หนึ่งในหล้า บทที่ 3 : หนึ่งในหล้า
โดย : กฤษณา อโศกสิน
หนึ่งในหล้า นวนิยายชุดโหราศาสตร์ของ กฤษณา อโศกสิน เล่าถึง ‘ยุคทอง’ ชายหนุ่มผู้มีดาวพฤหัสเป็นดาวสำคัญที่มีอิทธิพลโน้มนำชีวิตของเขาจนได้พบกับหญิงสาวนาม ‘ปรางสี’ จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจหรืออิทธิพลของดวงดาว และเขาจะเลือกเดินบนเส้นทางใด นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
กินอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเริ่มอารัมภบทลงบนเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่คือไอแพดที่ใช้คู่กันกับไอโฟน หรือมือถือที่ทั้งสองชนิดต่างก็บรรจุข้อมูลรายละเอียดที่ชาวโลกควรรู้และต้องรู้ไว้ทุกประเภท ไม่เหมือนคราวที่ย้อนถอยหลังไปภายในห้าปี ที่เขายังคงใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่…แต่จะอย่างไรก็ตาม บัดนี้ ความเป็นโซเชียลมีเดียก็แผ่ขยายอิทธิพลรวมเอาคนรุ่นเก่าอย่างเขาผู้ไม่เคยแตะต้องของเหล่านี้มาก่อนไว้เป็นบริวาร
อินทรีไม่เคยต่อต้านแขนงวิชาใดๆ จึงรับเอาเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้มาไว้ทุ่นแรงอย่างเต็มใจ
ก่อนอื่น เขาต้องยืนพื้นด้วยดวงชะตาของชายหนุ่มผู้ที่เขารักและเอ็นดูมานาน นอกจากเป็นหลานของภรรยาแล้ว ยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่เขาศรัทธาความมุ่งมั่นในการเรียน ความเอาการเอางาน ความไฝ่รู้แกมเชิดชูตนเองไปสู่ความเป็นผู้ไม่สูญเปล่าอย่างยิ่งของยุคทองอีกด้วย
โดยเฉพาะ ‘ดวง’ ของเขา หนุ่มผู้นี้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล ‘ดาวพฤหัส’ อย่างแท้จริง
เป็นดาวพฤหัสที่เขาใคร่ดึงเอามาเขียนถึงเป็นลำดับแรก
ภาษาอังกฤษเรียกท่านว่า ‘จูปีเตอร์’
เป็นดวงดารา ‘หนึ่งในหล้า’ อันเด่นโดด
คล้ายจะมีแต่คุณอย่างเดียว
แต่รับรองว่าโทษนั้นก็มี
เขียนใกล้จะเพลิน ก็ได้ยินเสียงมือถือดัง ครั้นเปิดดู ก็ปรากฏไลน์ของคนที่เขากำลังใช้ดวงชะตาเป็นข้อมูล
“ว่าไง ยุค”
“ค่ำนี้ ผมว่าจะมาแวะหาคุณลุงสักนิดน่ะฮะ…คือผมบังเอิญได้เวลาตกฟากของคนที่เรากำลังจะไปตามเขาที่กระบี่ไงครับ…คือเมื่อกี้ผมไลน์ถึงเขา…เขาว่าเขายังอยู่ที่นั่น…ญาติแก่มากแล้ว ก็เลยอยากอยู่พูดคุยกันอีกสักสองสามวัน…พอผมบอกว่าผมจะไปพบเขา ถือโอกาสเที่ยวกระบี่ไปด้วย…เขาดีใจใหญ่…ผมก็เลยถามเขาว่า…ถ้าผมจะใช้วิธีนำดวงชะตาเขาเข้าสู่การพิจารณาคราวนี้ด้วย เขาจะว่ากระไรไหม…เขาไม่ว่าครับ…แถมบอกอีกด้วยว่าเขาชอบดูดวง เขาก็ให้มาตามที่ผมลงไว้ในไลน์นี่นะครับ”
“ดีมากเลยยุค ดีมากๆลูก” อินทรีตอบกลับไป ดีหรือร้าย เขาจะถือว่าได้รับโชคชั้นเยี่ยมทุกครั้งไป
ยิ่งได้ดวงมหาโจร ดวงขอทาน ดวงนักต่อต้านการเมือง ดวงคนปราดเปรื่อง และอีกสรรพบรรดาผู้ร้ายผู้ดีผู้มีคุณ มีโทษใดๆ ก็ย่อมถือเป็นของขวัญประจำสมุดเล่มใหญ่ของเขาทั้งหมดทั้งสิ้น
หากเพียงแต่ผูกดวงผู้ที่ยุคทองกำลังจะบินไปตาม ยังมิทันจะพิจารณาความใดๆจากตัวเลข ก็มีเสียงกริ่งดังอีกครั้ง
ชายหนุ่มผู้กำลังจะเดินทางไปกระบี่ด้วยกัน มาถึงบ้านเขาตอนทุ่มเศษ อินทรีและอัจฉราอาบน้ำรับประทานอาหารเย็นเสร็จสิ้น กำลังนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ด้วยกันพร้อมอารมณ์ก็เริ่มดี…สลัดอุปสรรคที่มีผู้มากดกริ่ง นำปัญหาชีวิตทั้งหนักและเบามาให้เขาช่วยแก้ออกไปได้ด้วยใจอันสงบ ครั้นแล้วจึงตั้งต้นใหม่เป็นอย่างดีสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะต้องปฏิเสธเด็ดเดี่ยวว่าไม่ว่าง เย็นๆให้โทร.มาใหม่ หรืออย่างไรก็ค่อยว่ากัน
ดังนั้น เมื่อยุคทองนั่งลงแล้ว เขาจึงบอก
“ลุงออกจะเลื่อมใสดวงคุณอะไรนี่ซะแล้วซียุค…ชื่ออะไรนะ…อ้อ…” พลางอินทรีก็เปิดสมุดเล่มบางที่เขาแยกดวงชะตาคนในครอบครัวชายหนุ่มไว้ต่างหาก แถมด้วยดวงชายผู้ที่ทุกคนกำลังจะไปตาม ชื่อ ดร.นภากาศ ไชโยชีวิน อายุ 38 ไม่น้อย แต่ก็ไม่มาก”
“ดูประวัติละเอียดแล้ว เก่งครับ…เคยได้ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่บริษัทสหเคมีมาพักหนึ่ง แต่ยังไงก็ไม่ทราบ อาจจะขัดแย้งกับคนใหญ่ในนั้น…เลยลาออก” ยุคทองอธิบาย “ว่าแต่ว่า ดวงเขาเป็นไงมั่งฮะ คุณลุง ดวงผมพอจะส่งเขาไปได้ไหม”
“ได้…ดวงยุคกับดวงเขาสมพงศ์กันดี…คือเขาเองก็เป็นดาวอาทิตย์ พฤหัสในดวงเขาก็เล็งพฤหัสในดวงยุค คบกันดี”
“คือยังไงฮะ คุณลุง”
“เจ้าเรือนลัคน์เป็นดาวคู่มิตรกันไง มีโยคเกณฑ์สัมพันธ์กัน ก็ไปกันได้ดีไง ถึงไม่ทำงานด้วยกัน แต่ส่งเขาไปทำงานก็ต้องอาศัยดาวในดวงของเราของเขาเกื้อกูลพอกัน” อินทรีชี้แจงโดยไม่เอ่ยชื่อดาวให้ผู้ไม่รู้โหราศาสตร์งงงัน “ลุงจะเล่าให้ฟังสั้นๆก็ได้ว่า ดวงชะตาที่อาศัยผูกจากวันเดือนปี เวลาตกฟากนี่เป็นของจริง ไม่ได้ปลอมขึ้นมาตบตาใครต่อใครอย่างที่บางคนหยามหมิ่น…มีกฎเกณฑ์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ตรรกศาสตร์ จริยศาสตร์ครบครัน ธรรมะอธรรมก็อยู่ในนี้ ดูคนดีคนเลวได้ทันทีทันใด ขอบอก”
ชายหนุ่มก็เลยยิ้มอย่างขำผู้สูงวัย
“ถ้างั้น…วันหลังผมสงสัยใคร จะได้มาขอให้คุณลุงตัดสิน” อีกฝ่ายเอ่ยอย่างมีนัย
“มาเลยลูก…มาเลย” ผู้อาวุโสหัวเราะๆ หากก็ไม่เอ่ยถามความอื่นๆอันเป็นความในใจ เดี๋ยวจะหาว่าเขาเอาดวงมาดูแล้วแอบรู้ความลับ
ดังเช่นถามว่า แล้วยุคล่ะ มีแฟนหรือยัง
ด้วยว่าเขานั้น ยังจำแม่นจำได้…ว่า…ตอนที่เด็กคนนี้เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศใหม่ๆ มาถามเขาเรื่องการงานที่สมัครไว้แล้วว่าจะได้หรือไม่ได้ แล้วเขาตอบว่าได้ แต่ไม่ถึงปีก็จะต้องลาออกเพราะไม่พอใจนั้น ยุคทองก็ยังหลุดปากถามไถ่ถึงเพื่อนหญิงที่กำลังคบหา รวมทั้งบอกแค่วันเดือนปี โดยไม่มีเวลาตกฟาก
เพียงแต่อินทรีบรรจุตัวเลขลงตามช่องดวงชะตา
แลเห็นดาวสำคัญหลายดวงของยุคทองไปตกหล่นอยู่ในเรือน ‘กาลกิณี’ ของอีกฝ่าย ก็ยังนึกเลยว่า หายืดไม่
แม้คบกันสืบไป ฝ่ายทุกข์ใจก็จะตกอยู่กับหนุ่มผู้นี้
แต่เขาก็ไม่มีหน้าที่ป้อนความรู้ที่ทิ่มแทงใจถึงปานนั้นให้อีกฝ่ายทรมาณ
อวสานยามใด ต้องปล่อยให้เจ้าตัวรู้ได้ด้วยตนเอง
ครั้นแล้ว จึงมาถึงนาทีที่รุ่นหลานหลุดปากออกมา
“คุณลุงฮะ…ผมมีอีกเรื่องอยากถามคุณลุงเหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่า…” ชายหนุ่มวัยเยาว์ผู้ที่การงานของเขากำลังก้าวหน้าด้วยดี ค่อนข้างอึกอักอ้อมแอ้มทีเดียวเมื่อถึงคราวที่ต้องเอ่ยถึงความในใจที่ลึกกว่า “คนที่ผมเคยเอาดวงเขาให้คุณลุงดู…จะ…เอ้อ…จะย้อนกลับมาคุยมาคบกันอีกไหมฮะ”
คราวนี้ คุณลุงคลี่ยิ้มทันทีทันใด เนื่องด้วยกำลังคิดถึงอีกดวงหนึ่งอยู่เหมือนกัน
“ดวงที่ไม่มีเวลาตกฟากน่ะหรือยุค”
“นั่นละฮะ…”
“ลุงบอกละเอียดคงไม่ได้เพราะไม่รู้ลัคนา” อินทรีไม่อยากเอ่ยคำยากๆที่คนไม่รู้โหราศาสตร์มักจะชวนกันงงงันสักเท่าไร…หากก็…เอาเถอะน่ะ…แม้ไม่รู้…ก็สามารถรู้กันได้นี่นา แต่ละคนก็ใช่ว่าไร้การศึกษา ที่จริงก็ฟังยากกว่าการดูรายวันรายสัปดาห์นิดเดียว…นิ๊ดเดียวแค่นั้น…เพราะดูแบบนั้น อ่านแล้วเข้าใจทันที เช่น ในวันเดือนปีนั้นๆ ที่ตีพิมพ์อยู่บนแผ่นกระดาษของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งมีคำทำนายเป็นประจำทุกวันเป็นอย่างไร หรือมิฉะนั้นก็อาจดูจากมือถือที่ตัวอักษรเกี่ยวกับการพยากรณ์มักจะวิ่งขึ้นมาบน ‘ไลน์ ทูเดย์’ เป็นประจำ…ใครเกิดวันไหนก็ติดตามกันได้อย่างไม่คลาดสายตา…เริ่มต้นจากคนเกิดวันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร…เรียงกันไปเป็นลำดับจนถึงวันเสาร์
อินทรีเอง…แม้ดูดวงได้ ก็ยังติดตามคำทำนายประจำวันประจำสัปดาห์อย่างไม่พลาดแม้แต่วันเดียวเช่นกัน พร้อมกันนั้นก็นึกชมผู้ให้คำพยาการณ์ แม้เพียงกว้างๆ สำหรับเขา ก็ต้องถือว่าใช่…บางวันตรงใจเลยทีเดียว
ที่สำคัญก็คือ ทายเฉพาะวันทั้ง 7 ไม่จำต้องมีคำยากให้นึกฉงน ดังเช่นคำว่า ‘ลัคนา’
แต่ดูเอาก็แล้วกัน…คนไฝ่รู้กับคนไม่ชอบรู้เรื่องยาก มักแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
เพราะยุคทองถามขึ้นว่า
“ลัคนานี่คืออะไรล่ะฮะคุณลุง”
อินทรีได้แต่ระบายลมหายใจเบายาวต่อคำที่อีกฝ่ายส่งมา
ผู้เสาะหานักบริหารไปป้อนการทำงานใหญ่จำต้องมีคุณสมบัติเช่นนี้
นั่นก็คือเป็นผู้ไฝ่ถาม ไฝ่ให้คำตอบ รวมทั้งชอบชื่นการค้นคว้า
“ลัคนาในพจนานุกรมหมายถึง ‘เวลาอันเป็นมงคลสำหรับลงมือทำการใดๆ’ หรือ หมายถึง ‘ราศีในดวงชะตาที่พระอาทิตย์หรือพระจันทร์สถิตอยู่ในเวลาที่เจ้าชะตาเกิด’ ไงยุค” ชายสูงวัย แต่ไม่มีเค้าชราค่อยๆเรียบเรียงถ้อยคำที่เขาจะจำไว้บอกกล่าวให้ผู้ไม่รู้โหราศาสตร์
นั่นก็เนื่องด้วย คำว่า ‘ลัคนา’ นี้ จำเป็นต้องบอกเล่ากล่าวขานควบคู่กันไปเมื่อต้องการ ‘ผูกดวง’ ใครสักคนขึ้นมา โดยการคำนวณจาก ‘วัน เดือน ปี เวลาตกฟาก’ ซึ่งเวลาตกฟากนับเป็นเครื่องชี้นำที่สำคัญที่สุดในการผูกดวง
ปราศจากเวลาตกฟากเสียแล้ว การทำนายทายทักก็มักจะคลาดเคลื่อนหรือมิฉะนั้นก็เลือนรางไปไม่แม่นยำ
“อ้อ…ครับ” ชายหนุ่มเข้าใจทันใดนั้น
นั่นก็เนื่องด้วยเขาจบปริญญาโทสาขาเทคโนโลยีพอลิเมอร์และสถิติ
เรื่องตัวเลขจึงมิใช่ของยากสำหรับเขา
“แต่ก็เสียดายจังเลยฮะคุณลุง คือผมไม่กล้าถามเลยไปถึงเวลาเกิดของเขาหรอกครับ กลัวเขาคิดมาก…”
“ก็ดีแล้วไงยุค…ดีแล้วลูก…แต่ถึงไม่ถาม ลุงก็ตอบได้” อินทรีได้ทีจึงบอกออกไป “คือ…ลุงว่าดีแล้วละที่ไม่กลับมาคบกันอีก ลุงโล่งอกเลยรู้ไหมที่ยุคบอกว่า เลิกคบกันไปแล้วน่ะ”
“คุณลุง” ชายหนุ่มพึมพำ หากก็มีแสงบางอย่างผุดขึ้นในหน่วยตาดำสะอาดที่ดูเงียบขรึมแต่เฉลียวฉลาดของเขา เป็นแสงแห่งความรู้สึกที่ถูกปลดปล่อยลอยตัว “แล้วจะมีใหม่ๆมาอีกไหมฮะ”
“คำว่าไม่มีน่ะ ไม่ต้องใช้สำหรับดวงนี้” คุณลุงตอบแทนแกมปรีดิ์เปรม “แต่จะมาเมื่อไร…ต้องดูก่อน…คือ…ดวงยุคนี่น่ะลุงไม่ห่วงเรื่องมาเรื่องไป…มาแล้วไปแล้วก็มาใหม่อีกได้…ทุกเวลา”
“จริงหรือฮะคุณลุง” อีกฝ่ายถามขณะผิวหน้าก่ำด้วยสีโลหิตระเรื่อ
“จริง…แล้วคบแต่ละคนก็นานนะ…นาน…” ผู้อาวุโสลากเสียงขณะที่สายตาไล่ตามตัวเลข “กว่าจะเลิกอีก”
“อ้าว…”
“คือมันก็ต้องเป็นยังงั้นละ” อินทรียืนยัน “เพราะชีวิตคนเรานี่…สำหรับลุงนะ…เวลาเราเรียนวิชาไหนก็ตาม…เราก็จำเป็นต้องนำ ‘ตรรกะ’ หรือเหตุและผลที่เราคิดเองมาประกอบด้วยเหมือนกัน…ว่า นี่หรือนั่นสามารถจะเป็นไปได้หรือไม่เพียงไร…อย่านำความหลงเข้าไปใส่ เข้าไปขยี้รวมด้วยเป็นอันขาด มันจะทำให้วิชาดีๆถูกบิดเบือนจนคลาดเคลื่อนไป”
“เข้าใจคุณลุงเลยละครับ” ยุคทองตอบรับเต็มเสียง
อัจฉรานั่งดูโทรทัศน์ถัดไปพอประมาณโดยหรี่เสียงในจอให้เหลือเพียงแว่วๆ หากก็หันมาสัพยอกหลาน
“ยุคอายุยี่สิบเจ็ด ทำท่าเหมือนสามสิบเจ็ด”
“แก่มากไหมฮะ ป้า”
“ไม่แก่หรอกน่า…หนุ่มหล่อเท่ออกจะตาย” ป้าของเขาชมเชย
ยุคทองก็เลยถามผู้พยากรณ์ถึงคนที่เขาใคร่รู้
อินทรีเล็งดูการเดินทางของดวงดาวเพียงอึดใจก็ตอบ
“ไปคราวนี้ก็น่าจะมีอะไรดีๆเหมือนกัน”
“จริงหรือครับคุณลุง” เจ้าตัวเบิกตาดำยาวอันเปล่งแสงสดใสขึ้นวาบหนึ่ง
“จริง”
“รูปร่างหน้าตาประมาณไหนครับ” ฝ่ายเด็กแย้มริมฝีปากออกยิ้มพราย ราวกับวิญญาณหนุ่มน้อยแต่หนหลังผู้ยังไม่มีการงานรัดตัวย้อนกลับมา
“ก็…” อินทรีมองดู ‘ดาวคู่’ ของอีกฝ่ายอย่างไม่มีกังวลสักเท่าไรเมื่อนึกถึงการเคลื่อนที่เร็วของโลกยุคใหม่ในด้านดี…ด้วยว่าช่วยคลี่คลายเรื่องราวร้ายแรงที่โลกยุคเก่าเคยยึดมั่นถือสา…ให้สามารถบรรเทาลงจนเหลือเพียงเบาบางหรือไม่เหลือเลย “คงไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน”
“ดีกว่าหรือแย่กว่าคนเก่าล่ะฮะ”
“อันนี้ก็ต้องเอาดวงเขามาเทียบกับดวงยุคแล้วละ…” เขาก็เลยย้ำอีกครั้ง “คือถึงยังไง ก็ต้องมีดวงอีกคนมาเข้าคู่…รอแค่หน่อยเดียวเองน่า ไอ้หลาน คอยดูละกัน”
ยุคทองกลับจากบ้านอินทรีก็เมื่อสี่ทุ่มกำลังจะผ่านไป…พ่อแม่ พี่สาวยังคงนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันที่ห้องกลาง
พันมุกนั่งหน้าบึ้งทีเดียวตอนเขาก้าวเข้าไปนั้น ยุคทองก็เลยถาม
“เป็นอะไรไปอีกล่ะขอรับคุณนาย”
อีกฝ่ายไม่ตอบ ได้แต่เม้มริมฝีปาก
พ่อแค่ยิ้มในหน้า แต่แม่ตอบแทน
“นัดกับใครคนหนึ่งแล้วมาขอเลื่อน”
“โธ่เอ๊ย…แค่นั้นเอง…นึกว่าเลื่อนตลอดอาทิตย์” น้องชายออมเสียงอย่างเอาใจ “ถ้าเสาร์อาทิตย์ยังเลื่อนก็…ไปด้วยกันไหม…ไปจังหวัดกระบี่”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง พี่สาวเขาก็เปลี่ยนจากชาเย็นเป็นยิ้มแย้ม ส่งเสียงกระปรี้กระเปร่า
“ไปแน่ไหม…ถ้าแน่จะได้จัดของ”