พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 17 : ปราณี ก้องเกียรติเกรียงไกร
โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ
พระเอกในใจตัวร้ายในจอ นวนิยายออนไลน์โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ จาก อ่านเอา เรื่องราวของดาวร้ายตัวพ่อวัย 82 แห่งวงการบันเทิงที่มีครอบครัวแสนอบอุ่น แต่ก้นบึ้งของหัวใจปรารถนาจะได้รับการให้อภัยจากเพื่อนรัก และเขาก็ได้โอกาสแก้ตัวให้กลับไปในปี พ.ศ.2512 แต่เป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องเพื่อนแต่ยังมีหญิงสาวที่เขาต้องคว้าเธอมาแนบใจให้ได้
ธงรบในร่างตัวเองปี 2512
“พี่เทอดนะพี่เทอด…ทำกับคมเดชได้ลงคอ” คมเดชบ่นดังๆ หลังจากถ่ายฉากที่ลงไปล้มกลิ้งลุยโคลนอยู่ในปลักควายจนเนื้อตัวเลอะเทอะ
“ไหนเอ็งบอกว่าเอ็งอยากเล่นเรื่องนี้ไง พี่เทอดเขาก็หาบทให้เอ็งเล่นแล้ว” ธงรบหัวเราะขำสภาพที่ดูไม่ได้ของคมเดชเวลานี้ “งอแงเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ข้าหมายถึงบทบู๊ๆ ไม่ได้หมายถึงบทคนใช้ที่ต้องมาล้างรถ ตัดหญ้า ลุยขี้โคลนแบบนี้” คมเดชโอดครวญ
“เอาน่า…เป็นคนใช้ในบ้านหม่อมเจ้าเลยนะ แถมเป็นคนใช้คนสนิทของฉัตรด้วย” ธงรบหมายถึงชายหนุ่มรุ่นน้องอีกคนที่มารับบทเป็นดาวร้ายของเรื่อง
“ขวัญชอบนะคะ พี่คมเล่นบทแบบนี้แปลกตาดี” ขวัญชีวาชื่นชมคมเดชด้วยใจจริง
“ถ้าน้องขวัญชอบ งั้นพี่ก็ชอบ”
“หน็อย…ไอ้คม เรื่องเยอะนักนะเอ็ง”
“อุ๊ย คุณนายปราณีมา” คมเดชอุทานจนธงรบและขวัญชีวาหันไปมองหญิงสูงวัยที่เพิ่งเดินลงจากรถยุโรปคันหรู มีคนขับรถคอยกางร่มกันแดดให้อยู่ไม่ห่าง ชุดที่ตัดเย็บด้วยเนื้อผ้าอย่างดี ผมยาวถูกรวบไว้เป็นมวยสูงคล้ายรังผึ้ง อวดต่างหูประดับชิ้นใหญ่ ตอนนี้ไม่ว่าจะเยื้องย่างเดินไปทางไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้ ค้อมหัวทักทายอย่างน้อมน้อบ
“ใครวะคม” ธงรบถามด้วยความ
“คุณนายปราณีเมียเสี่ยกำจรไง…แปลกนะ…ร้อยวันพันปีไม่คุณนายท่านไม่เคยมาองถ่าย สงสัยจะมีเรื่องอะไร” คมเดชตั้งข้อสังเกต
“ลมอะไรหอบคุณนายมาถึงที่นี่ได้ครับ น่าจะไปดูที่โรงถ่ายมากกว่า” เทอดบอกด้วยหญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกเกรงใจ เพราะวันนี้เขามาถ่ายกันบริเวณท้องนาชานเมือง การเดินทาง อากาศอะไรต่างๆ ก็ไม่สะดวกเหมือนอยู่ในโรงถ่าย
“ก็อยากมาดูสักหน่อย…อยากให้มันออกมาดี” คุณนายปราณีโบกพัดในมือไปมา
“ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ ผมกำกับให้สุดฝีมืออยู่แล้ว”
“พี่เชื่อมือเทอด…เออนี่…” คุณปราณีโน้มตัวมากระซิบกระซาบบางอย่าง “อย่าบอกเสี่ยกำจรล่ะว่าพี่มา…ว่าแต่พระเอก นางเอกของพี่อยู่ไหนเหรอ ขอพี่ทำความรู้จักหน่อยสิ…” คุณปราณีกวาดสายตามองหาไปรอบๆ
“ธง…ขวัญ…คม…” เทอดกวักมือเรียกทั้ง 3 ที่ยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ไม่ไกลคุณนายปราณี ให้เดินเข้ามาหาพร้อมแนะนำทั้งหมดให้รู้จัก
“นี่คุณนายปราณีภรรยาเสี่ยกำจร คุณนายครับนี่ธงรบกับขวัญชีวา พระเอกนางเอกของเรื่องนี้…ส่วนนั่นก็คมเดช คุณนายคงเคยเจอแล้ว เรื่องนี้มารับบทเป็นคนรับใช้ครับ”
“ต๊าย…ตัวจริงสูงใหญ่ หน่วยก้านไม่เลว หล่อเหมือนกันนะเนี่ย….นางเอกก็หน้าตาน่าเอ็นดู…ตัวเล็กไปนิดแต่ไม่เป็นไร” คุณนายปราณีโบกไม้โบกมือด้วยความชอบใจ “ดูเหมาะกันมาก เหมือนถอดแบบมาจากบทประพันธ์…”
“คงต้องขอบคุณเสี่ยกำจรเขาละครับ เสี่ยเขาตาถึง”
“พี่ก็ต้องขอบใจเทอด ขอบใจคมเดชด้วยนะ ที่มาช่วยกำกับ ช่วยเล่นให้เสี่ยเขา…” คุณนายปราณีพูด
”แล้วหนังเรื่องที่แล้วของเทอดล่ะ เมื่อไหร่จะได้ฉาย พี่รอดูอยู่เลยนะ”
“ใกล้แล้วครับพี่ ตอนนี้ก็ตัดต่ออยู่อีกนิดหน่อย”
“นอกจากคุณมิตร ชัยบัญชา สมบัติ เมทะนี ครรชิต ขวัญประชา ชนะ ศรีอุบล ชรินทร์ นันทนาคร ไชยา สุริยัน ลือชัย นฤนาท อดุลย์ ดุลย์รัตน์…” คุณปราณีพยายามนับไล่นับนิ้วตัวเอง “…ก็มีเจตน์ พระเอกของเทอดอีกคนนี่ละที่พี่ชอบ…”
“เหลือใครมั่งวะที่คุณนายยังไม่ชอบ” คมเดชกระซิบเสียงเบาถามธงรบ ก่อนเฉลยคำตอบเองด้วยความชอบใจ “อ่อ…เหลือเอ็งแล้วละ” ธงรบถึงกับเหลือบตามองคมเดชด้วยความหมั่นไส้ก่อนยกศอกถองเข้าที่ลำตัว
“ว่าแต่วันนี้คุณนายให้คนขับรถมาถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เทอดถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ กลัวว่าเขาจะทำงานส่วนไหนให้คุณนายปราณีและเสี่ยกำจรไม่พอใจ
“โอ๊ย! ไม่มี้…ไม่มี…เทอดไม่ต้องกังวลอะไรเลย” คุณนายปราณีส่งเสียงสูงโบกไม้โบกมือก่อนส่งยิ้มอายๆ บอกทุกคน “พี่มันพวกชอบดูหนังดูละคร มีบริษัททำหนังกับเขาก็ไม่เคยมาดูกองถ่ายเลยสักครั้ง…เห็นเสี่ยเขาชอบ พี่ก็เลยปล่อยให้เขาจัดการดูแล พี่รอดูตอนเข้าวิกทีเดียว” คุณปราณีหมายถึงโรงภาพยนตร์ ซึ่งเป็นคำเรียกติดปากของผู้คนส่วนใหญ่ที่เพี้ยนมาจากคำว่า วีค (Week) ในภาษาอังกฤษ เพราะสมัยก่อนโรงหนังส่วนใหญ่จะต้องรอหนังจากต่างประเทศเข้ามาฉาย ยังไม่ได้มีหนังมากพอให้ฉายได้ทุกวันแบบตอนนี้ ก็เลยต้องฉายเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง คนดูก็มักจะถามกันเองว่า วิกนี้ฉายอะไร ระหว่างพูดคุยคุณนายปราณีก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมมองหน้าทุกคนอย่างมีลับลมคมในก่อนจะพูดด้วยความเกรงใจ
“ทีนี้…พี่ก็เลยคิดว่า…ถ้าพี่ขอมาดูเทอดกับน้องๆ ที่กองถ่ายบ่อยๆ มาดูว่าเขาทำอะไรกันยังไง เทอดจะว่ายังไง”
“โอ๊ย…” เทอดตกใจรีบโบกไม้โบกมืออย่างที่คุณนายปราณีชอบทำ “ไม่ว่าอะไรเลยครับ…คุณนายจะมาตอนไหนอะไรยังไงก็ได้เลยครับ”
“ใครจะไปกล้าว่าอะไร นี่มันเมียนายทุนเลยนะ” คมเดชกระซิบธงรบอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีตกใจของเทอด
“ดีเลย…งั้นพี่ฝากเนื้อฝากตัวกับน้องๆ ทุกคนด้วยนะคะ ถ้าอยากได้อะไร อยากให้ช่วยอะไรบอกพี่ได้เลย”
“แล้วนี่คุณนายได้บอกเสี่ยกำจรหรือยังครับ…เสี่ยคงไม่น่าอยากเห็นคุณนายมาลำบากอยู่ในกองถ่าย” เทอดพยายามถามอ้อมๆ เพราะเป็นที่รู้กันว่าอำนาจการตัดสินใจอะไรใดๆ ของบริษัทนั้นเป็นของเสี่ยกำจร เขาเองก็เกรงว่าหากคุณนายปราณีเกิดอยากเปลี่ยนโน่นนี่ หรืออยากได้อะไรที่ตามใจตัวเองเกินไป จะพลอยทำให้เขาทำงานลำบากไปด้วย ซึ่งคุณนายปราณีเองก็คงพอจะเดานัยความหมายของเทอดออก
“อุ๊ย…เรื่องนั้นเทอดไม่ต้องห่วง รับรองพี่ไม่ไปยุ่มย่ามการทำงานของเทอด….ส่วนเรื่องเสี่ยกำจรไม่มีปัญหา” หญิงสูงวัยยิ้มให้ทุกคนด้วยความเมตตาโดยเฉพาะขวัญชีวาที่อายุอานามก็คงพอๆ กับลูกสาวเธอ
“พี่แค่อยากมาเห็นบรรยากาศ เห็นเบื้องหลัง ไหนๆ เรื่องนี้ก็มีทั้งพระเอกใหม่ นางเอกใหม่ มีพี่มาเป็นสมาชิกใหม่อีกคน กองถ่ายจะได้ครื้นเครงหรือทุกคนว่าไม่ดี” คำถามที่ต้องการคำตอบเดียวแบบไม่มีตัวเลือก ขณะมองคู่สนทนาทีละคน ทำให้คมเดชถึงกับรีบตอบ
“อูย…ดีสิครับ ต่อไปคุณนายจะได้เห็นทุกกระบวนการทำหนังเลย”
“ใช่ไหมจ๊ะ…อีกอย่างนะ “ คุณนายยกพัดในมือขึ้นมาป้องปากกระซิบ “บทประพันธ์เรื่องนี้น่ะ เรื่องโปรดพี่เลยนะ…เพราะฉะนั้นตั้งใจเล่นให้เต็มที่”
วันแรกๆ ที่คุณนายปราณีมาดูการทำงานของพวกเขาในโรงถ่าย และเสี่ยกำจรมาเห็นเข้าถึงกับตกใจที่เห็นภรรยาตัวเองมาอยู่ที่นี่ เพราะผู้เป็นสามีเข้าใจว่าเธอออกไปเก็บค่าเช่าที่เหมือนที่เคยทำ ทั้งคู่หายเข้าไปคุยกันในห้องพักอยู่เป็นนาน ก่อนที่เสี่ยกำจรจะเดินออกมาฝากฝังภรรยากับทีมงาน จนทำให้หลายคนอิจฉาในความห่วงใยที่เสี่ยกำจรมีให้กับภรรยา และหลังจากนั้นกองถ่ายวิมานพยัคฆ์ก็ไม่เงียบเหงา ภาพบุคลิกเจ้ายศเจ้าอย่างที่ธงรบรู้สึกจากเปลือกนอกที่ห่อหุ้มด้วยการแต่งตัว เครื่องประดับแสนแพง และมีคนรับใช้คอยติดตาม เปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเขามีโอกาสได้พูดคุยด้วยบ่อยครั้ง คุณนายปราณีเป็นหญิงสูงวัยที่เต็มไปความปราณีสมชื่อ และติดจะเป็นคนจิตใจดีจนออกจะไว้ใจคนง่ายซะด้วยซ้ำ ถ้าเสี่ยกำจรมีอีหนู หรือมีเมียเด็กๆ ซุกไว้โดยที่คุณนายปราณีไม่รู้ เขาจะไม่แปลกใจเลย
ธงรบยังจำบรรรยากาศในกองถ่ายที่ชวนให้อึดอัด และทุกคนเกร็งจนเดินกันตัวลีบในวันแรกๆ ที่คุณนายแวะมาได้ดี เวลาเธอร้องเรียกชื่อใคร หรือทักถามชื่อใครเพื่อพยายามจดจำ คนนั้นเป็นต้องสะดุ้ง เพราะกลัวว่าจะทำอะไรให้ไม่พอใจ หากแต่พอหลายวันผ่านไปหญิงสาวสูงวัย ที่ชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องประดับชิ้นใหญ่แบบจัดเต็ม มีคนขับรถคอยถือกระเป๋ากางร่มเดินตามไม่ห่าง กลายเป็นภาพชินตาของทุกคนที่พร้อมต้อนรับ โดยเฉพาะคมเดช ที่ตอนนี้กล้าแม้กระทั่งตะโกนสวัสดีเธอตั้งแต่เธอยังเดินไม่มาถึงตัว ผิดกับตอนเสี่ยกำจรมาลิบลับ
“เอ็งนี่ก็…อยู่เป็น…นะคม” ธงรบแซว
“อยู่เป็น…อะไรวะ เป็นพระเอกแบบเอ็งน่ะเหรอ ไม่มีทาง…ถึงข้าจะรู้ว่าหล่อ แต่ข้ายังไม่อยากทิ้งลูกข้า” คมเดชลูบหนวดงามของตัวเอง ธงรบขำก่อนจะสาธยายความหมายที่คนในอีกหลายสิบปีข้างหน้าชอบพูด
“คำว่า ‘อยู่เป็น’ ก็แบบ เลียแข้งเลียขาไง…คุณนายเขาเดินอยู่โน่น อีกเป็นกิโลกว่าเขาจะเดินมาถึง…เอ็งก็ชิงตัดหน้าทุกคนเข้าไปประจ๋อประแจ๋”
“นั่นเมียเจ้าของบริษัทสร้างหนังเลยนะเอ็ง…ใช้คำให้มันดีๆ หน่อย เขาเรียกฝากเนื้อฝากตัวโว้ย”
“ว่าแต่…ข้าสงสัยอยู่อย่าง…ทำไมคุณนายเขาไม่ไปไหนมาไหนกับเสี่ยกำจรวะ ต้องมีคนขับรถ คนรับใช้มาคอยดูแลตลอด รักเมียยังไงวะ” ธงรบสงสัย
“โอ๊ยย…เอ็งนี่ไม่รู้อะไร ก็เพราะรักเมียนั่นแหละเลยมีคนขับรถ มีคนใช้มาตามต้อยๆ คอยดูแล”
“รักแล้วทำไมไม่ดูแลเอง” ยิ่งคมเดชเล่าเขายิ่งไม่เข้าใจ
“เสี่ยเขาจะไปให้คนครหาทำไมวะ เอาหูมานี่” คมเดชหยอกล้อชายหนุ่มด้วยการเอื้อมมือไปดึงหูธงรบลงมาเบาๆ พร้อมทำหน้าเหนื่อยหน่ายใส่ “ถือว่าข้าบอกเอาบุญละกัน คุณนายปราณีนี่เขาเป็นพวกรวยที่รวยทาง วันๆ แค่เดินเก็บค่าที่ก็ไม่รู้จะรวยยังไงแล้ว ถ้าเสี่ยตามไปช่วยเมียเก็บ คนเขาก็จะนินทาได้ว่าเกาะเมียกิน ไม่ทำงานทำการ…แล้วที่เสี่ยกำจรมีบริษัทใหญ่โต มีเงินมาลงทุนทำหนัง ก็เงินคุณนายปราณีทั้งนั้นแหละ” คมเดชพูดอย่างคนรู้ดี
“เอ็งนี่รู้ดี…”
“ก็เออสิวะ แค่เก็บค่าเช่าก็รวยไม่รู้เรื่องแล้ว เก็บเสร็จไปร้านเสริมสวย ไปห้องเสื้อตัดชุดใหม่ๆ วันๆ แทบจะไม่ได้ทำอะไร แกถึงชอบดูหนังดูละครไง…เอ็งจำที่เขาไล่ชื่อบรรดาพระเอกให้เอ็งฟังวันก่อนไม่ได้หรือไง…ข้าเล่นหนังมาตั้งหลายเรื่องยังจำชื่อพระเอกได้ไม่เท่าคุณนายเลย”
ธงรบฟังคมเดชเล่าด้วยความรู้สึกฉงนในใจ เพราะคาดเดาไม่ได้เลยว่าจู่ๆ การมีคุณนายปราณีเข้ามามันจะทำให้เรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นจนทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ถ่ายไม่จบ มันจะเลวร้ายลงกว่าเดิมหรือเป็นไปในทิศทางไหน จู่ๆ เขาก็เริ่มรู้สึกกลัวการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้สาเหตุจากการปรากฏตัวของคุณนายปราณีในครั้งนี้
“ฉากนี้เป็นฉากที่พระเอกพานางเอกที่เข้าใจว่ามียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ มาอยู่ด้วยกันที่กระท่อมปลายไร่ แทนที่จะไปอยู่ในรั้วในวังแบบสุขสบาย” เทอดอธิบายถึงฉากที่จะถ่ายทำให้ธงรบและขวัญชีวาเข้าใจเหมือนเช่นทุกที
“พี่จะให้ธงขับรถกระบะบุโรทั่งคันนี้เข้ามาจอดในฉาก” เทอดมองรถกระบะเก่าๆ ที่ทีมงานเตรียมไว้ในโรงถ่าย
“มันจะไม่เหมือนครั้งที่แล้วใช่ไหมพี่เทอด” ธงรบมองรถด้วยทีท่าหวาดๆ เมื่อนึกถึงฉากที่ต้องขับรถไล่ล่ากับเจตน์ที่ทำเอาเขาเกือบตาย
“ปลอดภัยๆ สบายใจได้” เทอดหัวเราะเบาๆ ก่อนอธิบายต่อ “ทีนี้พอธงจอดรถเสร็จก็อ้อมมาเปิดประตูรถให้ขวัญ แล้วก็พยายามทำให้นางเอกยอมลงจากรถ ขวัญก็อิดออดอยู่ในรถไม่ยอมลง เพราะสภาพบ้านมันโทรมมาก…”
“พี่เพิ่งรู้นะคะเนี่ย…ว่าเขาสามารถเอารถที่ขับกันบนถนนเข้ามาขับในโรงถ่ายได้ด้วย” คุณนายปราณีที่ยืนดูเทอดกำกับอยู่ไม่ไกลพูดกับคมเดชด้วยความทึ่ง เมื่อเห็นรถกระบะเก่าๆ จอดอยู่ไม่ไกลฉากที่ต้องถ่ายทำ
“แถมคนจัดไฟนี่ก็เก่ง ทำได้ทั้งกลางวันกลางคืน…ถ้าไม่มาเห็นคงไม่รู้ ว่าโรงถ่ายโรงหนึ่งมันทำอะไรได้มากมายขนาดนี้” คุณนายปราณีกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยความชื่นชม
“สมัยแรกๆ ที่ผมเข้ามาในโรงถ่ายก็รู้สึกแบบนี้เลยครับ” คมเดชสารภาพ “ทุกอย่างมันดูตื่นตาตื่นใจไปหมด”
“นั่นสิ ถึงว่า…ว่าทำไมเสี่ยกำจรถึงชอบทำหนัง มันน่าอัศจรรย์ใจอย่างนี้นี่เอง…เออ…ถ้าพี่จะเลี้ยงขอบคุณทีมงานคมว่าดีไหม”
“เลี้ยง? เนื่องในโอกาสอะไรครับ”
“ไม่ต้องมีโอกาสหรอก พี่อยากจะขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำงานขนาดนี้…คมไปชวนทุกคนได้เลย”
บรรยากาศอาหารเที่ยงวันนี้ไปด้วยความสนุกสนาน เมื่อเสี่ยกำจรและคุณนายปราณีสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาเลี้ยงขอบคุณทุกคนถึงโรงถ่าย ทีมงานแต่ละคนต่างจับกลุ่มดื่มกินอย่างมีความสุข ไม่เว้นแม้แต่ขวัญชีวากับธงรบที่ตอนนี้เริ่มหันมาพูดจากันดีๆ
“หมู่นี้…ธงเล่นดีขึ้นเยอะเลยนะ ขวัญก็เหมือนกัน” เทอดชมทั้งคู่ “ถ้าเรียนจบกลับมา อาอาจจะเสี่ยงตายไปขอพ่อให้ขวัญมาเล่นหนังให้อาอีก” เทอดแซวตัวเองขำๆ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะอาเทอด…เล่นแค่สองเรื่องนี้ก็พอแล้วค่ะ”
“อ้าว…ทำไมล่ะน้องขวัญ” คมเดชถามขึ้น “ไม่ชอบหรือ”
“จริงๆ ขวัญก็ชอบนะคะ ได้มาอยู่กับพี่ๆ มากินนอนกันในกองถ่าย” หญิงสาวโปรบยิ้มหวาน “แต่ขวัญอุตส่าห์ขอพ่อไปเรียนตั้งไกล รับปากคุณพ่อไว้แล้วด้วยว่าจะกลับมาช่วยงาน ขวัญไม่อยากเป็นคนไม่ดีที่ผิดคำพูด…”
“งั้น…เปลี่ยนเป็นคนดู ที่รอดูหนังของพี่คนเดียวได้ไหม” คมเดชกระเซ้าแต่คนตอบกลับเป็นธงรบ
“ไม่ได้!”
“โธ่…เอ็งมันเพิ่งมีแค่หนังสองเรื่อง เอ็งจะเอาอะไรไปให้น้องขวัญเขาดู ข้านี่เล่นมาเป็นสิบ” คมเดชอวด
“เป็นสิบที่มีแต่บทดาวร้ายนี่นะ…ใครเขาจะมาดู ไหนเอ็งบอกว่าขนาดเด็กๆ ยังร้องไห้ตอนเห็นเอ็งเลย” ธงรบหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจจนเทอดและขวัญชีวาพลอยขำไปด้วย
“เทอด…เทอด” เสี่ยกำจรเดินคู่มากับคุณนายปราณีส่งเสียงเรียกชายรุ่นน้อง
“เสี่ยรบกวนเทอดหน่อยได้ไหม…วานไปส่งคุณนายปราณีให้หน่อย พอดีคุณนายเขาเพิ่งนึกได้ว่านัดคนมาที่บ้าน เขาจะเอาที่มาจำนอง เมื่อเช้าคุณนายเขามารถคันเดียวกับเสี่ย บ่ายนี้เสี่ยชวนคุณชัชเขามาปรึกษาเรื่องหนังใหม่อีกเรื่อง กลัวไปส่งแล้วจะกลับมาไม่ทันนัด”
“น้องไปเองได้นะคะ…คุณพี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” คุณนายปราณีท้วงผู้เป็นสามี
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเป็นธุระให้ได้” เทอดตอบรับด้วยความยินดี
“ผมว่าผมไปเป็นเพื่อนพี่เทอดด้วยดีกว่า ขากลับมาพี่เทอดจะได้ไม่เหงา” คมเดชอาสา
“งั้นพี่รบกวนเทอดกับคมหน่อยนะ” คุณนายปราณีบอกด้วยความเกรงใจ
“แล้วเจอกันที่บ้านนะจ๊ะ” เสี่ยกำจรส่งสายตาหวานให้คุณนายปราณี จนทุกคนยิ้มตามยกเว้นก็แต่ธงรบที่มองภาพนั้นด้วยความไม่เชื่อ
“เดี๋ยวเสี่ยเข้าไปเซ็นเอกสารอีกนิดหน่อยแล้วจะออกมาร่วมวงด้วย” เสี่ยกำจรหันมาบอกกับทีมงานและนักแสดงที่ตั้งวงกันรับประทานอาหารอย่างออกรส ก่อนเดินหายไปยังห้องพักด้านหลังที่ถูกจัดแบ่งไว้เป็นสัดส่วนสำหรับนักแสดง
คล้อยหลังเทอดไปส่งคุณนายปราณีได้สักพัก ก็มีนักแสดงและทีมงานคนอื่นๆ วนมาร่วมวงสนทนากับขวัญชีวา ตัวเขาเองก็เดินไปคุยเล่นกับคนนั้นนี้ที ก่อนจะกลับมานั่งเป็นเพื่อนขวัญชีวา เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มทยอยกลับ ในช่วงเวลาที่เหลือแค่เขากับขวัญชา กับบรรยากาศรอบตัวเริ่มค่อยๆ เงียบเสียงลง ความคิดของคนทั้งคู่ก็เริ่มกำลังทำงานโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จนธงรบตัดสินใจชวนหญิงสาวคุย
“กลับไปเรียนต่อคราวนี้ ถ้าพี่จะขออะไรสักอย่างขวัญจะได้ไหม”
“คุณธงจะขออะไร” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยความไม่ไว้วางใจ เพราะไม่รู้ว่าวันนี้เขาจะมาไม้ไหน หลังจากที่นั่งเงียบอยู่เป็นนาน จนเธอคิดว่าเธอจะทำอย่างไรดีกับความรู้สึกของตัวเองที่เริ่มไม่เป็นสุขเพราะรู้สึกดีที่มีชายหนุ่มอยู่ข้างๆ
“พี่ขอเขียนจดหมายหาขวัญบ้างได้ไหม” ธงรบเอ่ยขออนุญาต หลังจากคิดอยู่นานว่าจะทำอย่างไรกับหญิงสาวตรงหน้าดี เพราะช่วงเวลานี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต รวมทั้งเหตุการณ์หลายอย่างในตอนนี้มันผิดไปจากอดีตจนเขาคาดเดาอะไรไม่ได้เลย จู่ๆ เรื่องราวของเขาก็มีคุณนายปราณีโผล่เข้ามา เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับหญิงสาวตรงหน้าจนทำให้หนังเรื่องนี้ต้องเลิกถ่ายก็ไม่เกิด แล้วถ้าถึงเวลาที่เธอต้องไปเรียนต่อโดยที่ความสัมพันธ์ของเขากับเธอยังไม่ชัดเจนแบบนี้ เห็นที่เขาต้องแคล้วคลาดจากเธอเป็นแน่
“คุณธงจะเขียนอะไรคะ” ขวัญชีวาย้อนถาม
“ก็…คง…เขียนจดหมายรักแบบที่คนรักกันชอบกันเขาเขียนไง” พอได้ฟังหญิงก็สาวตาโต มองหน้าเขาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ที่จู่ๆ เขาก็พูดโพล่งมาทื่อๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ทำไมต้องทำท่าตกใจด้วย ก็พี่พูดจริง” ธงรบสบตาเธอแบบไม่มีหลบ “พี่เคยบอกขวัญแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ชอบ ไม่ว่าขวัญจะชอบ…หรือยังไม่ชอบพี่ ก็ไม่เป็นไร แต่พี่ก็จะรักจะชอบของพี่แบบนี้แหละ” สายตาหวานคมสบตาเธอเหมือนจะค้นลึกเข้าไปให้ถึงหัวใจ ทำให้เธอต้องรีบเบือนหน้าหลบ คราวที่แล้วเขาเพิ่งทำให้เธอเขินอายอยู่กลางตลาด วันนี้ชายตรงหน้าก็มาเขย่าให้หัวใจเล็กๆ ของเธอให้เต้นรัวจนเธอแทบจะยินเสียงได้ของมัน
“คุณธงนี่ ใช้คำว่ารักว่าชอบได้ฟุ่มเฟือยดีจัง”
“ก็ไม่ได้ใช้กับใคร…ใช้แค่กับคนตรงหน้านี่อยู่คนเดียว” ธงรบถอนหายใจ “เฮ้อ…แต่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะรับรู้”
“เอาเป็นว่าขวัญรับรู้แล้ว”
“แต่ยังไม่รับรัก?” ธงรบยิ้มเจ้าเล่ห์และฉวยโอกาสจับ 2 มือของเธอขึ้นมากระชับ
“ขวัญไปอยู่ไกลขนาดนั้นพี่ก็คงคิดถึง…และพี่ก็คงมีเรื่องอยากจะเล่าให้ขวัญฟังมากมาย” ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน อย่างหนึ่งที่เขาบอกกับตัวเองนับตั้งแต่ได้ย้อนกลับมาเห็นหน้าเธออีกครั้งก็คือ การซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ณ วันนี้ที่เขายังมีเธออยู่ตรงหน้า มันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาต้องรักษาไว้ให้แนบหัวใจ เพราะในอนาคตข้างหน้าหากไม่มีเธอ ชีวิตเขาคงความเจ็บปวดและว่างเปล่าเกินไป
“คุณธงเล่าให้พี่คมฟังก็ได้นะคะ…พี่คมชอบคุย ชอบฟังพี่ธงออก” ขวัญชีวาตอบดื้อๆ “แล้วนี่…คุณธงก็ปล่อยมือขวัญได้แล้วค่ะ ใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี” ธงรบปล่อยมือเธอหากแต่ยังไม่ละวางสายตาจากดวงหน้าเล็ก จนหญิงสาวอยากจะลุกหนีให้พ้นสายตาคู่นั้น
“ขวัญขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะคะ” พูดจบเธอก็ลุกขึ้นหนีไปโดยมีเสียงธงรบดังไล่หลังมาให้ได้ยินจนเธอต้องรีบสาวเท้าเล็กๆ ให้เร็วขึ้น “อย่าไปนานนะ เดี๋ยวพี่คิดถึง”
ขวัญชีวาหายไปกว่านานกว่า 15 นาทีแล้ว นานจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเป็นห่วง รอบตัวเริ่มร้างราผู้คน ความรู้สึกบางอย่างในอดีตจู่โจมเข้ามาทำให้เขาต้องรีบรุดออกไปตามหา เขาตรงไปยังที่เดิมที่มันเคยเกิดเหตุ เสียงร้องที่ดังขึ้นในจังหวะเดียวกันกับที่ประตูห้องพักถูกกระชากออกด้วยมือของเขาเอง ภาพตรงหน้าไม่ต่างไปจากเดิมเลยสักนิดเมื่อขวัญชีวาวิ่งถลามากอดเขาและร้องให้ช่วย
“คุณธง…คุณธงช่วยขวัญด้วย” แรงกอดรัดและแรงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวจากร่างเล็กของหญิงสาว สองมือกุมสาบเสื้อเชิ้ตของตัวเองไว้แน่นเพื่อปกป้องสายตาของคนอื่น เพิ่มแรงกระเพื่อมโทสะให้เขาได้ในทันที ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน เขารู้แล้วว่านี่คงเป็นเรื่องเดียวที่เขาจะไม่ลังเลหรือรู้สึกผิดที่จะใช้อารมณ์ก่อนเหตุผล ยิ่งเมื่อเห็นผ้าคาดผมในมือของเธอในมือชายที่ยืนจ้องเขาอยู่เบื้องหน้า ธงรบก็กำหมัดและถลาเข้าไปชกหน้าคนที่ได้ชื่อว่ามีสิทธิ์ตัดสินอนาคตในบทบาทพระเอกของเขาอย่างเต็มแรง ซึ่งชายตรงหน้าเองก็ไม่เฉยให้เขาทำร้ายแต่เพียงฝ่ายเดียว จนกระทั่งชายสูงวัยลงไปนอนกองอยู่กับพื้น และเขาก็ประเคนทุกหมัดที่มีลงไปบนใบหน้า โดยไม่สนอาการปัดป้องจากฝั่งตรงข้าม กระทั่งมีแรงกระชากตัวเขาออกจากตัวเสี่ยกำจร
“ธง!! พอได้แล้ว” เสียงเทอดตะโกนสั่งและลากเขาออกมาจากร่างท้วมของชายสูงวัย จนทำให้เขาได้เห็นใบหน้าบอบช้ำและรอยเลือดของอีกฝ่าย หลังมืออวบอูมปาดคราบเลือดบริเวณริมฝีปากของตัวเองมาดูด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนชี้หน้าด่าชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างไม่ไว้หน้า และไม่เหลือเค้าความเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ทุกคนให้ความเคารพอีกต่อไป
“มึงกล้าทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง”
“แล้วเสี่ยทำแบบนี้กับขวัญได้ยังไง…” ธงรบชี้หน้ากลับ และหันไปมองขวัญชีวาที่ยังคงยืนสั่นเทาด้วยความกลัวและความตกใจอยู่ไม่ไกล
“มันเรื่องของกู…กูไม่ได้ทำอะไรเขา กูแค่นั่งคุยกับเขาปกติ” เสี่ยกำจรแก้ตัว เพราะรู้ว่าตัวเองมีอิทธิพลมากพอที่ไม่มีใครกล้าจะมีเรื่องด้วย
“จริงอย่างที่เสี่ยเขาพูดไหมขวัญ” เทอดหันไปถามตามมารยาทและให้เกียรติคนทั้งคู่ ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็มีคำตอบจากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าแล้วว่าเขาควรจะเชื่อใคร
“เสี่ยเขาจะลวนลามขวัญ” หญิงสาวตอบเสียแผ่วด้วยความกลัว
“โกหก…” ชายสูงวัยชี้หน้าขวัญชีวา “เสี่ยไม่เคยคิดจะทำอะไรหนูขวัญ หนูขวัญก็เหมือนลูกเหมือนหลานเสี่ยคนหนึ่ง” เสี่ยกำจรแก้ตัวเสียงหลง
“โกหก!” ธงรบตะโกนกลับด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
“มึง…กล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่กู แล้วมาทำร้ายกู” เสี่ยกำจรมองหน้าธงรบด้วยสีหน้าอาฆาต “ถ้าไม่มีกู มึงก็ไม่มีทางเป็นพระเอกดังๆ ได้”
“คิดว่าผมอยากเป็นนักหรือไง ไอ้บทพระเอกโง่ๆ ของเสี่ยเนี่ย”
“ดี…งั้นมึงก็ไม่ต้องมาเป็นพระเอกให้กู” เสี่ยกำจรประกาศกร้าวจ้องหน้าธงรบอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“ได้ เอาบทพระเอกของเสี่ยคืนไปเลย ค่าตัวผมก็ไม่เอา… ผมไม่อยากได้เงินชั่วๆ ของเสี่ย”
“กูจะคอยดูว่ามึงจะอยู่ในวงการนี้ได้สักกี่น้ำ” ชายสูงวัยชี้หน้าอย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันก็จะคอยดูเหมือนกันว่าคุณพี่จะอยู่ในวงการนี้ไปได้สักกี่น้ำ” เสียงเย็นของคุณนายปราณีดังขึ้นที่หน้าประตูที่เปิดค้างไว้ นี่ถ้าไม่เพราะเธอลืมกระเป๋าสะพายไว้ในห้องและให้เทอดวนรถกลับมา เธอคงไม่รู้พฤติกรรมสามีที่ใครๆ คิดว่าแสนดีคนนี้
เสี่ยกำจรนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นแววตาและสีหน้าเอาเรื่องของภรรยาที่เป็นเหมือนบ่อเงินบ่อทองของเขา
“มันไม่ใช่อย่างที่น้องปราณีเข้าใจ ไอ้เด็กพวกนี้มันกล่าวหาพี่” เสี่ยกำจรชี้หน้าไปที่ธงรบและขวัญชีวา ขณะที่คุณนายปราณีมองธงรบที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่ต่างไปจากสามี ยกเว้นบาดแผลบนใบหน้าที่น้อยกว่าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ส่วนหญิงสาวร่างเล็กที่กอดแขนธงรบแน่นนั้นมีเสื้อผ้าหลุดลุ่ย หน้าตาก็เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาต่างจากตอนที่ได้เจอกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง
“น้องรู้ว่าน้องควรจะเชื่อใคร” คุณนายปราณีปรายตามองผ้าคาดผมของขวัญชีวาที่กองอยู่แทบเท้าเสี่ยกำจร ก่อนเงยหน้ามองสามีด้วยแววตาที่ไร้ความปรานี
“ฉันรู้นิสัยคุณดี คุณกำจร อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นคนยังไง” ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาช้าๆ แต่เรียบนิ่งไม่ได้เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดโวยวายนั้นสะกดให้เสี่ยกำจรเกิดความกลัว
“ผมรักคุณคนเดียวนะปราณี มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็น” เสี่ยกำจรอ้อนวอนอย่างคนร้อนตัว
“เราคงมีเรื่องต้องคุยกันเยอะ” หญิงสูงวัยที่ทุกคนเคยมองว่าใจดี บัดนี้กลายเป็นเยือกเย็นที่พร้อมเชือดทุกคนที่อยู่ตรงหน้า “และพี่อยากให้เทอดอยู่ด้วย” คุณนายปราณีหันมาทางเทอด จนเขาต้องพยักหน้ารับเบาๆ
“แต่นี่มันเรื่องของเรา น้องจะให้เทอดมาเกี่ยวด้วยทำไม พี่อธิบายทุกอย่างเองได้”
“คุณไม่ต้องอธิบาย…เดี๋ยวฉันอธิบายคุณเอง คุณแค่ทำตามฉันก็พอ” คุณปราณีสั่งพร้อมหันมาไล่ธงรบ “ธงพาหนูขวัญกลับบ้านไปเถอะ”
“พี่รบกวนหน่อยนะธง” เทอดกำชับพร้อมสายตาฝากฝังหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
ระหว่างทางกลับบ้าน ขวัญชีวานั่งนิ่งไม่พูดจาจนเขาตัดสินใจจอดรถข้างทางเมื่อเห็นสองมือเล็กนั้นกำแน่นอยู่บนตักตลอดทาง ธงรบยื่นมือของตัวเองออกไปกุมมือเล็กบนตักด้วยความอาทร
“ขวัญจะร้องไห้ก็ได้นะ พี่จะอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนขวัญ” เธอเบือนหน้าจากวิวข้างทางก้มลงมองมือใหญ่ที่เกาะกุมมือเธอไว้ และเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแล้วก็ร้องออกมาอย่างไม่อาย ธงรบคลายสองมือที่เกาะกุมมือเธอแล้วยกแขนสองข้างโอบกอดเธอไว้แนบอกและปล่อยให้เธอได้ร้องไห้จนพอใจ
“เจ็บไหมคะ” ขวัญชีวาแตะนิ้วลงบริเวณรอยช้ำและรอยแผลบนใบหน้าที่ชายหนุ่มได้รับเพราะช่วยเธอ
“ไม่เป็นไรหรอก…ไกลหัวใจพี่ตั้งเยอะ” ธงรบส่งยิ้มให้เธอ “ขวัญล่ะ ดีขึ้นแล้วใช่ไหม…งั้นกลับบ้านกันนะ”
เธอพยักหน้าให้เขาเบาๆ “แต่…พี่ธงอย่าบอกพ่อกับแม่ขวัญได้ไหมคะ” ขวัญชีวาเปลี่ยนสรรพนามที่เคยเรียกชายหนุ่มจาก ‘คุณ’ เป็น ‘พี่’ จนชายหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“ขอบคุณนะคะที่กลับมา”
“แวะบ้านพี่ก่อนดีไหม” คำเสนอของธงรบทำเอาขวัญชีวาหันมามองเขาด้วยสายตาระแวง จนธงรบหัวเราะลั่น
“พี่ไม่กล้าทำอะไรขวัญหรอก แค่จะชวนไปล้างหน้าล้างตา เพราะขืนขวัญกลับบ้านสภาพนี้พ่อกับแม่คงวิ่งโร่ไปแจ้งความแน่นอน…อืมม…แล้วก็กินข้าวด้วยกันสักมื้อแล้วค่อยกลับบ้านก็ดีนะ” ธงรบยิ้ม แต่นัยน์ตาพราวระยับไปด้วยความเจ้าเล่ห์ จนขวัญชีวาหัวเราะออกมาได้หลังจากเสียน้ำตาไปมากมาย และเสียงหัวเราะของเธอก็ทำให้เขามั่นใจว่าเส้นทางความรักระหว่างเขากับขวัญชีวาจากนี้ไปจะเดินไปด้วยดีอย่างที่มันเคยเป็นในอดีตแล้ว
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 17 : ปราณี ก้องเกียรติเกรียงไกร
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 16 : ใต้หน้ากาก
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 15 : วิมานพยัคฆ์
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 14 : วงล้อแห่งกาลเวลา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 13 : อุบัติเหตุ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 12 : รอยแผลเป็น
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 11 : ดาวร้าย
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 10 : ชาติชาย
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 9 : แผนการ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 8 : กำจร ก้องเกียรติเกรียงไกร
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 7 : คำสารภาพ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 6 : แรกพบ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 5 : ธงรบ-ขวัญชีวา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 4 : จอมใจไกลปืนเที่ยง
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 3 : ทางเดินชีวิต
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 2 : เจตน์ เทพเทวา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 1 : ดาวร้ายในดวงใจ