แผนร้ายเกี่ยวรัก บทที่ 1 : เชฟลงเรือ
โดย : กิ่งฉัตร
แผนร้ายเกี่ยวรัก เรื่องราวของพริมา..หญิงสาวที่รักการทำอาหารและรักงานเชฟในเรือยอร์ชขนาดเล็กที่รับรองแต่แขกวีไอพี แต่การลงเรือคราวนี้กลับป่วนหนัก แถมยังมีการตายของแขกคนสำคัญในเรือ งานนี้อย่าว่าแต่เชฟเลย แมวยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้เหมือนกัน! “แผนร้ายเกี่ยวรัก” โดย กิ่งฉัตร นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอาและหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์และร้านหนังสือทั่วไป
ทุกยอดการสมัครจะมีส่วนแบ่งกลับมาสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอาของพวกเรา 🙂
……………………………………………………………….
-1-
แม้ท่าเทียบเรือภูเก็ต ยอช์ต โคฟจะไม่ใช่ท่าเทียบเรือที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต แต่ทางเดินขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไปบนผิวน้ำสีคราม เรือยอช์ตลำเล็กนับร้อยที่ลดใบเหลือแต่เสากระโดงเรียงรายทาบทับกับแผ่นฟ้าทำให้พริมารู้สึกว่าหล่อนตัวเล็กจ้อยจริงๆ
หญิงสาวสูดกลิ่นเค็มๆ ที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของทะเลเข้าปอดลึกๆ ด้วยความรู้สึกเหมือนได้รับการอัดฉีดพลังเข้าร่าง ถึงงานที่รออยู่ในอีกเจ็ดวันข้างหน้าถือว่าหนักหน่วง ทว่าการได้ออกจากกรุงเทพฯ มาทำงานในเรือ ได้ทำงาน กิน นอนท่ามกลางผืนน้ำและแผ่นฟ้า โดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกเท่าไรถือเป็นการผ่อนคลายที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“เชฟเพียว สวัสดีครับ” ปิยะพงษ์เจ้าหน้าที่ของมารีน่าซึ่งมีหน้าที่ขับรถกอล์ฟพาแขกไปส่งตามเรือยกมือไหว้ทักทายพร้อมกุลีกุจอยกกระเป๋าผ้าขนาดเล็กของหล่อนใส่รถ ทั้งคู่เคยพบกันหลายครั้ง คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจึงทักทายและพูดคุยกันได้ไม่ขัดเขิน “เดินทางราบรื่นดีใช่ไหมครับ เที่ยวบินไม่มีปัญหาอะไร”
“ค่ะ เรียบร้อยทุกอย่าง” พริมาตอบอย่างสดใส
หญิงสาวเปิดร้านอาหารเล็กๆ ขนาดสี่โต๊ะแถวบ้านที่กรุงเทพฯ ร้านของพริมาไม่มีเมนูประจำ มีเพียงกระดานดำแผ่นหนึ่งเขียนรายการอาหารที่หล่อนเลือกปรุงจากวัตถุดิบถูกใจมาทำได้ในวันนั้น ส่วนสัญชาติของอาหารนั้นบางวันก็ไทย บางวันก็อาหารฝรั่ง อาหารอิตาเลียน ญี่ปุ่นบ้างถ้าอารมณ์ดีและได้ปลาที่สดดีมา หรือบางทีถ้านึกครึ้มก็ทำรายการอาหารเมดิเตอร์เรเนียนไปเลย
ร้านหล่อนขายได้ ร้านเต็มทุกมื้อกลางวันและเย็น ทว่าต่อให้ขายดีแค่ไหนก็มีเพียงแค่สี่โต๊ะ อาหารที่นำเสนอก็ใช่ว่าจะถูกใจคนกินทุกคน อีกทั้งไม่ใช่คนกินทุกคนที่พร้อมจะลองอาหารแปลกใหม่ ดังนั้นร้าน ‘สุดแล้วแต่เชฟ’ ที่พวกลูกค้าเรียกกันจึงไม่ได้มีกำรี้กำไรอะไรมากมายนัก แค่พอสร้างสุขจากงานที่ทำและเลี้ยงตัวเองรอดไม่ต้องแบมือขอเงินจากทางบ้านเท่านั้น
การบินจากกรุงเทพฯ มาภูเก็ตเพื่อรับงานเป็นเชฟในเรือยอช์ตหรูจึงเป็นทั้งช่วงเวลาพักแบบโหดและเป็นงานสร้างรายได้ที่ค่อนข้างงามอย่างหนึ่งทีเดียว
ข้อเสียของงานนี้คือความไม่แน่นอน พริมาจะมีงานก็ต่อเมื่อมีลูกค้าเช่าเหมาแพนโดร่าในระยะยาว 5 – 7 วัน ถ้าไม่มีลูกค้าหรือมีลูกค้ามาเช่าเหมาแค่วันหรือสองวัน กัปตันโจ มิลเล่อร์มักจะใช้วิธีการจองร้านอาหารริมหาดหรือสั่งอาหารขึ้นมาบนเรือให้กับลูกค้ามากกว่าจะหาเชฟมาประจำเรือ ดังนั้นกำหนดงานของเชฟสาวจึงเอาแน่ไม่ได้ บางทีก็เดือนหรือสองเดือนครั้ง แต่ในช่วงพีคที่ชาวตะวันตกหนีหนาวมาเที่ยวแถบเอเชีย หญิงสาวอาจจะต้องอยู่บนเรือยาวไปเกือบเดือนก็มี
ปิยะพงษ์ขับรถกอล์ฟวิ่งไปตามท่าเทียบเรือ ผ่านบรรดาเรือยอช์ตลำเล็กที่จอดลดใบเหลือแต่เสากระโดงเรียงรายเป็นตับไปยังส่วนที่นอกสุดยื่นออกไปจากท่ามากที่สุด ท่าส่วนนี้จะเป็นที่จอดพักเรือยอช์ตขนาดใหญ่
แพนโดร่าก็เป็นหนึ่งในสาวงามที่จอดอยู่บริเวณนี้ เจ้าหล่อนเป็น charter yacht หรือเรือยอช์ตเช่าเหมาลำที่มีขนาด 104.99 ฟุต สูงสามชั้นสีขาวแถบส้ม พื้นไม้สีมะฮอกกานีหรูหรางดงาม มีเคบินสำหรับรองรับแขกกระเป๋าหนัก 4 ห้อง แบ่งเป็นห้องนอนหลักหนึ่งห้อง ห้องวีไอพีหนึ่งห้อง ห้องนอนมาตรฐานหนึ่งห้องและห้องนอนเล็กหนึ่งห้อง ดาดฟ้ากว้าง ห้องซาลูนโอ่โถงที่ตกแต่งอย่างดีสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
แพนโดร่ามีลูกเรือประจำการ 4 คน บางครั้ง…เหมือนอย่างทริปนี้ก็ 5 คน นอกจากกัปตัน เชฟ เอ็นจิเนียที่ดูแลเครื่องยนต์แล้ว ยังมี deck hand ที่ทำหน้าที่ดูแลความสะอาดบนเรือ ทำงานจิปาถะเป็นลูกมือช่วยกัปตันและลูกเรือคนอื่นๆ กับ maid หรือแม่บ้านที่คอยดูแลซักผ้ารีดผ้าทำความสะอาดและเสิร์ฟอาหารให้แขก
นอกจากความสะดวกสบายราวกับอยู่ในโรงแรมหรูแล้ว แพนโดร่ายังมีทั้งเรือยางเล็ก เรือคายัคและอุปกรณ์กีฬาทางน้ำไว้ให้บริการแขกอย่างครบครัน ดังนั้นราคาของเจ้าหล่อนไม่ถูก ในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว ค่าตัวของแพนโดร่าอยู่ราวๆ ห้าหมื่นยูโรต่อสัปดาห์ ส่วนช่วงฤดูท่องเที่ยวค่าตัวของแพนโดร่าขึ้นไปอยู่ที่หกหมื่นกว่ายูโรเป็นอย่างต่ำ และราคานี้ไม่รวมค่าอาหารกับค่าบริการอื่นๆ
ดังนั้นหน้าที่ของพริมานอกจากทำอาหารแล้วยังต้องคำนวณค่าอาหารส่งให้แขกที่จะมาลงเรือได้รู้เมนูและงบประมาณคร่าวๆ ด้วย
และแน่นอนว่าค่าอาหารจากเชฟพริมาคนนี้ก็ไม่ถูกเช่นกัน
หญิงสาวยิ้มพร้อมเอ่ยขอบคุณเมื่อปิยะพงษ์ส่งหล่อนลงที่ท้ายเรือพร้อมช่วยยกกระเป๋าผ้าใบเล็กไปส่งให้ถึงสะพานเรือ
สะพานเรือทอดสู่ท้ายเรือที่ด้านล่างเป็นที่เก็บเรือยาง เรือคายัคและอุปกรณ์ที่ใช้ดำน้ำ
แม้จะเรียกว่าท้ายเรือแต่จริงๆ จุดนี้เป็นจุดเดียวที่จะขึ้นเรือได้สะดวกสุด ลูกเรือและแขกจะต้องขึ้นเรือในส่วนนี้ก่อนขึ้นบันไดไปยังห้องซาลูนด้านบนแล้วจึงใช้บันไดจากด้านในลงไปยังเคบินที่พักด้านล่าง
พริมาเดินไปตามสะพานเรือ แค่เหยียบลงบนแพนโดร่า กัปตันโจ มิลเล่อร์ก็โผล่หน้ามาทักทายอย่างยินดี
“ไฮ เพียว” เขากอดทักทายหล่อนอย่างสนิทสนม
โจเป็นหนุ่มอเมริกันร่างใหญ่ผมสีทองที่ถูกแดดเผาเสียจนแทบกลายเป็นสีขาว ดวงตาสีฟ้าคู่สวย ลักษณะแข็งแรงปราดเปรียวเหมือนคนหนุ่มทั้งๆ ที่อายุจริงนั้นใกล้จะหกสิบปีแล้ว กัปตันเรือแพนโดร่าเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ อัธยาศัยดี ขี้เล่น แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้วเขาเข้มงวดไม่น้อย โจย้ายจากอเมริกามาอยู่ภูเก็ตเกือบสามปีแล้ว เขามีแฟนสาวเป็นคนไทยอายุน้อยกว่าเขาประมาณสิบปี รุจิราทำงานเป็นผู้จัดการใหญ่โรงแรมแห่งหนึ่งที่กะรน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบเพื่อนมากกว่าคนรัก ดังนั้นโจจึงมักอยู่กับแพนโดร่ามากกว่าอยู่กับแฟนสาว
“ไฮ กัปตัน ขอบคุณนะคะที่โทร.ตาม ฉันกำลังคิดว่าคุณลืมฉันแล้วเสียอีก”
“ลืมอะไร ไม่ได้เจอกันเกือบสองเดือนผมคิดถึงฝีมือทำอาหารของคุณจะแย่แล้ว” เขาพูดพร้อมยกมือกุมหัวใจ “ไม่มีใครทำไก่ย่างกับต้มข่าไก่ได้อร่อยเท่าคุณอีกแล้วเพียว ผมสาบานได้”
พริมาหัวเราะ แย้งว่า
“แต่ฉันได้ข่าวว่าคุณชมพ่อครัวร้านที่ชายหาดพีพีแบบนี้เหมือนกัน”
โจแกล้งทำหน้าบึ้ง แกล้งพูดอย่างเคืองๆ ว่า
“นั่นเป็นการใส่ร้ายกันอย่างน่ารังเกียจที่สุด ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่าเราไม่อาจเชื่อทุกอย่างที่ได้ยินได้”
หญิงสาวแค่ยิ้มไม่ว่าอะไร หล่อนกับกัปตันแพนโดร่ามักกระเซ้ากันเล่นแบบนี้เสมอ
“ว่าแต่คุณได้รับเมลที่ผมส่งไปหาเมื่อเช้าหรือเปล่า” โจถาม
เชฟสาวชะงักเล็กน้อย ตามประสบการณ์ของหล่อนแล้ว…อีเมลที่ส่งกระชั้นก่อนวันออกเดินทาง
มักไม่ใช่เรื่องดี
“ไม่ค่ะ ฉันยังไม่ได้เปิดเมลเลยตั้งแต่เช้า…” อันที่จริงไม่ได้เปิดมาตั้งแต่เมื่อคืนก็ว่าได้
พริมาไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ ไม่ติดโซเชียล จริงอยู่ที่หล่อนมีทั้งเฟซบุ๊กและไลน์เหมือนคนอื่นๆ แต่ไม่ค่อยเข้าไปดูความเคลื่อนไหวสักเท่าไร อีเมลที่มีก็สองสามวันตรวจดูครั้ง หล่อนเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องงานหรือเร่งด่วนจริงควรใช้โทรศัพท์โทร.หากันอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่ทิ้งข้อความไว้แล้วรอการตอบกลับโดยไม่คิดทำอะไรอีก
“เมนูที่ส่งให้แขกมีปัญหาหรือคะ”
“ไม่” โจโบกไม้โบกมือ “รายการอาหารเธอเยี่ยมอยู่แล้วที่รัก แต่มีข้อเรียกร้องเรื่องวัตถุดิบนิดหน่อย แขกรายหนึ่งของเราเพิ่งแจ้งมาว่าจานล็อบสเตอร์ของเขาต้องปรุงจากล็อบสเตอร์เป็นๆ เท่านั้น”
พริมานิ่งไปเล็กน้อย ตามปกติเชฟสาวมักมีเมนูพิเศษตบท้ายทริปเพื่อสร้างความประทับใจและพึงพอใจให้ลูกค้า ซึ่งแน่ละ…มันอาจจะส่งผลต่อทิปในทริปนั้นๆ ด้วย ส่วนใหญ่มักเป็นจานเด็ดที่ทำจากวัตถุดิบราคาสูงอย่างล็อบสเตอร์หรือไม่ก็กุ้งหางเสือตัวขนาดใหญ่ราคากิโลกรัมละเป็นพัน
ส่วนใหญ่หล่อนใช้กุ้งหางเสือ แต่ทริปนี้เพราะริชาร์ด โอเวน หนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของแพนโดร่ามาร่วมเป็นแขกด้วย และเขาชอบกุ้งมังกรมาก หล่อนจึงเลือกสัตว์ทะเลชนิดนี้มาปรุงเป็นเมนูเด็ดเรียกความประทับใจ
“ล็อบสเตอร์เป็นๆ หรือคะ”
“ใช่ เน้นมาเลย เหมือนเขาเคยมีปัญหากับไอ้กุ้งนี่ที่ไหนสักแห่ง เลยฝังใจว่าไอ้ตัวที่แช่แข็งมามักไม่สดหรือไม่สะอาด เขาต้องกินแบบที่ปรุงจากตัวเป็นๆ เท่านั้น คุณจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเพียว”
“ถ้าเป็นความต้องการของแขกฉันจะมีปัญหาอะไรได้ล่ะคะโจ” หญิงสาวตอบ ละไว้ในใจว่า…ไอ้กุ้งนี่ต่อให้ตอนขึ้นเรือมายังเป็นๆ แต่จะเลี้ยงไว้จนถึงมื้อสุดท้ายของทริปคงไม่ไหวเหมือนกัน หล่อนเป็นเชฟรู้จักแต่วิธีฆ่ากุ้ง ไม่รู้จักวิธีเลี้ยงกุ้งเสียหน่อย… “แต่เดี๋ยวฉันคงต้องไปคุยกับร้านส่งของสด เปลี่ยนรายการเขา เรื่องราคาคงไม่มีปัญหา ติดอย่างเดียวว่าเขาจะหาตัวเป็นๆ ให้เราได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้คงต้องซื้อเอาจากเจ้าอื่นด้วย”
“ผมรู้ว่าคุณทำได้” กัปตันแพนโดร่าตบบ่าหล่อนอย่างให้กำลังใจ สีหน้าสบายใจเมื่อส่งมอบ
ปัญหาต่อให้เชฟสาวได้ “เชฟเพียวของเราเก่งอยู่แล้ว”
พริมาหัวเราะ ไม่ว่าอะไร ถามเพียงว่า
“นีโรอยู่บนเรือหรือเปล่าคะ ฉันอาจจะต้องการผู้ช่วยซื้อของ”
ตามปกติของสดส่วนใหญ่ร้านขายที่ติดต่อกับหล่อนอยู่จะจัดส่งถึงเรือ แต่ของบางอย่างหาซื้อจาก
ร้านเจ้าประจำไม่ได้ หล่อนก็ต้องไปเลือกซื้อเอง หิ้วกลับมาที่เรือเอง และบางครั้งถ้าเกิดมีอะไรถูกใจขึ้นมา รายการงอก…หล่อนคนเดียวรับมือไม่ไหวเหมือนกัน
“ขึ้นบกไปทั้งนีโรและมาเรีย เห็นว่าบ้านเช่ามีปัญหา เจ้าของบ้านจะไม่ให้ต่อ พอมีเวลาเลยวิ่งไปหาที่พักใหม่กัน แต่เดี๋ยวสักหกโมงคงกลับ”
นีโรและมาเรียคือเจ้าหน้าที่ deckhand (1) หรือกะลาสีกับแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์ ทั้งคู่เป็นแฟนกันและทำงานให้แพนโดร่าเกือบตั้งแต่เจ้าหล่อนลงน้ำครั้งแรก เมื่อแพนโดร่าย้ายจากฮ่องกงมาภูเก็ต ทั้งคู่ก็ตามมาทำงานด้วยโดยเช่าบ้านพักหลังเล็กอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือเท่าไรนัก
อันที่จริงชีวิตของทั้งคู่อยู่บนเรือเดือนหนึ่งเกือบๆ 30 วันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเช่าบ้านก็ได้ แต่มาเรียยังอยากมีชีวิตบนบกบ้าง หล่อนเคยบอกว่า
‘บางครั้งฉันก็เอียนทะเลจนแทบอ้วกเหมือนกัน’
นีโรที่อายุสามสิบสี่เท่ากับแฟนสาวไม่มีปากเสียงอะไร มาเรียอยากเช่าบ้านเขาก็ตามใจ หาบ้านเช่าเล็กๆ พักอยู่กับหล่อน ถ้าไม่ได้ลงเรือทำงานทั้งคู่ก็จะพักอยู่ในบ้านเช่าพักผ่อนกันอย่างเต็มที่
“หกโมงอาจจะซื้อของไม่ทัน” พริมาส่ายหน้า หล่อนต้องได้ของสดมาวันนี้ พรุ่งนี้ช่วงเช้าจะได้เริ่มเตรียมหั่นของที่ควรหั่น ซอยของที่ควรซอย ปั่นของที่ควรปั่น จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนแขกจะลงเรือในช่วงบ่าย
ว่าไปแล้วการทำอาหารไม่ยาก หากจุกจิกเรื่องเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนลงมือปรุง ยิ่งการทำอาหารสามมื้อเจ็ดวันให้แขกเจ็ดถึงแปดคนกับลูกเรืออีกสี่ก็ยิ่งต้องเตรียมพร้อมให้ประหยัดเวลาลงมือมากที่สุด
“ผมก็อยากไปกับคุณนะเพียว แต่ทิ้งแพนโดร่าไม่ได้จริงๆ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำ” โจนิ่วหน้าก่อนนึกขึ้นได้ว่า “เออ…จริงสิ นายช่างคนใหม่มาถึงตั้งแต่สายๆ แล้ว ให้มิสเตอร์เอไปกับคุณก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ งั้นฉันเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวจะเข้าไปซื้อของเลย”
พริมาขึ้นบันไดเล็กๆ จากท้ายเรือไปยังห้องซาลูนที่กว้างขวางตกแต่งอย่างดี ก่อนใช้บันไดท้ายเรือในห้องนั้นลงไปยังส่วนพักของลูกเรือด้านล่าง
บันไดในห้องซาลูนมีสองแห่ง บันไดด้านหัวเรือที่ลงไปยังห้องพักของแขก กับบันไดท้ายเรือลงไป
ยังส่วนพักของลูกเรือ
ที่พักทั้งสองส่วนแยกจากกันชัดเจน ตั้งแต่ทำงานมาหญิงสาวเคยลงไปชมส่วนที่พักหัวเรือครั้งเดียว หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรอีก
จากบันไดท้ายเรือลงไปขวามือจะเป็นห้องเครื่อง ตรงกันข้ามเป็นที่พักของลูกเรือซึ่งไม่มีอะไรมากนอกจากเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งและโต๊ะอาหาร จากที่พักลูกเรือคือทางเดินแสนแคบสองด้านถูกวางแปลนเป็นพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่าที่สุด โดยฝั่งเดียวกับที่พักลูกเรือจะเป็นห้องพักกัปตัน ต่อด้วยช่องทางเดินที่ตั้งเครื่องซักผ้าอบผ้า ท้ายสุดเป็นห้องพักของเอ็นจิเนียร์และกะลาสี
ตรงกันข้ามห้องของสองหนุ่มคือห้องพักของพริมาและมาเรีย ส่วนที่อยู่ตรงข้ามเครื่องซักผ้าจะเป็นตู้เย็นและตู้แช่ของขนาดใหญ่ ถัดไปจากนั้นตรงข้ามห้องพักกัปตันคืออาณาจักรครัวเล็กๆ ของหล่อน
แม้ครัวที่นี่จะค่อนข้างเล็กแต่อุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน พริมาสามารถสร้างสรรค์จานเด็ดของหล่อนจากครัวเล็กๆ นี้ได้ไม่ต่างจากครัวใหญ่ในร้านอาหารหรูๆ เลย
ที่สำคัญครัวคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งเดียวในแพนโดร่าที่แบลงเก็ตไม่สามารถเข้าได้
แบลงเก็ตคือใคร
ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม
ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา
คำตอบ…เจ้าหล่อนคือแมวสามสีขนฟูตัวใหญ่ที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของแพนโดร่าตัวจริง ตอนแรกที่พริมาเห็นแมวตัวนี้หญิงสาวตาโตอย่างถูกใจเพราะแบลงเก็ตเป็นแมวสวยน่ารัก แม้จะเป็นลูกผสมไม่ใช่พันธุ์แท้อย่างเปอร์เซียหรือสกอตติชโฟลด์ที่กำลังนิยม แต่ใบหน้าเหลี่ยมนั้นแบ่งเป็นสามสี ดำ น้ำตาลทองและขาวอย่างชัดเจน ดวงตาคู่โตของมันเป็นสีเขียว จมูกสีชมพูสด สองหูเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม
แต่น่าเสียดายที่นิสัยของแบลงเก็ตนั้นตรงข้ามกับรูปร่างหน้าตาอย่างแท้จริง…
เจ้าหล่อนเย่อหยิ่ง ไว้ตัว ไม่เคยเห็นหัวใครทั้งสิ้น
ตามกฎของมนุษย์ กัปตันโจเป็นเจ้าของแบลงเก็ต เขาบอกว่ามีคนให้เขามาเพื่อไว้จับหนูในเรือ แต่พอแมวสาวลงเรือเข้าจริงๆ กฎของมนุษย์ก็ถูกยกเลิก ทุกคนที่ลงเรือต้องถือกฎของแมวอย่างเข้มงวดแทน
กฎนี้มีสามข้อง่ายๆ คือ
- ในแพนโดร่าแบลงเก็ตคือเจ้าของทุกตารางนิ้ว ลูกเรือทุกคนคือทาส เรียกต้องมา ใช้งานต้องก้มหัวยอมรับห้ามบิดพลิ้ว
- แขกบนเรือคือคนแปลกหน้า ห้ามมาแตะต้องห้ามมาสัมผัส ถ้าจะถ่ายภาพต้องอยู่ห่างจากเจ้าหล่อนอย่างต่ำสามฟุตไม่อย่างนั้นเจอดีแน่
- แบลงเก็ตไม่จับหนู ไม่จับปลา และไม่กินของสด
โชคดีของพริมาที่กฎทุกกฎล้วนมีข้อยกเว้น และส่วนครัวคือข้อยกเว้นจากกฎข้อที่ 1 เพราะแขกกระเป๋าหนักส่วนหนึ่งไม่ค่อยชอบนักกับการที่มีสัตว์เลี้ยงให้ห้องปรุงอาหารที่เขากิน ดังนั้นแบลงเก็ตจึงถูกสั่งห้ามเข้าครัวโดยเด็ดขาด
เจ้าหล่อนไม่พอใจกับการถูกลิดรอนสิทธินี้ และมักจะระบายลงกับเชฟที่ได้ครอบครองพื้นที่ครัวแทน ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษไม่ทำอะไรให้แม่ย่านางเรือตัวนี้ฉุนเฉียวขึ้นมา
และอาจจะเพราะใจคิดถึง สิ่งแรกที่พริมาเห็นยามลงจากบันไดมาก็คือแบลงเก็ต
เจ้าหล่อนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวของลูกเรือ ตาสีเขียวจ้องเป๋งไปยังชายหนุ่มที่นั่งขีดๆ เขียนอะไรในสมุดตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลน ถ้ามันเหยียดปากได้คงทำไปแล้ว ส่วนเป้าการเหยียดหยาม…เอ็นจิเนียร์คนใหม่ของแพนโดร่าไม่ใส่ใจเจ้าหล่อน เขากำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ตัวเลขยึกยักเป็นพรืดในสมุด ท่าทางเหมือนปวดท้องหรือไม่สบาย…
“คุณ!” พริมาร้องอย่างตกใจ “เมาเรือหรือเปล่า”
ลูกเรือที่เมาเรือถือว่าเป็นภาระหนักของเพื่อนร่วมงาน ไม่มีใครแบ่งภาคดูแลทั้งแขกและคนป่วยได้อย่างแน่นอน
มิสเตอร์เอของกัปตันโจเงยหน้าจากสมุดเพื่อขมวดคิ้วใส่หล่อน สายตาเขาคงไม่ต่างจากแบลงเก็ตมากนักเมื่อเอ่ยว่า
“เรือยังไม่ออกจากท่าจะรู้ได้ยังไงว่าเมาหรือเปล่า”
ผู้ชายคนนี้เสียงไพเราะ นุ่ม น่าฟัง แต่ทำไมฟังแล้วมันแปร่งๆ พิกล แล้วยังหน้าตาหงิกงอนั่นอีกล่ะ หน้าตาก็ดีเหมือนเสียงแต่งอง้ำเหลือใจ
“ถ้าคนจะเมา แค่ลงเรือไม่ต้องถอนสมอไปไหนก็เมาได้แล้ว” พริมาชี้แจง
“งั้นไม่เมา”
เชฟสาวรู้แล้ว หล่อนพลาดเองที่คิดไปเองว่าหน้าหงิกๆ นั้นคือการแสดงอาการกระอักกระอ่วนของคนเวียนหัวคลื่นไส้ ดังนั้นหญิงสาวจึงยอมถอยก้าวหนึ่งด้วยการส่งยิ้มเป็นมิตรพร้อมกับแนะนำตัว
“ไม่เมาก็ดีแล้วค่ะ คุณเป็นเอ็นจิเนียร์คนใหม่ใช่ไหมคะ ฉันเพียว เป็นเชฟบนเรือนี้”
ชายหนุ่มนิ่วหน้า มองหล่อนด้วยสายตาเหมือนจะถาม…แน่ใจนะว่าชื่อนี้
พริมาเห็นแล้วฉุนนิดหน่อย หล่อนประกาศอย่างหนักแน่น
“เพียวที่หมายถึงบริสุทธิ์ ไม่มีรอเรือ และฉันไม่อ้วน”
สีหน้าเอ็นจิเนียร์คนใหม่ของแพนโดร่าเหมือนเข้าอกเข้าใจดี ส่วนแบลงเก็ตนั้นยกเท้าขาวๆ ข้างหนึ่งของเจ้าหล่อนขึ้นเลียช้าๆ อย่างไม่แยแสคำแก้ต่างใดๆ ทั้งสิ้น
เชิงอรรถ
(1) deckhand คือ กะลาสี บางทีก็เรียกลูกเรือ พนักงานปากเรือหรือกะลาสีปากเรือ มีหน้าที่ทำความสะอาดดาดฟ้า ดูแลความเรียบร้อย จัดการขนถ่ายสินค้าลงเรือ รวมถึงดูแลเรื่องการซ่อมบำรุงเล็กๆ น้อยๆ ทั้งนี้หน้าที่ของกะลาสีขึ้นอยู่กับขนาดของเรือและลักษณะของเรือด้วย ในเรื่องนี้ขอเรียก deckhand ว่ากะลาสี เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการเข้าใจ จะได้ไม่ซ้ำซ้อนกับลูกเรือที่เรียกตัวละครอื่นๆ โดยรวม
***
เซรั่มบำรุงผิวที่เป็นมาสก์ได้ในหนึ่งเดียว
ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา
สั่งซื้อ 1 หลอดราคา 2,090 บาท คลิกที่นี่ >>>>> https://bit.ly/2UT2G40
สั่งซื้อเซ็ตประหยัดสุดคุ้ม 3 หลอดราคา 2,940 บาท คลิกที่นี่ >>>>> https://bit.ly/2QFzcY9