พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 20 : ความกล้าในหัวใจ (จบบริบูรณ์)
โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ
พระเอกในใจตัวร้ายในจอ นวนิยายออนไลน์โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ จาก อ่านเอา เรื่องราวของดาวร้ายตัวพ่อวัย 82 แห่งวงการบันเทิงที่มีครอบครัวแสนอบอุ่น แต่ก้นบึ้งของหัวใจปรารถนาจะได้รับการให้อภัยจากเพื่อนรัก และเขาก็ได้โอกาสแก้ตัวให้กลับไปในปี พ.ศ.2512 แต่เป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องเพื่อนแต่ยังมีหญิงสาวที่เขาต้องคว้าเธอมาแนบใจให้ได้
หลายวันมานี้ธงรบเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องสมุด เฝ้าคิดทบทวนถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและสังเกตสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาลูบกล่องสีแดงที่วางเคียงคู่กล่องไม้สีน้ำตาลบนโต๊ะทำงานอย่างเบามือ พร้อมเปิดล็อกออกเผยให้เห็นจดหมายมากมายที่เรียงไว้อย่างเป็นระเบียบและอัดแน่นจนเต็มกล่องของขวัญชีวา ความรักและความทรงจำผ่านตัวหนังสือที่ยังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี นิ้วมือเหี่ยวย่นไล่ไปตามตัวอักษรบนจดหมายลายมือของตัวเองที่เขาจำได้ดีว่าตั้งใจเขียนอย่างบรรจงทุกตัวอักษร เพราะอยากให้เธอประทับใจ ถึงแม้กระดาษจะเริ่มเหลือง รอยหมึกจะซีดจางไปตามวันเวลา แต่ความทรงจำนั้นยังเด่นชัด เพราะมันคือถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากหัวใจทุกครั้งที่จรดหมึกลงบนกระดาษ ธงรบยิ้มให้กับจดหมายที่ตัวเอง เลือกหยิบขึ้นมา…
ถึงขวัญชีวา…ดวงใจของพี่
เมืองอังกฤษเป็นอย่างไรบ้าง อากาศคงเริ่มหนาวเย็น หมั่นดูแลตัวเองให้ดีอย่าได้เจ็บไข้หรือป่วยไป การเรียนน้องขวัญเป็นอย่างไรบ้าง พี่นับวันรอให้น้องขวัญเรียนจบแทบไม่ไหว ตัวพี่ทางนี้เริ่มสนุกและคุ้นชินกับการทำงานที่แทบกินนอนอยู่ในกองถ่ายแล้วละ อาทิตย์หน้าพี่ต้องไปถ่ายหนังเรื่องใหม่ที่เมืองกาญฯ อยู่หลายวัน คงไม่ได้กลับบ้านอีกตามเคย ตอนนี้เริ่มมีเด็กๆ ร้องไห้ตอนเห็นหน้าพี่แบบที่คมเดชบอกแล้วนะ สงสัยพี่จะเล่นดีไปหน่อย
ถือว่าเป็นโชคดีที่พี่ได้ทำงานกับดาราเก่งๆ หลายคน บางคนนี่เก่งเสียจนพี่อิจฉา อยากจะเก่งให้ได้สักครึ่งของเขา อย่างไรเสียพี่คิดว่าพี่ยังคงต้องเรียนรู้อีกมาก ตอนนี้การถ่ายหนังด้วยฟิล์ม 16 มม.เริ่มน้อยลงแล้ว นักลงทุนผู้กำกับหลายรายเริ่มหันมานิยมถ่ายหนังด้วยฟิล์ม 35 มม.กันซะมาก เพราะมันสามารถบันทึกเสียงลงในฟิล์มได้เลย โดยไม่ต้องใช้นักพากย์เหมือนอย่างฟิล์ม 16 มม. ที่เราเคยถ่ายกัน
นี่ต้นปีหน้าพี่เทอดแกวางแผนว่าจะทำหนังเรื่องใหม่อีกแล้ว แกมาชวนให้พี่กับเจ้าคมไปเล่นด้วย สงสัยพี่คงเกิดมาเพื่อเป็นดาวร้ายจริงๆ เพราะยังไม่เห็นมีใครมาชวนให้พี่เป็นพระเอกอีกเลย ตั้งแต่เกิดเรื่องในครานั้น แต่ก็ดีแล้วเพราะพี่ไม่อยากเป็นพระเอกให้ใคร พี่อยากเป็นพระเอกให้น้องขวัญคนเดียว
สุดท้ายพี่ปรารถนาให้น้องขวัญยังคงคิดถึงพี่ เหมือนที่พี่ไม่เคยคลายคิดถึงน้องขวัญและจะเฝ้ารอจดหมายตอบกลับในเร็ววัน
ด้วยรักและคิดถึง
ธงรบ
ชายชราละมือจากจดหมาย เอื้อมมือหยิบกรอบรูปเล็กๆ บนโต๊ะขึ้นมามองมือใหญ่ของตัวเองที่วางทาบทับอยู่บนมือของหญิงสาวในดวงใจที่มักเกาะแขนเขาแนบแน่นทุกครั้งที่ได้ถ่ายรูปคู่กันไม่ต่างจากรูปแต่งงานที่แขวนอยู่บนผนังห้อง รอยยิ้มหวานไปถึงดวงตานั้นยังสดใส คำมั่นสัญญาสุดท้ายดังขึ้นอีกครั้งในความทรงจำ
‘เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก รับปากนะคะว่าพี่ธงต้องใช้ชีวิตให้มีความสุข’ วันนี้เขาคงต้องค่อยๆ ปล่อยมือจากความทุกข์โศกและมองให้เห็นความรักที่ไม่เคยจากไปไหนของขวัญชีวาได้แล้ว มันยังคงโอบกอดเคียงข้างเขาทุกความรู้สึก และเป็นกำลังใจให้เขารวบรวมความกล้าของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันจริงหรือฝัน
ท่าสิงขร นครศรีธรรมราช
ยิ่งรถใกล้ถึงจุดหมายธงรบก็ยิ่งรู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดเร็วและหัวใจที่เต้นระรัวของตัวเอง นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีที่เขาต้องกลับมายังที่ที่เคยเรียกมันว่าเป็นบ้านเกิด ตลอดการเดินทางเขาได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่าการเผชิญหน้ากับความโกรธความเกลียดของเจตน์ในครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ที่เขามีแรงพอจะขอโทษ ภาพรอยแผลเป็นบนซีกหน้าด้านซ้าย แววตาที่เฉยชาว่างเปล่าของเจตน์ แม้กระทั่งคำพูดทุกคำก็ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำ
‘อย่างน้อยแผลเป็นนี้ก็ไม่ทำให้ข้าลืมเอ็ง อย่าเอาชีวิตดีๆ ของเอ็งมาให้ข้าเห็นอีกเลย ถือว่าข้อขอ…’
“คุณปู่ยังจำทางไปบ้านเพื่อนคุณปู่ได้ใช่ไหมครับ…” ธีร์ หลานชายคนเล็กของธงรบที่ตอนนี้กลายมาเป็นพระเอกดังคนหนึ่งในวงการ หันมาถามเขา เมื่อรู้ว่าผู้เป็นปู่อยากกลับไปนครศรีธรรมราช ทั้งบ้านก็ตกอกตกใจวุ่นวายกันยกใหญ่ ที่จู่ๆ คนแก่วัย 82 ที่ไม่ยอมออกไปไหนมาไหนตั้งแต่สูญเสียภรรยา จะเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่ฟังคำทัดทานใคร สุดท้ายเขาเลยอาสามาเป็นเพื่อน
“อืมม…เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกข้างหน้า” ธงรบบอกทางหลานชาย เมื่อเห็นป้ายบอกทางไปหมู่บ้านท่าสิงขรขนาดใหญ่ หมู่บ้านเล็กๆ ของเขาในวันนี้เจริญขึ้นจนผิดหูผิดตา ถนนลูกรังที่เคยใช้เป็นเส้นทางหลักสัญจรไปมากลายเป็นถนนลาดยางที่มีช่องทางที่กว้างขึ้น มีบ้านหลังใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นตามสมัยนิยมเกิดขึ้นตลอดสองข้างทาง หลายหลังมีรถยนต์จอดเรียงรายภายในตัวบ้านและกั้นรั้วรอบขอบชิด นานๆ จะปรากฏให้เห็นบ้านไม้หลังเก่าแบบที่เขาเคยอยู่อาศัย หากแต่ก็ดูทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
“เลี้ยวขวาข้างหน้า…ตรงไปสุดทางบ้านซ้ายมือ…” ต่อให้หมู่บ้านเล็กๆ นี้จะเปลี่ยนไปแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันลืมบ้านของเจตน์ที่เขาเคยวิ่งเข้าวิ่งออกตั้งแต่เยาว์วัย
“คุณปู่ครับ…คุณปู่ ถึงแล้วครับ” ธีร์บอกชายชราข้างตัวที่ยังคงนั่งนิ่งเมื่อรถจอดสนิทยังจุดหมาย พร้อมชะโงกหน้ามองดูตัวบ้านที่เป็นเรือนไม้ 2 ชั้นหลังใหญ่ผ่านแนวรั้วที่ถูกบดบังด้วยไม้เลื้อย
“ให้ผมลงไปเป็นเพื่อนไหมครับ” ธีร์ส่งยิ้มให้ชายชรา เขาพอรู้เรื่องปู่มาบ้างจากผู้เป็นพ่อ หากแต่ก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมาก เพราะพ่อเขาเองก็แทบจะไม่รู้อะไรเลยนอกจากว่าปู่ธงของเขากับปู่เจตน์เป็นเพื่อนรักกันมานาน และมีเรื่องให้ปู่เจตน์เข้าใจผิดปู่ธงผิดจนไม่ยอมยกโทษให้ ไม่ว่าปู่ธงของเขาจะตามมาขอโทษหรืออธิบายสักเท่าไร จนเขาเองก็นึกแปลกใจที่ผ่านมา 50 กว่าปีแล้ว ทำไมจู่ๆ ปู่เขาถึงอยากจะกลับมาขอโทษปู่เจตน์อีกครั้ง
“ไม่เป็นไร…ธีร์รอปู่อยู่ที่นี่ละ…ปู่คงไปไม่นานหรอก” แม้จะเป็นคำพูดบอกหลานชายแต่ลึกๆ แล้วมันก็เหมือนคำพูดบอกตัวเองให้เตรียมใจไว้ให้ดี หากต้องเจอกับสายตาที่ยังเต็มไปด้วยความเย็นชาและอารมณ์แค้นเคืองนั้นอีกครั้ง ธงรบเปิดประตูรถลงไปยืนอยู่หน้าประตูรั้ว มองตรงเข้าไปยังตัวบ้านที่ดูใหญ่และกว้างขวางขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเคยเห็น ภาพที่เห็นเจตน์เดินหันหลังจากไปยังติดตา มือที่กำไม้เท้าเริ่มสั่นเทาด้วยความประหม่า ต้นบุนนาคริมรั้วที่สูงตระหง่านเวลานี้สะพรั่งไปด้วยช่อดอกขาวนวล โชยกลิ่นหอมเย็น คล้ายให้กำลังใจ ขณะที่ธีร์มองชายชราผ่านกระจกหน้ารถด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นปู่เขายังยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านเป็นนาน จนกระทั่งเด็กชายตัวน้อยวัย 5 ขวบ ที่วิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนภายในตัวบ้านวิ่งมาใกล้และมองธงรบผ่านช่องประตูรั้วพร้อมส่งเสียงดัง
“คุณตามาหาใครครับ” เด็กชายมองธงรบตาแป๋ว เมื่อเห็นชายชราตรงหน้ายังคงนิ่งไม่ยอมตอบเจ้าตัวน้อยจึงเปลี่ยนคำถามใหม่
“คุณตาหลงทางหรือครับ…” เมื่อเห็นธงรบยังคงมองมานิ่งไม่ตอบอะไร เจ้าตัวน้อยก็เริ่มปลอบ
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะครับ…คุณตาค้าบ…คุณตามานี่หน่อยคับ” เสียงเด็กชายหันไปตะโกนพร้อมกวักมือเรียกใครอีกคนให้เดินมาหา ธงรบเลื่อนสายตาจากเด็กชายตัวน้อยไปตามทางที่เด็กชายพยายามกวักมือเรียกคนภายในบ้านให้เดินมาหาอย่างไม่ละสายตา ภาพชายชราที่เดินเข้ามาให้เห็นทำให้เขาแทบลืมหายใจ แม้จะเห็นแค่เท้าที่ก้าวเดินแต่เขาก็จำลักษณะท่าทางนั้นได้ ธงรบค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นไปเพื่อมองให้เห็นเจ้าของใบหน้า
วินาทีนั้นทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดนิ่ง ความตกใจผสมปนเปไปด้วยความไม่คาดคิดทำเอาธงรบถึงกับผงะและเซถอยหลัง
ใบหน้าที่ปราศจากรอยแผลเป็น สีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจปราศจากแววตาแห่งความแค้นเคือง ทำให้ธงรบเริ่มรู้สึกประหม่า จนรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเจตน์ ธงรบก็ยิ้มรับด้วยความปีติ ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในตัวระเบิดออกเป็นน้ำตาไหลรินจากหางตา สุดท้ายมันก็ไม่ใช่แค่ความฝัน
“พี่ธง” ชายผิวคล้ำผมสีดอกเลาอีกคนที่เดินตามออกมาด้วยความอยากรู้ อุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่นอกรั้วเต็มตา เขารีบเลื่อนประตูรั้วออกกว้าง ขณะที่เจตน์เดินก้าวออกจากรั้วบ้านเดินเข้าไปหากอดธงรบและตบหลังเพื่อนเบาๆ คำพูดนับร้อยนับพันตีบตันอยู่ในลำคอของธงรบเมื่อได้เห็นแววตาฉันมิตรฉายให้เห็นอีกครั้งเหมือนเมื่อ 70 กว่าปีก่อนที่เขาทั้งคู่กอดคอวิ่งเล่นโลดโผนไปตามเรือกสวนไร่นา เพื่อก่อเรื่องวุ่นวายไม่เว้นวัน กระทั่งสาบานว่าจะเป็นเพื่อนแท้ที่คอยเกื้อกูลไปตลอดชีวิต
“ข้าขอโทษ…” คำพูดที่แทบจะหลุดออกมาพร้อมกัน เหมือนคำที่ทลายกำแพงทุกอย่างในใจของคนทั้งคู่
“พี่สองคนเข้าไปคุยต่อกันในบ้านไหม…แก่แล้วยืนนานๆ มันเมื่อยนะ…” เสียงบ่นดังขึ้นไม่ไกล ขณะที่เด็กชายตัวน้อยวิ่งหายไปเล่นกับเพื่อนทันทีที่เห็นปู่ของเขาเปิดประตูให้คนแปลกหน้า
“เข้ม…ใช่ไหม เอ็งนี่แก่ไปเยอะเลยนะ ได้เป็นตำรวจวิ่งไล่จับผู้ร้ายหรือเปล่าล่ะ” ภาพเด็กชายที่เคยเดินตามเจตน์ต้อยๆ ให้ช่วยทำนั่นทำนี่ให้ในอดีตและเอาแต่ว่าเขาว่าชอบหาเรื่องให้พี่เจตน์ ฉายชัดขึ้นในความทรงจำ
“เสียอย่างเดียวตรงที่ไม่มีโอกาสได้จับดาวร้ายอย่างพี่นี่แหละ…” เข้มหัวเราะประชด
ภาพปู่ของเขากับเพื่อน 2 คนที่ยิ้มหยอกล้ออย่างคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ทำให้ธีร์เดาได้ไม่ยากว่าทุกอย่างน่าจะลงเอยด้วยดี สงสัยที่ปู่บอกว่าไปไม่นานน่าจะต้องใช้เวลานานจนลืมเขากระมั้ง
50 กว่าปีที่ผ่านมาปู่ๆ คงมีเรื่องให้คุยกันไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบหมวกแก๊ปขึ้นสวม เปิดและปิดประตูรถมองไปรอบๆ บ้านของปู่เจตน์ตั้งอยู่สุดถนน ข้างตัวบ้านเป็นพื้นที่สวนยางขนาดใหญ่มีทางเท้าเล็กๆ ทอดไปสู่ชายป่า อีกฟากฝั่งคือถนนที่เขาเพิ่งขับผ่านมา มีร้านค้าร้านขายของชำ ชายหนุ่มยิ้มก่อนตัดสินใจเลือกออกไปเดินเล่นในทิศทางที่เขาคิดว่าสนใจ
หลังจากเข้มขอตัวกลับ ธงรบก็พูดในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาแทบจะที “ข้าขอโทษเรื่องที่ทำให้เอ็งมีแผลเป็น จนต้องเลิกเป็นพระเอก” คำขอโทษนั้นหนักแน่นเผื่อไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรหลายต่อหลายอย่าง เพราะถึงวันนี้เจตน์จะไม่มีบาดแผลบนใบหน้าให้เห็น แต่เขาเชื่อว่าบาดแผลตามลำตัวของเจตน์ต้องยังคงอยู่
“ตอนข้าเป็นได้แค่ดาวร้าย ข้าก็อยากเป็นพระเอกแบบเอ็ง” ธงรบสารภาพ “เพราะข้าหลงเชื่อชาติ เลยทำให้เอ็งต้องเสียโฉม มีรอยแผลเป็น”
“เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว ไอ้คมมันเคยเล่าให้ข้าฟัง…” เจตน์ยิ้ม “แล้วถ้าไม่มีเอ็ง วันนั้นข้าก็คงต้องขับรถคันนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตอยู่มาคุยกับเอ็งแบบวันนี้ไหม…”
“ข้าขอโทษเรื่องน้องขวัญด้วย” ธงรบรีบพูดเพราะรู้ว่าเพื่อนคงโกรธที่สุดท้ายเขาก็เหมือนคนที่หักหลังเพื่อนเรื่องความรัก
“ใครบอกว่าข้าโกรธเอ็งเรื่องน้องขวัญ” เจตน์มองธงรบด้วยความประหลาดใจ “ข้ารู้ว่าเอ็งชอบเขา…และรู้ว่าเขาก็มีใจให้เอ็งนะธง…และข้าก็ไม่ได้ดื้อดึงจนมองไม่เห็นอะไร”
เจตน์เล่าให้ธงรบฟังถึงวันที่เขาเริ่มเอะใจกับอาการเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องขวัญชีวา จนต้องมาบ่นให้เขาฟัง และพยายามหาวิธีช่วยเธอจากเสี่ยกำจร และสายตาที่ขวัญชีวามีให้ธงรบในยามที่ทั้งคู่เอาแต่ต่อล้อต่อเถียงกันไปมา เมื่อเธอชนะ แววตาเธอก็เต็มไปด้วยความสนุก ยามเอาชนะธงรบไม่ได้สายตาก็เต็มไปด้วยความน้อยใจและตัดพ้อ
“และถ้าเผื่อเอ็งยังไม่รู้…ข้ากับน้องขวัญเราคุยกันเข้าใจแล้วก่อนที่เขาจะทิ้งเอ็งไปเรียนต่อเมืองนอก”
“เขาไม่ได้ทิ้งข้า…เอ็งใช้คำผิด” ธงรบแก้อย่างไม่ยอม
“เออ…นั่นแหละ ก่อนวันที่เขาจะไป ข้าเคยขอที่อยู่จากเขาหวังว่าจะได้มีโอกาสเขียนจดหมายหาเขาบ้าง เขาก็มีทีท่าลำบากใจ ข้าก็พอเดาได้ เลยถามเขาตรงๆ ว่าเขาชอบเอ็งใช่ไหม เขาก็นิ่งไป ข้าก็เลยเปลี่ยนเป็นขอที่อยู่เพื่อเขียนจดหมายหาเขาในฐานะพี่ และเพื่อนที่ดีคนหนึ่งแทน แต่เขาตอบจดหมายข้าแค่สองครั้งเท่านั้น แต่ละครั้งก็ตอบแค่สั้นๆ” สิ่งที่เจตน์เล่าทำเอาธงรบถึงกับยิ้มกว้างเพราะมันเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน
ทีนี้เอ็งฟังข้าบ้าง” เจตน์นิ่งมองธงรบ
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหายไปจากชีวิตพวกเอ็ง…ตอนนั้นแม่ข้าป่วยหนัก…ข้าอยากดูแลใช้เวลาอยู่กับเขา”
“เอ็งก็เลยตัดสินใจเลิกเป็นพระเอกงั้นรึ….แล้วทำไมเอ็งไม่บอกข้า” ธงรบตัดสินใจพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตครั้งหลังสุด ที่ที่เขาแน่ใจแล้วว่ามันไม่ใช่ความฝัน จากรูปถ่ายในวันงานที่ได้มาใบนั้น
“ข้าไม่อยากให้เอ็งมาร้อนใจกับเรื่องของข้า…นานวันเข้าข้าก็ไม่กล้าติดต่อไป เอ็งเองก็กำลังมีชื่อเสียง…แล้วข้าดีใจนะที่เอ็งมีครอบครัวที่ดี…และข้าก็ติดตามผลงานเอ็งตลอด”
“แล้วครอบครัวเอ็งล่ะ” ธงรบถามขึ้นด้วยความอยากรู้
เจตน์ชี้ไปยังเด็กๆ 3 คนที่วิ่งเล่นกันอยู่บริเวณลานหน้าบ้าน “…นั่นหลานข้า…”
“…หลังแม่ข้าตายได้สองปี ข้าก็แต่งงานกับพยาบาลที่คอยดูแลแม่ และตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ข้าสนุกกับการเป็นเกษตรกรในแบบที่พ่อแม่ข้าเป็น และข้าก็มีความสุขดี” เจตน์ยิ้มกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความสุขอย่างที่พูด ไม่ต่างไปจากธงรบที่เวลานี้ความทุกข์และความรู้สึกผิดที่เคยเกาะกินหัวใจได้อันตรธานหายไป เมื่อรู้ว่าเพื่อนรักตรงหน้ามีชีวิตที่ดี
ภาพชายชรา 2 คนบนสะพาน ที่กำลังยืนมองเด็กๆ เล่นน้ำอย่างสนุกสนานอยู่ในลำธาร เสียงหัวเราะด้านล่างทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก ที่เคยวิ่งซนไปตามแนวป่า ถือกระป๋องเหยื่อและวางคันเบ็ดตกปลา เวลาเดินเร็วจนน่าใจหายและเวลาก็เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งรอบตัวไปมากมาย
“เอ็งเคยนึกเสียดายบ้างไหมที่ไม่ได้เป็นพระเอก” ธงรบเอ่ยถามชายชราข้างตัวด้วยความอยากรู้
“ข้าเชื่อว่าทุกคนมีทางแยกในชีวิตให้เราต้องตัดสินใจเลือกเสมอ…” เจตน์พูดอย่างคนที่เข้าใจชีวิต “เราก็ไม่รู้หรอกว่าทางที่เราเลือกมันจะดีหรือไม่ดี แต่ถ้าเราเลือกมันแล้ว…ก็แค่ทำให้ดี…”
“นั่นคือส่วนที่ยากที่สุดเลยรู้ไหม…ยากกว่าตอนเลือกอีก” ธงรบหัวเราะเมื่อนึกถึงตอนเขาอยากเป็นพระเอกแล้วพยายามทำมันให้ดี จนเรียกได้ว่าเกือบจะพังคามือ
“ข้ายังจำที่เอ็งพูดบนเวทีวันนั้นได้นะ และข้าก็อยากจะบอกเอ็งต่อด้วยว่า มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะเป็นพระเอก เป็นดาวร้าย หรือเป็นตัวตลกในชีวิตใคร แต่สุดท้ายเราต้องเป็นพระเอกในชีวิตจริงของเราให้ได้”
“ข้าเสียใจด้วยเรื่องน้องขวัญ” เจตน์พูดขึ้น…ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาติดตามข่าวคราวของทั้งคู่เสมอๆ และรู้ดีว่าในช่วงเวลานั้นเพื่อนเขาคงเศร้าเสียใจไม่น้อยกับการจากลา
ธงรบพยักหน้าแทนคำขอบคุณ “ข้าดีใจนะที่อย่างน้อยข้าก็ได้เป็นพระเอกในชีวิตเขา” สายตาที่เริ่มฝ้าฟางทอดสายตามองไกลไปยังเทือกเขาลูกเดิมที่ตระหง่านใต้แผ่นฟ้ากว้าง พร้อมยิ้มให้กับตัวเอง แค่ชั่วพริบตาอะไรก็เปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นได้เสมอ
จากนี้ไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย เขาไม่อาจรู้ได้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายแค่ไหนให้ต้องเจอ แต่ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้ายอย่างน้อยเมื่อเขาได้เจอขวัญชีวาอีกครั้ง หวังว่าเธอยังคงสนุกกับการรอฟังเรื่องของเขา และเขาก็พร้อมที่จะบอกเธอด้วยว่า เขาได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างดีเหมือนเมื่อครั้งที่มีเธออยู่ข้างๆ และมีความสุขกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างที่เธอปรารถนาแล้ว
ถึงขวัญชีวา…ผู้เป็นดังดวงใจ
นานแล้วที่พี่ไม่ได้เขียนจดหมายบอกเล่าอะไรเลย หวังว่าน้องขวัญคงให้อภัยพี่ ตอนนี้พี่ย้ายมาอยู่นครศรีธรรมราชแล้วนะ ลูกๆ 3 คนของเราค้านกันหัวชนฝาเลยทีเดียว เพราะไม่อยากให้พี่มา แต่ใครจะมาเอาชนะพี่ได้ พี่มันคนแก่หัวดื้อเหมือนที่น้องขวัญชอบบ่นนั่นละ ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตายความรู้สึกทุกข์ทรมานที่ต้องจากสิ่งที่รักมันก็เป็นความหนักที่ถ่วงหัวใจมนุษย์ให้ล้มลงได้เสมอ
ถึงน้องขวัญจะจากไปแต่พี่อยากจะบอกว่าเรื่องของเรายังไม่จบหรอกนะ เพราะพี่ยังมีเรื่องที่จะเล่าให้น้องขวัญฟังอีกเยอะ อย่างน้อยๆ ตอนนี้พี่ก็ได้เวลาที่หล่นหายไป 50 กว่าปีกลับมา การได้เจอเจตน์ ได้เจอเพื่อนเก่าๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่มันทำให้เรากลายเป็นคนแก่ที่มีเรื่องคุยกันเยอะแยะไปหมด อ้อ…อีกไม่กี่วันคมเดชก็คงจะหอบผ้าหอบผ่อนตามพี่มาหาเจตน์ที่นี่ด้วยอีกคน ต่อไปเราคงเป็นสมาคมคนแก่ที่คุยกันแต่เรื่องเก่าๆ
พี่อยากให้น้องได้รู้จักกับคุณภาวิณี ภรรยาของเจตน์ อายุอานามก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับน้องขวัญ รายนั้นดูเรียบร้อยเก่งการบ้านการเรือน แต่เวลาดุขึ้นมาก็ทำเอาเจ้าเจตน์กับบรรดาลูกๆ หลานๆ หงอไปเลย ตอนนี้เจ้าธีร์กับเจ้าธฤติหลานของเราคอยมาช่วยเป็นธุระปรับปรุงบ้านหลังเก่าของพี่ให้เป็นแบบที่เด็กๆ มันเรียกกันว่ามินิมอล โดยเฉพาะเจ้าธีร์ พระเอกของน้องขวัญ เดาว่าอีกหน่อยคงได้ไปๆ มาๆ กรุงเทพฯ-นครศรีฯ บ่อยกว่าใคร เพราะดันไปถูกตาต้องใจหลานสาวคนเล็กของเจตน์เข้าให้ แถมรายนั้นก็ดูจะไม่นิยมชมชอบดาราสักเท่าไร บรรดาปู่ๆ ทั้ง ปู่ธง ปู่เจตน์ ปู่คม และปู่เข้มก็ได้แต่วางแผนเอาใจช่วย เพราะปู่ธงกับปู่เจตน์ก็อยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน จะว่าไปช่วยวัยรุ่นมีคู่นี่มันยากเหมือนกันนะ สงสัยพ่อพระเอกของน้องคงต้องกลายมาเป็นผู้ร้ายเหมือนพี่แล้วละอะไรๆ มันจะได้ง่ายขึ้น นึกแล้วก็คิดถึงตอนสมัยอากงเล้งของน้องขวัญวางแผนจับคู่ให้พี่ไม้กับน้องรุ้งน้องสาวพี่เทอด กว่าคู่นั้นจะลงเอยกันได้ทำเอาคนอยู่ข้างสนามอย่างเราลุ้นจนเหนื่อย พี่ว่าต่อไปพี่คงมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้น้องขวัญฟังอีกบ่อยๆ เป็นแน่
สุดท้ายนี้พี่อยากขอบคุณในความรักที่น้องขวัญมอบให้ ขอบคุณทุกๆ วินาทีที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตราบจนลมหายใจสุดท้าย และพี่จะรักษาสัญญาของเราตลอดไป
ด้วยรักและรอคอยที่จะได้พบกัน
ธงรบ
– จบบริบูรณ์ –
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 20 : ความกล้าในหัวใจ (จบบริบูรณ์)
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 19 : พระเอกในใจ ดาวร้ายในจอ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 18 : หนังที่ถ่ายไม่จบ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 17 : ปราณี ก้องเกียรติเกรียงไกร
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 16 : ใต้หน้ากาก
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 15 : วิมานพยัคฆ์
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 14 : วงล้อแห่งกาลเวลา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 13 : อุบัติเหตุ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 12 : รอยแผลเป็น
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 11 : ดาวร้าย
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 10 : ชาติชาย
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 9 : แผนการ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 8 : กำจร ก้องเกียรติเกรียงไกร
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 7 : คำสารภาพ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 6 : แรกพบ
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 5 : ธงรบ-ขวัญชีวา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 4 : จอมใจไกลปืนเที่ยง
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 3 : ทางเดินชีวิต
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 2 : เจตน์ เทพเทวา
- READ พระเอกในใจตัวร้ายในจอ บทที่ 1 : ดาวร้ายในดวงใจ