
แก่นไม้หอม บทที่ 31 : แม่ม่ายลูกกำพร้า
โดย : กิ่งฉัตร
แก่นไม้หอม นวนิยายออนไลน์ โดย กิ่งฉัตร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ กับเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้รู้ว่าผู้หญิงเป็นเมียและแม่ไม่ต่างจากแก่นไม้ที่แข็งแกร่ง มั่นคงและทรหดที่ยึดให้ใบได้แผ่กว้าง และหากโลกนี้เชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น
ร่างของส่วงถูกพบในพงหญ้าสูงข้างถนนสายเปลี่ยวตรงทางจะไปที่ดินผืนนั้นนั่นเอง จุดที่พบนั้นเมื่อคืนคณะค้นหาก็วิ่งรถผ่านอยู่สองรอบ แต่ด้วยความที่มัวแต่มองหารถเป็นหลักจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ
กุ้ยเตียงได้ยินก็คร่ำครวญอย่างเจ็บปวดใจว่า
“อาส่วงนอนอยู่ตรงนั้นแท้ ๆ ถ้าอั๊วเห็นสักนิดอาส่วงอาจไม่ตาย ความผิดอั๊วเอง ๆ”
ซิ่วเฮียงกอดหยี่แจ้ของหล่อนไว้ สองสาวร้องไห้ด้วยกันเห็นพ้องต้องกันไปหมด มีเพียงเส่งที่ส่ายหน้า เขาปลอบว่า
“พวกแจ้อย่าโทษตัวเองเลย เฮียจากไป…ตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว”
แม้จะเรียนทันตแพทย์ไม่ใช่เรียนแพทย์โดยตรง แต่พื้นฐานความรู้พอมีเหมือนกันทำให้เส่งที่เห็นสภาพพี่เขยก็พอเดาสาเหตุและเวลาเสียชีวิตได้ ส่วงถูกแทงเข้าจุดสำคัญสองถึงสามครั้ง บาดแผลฉกรรจ์ เขาน่าจะเสียชีวิตจากการเสียเลือดและทนพิษบาดแผลไม่ไหวหลังจากถูกแทงไม่นาน เส่งรู้สึกว่าคนลงมือตั้งใจสังหารมากกว่าคิดชิงทรัพย์ธรรมดา ฉะนั้นตอนที่คนบ้านลานมะเกลือเริ่มเอะใจกับการหายตัวไปของเขา ส่วงก็เสียชีวิตไปหลายชั่วโมงแล้ว
“ทำไม ๆ อยากเอาเงินก็เอาไปอยากเอารถก็เอาไปสิ เอาไปเลย ทำไมต้องฆ่าแกงกันด้วย ทำไมใจคอถึงได้อำมหิตแบบนี้”
“อาส่วงอาจจะสู้โจรมันเลยทำร้ายเอา” บุ่งทงเดา
“บางทีมันอาจจะต้องการฆ่าปิดปาก คนลงมืออาจจะเป็นคนที่เฮียรู้จัก” เส่งเดาบ้าง
ความคิดของเขาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะภายหลังเมื่อตำรวจจับโจรได้ ฆาตกรก็คือคนงานในโรงงงานส่วงนั่นเอง ไม่รู้ทำไมข่าวเรื่องส่วงกำลังจะเอาเงินสดไปซื้อที่หลุดรอดออกไป คนงานรายนี้ขาดเงินอย่างหนักจึงคิดว่าแผนจี้ชิงทรัพย์ เขาให้เมียแต่งตัวเหมือนผู้หญิงท้อง จากนั้นก็ออกมาดักรอส่วงที่ถนน พอเห็นรถเถ้าแก่ก็รีบโบกขอความช่วยเหลือ
คนร้ายบอกว่าเมียท้องแก่ใกล้คลอด อยากจะกลับไปพักบ้านแม่ที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านนายประกอบเจ้าของที่ดินมากนัก ตนจึงลางานครึ่งวันเพื่อไปส่งเมีย แต่พอออกจากโรงงานกลับหารถไม่ได้เลยอยากจะขอติดรถไปลงถนนใหญ่
ส่วงเห็นว่าเป็นคนงานของตนเอง อีกทั้งมีใจสงสารผู้หญิงท้องแก่หนำซ้ำบ้านยังอยู่ในเส้นทางที่เขาจะไป ดังนั้นจึงยอมรับทั้งคู่ขึ้นรถมาและอาสาไปส่งให้ถึงบ้านแม่ฝ่ายหญิง เมื่อมาถึงกลางทางถนนเปลี่ยวไม่มีผู้คนสัญจรช่วงบ่าย คนงานก็ควักมีดขึ้นแทงส่วงหลายครั้ง ก่อนสองคนผัวเมียจะช่วยกันผลักเถ้าแก่หนุ่มลงข้างทางแล้วขับรถหนีไป
และเป็นอย่างที่เส่งคาด ทั้งคู่ตั้งใจสังหารส่วงเพราะกลัวว่าเขาจะชี้ตัวได้จึงต้องฆ่าปิดปากเสีย
ตอนที่จับฆาตกรโหดสองผัวเมียได้นั้น ครอบครัวของส่วงร้องไห้ สาปแช่งกระทั่งดีใจที่จับคนร้ายมาลงโทษได้
แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าส่วงได้จากไปแล้ว กุ้ยเตียงและซิ่วเฮียงเป็นม่าย เด็ก ๆ บ้านลานมะเกลือกลายเป็นลูกกำพร้า บ้านที่เคยอบอุ่นมั่นคงขาดเสาหลักที่เคยแบกฟ้าคุ้มครองทุกคนไว้ ผู้หญิงสองคนต้องก้าวออกมาช่วยกันดูแลรับผิดชอบทุกชีวิตในครอบครัว
งานแรกที่กุ้ยเตียงต้องจัดการคือการรับศพส่วงจากสถาบันนิติเวชไปบำเพ็ญกุศลตามธรรมเนียม หญิงสาวเลือกวัดหัวลำโพงเพราะศาลาใหญ่และใกล้บ้าน แม้ขั้นตอนจัดการทุกอย่างจะไม่ยุ่งยากแต่เพราะหล่อนพูดไทยไม่ได้จึงมีอุปสรรคไม่น้อย โชคดีที่เส่งเข้ามาช่วยจัดการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ส่วนเรื่องงานศพนั้นสมาคมจีนสัมพันธ์ที่ส่วงเป็นกรรมการส่งคนมาช่วยจัดการให้ทุกอย่าง
บุ่งทงติดต่อหาซื้อที่สำหรับสร้างฮวยซุ้ยให้แถวชลบุรี แต่ช่วงที่ยังจัดการตระเตรียมพื้นที่ ร่างของส่วงก็ฝากเก็บไว้ที่สุสานของวัดก่อน ตอนจะซื้อที่บุ่งทงก็ถามน้องสาวว่า
“ลื้อจะซื้อที่เตรียมไว้ให้ตัวเองกับอาเฮียงเลยหรือเปล่า”
กุ้ยเตียงมองซิ่วเฮียงเหมือนจะถามไถ่ ฝ่ายหลังพยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“เฮียงจะอยู่กับเถ้าแก่และหยี่แจ้จ้ะ”
“งั้นก็ตามนี้ อั๊วฝากเฮียจัดการให้ด้วย”
งานศพส่วงบ้านสุพรรณของซิ่วเฮียงมาร่วมงานกันหมด เซียมลั้งกอดลูกสาวด้วยความเวทนา ชีวิตดี ๆ อยู่แล้ว เคยมั่นใจว่าอนาคตของอาเฮียงจะต้องราบรื่นงดงาม แต่เพียงชั่วกะพริบตาทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังมืออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
หลีกังเองก็พูดอะไรไม่ออก ลูกเขยแสนดีที่ถูกใจนักหนาทำไมถึงได้อายุสั้นนัก ซิ่วเซียงร้องไห้สงสารพี่สาวสงสารหลานกำพร้าจนตาแดงก่ำไปหมด หาญเองก็เศร้าใจแม้จะไม่ได้ผูกพันกับส่วงมากนัก แต่พ่อเลี้ยงก็มีน้ำใจกับเขาไม่น้อย ขนมของฝากมีให้ตลอดเสมอต้นเสมอปลาย ตรุษจีนซองแดงของเขาหนาเป็นปึก แม้เงินส่วนใหญ่อาม่าจะเก็บไว้เพื่อเป็นทุนการศึกษาในอนาคตของเขา แต่ส่วนน้อยที่ได้รับมาก็มากพอที่จะซื้อขนมดี ๆ อวดเพื่อนสบาย ๆ
แต่ในส่วนลึกของหัวใจของเด็กน้อยกลับมีความรู้สึกแปลก ๆ แฝงอยู่ เป็นความยินดีที่รู้ว่าต่อไปนี้น้อง ๆ ก็จะเหมือนเขาแล้ว เป็นลูกไม่มีพ่อเหมือนกัน ทว่าหาญฉลาดพอที่จะไม่พูดเรื่องนี้ออกไปไม่ว่ากับใคร เพราะรู้ว่าถ้าพูดไปเขาต้องถูกอาม่าตีก้นลายแน่นอน
จั๊กคุงพาครอบครัวมางานศพส่วงด้วยความเศร้าโศก ชายสูงวัยแก่ลงไปกับตา แม้ส่วงจะเป็นหลานเมีย แต่เขาเป็นคนหอบหิ้วเด็กน้อยจากบ้านมาเมืองไทย เลี้ยงดูประคับประคองกันมาจนอีกฝ่ายเป็นยิ่งกว่าลูกกว่าหลาน แถมส่วงยังเป็นคนดีคนเก่งชีวิตกำลังรุ่งโรจน์ คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุร้ายแบบนี้ ยิ่งมองเด็ก ๆ ที่ยกเว้นฉื่อกกวัยสามเดือน…นอกนั้นต้องมาสวมชุดกระสอบนั่งเรียงกันตามอายุหกคนอย่างน่าเวทนา ใจของจั๊กคุงยิ่งเหมือนถูกบีบแน่นจนหายใจลำบาก เขาเรียกหลงจู๊ฮุ้งที่เป็นญาติห่าง ๆ ของภรรยาใหม่มากำชับว่า
“ต่อไปลื้อก็ช่วยอาเตียงดูแลงานการให้ดี ๆ ล่ะ ดูสิดูแม่ม่ายลูกกำพร้าน่าเวทนานัก ลื้ออย่าทำให้อั๊วผิดหวังอย่าทำให้อาส่วงบนสวรรค์เป็นกังวลล่ะ”
หลงจู๊ฮุ้งพยักหน้าติด ๆ รับคำด้วยตาแดง ๆ
ตลอดงานเส่งช่วยทุกอย่างอย่างเต็มที่และเต็มใจ เป็นคนเดียวในครอบครัวที่คอยประสานงานกับตำรวจเรื่องรูปคดี ตำรวจเองก็เกรงใจ ‘หมอเส่ง’ จึงไม่ได้รบกวนภรรยาผู้เสียชีวิตเท่าไหร่ ติดต่อกับเส่งเป็นหลัก กุ้ยเตียงกับซิ่วเฮียงจึงดูแลเรื่องงานศพได้เต็มที่
และเพราะเส่งช่วยทุกอย่างไว้มาก พอเซียมลั้งลงมางานศพ กุ้ยเตียงก็เข้าไปขอบคุณหญิงสูงวัยอย่างสุภาพ ชื่นชมชายหนุ่มว่าดีเก่งมีน้ำใจถ้าคราวนี้ไม่ได้เส่งทุกคนคงลำบากกว่านี้มาก เซียมลั้งตบหลังมือปลอบอีกฝ่าย บอกว่า
“ขอบใจอะไรกัน เส่งมันก็เหมือนน้องชายลื้อคนหนึ่ง บ้านเดียวกันจะทุกข์จะสุขก็ต้องช่วยกันแบ่งปัน ลื้อเองก็เถอะมีอะไรให้ช่วยก็บอกไม่ต้องเกรงใจ”
สีหน้าแววตาห่วงใยจริงใจของม้าซิ่วเฮียงทำให้กุ้ยเตียงตื้นตันใจ แต่พอเหลียวมามองบ้านเดิมของตัวเอง หญิงสาวได้แต่ถอนใจ
หลีมุ่ยอาศัยความเป็นพี่สะใภ้คนโตเข้ามา ‘ช่วย’ ชี้นิ้วจัดการโน่นนี่นั่น ผ้าห่มแพรจากที่นั่นต้องแขวนตรงนี้เพราะมาจากแขกคนสำคัญ ส่วนเจ้านี้เอาไปแขวนด้านหลัง อาหารเลี้ยงแขกไอ้นั่นไม่ดีไอ้นี่ไม่ได้ ทำไมไม่เลือกเจ้านี้ ของเขาทำอร่อย เจ้าของทางวัดไม่อร่อยสู้หามาเองมาได้ หล่อนลามไปติติงแม้แต่เรื่องอาหารเซ่นไหว้ข้างโลง
“นี่อะไร เอาอะไรมาไหว้อาส่วง เกี้ยมฉ่ายเนี่ยนะ หาของดีกว่านี้ให้คนตายไม่ได้หรือไง นึกยังไงเอาเครื่องข้าวต้มมาไหว้ ใครเห็นเข้าเขาจะนึกยังไงกัน”
ซิ่วเฮียงที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้พองขนขึ้นทันที หญิงสาวที่ไม่เคยเถียงอะไรซ้อใหญ่ของกุ้ยเตียงสักคำขึ้นเสียงเขียวดวงตาแดงเรื่อว่า
“เกี้ยมฉ่ายยำเฮียงทำเอง เถ้าแก่บ่นอยากกินวันนั้น เฮียงอยากทำให้เถ้าแก่กิน ซ้อมีปัญหาหรือจ้ะ”
“แหม ๆ อั๊วจะมีปัญหาอะไรได้ล่ะ” พอเห็นลูกแมวพองขนกางเล็บเหมือนพร้อมจะสู้เพื่อเกี้ยมฉ่ายถ้วยเล็ก ๆ หลีมุ่ยก็ไม่กล้าจิกกัดอย่างที่เคยทำ หล่อนยอมถอย และพอเห็นกุ้ยเตียงไปขอบคุณเซียมลั้งเรื่องเส่ง หญิงสาวก็รีบแสดงความคิดเห็นทันทีว่า
“ไปขอบคุณทำไม มากินมานอนบ้านลื้อห้าหกปี ค่าเล่าเรียนอาส่วงก็ออกให้หมด เกาะกินเกาะใช้อยู่ขนาดนื้ถ้างอมืองอเท้าไม่ช่วยอะไรก็ถือว่าเนรคุณแล้ว”
กุ้ยเตียงที่รู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในงานได้แต่ประหลาดใจ พี่สะใภ้ท่าทางอบอุ่นพร้อมให้การช่วยเหลือในวันที่ส่วงหายตัวไปหายไปไหน ทำไมปรากฏตัววันเดียวแล้วจากไป ปล่อยให้หล่อนได้แต่เสียดายพี่สะใภ้ในฝันแบบนั้น
แต่โชคดีของกุ้ยเตียงโชคร้ายของผู้อื่น…งานศพสวดได้สองวันหลีมุ่ยที่คอยมาชี้นิ้วสั่งตั้งแต่เย็นก็หายตัวไป หมุยเจ็งมารดาหล่อนมากระซิบว่า
“น้องชายคนเล็กของอี…อาสู่น่ะมีปัญหาอีกแล้ว เรื่องคบกับผู้หญิงไทยคนเดิม แต่หนักกว่าเดิมคืออาสู่แอบไปจดทะเบียนกับผู้หญิงแล้ว เห็นว่าผู้หญิงท้องแล้วด้วยน่าจะสี่ห้าเดือนกระมัง ม้าอีกับอีเต้นผาง ๆ เพราะกำลังจะหาเมียให้พอดี เห็นว่าเป็นลูกเพื่อนจากบ้านเดิม ให้เดินทางมาแต่งเมืองไทยจะได้มาอยู่ที่นี่ พอบอกอาสู่…อีไม่ยอมแต่งเรื่องเลยแดงขึ้นมาว่ามีเมียแล้วกำลังจะมีลูก”
“แล้วซ้อจะทำยังไง”
“คงได้แต่อาละวาดไปตามเรื่องตามราว บอกว่ายังไง ๆ ก็ไม่รับน้องสะใภ้ฮวนนั้ง แต่จะทำอะไรได้ล่ะ น้องชายเรียนจบแล้วมีงานทำแล้ว ไม่ต้องพึ่งที่บ้าน อีกอย่างทางนั้นก็กำลังจะมีลูก อามุ่ยคงได้แต่ด่าแหละ”
กุ้ยเตียงพยักหน้ารับรู้ นึกเวทนาผู้หญิงไทยคนนั้นไม่น้อย การมีพี่สามีแบบหลีมุ่ยและมีแม่สามีที่นิสัยไม่ต่างจากพี่สามีแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หล่อนรู้ดีเพราะมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว แถมฝ่ายนั้นน่าจะเจออะไรที่หนักหนาสาหัสกว่ามาก
เพียงแต่ยามนี้หญิงสาวไม่มีเวลาคิดเผื่อคนอื่น แค่ลำพังชีวิตหล่อนก็ยากที่จะเดินต่อไปข้างหน้าแล้ว กุ้ยเตียงจึงปัดเรื่องของหลีสู่และเมียคนไทยทิ้งออกจากสมอง หันกลับไปวุ่นวายจัดการเรื่องงานศพตรงหน้าต่อแทน
หลังจากบรรจุศพเก็บไว้ที่วัดเรียบร้อย บรรดาครอบครัวที่มาช่วยงานก็ทยอยกันกลับ จั๊กคุ้งสั่งแล้วสั่งอีกว่า
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยลื้อรีบส่งข่าวไปเลยนะอาเตียง ไม่ต้องเกรงใจ”
กุ้ยเตียงพยักหน้ารับน้ำตาคลอ
ทางบ้านสุพรรณก็เดินทางกลับหลังงานเช่นกัน เซียมลั้งเองก็สั่งลูกสาวไว้ว่าถ้าจะให้เตี่ยกับม้าช่วยอะไรให้รีบส่งข่าวไป ให้เส่งเป็นคนส่งข่าวก็ได้ จากนั้น…หลังจากอิดออดเล็กน้อยหล่อนก็เอ่ยว่า
“เรื่องอาหั่งน่ะ ตอนนี้ลื้ออย่าเพิ่งรับลูกมาอยู่ด้วยเลย จัดการอะไร ๆ ทางนี้ให้ลงตัวก่อนเถอะ รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง รอให้ลื้อพร้อมแล้วค่อยพาลูกมาอยู่ด้วย”
ซิ่วเฮียงอ้าปากจะค้านว่าหล่อนพร้อม แต่ก็พูดอะไรไม่ออก เถ้าแก่จากไปแล้ว…ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง หล่อนคงต้องรอเวลาให้มั่นใจก่อนจริง ๆ อย่างที่ม้าว่า
“รอดูอีกปีแล้วกันนะม้า ถ้าทางนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเฮียงค่อยรับหั่งมาอยู่ด้วย”
ตอนไปส่งครอบครัวที่สถานีรถไฟ ซิ่วเฮียงกอดลาลูกชายคนโต แต่รับรู้ได้ชัดเจนว่าเด็กชายฝืนร่างตัวแข็ง หญิงสาวได้แต่เจ็บจี๊ดในใจ รู้สึกได้ว่าหล่อนกับหาญห่างไกลกันออกไปทุกที ๆ
ในคืนที่เตี่ยม้าหาญและซิ่วเซียงกลับสุพรรณไปแล้ว บ้านรู้สึกเงียบลงอย่างประหลาด ลูกชายสองคนเข้านอนแต่หัวค่ำตามประสาเด็กเล็ก มีเพียงซิ่วเฮียงที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองออกไปยังบ้านลานมะเกลือที่อยู่ติดกัน เง็กซิมที่แวะเข้ามาดูเห็นท่าทางเหมือนไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวแล้วได้แต่ถอนใจอย่างเวทนา
“เฮียงเอ๊ย คืนนี้ให้เง็กซิ่มมานอนเป็นเพื่อนลื้อไหม” หญิงสูงวัยถามเสียงเบา ช่วงงานเซียมลั้งกับซิ่วเซียงนอนห้องนอนใหญ่กับซิ่วเฮียง หลีกังกับหาญนอนกับเส่งที่ห้องข้างล่าง ตอนนั้นห้องนอนใหญ่ดูแน่น…และไม่เงียบเหงา แต่คืนนี้มีเพียงสามคนแม่ลูก ห้องกว้างเหมือนจะยิ่งกว้างกว่าเดิม
ซิ่วเฮียงหันมายิ้มให้แม่บุญธรรม เพียงแต่ครั้งนี้รอยยิ้มนั้นเป็นแค่ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ยิ้มจนตายิบหยีเหมือนทุกครั้ง
“ไม่เป็นไรจ้ะเง็กซิ่ม เฮียงอยู่ได้ เพียงแค่คืนนี้ไม่มีงาน…เลยรู้สึกว่างมาก ว่างเหลือเกิน…” หญิงสาวไม่รู้ตัวว่าน้ำตาร้อน ๆ ไหลลงอาบหน้า ไม่รู้ตัวเลยว่ารักส่วงมากแค่ไหน จนกระทั่งเขาจากไปหล่อนถึงได้รู้ว่าส่วนหนึ่งของหัวใจส่วนหนึ่งของชีวิตแหลกสลายไปกับเขาด้วย
เง็กซิมเข้าไปกอดซิ่วเฮียงไว้ หล่อนปลอบว่า
“อยากร้องก็ร้องเถอะเฮียง ไม่จำเป็นต้องกลั้นมันไว้ อย่าให้มันอัดในอก ปล่อยมันออกมา…”
หญิงสาวอดไม่อยู่ร้องไห้กระซิก ๆ จะร้องดัง ๆ ก็ไม่กล้ากลัวลูกตื่น จึงทำได้แต่ซุกหน้ากับอกแม่บุญธรรมแล้วร้องจนเสื้ออีกฝ่ายเปียกชุ่มไปหมด
“ทำไม ทำไม…ต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเถ้าแก่ ทำไมต้องเกิดกับคนดี ๆ แบบนี้…”
“เง็กซิ่มไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าเรื่องมันจะเกิดมันก็เกิด ไม่มีใครรู้ชะตาไม่มีใครฝืนหรือเปลี่ยนแปลงมันได้ เง็กซิ่มรู้แต่ว่าคนตายไปแล้วก็หมดทุกข์หมดโศกไปแล้ว คนที่อยู่ก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ เฮียงน่ะยังดีถึงเถ้าแก่ไม่อยู่แล้วเฮียงยังมีลูก ๆ ที่ต้องดูแล ตอนอากู๋ลื้อตาย เง็กซิ่มไม่มีใครเลย ไม่มีลูกไม่มีญาติพี่น้อง จะกลับเมืองจีนก็ไม่มีเงินเพราะเงินเก็บทั้งหมดเอาไปรักษาอากู๋ลื้อหมดแล้ว ชีวิตมืดมนไปหมด เง็กซิ่มเคยคิดจะฆ่าตัวตายเสียด้วยซ้ำเพราะไม่เห็นว่าจะอยู่ต่อไปทำไม แต่เง็กซิ่มขี้ขลาดไม่กล้าทำร้ายตัวเอง เลยต้องกัดฟันสู้”
“เง็กซิ่ม…มีวิธีที่ทำให้หัวใจมันหายปวดเร็ว ๆ ไหมจ๊ะ เฮียงเจ็บเหลือเกิน…”
“ไม่มี” เง็กซิมส่ายหน้า “ไม่มีหรอกวิธีที่จะทำให้ความเจ็บปวดมันหายไปในพริบตาน่ะ แต่ไม่มีอะไรที่อยู่ถาวร ความรู้สึกของเราก็เหมือนกัน วันนี้เจ็บเจียนตาย พรุ่งนี้มะรืนนี้ยังเจ็บอยู่ แต่ชีวิตมันต้องไปต่อใช่ไหมล่ะ ยังต้องหายใจต้องกินต้องทำงานต้องดูแลลูก วันหนึ่งความเจ็บก็จะหายไป มีแต่ความคิดถึง คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เคยอยู่ร่วมกัน คิดถึงความสุข” เง็กซิมหยุดนิดหนึ่งเพื่อทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ก่อนพยักหน้าเอ่ยต่ออย่างมั่นใจว่า “เง็กซิ่มไม่โกหก ลื้อเป็นคนเข้มแข็ง ฉะนั้นวันหนึ่งเมื่อคิดถึงเถ้าแก่ ลื้อจะยิ้มและคิดถึงแต่ความดีของเขา ไม่เจ็บ ๆ”
“เฮียงจะทำได้จริง ๆ หรือจ้ะเง็กซิ่ม”
“ได้แน่ เพียงแต่ตอนนี้ลื้อต้องอดทน ที่สำคัญอย่าคิดมาก นอนพักให้มาก ๆ พรุ่งนี้ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ”
“จ้ะ เง็กซิ่ม” ซิ่วเฮียงรับคำอย่างว่าง่าย
แต่เมื่ออีกฝ่ายออกไปแล้วหญิงสาวยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มองเหม่อไปยังบ้านลานมะเกลือ ชั้นสองตรงห้องทำงานของส่วงที่หันหน้ามาทางบ้านต้นชมพู่ไฟยังเปิดสว่าง
หยี่แจ้คงนอนไม่หลับเหมือนหล่อน อาจจะเหงาและเคว้งคว้างเหมือนกัน
บางทีหยี่แจ้คงกำลังรอให้ความเจ็บปวดหายไปเหลือเพียงความคิดถึงเช่นเดียวกับหล่อน…
ยามเช้าแม้ความเจ็บปวดและเงียบเหงายังสลักลึกในหัวใจ แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เด็กรุ่นโตยังต้องไปโรงเรียน แต่เปลี่ยนจากเตี่ยขับเป็นคนขับรถพาทุกคนไปส่งที่โรงเรียน จากนั้นกุ้ยเตียงก็ไปโรงงานที่สมุทรปราการแทนสามี หญิงสาวต้องไปเรียนรู้งานจากหลงจู๊ฮุ้ง ส่วนร้านอึ้งซุ้ยหลีที่สะพานหันซิ่วเฮียงต้องไปดูแลแทน
เด็กเล็กที่ยังอยู่บ้านจึงต้องอาศัยเง็กซิมและพี่เลี้ยงช่วยดูแล ส่วนลานมะเกลือเหง็กลั้งรับหน้าที่ดูแลทุกอย่าง จัดการแบ่งหน้าที่กันทำงานเรียบร้อย คนบ้านลานมะเกลือไม่มีใครมีปัญหา กลับเป็นหลีมุ่ยเจ้าประจำที่วิ่งมาคุยด้วยความห่วงใยว่า
“นึกยังไงให้เด็กนั่นไปคุมร้านสะพานหัน มาจากคนงานเย็บผ้าจะมีปัญญาคุมร้านใหญ่โตหรือ”
“ก็ต้องให้เฮียงทำแหละซ้อ ถ้าไม่ให้เฮียงช่วยใครจะมาช่วย”
“อาทงไง ให้เฮียลื้อช่วยดูแลร้านให้” หลีมุ่ยเสนอโดยไม่ต้องหยุดคิดเลย แสดงให้เห็นว่าหล่อนตรองมาล่วงหน้าก่อนแล้ว
“ถ้าให้เฮียมาช่วยอั๊วแล้วจะใครจะดูแลร้านที่โบ๊เบ๊” กุ้ยเตียงถาม ตอนนี้สุขภาพของเตี่ยทรุดลงหนักมาก เรียกได้ว่าต้องไปหาหมอแทบทุกสองสามวัน ม้าต้องคอยดูแลเตี่ย น้องชายคนรองต้องคอยดูแลพาเตี่ยไปโรงพยาบาล ทั้งขับรถทั้งอุ้มเตี่ยขึ้นลงรถลงเตียง ไม่มีเวลามาดูแลร้านแน่ ๆ “หรือจะให้อาโซ้ยตี๋มาช่วย”
“โอ้ย โซ้ยตี๋ลื้อเขาจะเปิดร้านขายขนมปังกับเพื่อนเขาจะมีเวลาที่ไหนมาช่วยงานที่ร้าน” ซ้อใหญ่รีบบอก แต่ไม่พูดว่าที่น้องชายคนเล็กของสามีคิดจะแยกไปทำธุรกิจเองเพราะหล่อนกีดกันไม่ให้มายุ่งกับร้านที่โบ๊เบ๊ หล่อนตีกันเต็มที่ประกาศชัดว่ากิจการร้านเสื้อที่โบ๊เบ๊ต้องตกให้ลูกชายคนโตของแต่ละรุ่นบริหาร น้องชายรอง ๆ ลงไปช่วยงานได้แต่ไม่มีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจใด ๆ “อั๊วเอง เดี๋ยวร้านที่โบ๊เบ๊อั๊วดูแลเอง”
อ้อ…งกอยากได้ทุกอย่างในมือล่ะสิ…กุ้ยเตียงยิ้มหยันอย่างรู้เท่าทัน แต่ไม่หักหน้าอีกฝ่ายแค่ปัดไปว่า
“อั๊วไม่กล้ากวนเฮียหรอก เกรงใจ อีกอย่างร้านนี้ของอาส่วง เฮียงเป็นเมียของอาส่วงเหมือนกันก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบดูแล ต้องช่วยกันทำมาหากินจนกว่าเด็ก ๆ จะโตพอมารับช่วงต่อไปได้”
หลีมุ่ยฮึดฮัดเล็กน้อย พยายามชี้ให้เห็นว่า
“เกรงใจอะไรกัน พี่น้องกันแท้ ๆ ให้เฮียลื้อทำยังดีกว่าให้กิจการสำคัญกับคนไม่เคยทำ เดี๋ยวก็ได้เจ๊งกันพอดี อีกอย่าง…ลื้อไม่รู้สึกว่าเด็กนั่นมันก้นไวหรือ” ฝ่ายนั้นกดเสียงลงเหมือนกระซิบกระซาบ แต่จริง ๆ ที่เหมือนเท่านั้น หล่อนทำท่าให้เหมือนเป็นความลับเพื่อดึงความสนใจทุกคนมากกว่า “เลิกกับผัวคนแรกยังไม่เท่าไหร่ก็มาเอาอาส่วงเป็นผัวแล้ว เสน่ห์แรงไม่หยอก ไม่แน่นะ อาส่วงยังไม่ฝังมันอาจจะหาผู้ชายคนใหม่ได้แล้วก็ได้”
“เฮียงแค่โชคไม่ดีกับผู้ชายคนแรกเท่านั้น แต่นะ…ถ้าเขาคิดว่าจะมีผู้ชายคนอื่นที่ดีกว่าอาส่วงและเขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ปล่อยให้เขาไป”
“ปล่อยไปแล้วร้านทำยังไง ให้มันดูแลทุกอย่างแบบนี้ ดีไม่ดีมันจะฮุบไปเลย ลื้อจะลำบาก”
“ถ้าเฮียงอยากได้จริงไม่ต้องฮุบ แค่บอกมาคำเดียวอั๊วจะให้ อย่างน้อยเขาก็เป็นแม่ของลูกชายสองคนของอาส่วง อาส่วงคงไม่อยากให้แม่ของลูกเขาอดตายแน่” กุ้ยเตียงบอกหน้าตาเฉย
“แหม…” หลีมุ่ยเป็นเดือดเป็นแค้นแทนราวกับร้านสะพานหันเป็นของหล่อนและเรื่องที่หล่อน
สมมุติเกิดขึ้นจริง ๆ “ลื้อน่ะเป็นแม่พระ! ใจกว้างเป็นแม่น้ำฮวงโหแถมยังมองคนแต่ในแง่ดี ระวังเถอะสักวันจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า! แล้วอย่าหาว่าอั๊วไม่ได้เตือนนะ”
“ได้ ซ้อไม่ต้องห่วง วันข้างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอั๊วจะไม่ว่าอะไรซ้อสักคำ” หญิงสาวบอกอย่างมั่นใจ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 44 : ฝันสลาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 43 : รอยร้าว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 42 : สัญญา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 41 : อามาลัย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 40 : พบหน้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 39 : ลูกไม่มีพ่อ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 38 : หมากฝรั่งบุหรี่
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 37 : พิราบขาว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 36 : คนนอก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 35 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 2)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 34 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 1)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 33 : คดในข้องอในกระดูก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 32 : สัญญาที่ไม่เป็นธรรม?
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 31 : แม่ม่ายลูกกำพร้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 30 : ฟ้าถล่ม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 29 : ลูกชายลูกชาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 28 : ไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 27 : เด็กน้อยของซิ่วเฮียง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 26 : สันดานคนยากจะเปลี่ยน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 25: รถจี๊ปสีเขียว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 24 : หวังดีเกินไป รักเกินไป
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 23 : เรื่องที่เข้ากันได้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 22 : หยี่แจ้ โอ่ยแจ้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 21 : แต่งงาน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 20 : สู่ขอ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 19 : ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 18 : เห็นขี้ดีกว่าไส้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 17 : กระต่ายก็กัดเป็น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 16 : เลิกกับผัวแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 15 : ปุ๋ยดีไม่ควรปล่อยให้ไหลลงนาผู้อื่น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 14 : ลานมะเกลือ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 13 : ศาลองค์แป๊ะกง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 12 : เข้ากรุง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 11 : ส้วมที่แตกแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 10 : บ้าน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 9 : หันหลังกลับ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 8 : พยอม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 7 : หมดสิ้น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 6 : หาญ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 5 : วาสนา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 4 : ดอกไม้ผ้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 3 : ตุ้มหูทอง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 2 : แม่ผัว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 1 : ซิ่วเฮียง