เล่ห์พันธาภรณ์ บทที่ 14 : แถลงการณ์

เล่ห์พันธาภรณ์ บทที่ 14 : แถลงการณ์

โดย : ประดับยศ

Loading

เล่ห์พันธาภรณ์ นวนิยายจากโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 โดย ประดับยศ กับเรื่องราวของ ‘มิรามาลินทร์’ หญิงสาวผู้ถูกเลี้ยงดูมาโดยนักบวชในวิหารเทพ แต่แล้ววันหนึ่งเธอต้องหนีเอาชีวิตรอดเพื่อตามหาบุคคลในคำทำนายที่จะมาช่วยปกป้องวิหาร คนผู้นั้นคือใคร ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร อ่านได้ในเว็บไซต์ anowl.co และเพจ anowldotco

“ชาวบ้านออกมารวมตัวกันที่หน้าวิหารเพื่อเรียกร้องให้ทางการเข้ามารับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นครับ มีนักข่าวจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเล่นข่าวอยู่สองกระแส กระแสหนึ่งวิเคราะห์ว่าเป็นการเผาไล่ที่ และอีกกระแสหนึ่งบอกว่า เพื่อข่มขู่ไม่ให้เทวนารีเปิดเผยโครงการทำเหมืองแร่ครับ”

ราชินีชโลธรทรงตบหน้านายทหารเวรที่เข้ามารายงานเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อคืน ก่อนจะตวัดสายพระเนตรกรุ่นโกรธไปยังบุคคลที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดในวันนี้

“ทุกอย่างพังไปหมดแบบนี้ยังกล้ามารายงานเราอีก ออกไปให้หมด!”

สุรเสียงตวาดลั่นนั้นทำให้ข้าราชบริพารรีบเผ่นหนี เหลือเพียงนายพลชาตรีที่ยืนมองด้วยสายตาคั่งแค้นอยู่เช่นกัน เมื่อได้ยินรับสั่งที่เจาะจงมาที่ตน

“เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ”

“ทำไมต้องรับผิดชอบ ปล่อยให้ทุกอย่างเงียบไปเองก็ได้”

“พี่จงใจเผาวิหาร จงใจส่งคนไปฆ่ากุมารีกับเทวนารี พี่คิดว่ามันจะเงียบได้เหรอ”

“ก็บอกไปว่าเป็นอุบัติเหตุ”

“ถ้าที่นั่นไม่มีพยานอย่างเจ้าชายตุลธร มันถึงจะเป็นไปได้”

“แต่เมื่อคืนคนของพี่รายงานว่าเจ้าชายไม่ได้อยู่ที่วิหาร”

“แต่คนของเราก็รายงานว่าเจ้าชายและกุมารีหนีตายออกมาซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเมื่อคืน”

“ทำไมทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด แม้แต่ไอ้นักโทษสายลับคนนั้นมันก็หนีรอดไปได้”

“เรื่องนั้นมันแย่กว่าเรื่องเผาวิหารอีก เราคงต้องปฏิวัติการฝึกทหารยกกองทัพ ก่อนที่ประเทศอื่นจะรู้ว่าทหารชายแดนสินธุรัฐมันไร้น้ำยาขนาดไหน”

“ชโลธร!”

“ไปเปลี่ยนชุดแล้วอยู่ในคุกหลวงสักอาทิตย์หนึ่งเถอะ รอให้เรื่องมันซาก่อนแล้วค่อยออกมา”

“นี่เธอกำลังจะให้พี่เป็นแพะรับผิดทุกอย่างแทนเธอใช่ไหม”

“ก็ถ้าท่านนายพลไม่พลาด ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้”

“ชโลธร!”

“ทหาร!”

ราชินีทรงตะโกนเรียก อึดใจเดียวก็มีราชองครักษ์นำแถวเข้ามาพร้อมรับพระราชเสาวนีย์

“จับตัวนายพลไปคุมขังไว้รอพิจารณาโทษ และเตรียมห้องถ่ายทอดการแถลงข่าวให้เราภายในหนึ่งชั่วโมงนี้ เราจะอ่านแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องทั้งหมดเอง”

“ชโลธร!”

“หุบปากซะ อยู่เงียบๆ คิดให้ดีๆ จะได้ไม่ทำพลาดอีก…เอาตัวออกไปได้แล้ว”

ราชินีทรงบัญชาเสียงเหี้ยมเกรียม ก่อนจะเสด็จไปเตรียมพร้อมสำหรับเปิดม่านการแสดงละครครั้งใหญ่ ทรงร่างสัญญากับนักลงทุนไว้มากมาย จะให้เม็ดเงินมหาศาลหายไปเพียงเพราะความผิดพลาดของคนคนเดียวไม่ได้…

บัลลังก์สินธุรัฐภายใต้การปกครองของพระองค์จะต้องเป็นที่รู้จักในภูมิภาคเอเชียใต้ในฐานะผู้นำทางเศรษฐกิจหน้าใหม่ที่น่าจับตาที่สุดในศักราชนี้

 

ปาราวตีก้าวเร็วๆ จนแทบจะเป็นวิ่งเข้าบ้านมา พลางรีบตรงเข้าไปหากุมารีที่กำลังเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังวิหารเทพ

“กุมารี อยู่ต่ออีกสักเดี๋ยวค่ะ ฟังแถลงการณ์ราชินีด้วยกันก่อน”

เจ้าบ้านหญิงเข้ามาประคองมิรามาลินทร์ให้นั่งตรงเก้าอี้ในห้องรับแขก ก่อนจะรีบไปเปิดโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสดแบบเฉพาะกิจไปทั่วประเทศและ Live ผ่านช่องทางสตรีมมิ่งทั่วโลก

เจ้าชายตุลธรที่เข้ามาพร้อมกับเด็กๆ เมื่อเห็นบรรยากาศที่จริงจังผิดเคย จึงเดินมาหาพระคู่หมั้นพลางรับสั่งถามขึ้นเบาๆ

“มีอะไรกัน”

“ราชินีออกมาเล่นเองแล้วเพคะ”

มิรามาลินทร์ตอบพลางตั้งใจฟังเสียงจากโทรทัศน์ วรองค์สูงจึงประทับพระเก้าอี้ข้างๆ หญิงสาวเพื่อฟังร่วมกัน ภาพของประมุขสูงสุดแห่งสินธุรัฐที่ถ่ายทอดผ่านสื่อหลักแห่งชาติวันนี้ทรงชุดผ้าไหมพื้นเมืองสีน้ำเงินเข้มตัดกับส่าหรีสีทองที่ห่มพาดบ่า ประดับอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวคือเข็มกลัดเพชรรูปหยดน้ำตราราชวงศ์สินธุรัฐ ดูสง่าและหยิ่งผยองยิ่งในขณะที่เอ่ยกับกล้องด้วยน้ำเสียงไม่หนักไม่เบา แต่สะกดใจคนให้ตั้งใจฟังได้เป็นอย่างดี

“เมื่อคืนได้เกิดเหตุอันไม่คาดฝันขึ้นที่วิหารเทพเมืองอัมพุ และมีความเสียหายเกิดขึ้นตามมามากมาย เรามีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ครั้งนี้ขึ้น และจะเร่งดำเนินการชดเชยค่าเสียหายให้ผู้ที่ประสบภัยอย่างครบถ้วนทั่วถึง และจะจัดส่งหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นโดยเร็วที่สุด

เพียงแต่ภายใต้ข่าวร้ายนั้น ก็มีข่าวดีที่เราต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบ ประการแรก ตามที่ทุกคนทราบดีว่าสินธุรัฐได้ออกกฎหมายการเวนคืนที่ดินเพื่อนำไปพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ นั่นก็คือเขื่อนสินธุ แต่ยังติดปัญหาเรื่องการรื้อถอนในบางพื้นที่ แต่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วๆ นี้

ประการที่สอง ได้มีการสำรวจพบสินแร่ที่เมืองอัมพุ และคณะพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติได้ร่วมกันร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติด้วยโครงการพัฒนาเหมืองแร่ โดยจะให้ชาวบ้านผู้เป็นเจ้าของพื้นที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานขอรับสัมปทานในการทำเหมืองด้วย ซึ่งตัวอย่างสินแร่ดังกล่าวได้รับการยืนยันว่าเป็น ‘เพชร’ ดังนั้น ทางการจะมีการเข้าไปสำรวจพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้ง และเปิดให้ประชาชนร่วมลงรายชื่อแสดงเจตจำนงในการเข้าร่วมยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาธุรกิจเหมืองเพชรในวันพรุ่งนี้”

มิรามาลินทร์ได้ยินแถลงการณ์แล้วก็ถึงกับนิ่งงันไป คาดไม่ถึงว่าราชินีจะเล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าแม้แถลงการณ์จะยังมีต่ออีกพักใหญ่ หากบรรยากาศภายนอกหมู่บ้านตอนนี้เต็มไปด้วยการออกมาแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องเหมืองเพชรกันแทบทั้งสิ้น

“หงายการ์ดเหมืองเพชรซะแล้ว”

จอมพลแห่งศิขราชทรงรับสั่งเปรยๆ ก่อนจะหันไปถามปาราวตีแบบทีเล่นทีจริง

“สงสัยปรมะคงไม่ยอมแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ประเทศไทยแล้วละมั้ง”

“หม่อมฉันคิดว่าคงจะไม่ยอมย้ายกันทั้งหมู่บ้านนี่แหละเพคะ รอลงชื่อขอสัมปทานอย่างเดียวก็รวยเละ”

“ไม่รู้ว่าทางวิหารจะอยากรวยเละกับเขาไหม”

“กลับวิหารกันเถอะเพคะ”

มิรามาลินทร์กราบทูลเสียงแผ่ว ก่อนจะเอื้อมมือเย็นเฉียบมาเกาะพระกรที่เคียงชิดด้วยอาการสั่นน้อยๆ อย่างหวั่นใจ เจ้าชายจึงวางพระหัตถ์ทาบกุมไว้ ส่งทั้งไออุ่นและกำลังใจให้คนที่เป็นกังวลอยู่มาก

“ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี”

“แล้วถ้าไม่ดีล่ะเพคะ”

“เราก็จะทำให้มันดีเอง”

พระกระแสรับสั่งมั่นพระทัยยิ่งว่าต้องเป็นดังนั้น ทำให้คนที่กลัดกลุ้มอยู่พอจะยิ้มออกบ้าง พลางวางทั้งสองมือลงในหัตถ์หนาที่ประทานให้จับเป็นหลักประคองกาย และบัดนี้กลายเป็นหลักประคองใจที่เธอวางทุกอย่างไว้ได้แม้กระทั่งดวงชีวี

 

องค์อมราวดีเทวนารีนั่งนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่แล้ว แม้แถลงการณ์จะกินเวลาเพียงสั้นๆ แต่ดูเหมือนว่าจะสามารถทำลายวิหารที่สร้างมาหลายทศวรรษได้ในพริบตา บรรดานักบวชและผู้มีศรัทธาที่เคยเข้าออกวิหารกันเพื่อสวดมนต์บูชา บัดนี้ต่างจับกลุ่มคุยกันถึงพื้นที่อาณาเขตของวิหารเทพนับร้อยไร่ว่าใครจะเป็นคนได้สัมปทานเหมืองเพชรไป หลายครั้งที่ชื่อขององค์อมราวดีเทวนารีถูกเอ่ยถึง หากบัดนี้มิใช่ด้วยความศรัทธา หากเป็นความสงสัยใคร่รู้ที่ว่ามูลค่าที่ตัวแทนวิหารจะเป็นฝ่ายครอบครองนั้นคือเท่าไร

“ตามมิรามาลินทร์มาพบเราที”

องค์อมราวดีเอ่ยสั่งเสียงอ่อนล้า หญิงชราในชุดนุ่งขาวห่มขาวมีเพียงตราแห่งเทวนารีกลัดอยู่ที่ส่าหรีเท่านั้น หากแสงจากเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ล้อมไข่มุกบนเข็มกลัดอยู่บัดนี้ก็ดูคล้ายกับบาดตายิ่ง ดังนั้นในยามที่เจ้าชายตุลธรธิบดีทรงประคองมิรามาลินทร์เดินเข้ามา จึงเห็นว่าเข็มกลัดอันเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของเทวนารีนั้น ถูกวางทิ้งอยู่อย่างไรค่าบนถาดน้ำชาข้างโต๊ะรับแขกเท่านั้น

“ผมพามิรามาลินทร์มาส่งครับ พวกเราไปที่หมู่บ้านธารน้ำมา”

จอมพลตุลธรฯ ทรงประคองพระคู่หมั้นให้นั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนจะทรงอธิบายให้ท่านอาจารย์เข้าใจเมื่อองค์เทวนารีมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“มิรามาลินทร์มีอาการมองไม่เห็นชั่วคราวครับ”

“ทำอะไรเกินกำลังอีกแล้วละสิ”

“ผมจะดูแลเองครับท่านอาจารย์”

“วิหารแห่งนี้เป็นบ้านของมิรามาลินทร์ เจ้าชายอย่าทรงเป็นกังวลไปเลยเพคะ เราจะดูแลกุมารีอย่างดีที่สุด”

เจ้าชายตุลธรธิบดีได้แต่มองหญิงสาวข้างกายอย่างห่วงใย ทว่าก็คงไม่อาจก้าวข้ามเส้นแบ่งของกาลเทศะและความเหมาะสมได้ ดังนั้นวรองค์สูงจึงได้แต่ลุกขึ้นและปล่อยให้สองอาจารย์และศิษย์อยู่ด้วยกันตามลำพัง

“ได้ยินแถลงการณ์ของราชินีแล้วใช่ไหม” องค์เทวนารีถามพลางหันไปหยิบขวดแก้วที่บรรจุน้ำแร่จากบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์มาและเริ่มปรุงยาให้

“ค่ะอาจารย์”

“ชาวบ้านว่าอย่างไรกันบ้าง”

“ดูสนใจกันมากค่ะ เงื่อนไขที่จะได้สัมปทานในที่ดินตัวเองที่ถูกเวนคืนไป ทำให้การคัดค้านทุกอย่างแทบจะไม่มีแล้วค่ะ”

“เราไม่เชื่อว่าราชินีชโลธรจะทรงใจกว้างขนาดนั้น”

“ข้อนั้นหญิงก็กังวลใจอยู่ค่ะ หากเวนคืนที่ดินไปได้ทั้งหมดแล้ว โครงการเขื่อนอัมพุและเขตเศรษฐกิจพิเศษจะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้จริงหรือไม่ก็ยังไม่ชัดเจน”

“ตราบใดที่ราชินีชโลธรยังไม่เปิดเผยเงื่อนไขทั้งหมดก็ยังมั่นใจไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องมีตัวแทนจากวิหารเข้าไปฟังคนของทางการที่จะมาชี้แจงให้คนไปลงชื่อรับสัมปทาน”

“หญิงจะไปเองค่ะ”

“ตาเป็นแบบนี้จะไปได้อย่างไร แล้วยังปล่อยให้เจ้าชายตุลธรฯ ทรงรู้ความลับอีก ประมาทมากเกินไปแล้วมิรามาลินทร์” องค์อมราวดีเอ่ยเตือน ก่อนจะยื่นยาป้อนให้อย่างห่วงใย พลางแตะศีรษะหญิงสาวให้เอนนอนลงบนตักพลางปลอบโยน

“เราต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะรู้ไหม”

“หญิงขออภัยจริงๆ ค่ะอาจารย์”

“ถึงแม้ว่าจะเข้าพิธีล้างศีล และไม่สามารถบวชเป็นเทวนารีได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมหน้าที่ของตัวเองที่รับปากกับพระชายาเมธาสินีไว้ ไม่ใช่แค่เมืองอัมพุ แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทรงฝากฝังให้ดูแล”

องค์เทวนารีเอื้อมมือไปลูบศีรษะของลูกศิษย์คนสำคัญของตนพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว

“พรุ่งนี้อาจารย์จะเป็นคนไปเผชิญหน้ากับคนของทางการเอง อาจารย์จะไม่ยอมให้วิหารเทพและน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายอย่างเด็ดขาด”

“ท่านอาจารย์อย่าไปเลยนะคะ หญิงกลัวว่าพวกทหารจะมาล้อมจับตัวอาจารย์อีก ให้หญิงไปแทนเถอะนะคะ”

มิรามาลินทร์ได้แต่กุมมืออาจารย์เอาไว้ไม่ปล่อย แม้จะมองไม่เห็นทว่าความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่องค์อมราวดีเทวนารีมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมนั้นทำให้หญิงสาวกังวลใจในยามที่ผู้สูงวัยเอ่ยย้ำ

“เราอันเชิญหยาดน้ำพุเทวามาจากมหาวิหารกลาง มาทำพิธีสร้างบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาสร้างความหวังให้กับเมืองอัมพุที่แห้งแล้ง และปัดเป่าเภทภัยให้แก่ประชาชนเพื่อให้ชาวบ้านทุกคนได้อยู่ดีกินดี ดังนั้นเราจะปล่อยให้ราชินีทำลายแหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงหลายชีวิตมานับสิบๆ ปีไม่ได้!”

องค์อมราวดีมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เวทนา โชคชะตาของมิรามาลินทร์นั้นถูกคนผู้นั้นเบียดเบียนรังแกเสียจนเธอสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตมากมาย แต่ในวันนี้เธอจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องและทำร้ายกุมารีได้อีกแล้ว

“กลับไปพักผ่อนเถอะ อาจารย์จะพาไปเอง”

พระอาจารย์แห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์จับจูงกุมารีที่บัดนี้เกาะแขนเธอแน่นราวกับเด็กเล็กๆ นั่นยิ่งทำให้ผู้สูงวัยหวนนึกถึงความทรงจำที่ผ่านมาไกล เกือบยี่สิบปีที่พวกตนพยายามปกป้องดูแลกันและกัน และในวันนี้พวกเธอจะไม่เพียงปกป้อง แต่จะสร้างเกราะป้องกันให้ตัวเอง และหากต้องสู้ พวกเธอก็จะไม่หันหลังหนีอีกแล้ว

 

องค์อมราวดีเทวนารีกลับไปยังหอสวดมนต์ ผนังที่ถูกขึงด้วยผ้าปักอักขระมนตราทั้งสี่ด้านทำให้จิตใจของเทวนารีสงบลง ในยามที่เดินไปคุกเข่าและหมุนกงล้อมนตรา หากไม่ใช่เพื่อทำสมาธิ แต่หมุนเพื่อปลดสลักเลื่อนแผ่นไม้ใต้เบาะนวมที่ตนนั่งคุกเข่าอยู่

อาจารย์เทวนารีขยับเปิดสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ออก ภายใต้แผ่นไม้มีผืนผ้าเปื้อนคราบเลือดห่อกำไลวงใหญ่ที่เคยเป็นของพระราชทานจากสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ก่อนให้กับกุมารีก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ แต่สุดท้ายก็ถูกแย่งชิงไปเพราะความริษยา โชคดีที่ยังไม่ถูกทำลายและทรงได้ของคืนจากบุรุษผู้หนึ่งที่เสี่ยงชีวิตเพื่อชิงมันมาจากวังหลวงเมื่อไม่นานมานี้ เพียงเพราะสัญญาที่เคยบอกต่อกันไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน

“หากอมราต้องการสิ่งใด เราจะหามาให้เสมอ”

บัดนี้คนพูดอยู่ในคุกลับวังหลวง ไม่รู้ชะตากรรมเสียด้วยซ้ำว่าเป็นหรือตาย องค์อมราวดีจ้องกำไลด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้

“เราจะไม่ให้สิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดสูญเปล่าแน่เตโช เราจะช่วยทุกคนให้ได้”



Don`t copy text!