุงข้าวยังไม่เป็นเลย

พอไฟได้ที่ ระหว่างที่ยายเอาหม้อข้าวตั้งบนเตารอน้ำเดือด ยายเดินไปในสวนเก็บดอกแคกับดอกโสนมาเจียวไข่กับทำแกงส้ม ยายค่อยๆ เด็ดเกสรดอกแคออก ผมสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ เลยจามฟึดฟัดจากละอองเกสรที่ลอยมา ยายหัวเราะและเอามือลูบหัว

“ทนหน่อยนะทองแต้ม ถ้ายายไม่เด็ดเกสรออกแกงจะมีรสขม” ยายยิ้ม

แล้วยายแบ่งเนื้อปลาออกมาส่วนหนึ่งไปลวกเพื่อมาโขลกกับเครื่องแกงส้มทำเอง ที่ทำจากพริกแห้ง กระเทียม หอมแดงและกระชาย ยายผัดเครื่องแกงกับกะปิเผาไฟ ใส่น้ำตามและปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก สูตรลับคือต้องใส่น้ำตาลมะพร้าวจากเมืองเพชร พอคลุกเคล้าเข้ากันจนได้สามรส ยายก็ใช้พัดเพื่อเร่งไฟ ใส่ดอกแคที่เตรียมไว้ปิดฝาแล้วยกลงเป็นอันเรียบร้อย

“เอาละได้เวลาผัดกับข้าวแล้ว” ยายพูดเสียงดังพอหันไปดูส้มจุกก็หายไปอีกแล้ว จึงหันมามองผมแทนแล้วพยักหน้าให้

กระทะถูกตั้งไฟจนน้ำมันร้อนจัด ยายเทไข่เจียวใส่ดอกโสนลงไป ไข่ในกระทะขึ้นฟูเปลี่ยนเป็นสีเหลืองดูกรอบนอกนุ่มใน ส่งกลิ่นหอมยั่วยวน ผมได้แต่มองตามตาไม่กะพริบ

หลังจากยายยกไข่ขึ้นใส่จาน ปลาตะเพียนที่ถูกเตรียมไว้อย่างดีก็ถูกใส่ลงไปในน้ำมันเกิดไอสีขาวลอยไปทั่ว ตอนนี้บ้านทั้งหลังหอมคลุ้งด้วยกลิ่นปลาทอดและไข่เจียว ปลาสีขาวสดตัวนั้นก็เปล่งประกายเป็นสีทองโชว์เนื้อริ้วๆ เป็นระเบียบตามที่ยายบั้งไว้ ครีบและหางก็ดูกรุบกรอบเป็นที่สุด ผมรู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ข้างจานไข่เจียวกับส้มจุก

 

ความจริงผมก็อยากจะแอบชิมแกงส้มดอกแคของยายด้วยว่ารสเด็ดแค่ไหน แต่ติดที่ว่ามือจับช้อนไม่ได้ เลยได้แต่กำอุ้งมือตัวเองไปมา แอบน้อยใจนิดหนึ่งว่าสุดท้ายก็คงจะได้กินแค่ไข่เจียวกับข้าวแมวคลุกปลาตามระเบียบ อาหารมากมายที่กินไปก่อนหน้านี้ไม่สามารถรั้งพยาธิในท้องไว้ได้แล้ว แมวอย่างผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ผมเห็นส้มจุกก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อก

พอหม้อข้าวเดือด เสียงฝากระทบกันก็ดังขึ้น ยายรินน้ำข้าวออกโดยนำไม้มาขัดกับฝาหม้อแล้วเทให้น้ำแห้ง แล้วขยับหม้อไปมาให้ข้าวระอุจนทั่ว

ผมกอดขายายแน่นขณะที่ยายคดข้าวใส่ชาม ผมใช้พยายามใช้ทุกวิธีทางทั้งเหยียดตัว หงายท้อง เอาตัวไถ และจ้องมองตาแป๋ว

“เดี๋ยวๆ ไอ้ทองแต้ม ยายแกะปลาให้อยู่” ยายคำมูลสะบัดขาให้ทองแต้มปล่อย

ส้มจุกลำเลียงอาหารมาไว้ที่แคร่หน้าบ้าน ข้าวสวยหุงขึ้นหม้อเป็นเมล็ดด้วยข้าวสารใหม่ที่เพื่อนข้างบ้านเจียดมาให้ ยายหยิบกะละมังข้าวแมวที่วันนี้มีปลาเยอะเป็นพิเศษมาวางข้างแคร่ แต่ที่ดึงดูดความสนใจผมมากกว่าปลานั้นคือแกงส้มของยาย ผมเอื้อมมือจะไปตักแกงส้ม แต่ยายหยิบชามแกงหลีกไป

“ทองแต้มจะทำอะไร เดี๋ยวแกงหกพอดี” ยายดุ

ผมทำหน้าจ๋อย แล้วนี่เราจะบอกยายยังไงว่าอยากกินแกงส้มด้วยนิ ผมร้องเงี้ยวๆ แล้วหันไปส่งสายตาอ้อนวอนส้มจุก แต่เราน่าจะคลิกกัน ส้มจุกเป็นเด็กฉลาดรู้ทันเลยหันไปบอกยายว่า

“ทองแต้มคงอยากลองกินแกงส้มน่ะยาย” เธอบอกอย่างมั่นใจ ผมก็พยักหน้าขอบคุณ

“เอางั้นหรือส้มจุก แมวมันจะเผ็ดนะ งั้นเดี๋ยวยายตักให้ลองนิดนึง” ว่าแล้วยายก็ตักแกงเต็มทัพพีให้ทองแต้ม

ส้มจุกมองตามอ้าปากค้าง ลองของยายคือเต็มทัพพีเลยเหรอ แล้วไหนบอกว่ากลัวแมวมันเผ็ด

ผมดีใจลืมตัวเผลอสูดแกงแบบคนรวดเดียวหมด ผลจากการไม่เจียมผนวกกับลิ้นแมวไม่สู้เผ็ด ผมเห็นภาพตัดเป็นท้องฟ้าสีขาวใส กับตัวเองกำลังยืนรอข้ามแม่น้ำอยู่ แต่ปู่กับย่าทางฝั่งตรงข้ามบอกให้กลับไปก่อน พอจบภาพนิมิตนั้นก็ได้ยินเสียงยายคำมูลเรียกฟื้นคืนสติกลับมา

“เห็นไหมส้มจุก ยายบอกแล้วว่าแกงมันเผ็ด แมวกินไม่ได้” ยายพูดพร้อมรีบปั้นข้าวสวยยัดใส่ปากผม ส้มจุกก็ใช้พัดอัดลมเข้ามาในปอด แต่สายตาส้มจุกมองยายด้วยความเคลือบแคลง

 

ผมลุกขึ้นมาด้วยความมึนงงแล้วเดินไปกินข้าวกับปลาทอดต่ออย่างเก่า ไม่เอาแล้วแกงส้มถอดวิญญาณ ผมเคี้ยวข้าวไปดูยายหลานไป ทั้งคู่ดูมีความสุขจังหนอ กับข้าวพื้นบ้าน อาหารจานร้อน แม้ไม่ได้หรูหราแบบภัตรคารอาหารในโรงแรม แต่การที่เราได้กินกับคนที่เราห่วงใยและตั้งใจทำ ไม่ว่าจะอาหารพื้นๆ แค่ไหนก็สามารถที่จะดึงรอยยิ้มออกมาได้อย่างหมดจด หรือว่าจริงๆ แล้วนี่คือชีวิตที่ผมตามหาอยู่

 

พอจบมื้อส้มจุกก็ช่วยยายเก็บจานชามล้าง ยายก็เริ่มตัดใบตองเป็นรูปทรงต่างๆ สำหรับทำขนม พับเป็นกระทงใบตองไว้สำหรับใส่ขนมขาย

“เดี๋ยวยายทำเบ็ดตกปลาให้เล่นกับทองแต้มนะ” ยายบอก แล้วยายก็นั่งสานสานพับๆ อยู่ชั่วครู่ ได้เบ็ดตกปลาตะเพียนให้ส้มจุก กลายเป็นไม้ตกแมวที่สวยแบบไม่ซ้ำใครเลยทีเดียว

ส้มจุกมานั่งเล่นตกแมวกับผม ผมก็มีเผลอใช้อุ้งมือตบปลาตามสัญชาตญาณอยู่บ้าง แต่ผมไม่ใช่แมวและก็อิ่มเกินไปที่จะขยับตัวด้วย ผมจึงเดินออกไปนั่งทอดสายตาที่แคร่หน้าบ้านแทน

เวลาพลบค่ำนี้ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนเมื่อเช้า ถนนหนทางดูเงียบสงบ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องดังจากในสวน บ้านไม้กึ่งปูนอีกฝั่งหนึ่งของถนนที่ช่วงเช้าขายโจ๊กก็เปิดไฟสว่าง ขายบัวลอยไข่หวานแทน หลายครอบครัวพากันจูงลูกหลานมาแวะทานยามดึก ทุกคนดูยิ้มแย้ม

ลมเย็นสบาย…ผมนอนเล่นรออาหารย่อยอยู่ ทันใดนั้นรถฉิ่งฉับทัวร์คันหนึ่งก็แล่นมาอย่างเร็ว ถนนทั้งสายเปลี่ยนเป็นลานไฟดิสโก้ เสียงเพลงหมอลำดังกระหึ่ม รถทัวร์จอดที่ริมถนนตรงข้ามบ้านของยาย ผมตกใจจนหูตั้งตะโกนออกไป โอ๊ยคนกำลังอินกับบรรยากาศอยู่แท้ๆ พอประตูรถเปิดออกก็มีแมวสีส้มลงรถมาตัวหนึ่งพร้อมกับผู้โดยสาร แล้วรถแห่ทัวร์ลูกทุ่งก็จากไปอย่างรวดเร็ว

ถนนทั้งสายกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง รถแห่แล่นจากไปแล้ว ผู้โดยสารต่างก็แยกย้าย เหลือเพียงแต่แมวส้มที่ยังนั่งจุมปุ๊กอยู่ใต้เสาไฟไม่เคลื่อนตัวไปไหน เขาดูหมดแรงมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง แล้วมันก็จ้องมาที่ผม แต่ไม่นานนักมันก็หมอบตัวลงกับพื้น ผมสังเกตดูสักครู่ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไป พอผมเดินไปได้สักครึ่งทางก็มีเสียงประตูก๊อกแก๊ก

 “ทองแต้มเอ๊ย เข้านอนได้แล้ว ยายจะปิดประตูบ้าน” เสียงยายคำมูลดังขึ้นลอยมาผมจึงหันไปดู พอหันกลับมาอีกทีแมวตัวนั้นก็หายไปแล้ว เหลือแค่เพียงเงาจางๆ บนรั้ว ก่อนจะหายไปกับพุ่มไม้ในยามราตรี 

 



Don`t copy text!