ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 9 : ลิ้นแมว (2)

ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 9 : ลิ้นแมว (2)

โดย : หมอนอิงพิงหลัง

Loading

ถนนสายนี้มีแมวเหมียว โดย หมอนอิงพิงหลัง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาขอเอาใจนักอ่าน โดยเฉพาะนักอ่านทาสแมว กับเรื่องราวของ น้ำปิง  เจ้าพ่อแห่งความเพอร์เฟคที่โดนวงล้อโชคชะตาเล่นตลกและแมวสามสี….ที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องราวสารพัดจนเขาหลงรักชีวิตแบบแมวๆ เข้าอย่างจัง น้ำปิงกับถนนสายแมวเหมียวจะเป็นอย่างไร อ่านกันได้เลยค่ะ

ตี๋เก็บกวาดบริเวณนั้นเสร็จ ก็ถลกขากางเกงขึ้นก้าวลงไปเก็บเศษไม้ไก่ย่างในน้ำตามเจ๊สั่ง รวมถึงทำความสะอาดพวกขยะมูลฝอยที่ลอยอยู่ตามน้ำแถวนั้นด้วย ตี๋ใช้เวลาสักพักกว่าจะเก็บกวาดเสร็จจนบริเวณนั้นสะอาดสวยงาม สปีดก็วิ่งกลับมาพอดีพร้อมไก่ย่างในปากอีกหนึ่งไม้

สปีดแบ่งไก่ไม้นั้นกับช็อกบอลกินกัน ตี๋ก็เดินเข้าไปลูบหัวทั้งคู่แล้วพูดว่า

“ไก่ร้านซ้อพิงค์เขาอร่อยเนอะ” สปีดกับช็อกบอลก็พยักหน้าให้ ตี๋มองหมาจ้ำม้ำสองตัวแล้วพูดต่อ

“ก่อนตี๋มาอยู่เมืองไทย ครอบครัวตี๋เคยเลี้ยงหมาตัวหนึ่ง แต่ที่บ้านเรามีกันหลายคนและยากจนไม่มีอะไรกิน สุดท้ายพวกเราก็เลย…” ตี๋หยุดพูดพร้อมยกแขนเช็ดน้ำตา

ผมตกใจอ้าปากค้าง เฮ้ย หรือว่า…

“เลยต้องยกให้คนอื่นไปเลี้ยงแทน”

ปัดโถ่ไอ้ตี๋ แล้วจะหยุดจังหวะพูดเพื่อ…

 

พอตี๋กลับไปแล้ว ผมก็เริ่มคุยกับสปีดและช็อกบอลว่าตี๋เขาลำบากมากนะ เขาเป็นคนหาเช้ากินค่ำทำงานรับจ้างรายวัน แต่ดูเจ้าหมาสองตัวนี้ไม่เข้าใจ ผมเลยอธิบายใหม่ว่าถ้าเราไปเอาไก่ย่างจากตี๋เยอะๆ เขาก็จะอดแทนนะ เมื่อตะกี้เขาถึงกับร้องไห้เลย สปีดกับช็อกบอลสำนึกผิดทั้งคู่เลยวิ่งเอาไก่ที่เหลือหนึ่งชิ้นไปคืนตี๋

ผมไม่เข้าใจตัวเอง นี่เราพูดภาษาหมาแมวได้จริงหรือไม่ ทำไมยิ่งอธิบายก็ยิ่งวุ่นวายโกลาหล แต่จู่ๆ ลุงจอนก็วิ่งมาหาผมจากทางกุฏิพร้อมนกตัวหนึ่งบินมาด้วย

“น้ำปิง แย่แล้ว พายายกลับบ้านเร็ว” ลุงจอนกระหืดกระหอบ

“เจ้าแมวส้มไข้สูงมากจนล้มไปแล้ว สั่นไปหมดทั้งตัว” นกขมิ้นสีเหลืองตัวนั้นพูด

“ฮะ! ไมเคิลน่ะเหรอ แต่เมื่อเช้ายังดีๆ อยู่เลยนะ” ผมเริ่มใจคอไม่ดี ผมขอบคุณนกตัวนั้น แล้วรีบวิ่งตามลุงจอนไปยังกุฏิหลวงลุง คิดในใจอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะไมเคิล แต่ถ้าตัวสั่นเกร็งนี่คงจะไม่ใช่สัญญาณที่ดีเท่าไรแล้ว

ยายกำลังนั่งคุยกับหลวงลุง ผมก็วิ่งเข้าไปกระโดดเหยียดใส่หลังยาย เร็วๆ ยาย รีบกลับบ้านเร็ว ไมเคิลอาการไม่ดีแล้ว ลุงจอนก็ช่วยผสมโรงเห่าเรียกยายจากด้านล่างของกุฏิ

“เมี้ยวๆ แม้วๆ ม้าวๆ”

“อะไรกันไอ้ทองแต้ม ยายกำลังคุยกับพระกับเจ้าอยู่นะ เดี๋ยวตีตายเลย” ยายสะบัดแขนแล้วจับผมให้นั่งดีๆ

หลวงลุงมองหน้าผม เหมือนหลวงลุงรู้ว่าผมต้องการจะสื่ออะไร

“เอ้าได้เวลาแล้วละยายคำมูล รีบกลับไปบ้านนะ” หลวงลุงโยนยาซองเล็กๆ ที่มีรูปใบโพธิ์แปะอยู่ให้ยายคำมูล

“งั้นอิฉันลาละค่ะท่าน” ยายหยิบซองนั้นเก็บใส่กระเป๋าแล้วก็กราบลาหลวงลุง ผมก็กราบหลวงลุงพร้อมขอให้พระคุ้มครองไมเคิลด้วย

 

ผมวิ่งลงมาข้างล่างก็เห็นลุงจอนคาบรองเท้ายายมาเตรียมไว้ให้พร้อมที่หัวกระได ยายขอบอกขอบใจลุงจอน แต่ผมร้อนใจที่เห็นยายขยับตัวช้า นี่ถ้าเป็นคนอยู่ผมแทบจะอุ้มยายวิ่งแล้วนะเนี่ย

พอเรามาถึงหน้าวัดผมเห็นรถสองแถวสีแดงสาย 8 ผ่านมาจึงกระโดดขวางโบกรถให้หยุด แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปบนรถตามด้วยลุงจอน

“อะไรกันทองแต้ม รีบขนาดนั้นเลยเหรอลูก” ยายขึ้นรถตามผมมา คนข้างๆ ยายทำหน้าขำที่เห็นพวกผมขึ้นรถมาด้วย

“หนึ่งคนสองตัวสามสิบบาทครับ” คนขับรถแดงพูดแบบขำๆ

“เดี๋ยวฉันจ่ายเป็นข้าวเหนียวสังขยาวันหลังนะ” ยายยิ้มให้แล้วยื่นเงินให้สิบบาท

“รีบหน่อยนะพ่อหนุ่ม ที่บ้านมีแมวป่วยอยู่ตัวหนึ่ง” ยายพูดลุงจอนก็เห่าเสริมอีกหนึ่งที

“ไว้ใจผมได้เลย ที่ทำงานเก่าเพื่อนๆ เรียกผมว่า วินดีเซล” เสียงคนขับเข้าคลัตช์ดังกระหึ่มพร้อมเสียงเครื่องยนต์ คำพูดยายปลุกวิญญาณคนขับรถเมล์เล็กสาย 8 นิสัยเก่าขึ้นมา เท่านั้นแหละ คนข้างๆ ยายเริ่มขำไม่ออก

แป๊บเดียวเท่านั้นพวกเราก็มาถึงบ้านยาย เพราะไม่มีใครได้ลงจากรถอีกเลย ไม่รับใครไม่ส่งใคร ดริฟต์แหกมาทุกแยกไฟแดง ผมกับลุงจอนกระโดดลงรถ

พอเราเข้าไปในบ้านก็เห็นว่า มีดผ่าตัด เข็มฉีดยา หูฟัง อุปกรณ์ของคุณหมอของส้มจุกกระจายอยู่ตามพื้นพร้อมกับไมเคิลถูกห่อด้วยผ้าขาว ส้มจุกยืนอยู่ข้างๆ กำลังเตรียมกล่องอยู่

“ฮือๆ ยาย ส้มจี๊ดมันไม่หายใจแล้ว” ส้มจุกร้องไห้ปล่อยกล่องลงพื้นพร้อมวิ่งมากอดยาย

“โอ๋ๆ เดี๋ยวยายดูให้นะลูกนะ” ยายแกะผ้าคลุมแมวออกจับดูที่ต้นคอยังอุ่นอยู่ ตรวจอาการไมเคิลแล้วก็เดินไปโขลกยาที่หลวงลุงให้ในครัว

“ไมเคิล ไมเคิลเป็นไงมั่ง” ผมเข้าไปเขย่าตัวไมเคิล

“น้ำปิงมาแล้วเหรอ อย่าทิ้งไมเคิลไปอีกนะ” ไมเคิลตอบด้วยเสียงอ่อนเพลีย เอามือเล็กๆ มาเกี่ยวแขนผมไว้ ผมเอามือค่อยๆ ลูบหัวไมเคิลกลับ ลุงจอนก็เดินมาเอาจมูกดันๆ ให้กำลังใจ

“แฮะๆ ลุงจอนก็มาด้วยเหรอ” แล้วไมเคิลก็หลับไป

 

ระหว่างที่ยายค่อยๆ ช้อนคอและป้อนยาสีเขียวให้ไมเคิลกิน ผมก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลุงจอนฟัง และบอกว่าจริงๆ เราควรส่งไมเคิลไปโรงพยาบาลสัตว์แล้ว แต่ยายไม่มีสตางค์เลยไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าตอนนี้น้ำปิงเป็นคนก็ยังพอมีเงินเก็บบ้าง น่าจะพอค่ารักษาพยาบาลได้

“ส้มจี๊ดเป็นอะไรลูก” เสียงยายดังมาพร้อมกะละมังยาหล่น

ผมตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู เห็นคราบเลือดที่ออกมากับอ้วกของไมเคิลแล้วเขาก็ล้มลง

“น้ำปิง น้ำปิง” ไมเคิลพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“เราอยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ อยู่ข้างๆ ตรงนี้”

“ไมเคิลขอบคุณน้ำปิงมากนะ”

“ขอบคุณอะไร นอนไปก่อนจะได้หาย เมื่อเช้ายังอาการดีๆ อยู่เลย” ผมตกใจ รับไม่ได้ที่เห็นเพื่อนรักกลายเป็นแบบนี้ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมา มันจุกเข้าไปในอก

“ตั้งแต่ยังเป็นแมวเด็กแล้ว ไมเคิลตัวเล็กไม่มีใครเล่นด้วย ตอนเป็นแมวพเนจรก็ไม่รู้ว่าในแต่ละวันจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่พอมาที่นี่ ที่ไมเคิลเจอน้ำปิง ได้เล่นด้วยกัน ได้กินข้าวด้วยกัน มีเพื่อนๆ มากมาย ทั้งลุงจอน สปีด ช็อกบอล เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดเลย”

“ดีแล้วๆ เรายังมีสัญญาจะไปยูโทเปียตอนกลางคืนกันอยู่นะ มีพลุให้ดูด้วย ไฟสีๆ ก็เยอะ ที่ไมเคิลชอบไง ยังมีของกินอีกตั้งหลายอย่างที่ยังไม่ได้ลอง” ผมพยายามพูดให้ไมเคิลเข้มแข็งเข้าไว้

“ใช่ ไมเคิลได้เจอยูโทเปียแล้วด้วย ขอบคุณจริงๆ” แล้วไมเคิลก็หมดสติไป

กริ๊ก เสียงกุญแจดอกสุดท้ายหล่นลง

 



Don`t copy text!