แผนร้ายเกี่ยวรัก บทที่ 3 : เพียวกับพราว

แผนร้ายเกี่ยวรัก บทที่ 3 : เพียวกับพราว

โดย : กิ่งฉัตร

Loading

แผนร้ายเกี่ยวรัก เรื่องราวของพริมา..หญิงสาวที่รักการทำอาหารและรักงานเชฟในเรือยอร์ชขนาดเล็กที่รับรองแต่แขกวีไอพี แต่การลงเรือคราวนี้กลับป่วนหนัก แถมยังมีการตายของแขกคนสำคัญในเรือ งานนี้อย่าว่าแต่เชฟเลย  แมวยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้เหมือนกัน!  “แผนร้ายเกี่ยวรัก” โดย กิ่งฉัตร  นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์  ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอาและหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถซื้อได้ที่ร้านนายอินทร์และร้านหนังสือทั่วไป

สมัครบัตร Citi Ready Credit

ทุกยอดการสมัครจะมีส่วนแบ่งกลับมาสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอาของพวกเรา 🙂

……………………………………………………………….

-3-

 

ผู้ที่เอ่ยทักเป็นหญิงสาววัยเดียวกับพริมา แต่สูงกว่าและสวยกว่ามาก เครื่องหน้าของหล่อนเหมาะเจาะ ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวโก่ง จมูกโด่ง ปากบางหยักได้รูป ผมสลวยประบ่าเป็นลอนคลื่นสวยงาม หญิงสาวสวมเสื้อเปิดไหล่สีขาว กางเกงขาสั้นสีเลือดหมูกระชับตัว ความสั้นนั้นส่งให้เห็นขาเรียวยาวกับผิวสีน้ำผึ้งเนียนสวย

ไม่น่าแปลกที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนผู้คนมักเหลียวมองหล่อนด้วยความชื่นชม

“พราว มาได้ไงเนี่ย” พริมาทักทายอย่างแปลกใจ มือกระชับถุงของแห้งให้หิ้วได้ถนัดมากขึ้น

“นั่งเครื่องมาสิ ก็เพิ่งพูดอยู่แหม็บๆ ว่าเห็นเพียวที่สนามบิน หูเริ่มเสื่อมหรือทำงานหนักจนเบลอจ๊ะพี่สาวคนเก่ง” อีกฝ่ายตอบอย่างยิ้มแย้ม

เชฟสาวฟังแล้วไม่แสดงสีหน้าอะไร นวัตเสียอีกกลับนิ่วหน้า ผู้หญิงคนนี้สวยดีแต่พูดจาแปลกๆ เสียงเพราะแต่แปร่งหูพิกลอยู่

“แค่อยากถามว่ามาเที่ยว มาธุระหรือว่าอะไร…ตามมารยาท”

“แหม เพียวก็พูดไม่ชัด เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยเลยนะ ถามไม่ตรงประเด็น อย่างนี้ลูกน้องไม่ปวดหัวแย่หรือ” พราวพลอยยังหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี สีหน้าเบิกบานมีความสุข

“คงไม่ปวดเพราะไม่มีลูกน้อง”

“นั่นสิ พราวลืมไปได้ไงเนี่ยว่าเพียวชอบทำงานอิสระเป็นเจ้านายตัวเอง แล้วสำหรับคำถามนะ…พราวมากับแฟน…” หล่อนบุ้ยใบ้ไปยังร้านกาแฟและขนมอบชื่อดัง เพราะอากาศดีทางร้านจึงมีการตั้งโต๊ะเล็กๆ กับชุดโซฟาลายน่ารักให้ลูกค้าได้ออกมาจิบชากาแฟกินขนมพร้อมกับรับอากาศบริสุทธิ์ไปด้วย โต๊ะนอกนี้แขกที่เลือกใช้ส่วนใหญ่มักเป็นชาวต่างชาติ และหนึ่งในโต๊ะนั้นมีชาวตะวันตกผมสีทองรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดี แต่งตัวลำลองเสื้อยืดโปโลสีขาวกางเกงสีกากี สวมแว่นตาดำขนาดใหญ่นั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์

เขามองมาทางพราวพลอยแล้วยิ้มน้อยๆ เหมือนเอ็นดู

พริมามองไปทางชายผมทองที่คะเนดูแล้วอายุน่าจะประมาณสี่สิบปลายต้นห้าสิบหรือมากกว่า เห็นเขายิ้มให้อย่างเป็นมิตร เชฟสาวได้แต่อึ้งไปเล็กน้อย

“คนนั้นหรือ” แฟนคนล่าสุดของพราวพลอยเป็นรุ่นพี่ที่คณะของหล่อน ทั้งคู่ไม่ได้สนใจกันมากนักตอนเรียน แต่บังเอิญได้งานที่เดียวกัน ตำแหน่งใกล้เคียงกัน ทำงานเก่งด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างมีนิสัยทะเยอทะยานเลยเกิดเป็นการแข่งขัน ทว่าแข่งกันไปแข่งกันมาสุดท้ายกลายเป็นคบหาดูใจกันเสียอย่างนั้น และเท่าที่จำได้คบกันมาหลายปีแล้ว พริมายังนึกว่าจะได้ไปงานแต่งงานของญาติสาว แต่ทำไมจู่ๆ กลายเป็นฝรั่งคนนี้ไปได้…

“ฮื่อ วิลเป็นอเมริกัน เขาเป็นพวกนักการเงิน นี่มีคนรู้จักชวนมาเที่ยวเมืองไทย หวังจะให้เขาลงทุนด้วย ว่าแต่เพียวเถอะมากับใคร” ปากว่าสายตามองผ่านร่างค่อนข้างอวบของญาติสาวไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ

“คุณเอเป็นเพื่อนร่วมงานที่เรือ คุณเอคะ…นี่พราว พราวพลอยญาติฉันเอง” พริมาแนะนำ

พราวพลอยเป็นลูกสาวของพิมพ์ชนกป้าของหล่อน พราวพลอยอายุน้อยกว่าพริมาหกวัน  ทั้งคู่เกิดในโรงพยาบาลเดียวกัน เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวเหมือนกัน เริ่มต้นเข้าอนุบาลเดียวกัน  เรียนชั้นประถมโรงเรียนเดียวกัน เรียนห้องเดียวกันมาตลอดจนกระทั่งขึ้นชั้นมัธยม พราวพลอยที่เรียนเก่งกว่าสอบเข้าโรงเรียนรัฐชื่อดังได้จึงแยกไปเรียนที่นั่น ส่วนพริมายังคงเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมใกล้บ้านเหมือนเดิม

และแม้จะนับเป็นญาติสนิทกัน แต่สองสาวแตกต่างกันค่อนข้างมาก พริมาได้รูปร่างหน้าตามาจากบิดาซึ่งเป็นน้าแท้ๆ ของพราวพลอย ส่วนพราวพลอยได้รับมรดก ‘รูปงาม’ จากบิดาที่ทุกวันนี้แม้จะอายุมากแต่ก็ยังคงเค้าความหล่อสมัยหนุ่มๆ อยู่

ครอบครัวพริมาเป็นครอบครัวข้าราชการ บิดาเป็นหมอในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง มารดาทำงานอยู่กระทรวงพาณิชย์ ชีวิตไม่ได้ฟู่ฟ่าอะไร พอกินพอใช้สบายๆ ส่วนครอบครัวของพราวพลอยทำการค้า เริ่มต้นพิมพ์ชนกขอเงินจากทางบ้านมาซื้ออาคารพาณิชย์เปิดร้านขายรองเท้า ตอนเปิดใหม่ๆ ถือว่ากิจการไปได้ดีไม่น้อย แต่เปิดร้านอยู่สามสี่ปีที่ดินและอาคารแถวนั้นถูกเวนคืนทำถนน กิจการร้านรองเท้าเลยจบลง

ว่าไปแล้วเงินที่รับจากเวนคืนอาจจะไม่ได้มาก แต่ก็นับว่าไม่น้อย โชคไม่ดีภพพงษ์บิดาของพราวพลอยนั้นหน้าตาดีมีเสน่ห์ แต่ความสามารถในการทำธุรกิจนั้นถึงขั้นอัปลักษณ์ เขาพยายามเอาเงินที่ได้มาไปต่อยอดทำธุรกิจอื่น ทำร้านซักผ้าก็ขาดทุน ทำร้านเสื้อผ้าก็ไปไม่รอด เปิดร้านอาหารทำได้อยู่สองปีก็ม้วนเสื่อกลับบ้าน ไม่มีกำไรมีแต่ชักทุนออกตลอด

ในตอนที่คุณตาคุณยายของพราวพลอยยังอยู่นั้นพิมพ์ชนกไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเงินสักเท่าไหร่ ทำอะไรขาดทุนเดี๋ยวก็ไปอ้อนขอเงินก้อนใหม่มาได้ แต่เมื่อเสาหลักของหล่อนทั้งสองเสียชีวิตไล่ๆ กันก่อนสองสาวเกิดประมาณสี่ปี การเงินของครอบครัวพิมพ์ชนกก็เริ่มฝืดเคืองอย่างหนัก

ภพพงษ์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แต่พิมพ์ชนกมีน้องชายน้องสาวหลายคน ดังนั้นหล่อนจึงต้องออกหน้าวิ่งเต้นยืมเงินคนนั้นคนนี้มาใช้จ่ายมาลงทุนในกิจการที่ล้วนแต่ล้มไม่เป็นท่า เมื่อธุรกิจล้มหาเงินมาใช้หนี้เดิมไม่ได้ พอจะต้องยืมอีกหล่อนก็เกรงใจ เลยตัดใจเอามรดกส่วนของตัวเองไปค้ำไว้บ้างหรือไม่ก็ขายให้น้องๆ พวกที่ดินห้องแถวต่างๆ ขายให้น้องชาย ส่วนเครื่องประดับต่างๆ ทั้งสร้อยทับทิม สร้อยข้อมือเพชร พระเครื่องใส่กรอบเลี่ยมทองฝังอัญมณีก็ขายให้น้องสาวน้องสะใภ้ในราคาถูกๆ

พราวพลอยนั้นเกิดหลังจากพ่อแม่แต่งงานมานานถึงแปดปี ตอนเกิดก็ไม่แข็งแรงเท่าไหร่แถมยังมีปัญหาเรื่องเลือด ทำให้ป้าและลุงเขยของพริมาประคบประหงมลูกสาวคนเดียวคนนี้อย่างเต็มที่ พราวพลอยไม่เคยต้องทำงานบ้านอะไรเลย พ่อแม่ทำให้หมดทุกอย่าง ทำไม่ไหวก็จ้างคนใช้มาเพื่อให้ลูกสาวได้สบาย ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือได้เต็มที่โดยไม่ต้องเหนื่อยยากในเรื่องอื่น

หญิงสาวเองก็ไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง จากเด็กผอมบางขี้โรค หล่อนเติบโตขึ้นมาเป็นสาวงามแถมยังมีผลการเรียนไม่น้อยหน้าใคร แต่ถึงจะสวยและเก่งอย่างไรพราวพลอยก็มีปมเรื่องฐานะครอบครัว  หล่อนรับรู้มาตั้งแต่เล็กแล้วว่าคุณตานั้นเป็นเศรษฐีมีทั้งทรัพย์สิน มีที่ดิน มีอาคารพาณิชย์มากมาย แม่ของหล่อนนั้นพี่สาวคนโต เป็นลูกสาวที่คุณตารักมากที่สุด ได้รับส่วนแบ่งมรดกมามากที่สุด แต่ตอนที่หล่อนเกิด…พ่อแม่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พอพราวพลอยจำความได้หล่อนก็อยู่ในบ้านสองชั้นอายุสิบปีที่ถูกจำนองเกือบทุกๆ สองปี ส่วนทรัพย์สมบัติของคุณตาคุณยายเปลี่ยนไปอยู่ในมือน้าๆ เกินครึ่งแล้ว

พอเด็กหญิงอายุได้สิบขวบ พิมพ์ชนกและภพพงษ์ก็อยู่ในภาวะถังแตกอย่างแท้จริง แต่ที่ทั้งครอบครัวยังอยู่ได้ไม่อดตายเพราะพจน์พ่อของพริมาเอาอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หนึ่งหลังปล่อยให้บริษัทมาเช่าเป็นร้านสะดวกซื้อ แล้วยกค่าเช่าให้พี่สาวคนโตไว้ใช้จ่ายในบ้าน

พิมพ์ชนกนั้นใจก็พอซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของน้องชายอยู่ แต่ปากยังมิวายบ่นกับสามีและลูกสาวตัวน้อยว่า

‘ห้องแถวตรงนั้นจริงๆ คุณตายกให้แม่สามห้อง ตอนนั้นขายให้พจน์ไปเท่าไหร่นะ ห้องละสี่หรือห้าแสนนี่แหละ ราคาตอนนี้ขึ้นไปแล้วไม่รู้กี่ล้าน ขนาดไม่ขายปล่อยเช่ายังได้เดือนละสองสามหมื่น  แล้วนี่เขาปล่อยเช่าทั้งสามห้องแต่กลับให้เงินค่าเช่าเราห้องเดียว ไม่ได้นึกเห็นใจเราสักนิดว่าขายถูกๆ ให้เขาไปไม่กี่ตังค์’

ยามไปงานเลี้ยงกินข้าวกับครอบครัวกลับมา พิมพ์ชนกก็จะบ่นน้องคนนั้นคนนี้ว่า

‘เสียดายชุดทับทิมของแม่ เห็นยายพุดบอกว่าอยากได้นักอยากได้หนา ไอ้เรารึก็ขายให้ถูกแสนถูก นึกว่าน้องจะรักษาของเก่าไว้ ที่ไหนได้เอาไปแกะทับทิมมาทำต่างหูทำเข็มกลัดอะไรไม่รู้ สู้สร้อยของเดิมไม่ได้เลย น้องฉันแต่ละคนไม่รู้จักรักษาของเก่าของปู่ย่าตายายดีๆ เอามาทำใหม่เสียหมด’

ตบท้ายหล่อนก็คร่ำครวญว่า

‘จะโทษใครคงไม่ได้ ไอ้เรามันโง่เอง เรียนไม่เก่งความรู้ไม่มี ไม่ได้เป็นหมอเป็นครูบาอาจารย์เหมือนใครเขา ของพ่อแม่ให้ติดตัวมาเลยถูกคนอื่นเขาชิงไปหมด’

ภพพงษ์ฟังภรรยาบ่นแล้วก็อืออาไปตามประสา ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าคำพูดที่มองแต่มุมมองของตนฝ่ายเดียวนั้นเพาะความเกลียดชังมากมายเพียงใดในใจของลูกสาวตัวน้อย ตอนนั้นพราวพลอยยังเด็กฟังแต่คำพูดมารดาจนฝังจิตฝังใจว่ามารดาถูกน้าๆ เอาเปรียบมาตลอด ทุกคนจ้องยื้อแย่งรุมทึ้งแม่ของหล่อน พอได้ของไปแล้วก็โยนเศษที่เหลือเล็กๆ น้อยๆ มาให้เพื่อสร้างบุญคุณกลบข้อครหา

หญิงสาวฝังใจว่า เพราะแม่อ่อนแอเรียนไม่เก่ง น้องๆ ก็คอยเอาเปรียบถึงได้รักษาสมบัติไว้ไม่ได้ ตัวหล่อนเองก็ลำบากแต่เล็ก ข้าวของเครี่องใช้ส่วนมากได้รับ ‘บริจาค’ จากลูกพี่ลูกน้องอื่นที่โตกว่า  เวลาไปเที่ยวบ้านน้าพจน์ช่วงปีใหม่หล่อนเห็นตะกร้าของขวัญที่บรรดาคนไข้หรือญาติคนไข้นำมามอบให้วางกองเต็มห้องไปหมด มีทั้งผลไม้จากต่างประเทศดีๆ ขนมอร่อยๆ พริมากินจนเบื่อแต่พราวพลอยได้แต่มองด้วยความอิจฉา ตอนลากลับจริยาน้าสะใภ้หยิบขนมหลายอย่างใส่ถุงให้หลานสาว พราวพลอยอยากกินแต่พอมารดาบ่นอย่างรู้สึกด้อยกว่าและขมขื่นว่า ‘ของเหลือเดนทั้งนั้น เขาไม่กินเขาก็หยิบส่งๆ มาให้’ เด็กหญิงก็กลืนไม่ลง

ในงานเลี้ยงรวมญาติ วัดจากรูปร่างหน้าตาและการเรียนแล้ว…พราวพลอยควรเป็นดาวเด่นในหมู่ลูกพี่ลูกน้องด้วยกัน แต่พริมากลับเป็นหัวโจกพาลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ เล่นซน เป็นผู้นำที่ทำให้ทุกคนเฮฮาสนุกสนานและติดอกติดใจ

พริมากับพราวพลอย

ทำไมพราวพลอยต้องเป็นฝ่ายด้อยกว่าอยู่เสมอ

จากความเชื่อที่ผิดกลายเป็นความอิจฉา จากความอิจฉากลายเป็นความพยายามแข่งขันชิงดีชิงเด่น

พราวพลอยผลักดันตัวเองให้เรียนให้เก่ง เรียนให้ดี แต่งตัวให้สวยดูแลตัวเองให้เด่นเหนือพริมาและลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ และหล่อนทำสำเร็จ ผลการเรียนของหญิงสาวถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ แต่ไม่เก่งถึงขนาดสอบชิงทุนไปต่างประเทศได้ ดังนั้นหล่อนจึงเริ่มทำงานและเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเปิดไปด้วย

หญิงสาวเริ่มต้นทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งก่อนถูกสถาบันการเงินแห่งหนึ่งซื้อตัวไปในราคาเงินเดือนสูงลิ่ว

พิมพ์ชนกหน้าบานเที่ยวคุยอวดกับน้องๆ และญาติไปทั่ว พราวพลอยเองก็ภูมิใจในตัวเองไม่น้อยและหล่อนชดเชยปมที่อยู่ในใจด้วยการสะสมคอนโดฯ แบบหนึ่งห้องนอนสามห้องใกล้สถานีรถไฟฟ้า ทุกห้องซื้อแบบผ่อนเพื่อเก็งกำไรในอนาคต ถ้าราคาดีก็ขาย ราคาตกก็ให้คนเช่า รถยนต์ก็เป็นสิ่งจำเป็น ตอนแรกก็รถคันเล็กสำหรับขับไปทำงาน พอเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ก็ต้องเปลี่ยนรถให้มีขนาดใหญ่ขึ้นมีล้อสูงเผื่อกรณีฉุกเฉิน แต่สักพักรถใหญ่ใช้ดีเซลมีปัญหาใช้ไม่คล่อง พราวพลอยก็เปลี่ยนรถใหม่อีก ส่วนรถเดิมนั้นก็ยกให้แม่คันหนึ่งพ่อคันหนึ่ง

พราวพลอยคิดว่าด้วยเงินเดือนและความสามารถที่มีจะจัดการทุกอย่างได้ ทว่าหลังจากเปลี่ยนงานใหม่ได้เพียงสองปีสถาบันการเงินที่หล่อนทำงานอยู่เกิดความผิดพลาดทางการบริหารจากบริษัทแม่ในต่างประเทศ จากนั้นก็ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่จนถึงขนาดต้องขายกิจการให้ธนาคารอื่น

ธนาคารที่มารับช่วงธุรกิจต่อลดขนาดสถาบันการเงินลง ลดคนลง และพราวพลอยถูกลอยแพโดยได้รับเงินเลิกจ้างก้อนใหญ่มาก้อนหนึ่ง ตอนแรกเงินก้อนนี้คิดว่าจะพอใช้จ่ายไปจนกว่าหล่อนจะได้งานใหม่ แต่สุดท้ายกลับผิดคาด เพื่อนร่วมงานที่สมัยทำงานหล่อนหมิ่นแคลนว่า ‘งั้นๆ’ ไม่เก่งกาจอะไรกลับหางานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ดาวเด่นอย่างหล่อนกลับเคว้งคว้าง ไม่ผ่านสัมภาษณ์ที่ใหม่เอาง่ายๆ เสียอย่างนั้น

ช่วงที่หางานไม่ได้แต่คอนโดฯ และรถยังต้องผ่อน แถมพิมพ์ชนกเป็นคนประเภทหน้าใหญ่ แม้เงินในกระเป๋าไม่มี แต่ถ้ามีใครมาขอความช่วยเหลือหล่อนก็จะกุลีกุจอหาเงินหาของให้เพื่อแลกกับคำว่ามีน้ำใจ แลกกับการได้หน้าได้ตาได้คำยกย่องชมเชย ข้อเสียนี้ลูกผัวเตือนเท่าไหร่พิมพ์ชนกไม่เคยฟัง หนำซ้ำยังแอบเอาของในบ้านบ้าง แอบเอาเงินลูกสาวบ้างไปช่วยเพื่อนที่คบหากันฉาบฉวยเพื่อผลประโยชน์

ดังนั้นหลังตกงานไม่ถึงห้าเดือนดี พิมพ์ชนกก็ต้องวิ่งรอกไปขอยืมเงินน้องๆ เพื่อมาช่วยลูกสาวผ่อนคอนโดฯ ผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต บรรดาน้องๆ พอมีสายเรียกเข้าจากพี่สาวคนโตต่างพากันถอนใจยาว สงสารพี่สาวที่หนีไม่พ้นวัฏจักรเดิมๆ และเวทนาตัวเองด้วยที่ต้องคอยประคับประคองครอบครัวพิมพ์ชนกกันต่อไป ขนาดพจน์ที่ไม่ใช่คนช่างพูดนักยังออกปากว่า

‘ยายพราวนี่เก่งและดีทุกอย่าง เสียแต่ใจร้อนไม่ประมาณตัวเอง รถสองคัน คอนโดสามห้องผ่อนเข้าไปได้ยังไง ต่อให้มีงานทำเงินก็ต้องตึงมือแน่ๆ แล้วยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้…’ เขาส่ายหน้าไม่เอ่ยอะไรมากกว่านี้

เดือนที่ผ่านมาพริมายุ่งมากไม่ค่อยได้สนทนากับพ่อแม่เท่าไรนัก เลยไม่รู้ข่าวคราวของพิมพ์ชนกและพราวพลอย รู้แต่ว่าญาติคนนี้พยายามจะปล่อยคอนโดฯ ห้องหนึ่งให้ลูกพี่ลูกน้องอีกรายที่เป็นลูกชายของอาสาวคนเล็ก

ดังนั้นพริมาจึงแปลกใจพอสมควรกับการปรากฏตัวอย่างสดใสร่าเริงของพราวพลอยที่ภูเก็ต

ระหว่างการแนะนำตัว หญิงสาวรายหลังมองผู้ร่วมงานของญาติสาวอย่างประเมิน เห็นเขาสวมเสื้อยืดคอวีมีปกแบบเรียบง่ายสีเปลือกไม้กับกางเกงสามส่วนสีดำ ของประดับกายทั้งเนื้อทั้งตัวมีนาฬิกาใหญ่เทอะทะเรือนเดียว แถมหน้าตายังดูเย็นชาไม่ยิ้มไม่รับแขกติดจะบึ้งตึง หล่อนจึงได้ข้อสรุปว่า ‘ไม่เท่าไหร่’

แต่พราวพลอยไม่โง่ขนาดจะแสดงทีท่าตรงกับใจ หญิงสาวสามารถยิ้มให้ชายหนุ่มแปลกหน้าได้อย่างเป็นและดูจริงใจยามเอ่ย

“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเอ คุณโชคดีมากเลยนะคะที่ได้ทำงานร่วมกับเพียวเพราะเพียวเป็นแม่ครัวที่เก่งมากๆ ใครๆ ก็ชอบกับข้าวที่เพียวทำทั้งนั้นแหละค่ะ”

“ผมก็ตั้งตารอชิมอาหารฝีมือเชฟเพียวอยู่ครับ” นวัตตอบอย่างสุภาพ

“อ้าว ไม่เคยได้ลองกินหรือคะ”

“คุณเอเพิ่งมาทำที่แพนโดร่าเป็นทริปแรก” พริมาบอกก่อนรีบตัดบทว่า “พราว เพียวคงต้องไปแล้ว ยังมีงานรออยู่ ยังไงพราวก็เที่ยวภูเก็ตกับเพื่อนให้สนุกแล้วกัน”

“สนุกอยู่แล้ว อีกอย่างมาคราวนี้วิลพาพราวมาลงเรือ เป็นเรือยอช์ตชาร์เตอร์แบบที่เพียวเป็นแม่ครัวอยู่นั่นแหละ” พราวพลอยยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายเจิดจ้า “หวังว่าคงเป็นเรือลำเดียวกับที่เพียวทำงานอยู่นะ”

ญาติสาวผละกลับไปหาหนุ่มใหญ่ผมทองมาดดีที่มีรัศมี ‘มีเงิน’ จับโดยรอบแล้ว เชฟสาวถึงได้พึมพำว่า

“หวังว่าคงไม่ใช่”

“แต่ผมว่าใช่” นวัตงึมงำตอบ “ญาติคุณกระหยิ่มยิ้มย่องเสียขนาดนั้น ดูแล้วไม่น่าจะพลาด”

พริมาถอนใจ ถ้าใช่…ช่วงเวลาดีๆ บนเรือของหล่อนคงจบสิ้นลงแน่นอน

 

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

วิลเลียม ดับเบิ้ลยู อัลแลนจับตามองหญิงสาวร่างกลมกลึงที่ผละจากไปกับชายหน้าตาเรียบเฉยจนเกือบเป็นบึ้งตึงด้วยความสนใจ ขณะที่พราวพลอยเดินกลับมานั่งที่โซฟายาวตัวเดียวกับเขา หญิงสาวแค่นั่งลงอย่างสบายๆ แต่มีมาด ไขว่ห้างให้เห็นขาที่เรียวยาวกับผิวสีเข้มสวย หล่อนสวมผ้าใบสีขาวอมชมพู  ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นทั้งสาวเซ็กซี่และเด็กน้อยซุกซนไปพร้อมๆ กัน พราวพลอยยกกาแฟเย็นเข้มข้นที่สั่งไว้ขึ้นจิบ ริมฝีปากได้รูปยกสูงราวกับเด็กน้อยที่พอใจกับรสสัมผัสที่ได้รับ

วิลเลียมยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ ผู้หญิงคนนี้ฉลาดและวางตัวดี หล่อนไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาพัวพันกับเขาหรือเขาเข้าไปพัวพัน หล่อนไม่มือไม้ยุ่มย่ามคอยแต่เกาะเกี่ยว ไม่พยายามเบียดชิดหรือไต่ปีนขึ้นมาบนตัวเขาเพื่อเอาใจหรืออวดอ้างความเป็นเจ้าของ

พราวพลอยถือตัวว่าหล่อนมีระดับกว่านั้น หล่อนต้องการให้เขาเห็นว่าหล่อนมีค่า มีสมอง มีความสามารถและวางตัวได้เหมาะสม…

ชายหนุ่มวัยสี่สิบปลายยิ้มกว้างมากขึ้น พราวที่น่าสงสาร…หล่อนไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ผู้หญิงสวยผู้หญิงเก่งหรือผู้หญิงที่วางตัวดีเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ เขาเพียงแค่ต้องการร่างแสนสวยของหล่อนเท่านั้น เท่านั้นเองจริงๆ

“ตกลงนั่นใช่ญาติคุณจริงๆ ใช่ไหมฮันนี่” เขาถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบดี

“ค่ะ ใช่เพียวจริงๆ” พราวพลอยยิ้มให้ชายข้างกายแบบไม่มากและไม่น้อยเกินไป

หญิงสาวรู้จักวิลเลียมผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง เขาสนใจหล่อนทันทีที่แรกเห็นภาพเลยแชตมาหา

หล่อนตอบกลับไป ตอนแรกๆ อย่างระมัดระวัง…ก่อนจะสนิทสนมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคู่รักออนไลน์ไปในที่สุด

คู่รักออนไลน์…มันก็เหมือนการเสี่ยงดวงหาคู่นั่นแหละ ตาดีได้ตาร้ายเสีย

และส่วนใหญ่มักจะเสีย การคบทางสังคมสื่อสารกลายเป็นช่องทางหลอกลวงหาเงินหรือหาช่องทางทำผิดกฎหมาย

ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยตกเป็นเหยื่อ น้อยสุดเสียเงิน มากสุดเสียอิสรภาพหรือไม่ก็ชีวิตตัวเอง

แต่พราวพลอยไม่เหมือนผู้หญิงโง่ๆ ที่ตาโตเพราะฝรั่งหรือเงินทอง หล่อนมีสมองมีความระมัดระวังตัว ดังนั้นเมื่อวิลเลียมทักเข้ามาหล่อนก็คบหาเขาอย่างมีสติ เบื้องหน้าคุยเหมือนสาวน้อยไร้เดียงสาต้องการคบหาเพื่อน แต่เบื้องหลังหล่อนค้นประวัติของเขา ค้นข้อมูลส่วนตัว เซิร์ชหาภาพของเขา บริษัทของเขา จนกระทั่งมั่นใจว่าวิลเลียมคือตัวจริง คฤหาสน์หรูที่เขาถ่ายภาพหรือจัดงานเลี้ยงในแวดวงคนดังเป็นของจริง เขารวยจริง ไม่ใช่มิจฉาชีพที่ปลอมตัวสวมรอยใครมาล่อลวงสาว หล่อนจึงลุยเดินหน้าเต็มที่ หว่านเสน่ห์ชายหนุ่มมหาเศรษฐีคนนี้เต็มกำลัง

ทว่าถึงมั่นใจแค่ไหน พราวพลอยก็ยังไม่ประมาท หล่อนตั้งใจไว้แล้วต่อให้คบหาลึกซึ้งแค่ไหนก็อย่าหวังว่าหล่อนจะยอมโอนเงินของตัวเองให้เขาง่ายๆ และถ้าเขาจะให้หล่อนเดินทางไปไหนด้วย เสื้อผ้ากระเป๋าหล่อนจัดเอง ไม่รับของแปลกปลอม ไม่รับฝากของใครทั้งนั้น ถ้าวิลเลียมคิดจะฝากของหรือให้หล่อนหิ้วอะไรที่ไม่ชอบมาพากลและตรวจสอบไม่ได้ หล่อนก็พร้อมจะตัดเขาทิ้งได้ทันที

พราวพลอยคบหาเขาเพื่อเงิน เพื่อความมั่นคงในชีวิตของตัวเองและครอบครัว แต่หล่อนไม่มีวันยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงโดยเด็ดขาด

“เขาคงเป็นแม่ครัวในเรือที่เราจะไปเที่ยวกัน” หล่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“บังเอิญงั้นเชียว” วิลเลียมเอ่ยยิ้มๆ ก่อนถาม “ว่าแต่ญาติคุณคนนี้เขาอยู่ในชมรมเดียวกับเราหรือเปล่า”

“เพียวน่ะหรือคะ ไม่ค่ะ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะลงทะเบียนในเว็บด้วยซ้ำ เพียวเขาพวกจืดชืด…”  หล่อนย่นจมูกอย่างน่าเอ็นดู “ไม่มีอะไรพิเศษเหมือนพวกเรา”

นักการเงินผู้มั่งคั่งพยักหน้านิดเดียว เปรยเพียงว่า

“น่าเสียดาย”

 

***

สั่งซื้อ Remember Wrinks

เซรั่มบำรุงผิวที่เป็นมาสก์ได้ในหนึ่งเดียว

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

สั่งซื้อ 1 หลอดราคา 2,090 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2UT2G40   

สั่งซื้อเซ็ตประหยัดสุดคุ้ม 3 หลอดราคา 2,940 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2QFzcY9

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ คลิกที่นี่ >>>>>>>>>>> http://anowl.co/anowlsabai/remember-wrinks/



Don`t copy text!