ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ บทที่ 3 : ไลน์ส่วนตัว
โดย : จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท
ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ โดย จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท หนึ่งในผลงานจากโครงการช่องวันอ่านเอา กับเรื่องของ ปลายฟ้า หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมกับวิญญาณสามดวงในร่างเดียว เธอและพี่น้องผลัดกันใช้ร่างกายเดียว แล้วทุกสิ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อดวงวิญญาณดวงหนึ่งเกิดหายสาบสูญ นิยายออนไลน์ที่อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
‘จันทร์ รุ้ง เย็นวันพุธหน้าพี่มีนัดเรื่องงาน หลังเลิกงานแล้วจันทร์เปลี่ยนมาให้พี่คุมแทนเลยนะ แล้วก็รุ้ง พุธนี้พี่ขอร่างถึงดึก รุ้งงดออกไปเที่ยวสักวันแล้วกัน บอกไว้ก่อนว่างดไปเลยหลายๆ วันจะดีมาก เพราะร่างกายมันเหนื่อย แทบจะไม่ไหวแล้ว คืนวันอังคารงดด้วยก็ดี อยากนอนเร็วน่ะ จะได้ผิวดี ยังไงวันอังคารพี่ขอเป็นคนเข้านอนกับเป็นคนตื่นนะ พี่จะได้เลือกชุดไปพบบริษัทคู่ค้า โอเคมั้ย’
วันเสาร์ เปลวรุ้งอ่านข้อความที่พี่สาวส่งมาแล้วเหยียดยิ้มอย่างสะใจ ปลายฟ้าคงยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกสลับเวลานัด
หญิงสาวกดออกจากหน้ากรุ๊ปก่อนจะเข้าไปพิมพ์ข้อความส่วนตัวหาประกายจันทร์
‘จันทร์ วันพุธที่พี่ฟ้าเขาจะแต่งตัวเอง เดี๋ยวพอสายๆ เขาก็คงสลับให้จันทร์ทำงานอย่างเคยแหละ แต่พี่นี่สิ ถ้าไม่ได้ออกไปเที่ยว ตอนกลางวันก็อยากยืดเส้นยืดสายสักหน่อย จันทร์สลับให้พี่ออกมาทำงานได้ไหม แล้วเดี๋ยวเวลาเลิกงานพี่สลับไปให้พี่ฟ้าเองจ้า อย่าลืมลิสต์ไว้นะว่าพี่ต้องทำงานอะไรบ้าง’
เธอพิมพ์บอกน้องไปในสไตล์พี่สาวใจดีเต็มพิกัด หวังว่าประกายจันทร์จะยอมทำตามโดยไม่มีบิดพลิ้วเหมือนทุกหน ซึ่งเธอแน่ใจว่าน้องสาวจะทำแน่ๆ ประกายจันทร์เคยขัดคำสั่งพวกเธอเสียเมื่อไหร่
วันนี้วันเสาร์ เป็นวันหยุด โดยปกติพวกเธอจะสลับวันหยุดกันคนละหนึ่งวัน วันอาทิตย์เมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นคราวของปลายฟ้าแล้ว เสาร์นี้จึงเป็นรอบของเธอ และวันพรุ่งนี้จะเป็นของน้องสาว
เปลวรุ้งนัดกับเคนทร์ไว้ว่าจะออกไปนั่งชิวด้วยกันที่คาเฟ่ในห้าง เธอจึงลุกขึ้นจากเตียงมาแต่งตัวอย่างเกียจคร้าน
เริ่มจากยัดตัวเองลงไปในเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์ที่ไหล่ตกแต่ความยาวปิดถึงแค่หน้าอก โชว์เอวขาวๆ ให้ชาวโลกได้เห็น กับกางเกงยีนส์พอดีตัวและรองเท้าผ้าใบ เพียงเท่านี้ลุคของเธอก็พร้อมสำหรับการออกไปห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน
ใช้เวลาไม่นานแกร็บก็พาเธอไปส่งถึงที่หมาย เปลวรุ้งนัดเคนทร์ที่ร้านชานมเปิดใหม่ เป็นร้านที่มีชื่อเสียงในอินเทอร์เน็ต
เปลวรุ้งขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง ก่อนจะกวาดตามองหาสัญลักษณ์รูปหมีกอดแก้วที่เป็นโลโก้ของร้าน เมื่อเห็นร้านที่เป็นจุดนัดหมาย เธอก็รีบสาวเท้าเข้าไป
ภายในร้านตกแต่งด้วยสีเหลืองสลับน้ำตาลเข้ากับสีของชานมไข่มุก ที่มุมหนึ่งของร้าน เคนทร์ เพื่อนหนุ่มของเธอนั่งจองโต๊ะรอท่าอยู่แล้ว เขาเอนร่างพิงเบาะเก้าอี้สีเขียวเข้ม เบื้องหน้าเขามีแก้วชาหนึ่งแก้ว พอเธอเดินไปนั่ง เคนทร์ก็รีบบอก
“มาพอดี ฉันยังไม่ได้สั่งไอศกรีมเพราะรอแก กลัวมันจะละลายก่อน อันนี้น่ากินมากดูสิ”
เคนทร์เลื่อนเมนูซึ่งเปิดกางหรามาให้ พลางชี้ชวนให้ดูไอศกรีมถ้วยยักษ์ประดับวาฟเฟิลและชอคโกแลตที่ดูน่ารับประทาน
“เราสั่งอันนี้มาแบ่งกันได้มั้ย ถ้วยมันใหญ่ กลัวกินคนเดียวไม่หมด” เพื่อนชายทำเสียงออดอ้อน
“เอาสิ แกมารอนานหรือยังเนี่ย” เปลวรุ้งถาม
“เพิ่งมาได้สิบนาที” เคนทร์ดันเมนูมาทางเธอ “เลือกชาสิแก มีหลายแบบมาก ละลานตาเว่อร์ๆ”
เปลวรุ้งเปิดเมนูและมองหาชานมที่เธอเห็นโฆษณาในอินสตาแกรมของร้าน ก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งชา พร้อมทั้งสั่งไอศกรีมให้เคนทร์ด้วยตามที่เพื่อนประสงค์ เปลวรุ้งรู้ว่าเคนทร์พูดว่าแบ่งกันไปอย่างนั้นแหละ เผลอแผลบเดียวเพื่อนเธอก็จะเขมือบหมดชามโดยไม่ต้องรอให้ใครช่วยด้วยซ้ำ
หญิงสาวเดินกลับมาพร้อมเครื่องมือทรงกลมแบนสีดำซึ่งจะสั่นเมื่อออเดอร์ของเธอถูกเตรียมเรียบร้อย เธอวางอุปกรณ์นั้นลงบนโต๊ะแบบไม่ใส่ใจนัก พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“คืนวันอังคารกับพุธฉันออกไปไม่ได้นะแก บอกไว้ก่อน” เธอบอกเคนทร์พลางจ้องดูโทรศัพท์มือถือ
“เออ พักบ้างก็ได้ ร่างจะแหลกแล้ว เต้นตลอด แฮงค์ตลอด รู้สึกเหนื่อยล้า ความแก่เริ่มมาเยือน” เคนทร์พูดพลางก็หัวเราะเสียงดัง
เสียงหัวเราะของเคนทร์ดึงดูดลูกค้าอีกโต๊ะหนึ่งให้หันมามอง ลูกค้าโต๊ะนั้นเป็นผู้หญิงสองคนที่กำลังจะลุกออกจากร้านพอดี เมื่อพวกเธอหันมาเห็นเปลวรุ้งที่นั่งหน้าเชิดไถโทรศัพท์อยู่ หนึ่งในนั้นก็ส่งเสียงทัก
“อ้าว พี่ฟ้า สวัสดีค่ะ”
เปลวรุ้งเงยหน้ามาเห็นมุนินกำลังยืนกำแก้วชานมไข่มุกอยู่ตรงหน้า ท่าทางมุนินดูนอบน้อมและเป็นมิตร เหมือนคนทั่วไปยามที่ทักทายเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่
“สวัสดี นิน มาเที่ยวเหรอ”
“ใช่ค่ะ มากับเพื่อนสมัยเรียน” มุนินหันไปแตะแขนเพื่อนสาวที่ยืนใกล้เบาๆ เพื่อนอีกคนของมุนินแต่งตัวเรียบร้อย สวมแว่น ท่าทางจะเป็นหนอนหนังสือ เป็นเพื่อนที่ดูเหมาะสมกับมุนินที่มีบุคลิกเงียบๆ เป็นอย่างมาก สาวรุ่นน้องพูดอะไรกับเพื่อนนิดหน่อยก่อนจะหันมามองเปลวฟ้ากับเคนทร์แล้วผงกหัวให้ “นินไปก่อนนะคะ พี่ฟ้าตามสบายเถอะค่ะ”
แล้วสองสาวก็เดินลับหายไปทางประตูร้าน ทิ้งเปลวรุ้งไว้กับเคนทร์และข้อสงสัยที่ลอยคว้างอยู่ในอากาศ
“ทำไมน้องคนนั้นถึงเรียกแกว่าฟ้าอะ”
เปลวรุ้งตาลุกวาวทันที ที่ผ่านมาเคนทร์ไม่เคยเจอใครจากที่ทำงานของเธอเลย และเธอก็แนะนำตัวเองในฐานะเปลวรุ้งมาตลอด เมื่อมาเจอะกับมุนินที่เรียกเธอว่าฟ้า ก็ไม่แปลกที่เพื่อนซี้อย่างเคนทร์จะเกิดความสงสัย
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ชะโงกข้ามโต๊ะมองหน้าเคนทร์แล้วตอบไปเสียงเย็นๆ
“แกไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก ไม่ว่าจะเพราะอะไร ฉันคนที่แกรู้จักก็คือรุ้ง เปลวรุ้ง ฉันอยากให้แกรู้จักฉันในนามเปลวรุ้ง แกเข้าใจมั้ย”
สิ่งที่เธอพูดออกไปคือความปรารถนาจากส่วนลึกในหัวใจของเปลวรุ้ง เธอเบื่อเหลือเกินที่ต้องมาคอยใช้ชีวิตเป็นพี่สาว ถูกเรียกว่า ฟ้า ปลายฟ้า มาตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียนจนเติบโตมาได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาเธอหวังมาตลอดว่าใครสักคนจะได้รู้จักตัวจริงของเธอ รู้ว่าเธอคือเปลวรุ้ง ไม่ใช่ปลายฟ้า และเรียกขานเธอด้วยชื่ออันแท้จริง
การสร้างโลกที่แยกออกมาจากที่ทำงาน โลกของนักเที่ยวกลางคืน และมีเพื่อนอย่างเคนทร์ซึ่งรู้จักเธอในนาม ‘รุ้ง’ คือสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความปรารถนาในหัวใจของเปลวรุ้ง
ท่าทางจริงจังและเสียงขู่ฟ่อราวกับงูของเปลวรุ้งทำให้เคนทร์ตัดสินใจยอมทำตามนั้น เขาพยักหน้าแล้วพูดเสียงเบา “เออๆ แบบนั้นก็ได้ ฉันก็เรียกแกว่ารุ้งจนติดปากแล้ว อยู่ดีๆ จะมาเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นก็คงไม่ใช่อะนะ”
เครื่องมือรอคิวรูปทรงกลมแบนสั่นขึ้นมาเป็นสัญญาณว่าเครื่องดื่มและขนมหวานพร้อมแล้ว เปลวรุ้งลุกขึ้น คว้าอุปกรณ์นั้นแล้วเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ เพียงครู่เดียวเธอก็เดินกลับมาพร้อมกับชานมหนึ่งแก้วและไอศกรีมถ้วยใหญ่ เธอวางมันลงที่โต๊ะ ทำท่าเหมือนอยากปัดการสนทนาเมื่อครู่นี้ให้ละลายหายไปในอากาศ แต่เคนทร์กลับทำหน้าตาเหมือนท้าทาย ขณะเลื่อนโทรศัพท์มือถือของเขาข้ามโต๊ะมาทางเธอ
เปลวรุ้งตัวแข็งทื่อ เพราะบนหน้าจอของเคนทร์กำลังแสดงหน้าอินสตาแกรมของปลายฟ้า
ในขณะที่เธอและประกายจันทร์ต้องล็อคไอจีของตัวเองอย่างแน่นหนา ปลายฟ้ากลับอัพภาพสวยๆ ลงไอจีเปิดสาธารณะไปทั่วอย่างไม่ต้องกลัวอะไร เพราะเธอถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของร่างที่มีชื่อเสียงเรียงนามตามกฎหมาย จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
ความรู้สึกไม่พอใจคุกรุ่นอยู่ในอกของเปลวรุ้ง เธอเงยหน้าขึ้นจ้องเพื่อน ในแววตามีความดุร้ายเหมือนพร้อมจะฉกกัดหากเคนทร์พูดอะไรให้เธอไม่พอใจ
“นี่ ฉันจะบอกว่า ฉันรู้มานานแล้วว่าแกมีอีกไอจีที่เปิดเป็นสาธารณะ แต่ฉันก็เข้าใจว่าแกอาจจะอยากแยกโลกหน้าที่การงานออกจากโลกส่วนตัวตอนไปเมา ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแกนะ ตอนอยู่ที่ทำงานฉันก็ไม่ได้ออกตัวว่าเป็นเกย์เหมือนกัน แค่อยากบอกไว้น่ะว่าฉันเข้าใจ คนที่ทำแบบนี้ก็มีเยอะแยะ พวกใช้ชื่อปลอมในทวิตเตอร์ก็เห็นเยอะไป แกอย่าคิดมากเลย”
คำพูดของเพื่อนทำให้เปลวรุ้งสงบลง เธอพยักหน้าแล้วตอบว่า “เออ ถ้าแกเข้าใจก็แล้วไป ขอบใจนะ”
“เพื่อนกัน แค่นี้ให้กันได้อยู่แล้ว” เคนทร์ยิ้ม เอื้อมมือมาดึงถ้วยไอศกรีมไปวางตรงหน้าตนแล้วเริ่มตักเข้าปากกินคนเดียวเหมือนลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่บอกเปลวรุ้งว่าให้ซื้อมาแบ่งกันเพราะกลัวจะกินไม่หมด
เช้าวันอาทิตย์ ประกายจันทร์ตื่นขึ้นมา เธอควานมือไปยังโต๊ะข้างเตียงซึ่งมีโทรศัพท์มือถือวางอยู่สามเครื่อง หญิงสาวคว้าเครื่องของตัวเองมากด แล้วจึงได้เห็นข้อความในไลน์กลุ่ม ส่งมาจากเปลวรุ้ง พี่สาวคนที่สอง
‘เมื่อวานเจอนินที่ห้างสรรพสินค้า น้องเข้ามาทักในร้านชานมไข่มุก ยังไงถ้าวันจันทร์ไปทำงานก็อย่าลืมล่ะ เผื่อน้องพูดถึงเรื่องนี้’
ประกายจันทร์จัดการจดจำมันไว้ในหัวสมอง พวกเธอสามพี่น้องต้องคอยรายงานกันเสมอเวลามีเหตุการณ์อะไรที่คนอื่นๆ ต้องรับรู้ แต่เรื่องเหตุการณ์ชาเย็นกับอเมริกาโน่ของเด่นภูมิกับตนุภัทร ประกายจันทร์ยอมรับว่าเธอลืมบอกพวกพี่ๆ ไป เพราะวันนั้นเธอเพลียมากไปหน่อยเลยรีบเตรียมชุดเสื้อผ้าแล้วเข้านอน ไม่ได้พิมพ์ไลน์สถานการณ์ไว้ให้พี่ปลายฟ้า
แต่เรื่องนินคงไม่มีปัญหาอะไร ประกายจันทร์นึกพลางบิดขี้เกียจบนเตียง วันนี้วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของเธอ ปกติพี่ๆ มักใช้วันหยุดของตัวเองออกไปท่องเที่ยวหรือซื้อเสื้อผ้าของใช้ แต่อาทิตย์นี้ประกายจันทร์รู้สึกเหนื่อยมากเลยคิดจะอยู่บ้านเฉยๆ น่าจะดีกว่า
อยู่บ้านทำอะไรดี เธออยากจะทำอาหารง่ายๆ ใส่กล่องไว้สำหรับไปกินตอนพักกลางวันของวันจันทร์ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะเสียโอกาสได้ไปกินข้าวกลางวันกับตนุภัทรหรือเปล่าหนอ
ยังไม่ทันตัดสินใจเสร็จ โทรศัพท์มือถือของปลายฟ้าที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ส่งเสียงขึ้นมา ประกายจันทร์จับพลิกดูและเห็นว่ามีข้อความมาจากตนุภัทร
เธอขมวดคิ้ว ปลายฟ้าใช้ลายนิ้วมือของนิ้วชี้ขวาในการปลดล็อคโทรศัพท์ พวกน้องๆ ต่างรู้เรื่องนี้ดี เพราะเวลาที่คนอื่นๆ ในออฟฟิศจะติดต่องาน พวกเขาก็จะติดต่อมาหาปลายฟ้า ดังนั้นเปลวรุ้งและประกายจันทร์จึงมักกดเข้าไปอ่านข้อความของปลายฟ้าอยู่บ่อยๆ เพื่อรับสารเรื่องงานต่างๆ
คราวนี้ข้อความของตนุภัทรดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องงาน เพราะเมื่อเธอกดเข้าไปอ่าน ตัวอักษรบนหน้าจอก็ขึ้นว่า
‘วันหยุดเป็นไงบ้าง ได้ไปเที่ยวไหนมั้ย’
ประกายจันทร์ครุ่นคิดชั่วขณะก่อนตอบไปว่า
‘เมื่อวานออกไปห้างกับเพื่อนน่ะค่ะ’
เธอตอบไปแบบนั้น เผื่อเมื่อวานนี้ตนุภัทรบังเอิญผ่านไปเจอเปลวรุ้งกับเคนทร์ คำตอบของเธอจะได้ไม่ขัดกันกับเหตุการณ์ที่เขาประสบ
‘พี่ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่บ้านเบื่อๆ’
ประกายจันทร์กุมโทรศัพท์มือถือไว้ด้วยหัวใจเต้นรัว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังขวนเธอคุย และเธอเองก็อยากคุยเล่นกับตนุภัทรอยู่หรอก ทว่าถ้าปลายฟ้าหรือเปลวรุ้งมาเห็นข้อความนี้เข้า เธอจะต้องถูกพวกพี่ดุแน่ๆ เพราะหนุ่มในดวงใจของพวกพี่สาวคือเด่นภูมิ พนักงานธรรมดาที่ไร้ความโดดเด่นในออฟฟิศอย่างตนุภัทรไม่ใช่คนที่พวกพี่สาวอยากเฟลิร์ตด้วยเลยสักนิด
จะทำอย่างไรดีหนอ หญิงสาวนึกรวดเร็วแล้วรีบกดแชร์ไลน์ส่วนตัวของตนเองที่ชื่อ ‘ประกายจันทร์’ ลงในหน้าแชท แล้วพิมพ์เสริมว่า
‘พี่ภัทรแอดไลน์นี้มาได้มั้ยคะ ปกติไลน์ชื่อปลายฟ้าจะเอาไว้คุยงาน แต่ไลน์อันนี้ไว้คุยส่วนตัวค่ะ’
‘ตกลงครับ’
ดูเหมือนตนุภัทรจะยินดีที่ได้ไลน์ส่วนตัวของหญิงสาว ไม่ทันถึงนาที โทรศัพท์ของประกายจันทร์ก็ส่งเสียงเตือนว่ามีคนทักมา หญิงสาวกดรับแอดตนุภัทร ก่อนจะหันมาคว้าโทรศัพท์สีทองของปลายฟ้า แล้วจัดการลบข้อความที่คุยกับตนุภัทรออกทั้งหมดเพื่อไม่ให้พี่สาวได้รับรู้
ระหว่างที่กำลังลบข้อความ ตนุภัทรก็พิมพ์เข้ามาในโทรศัพท์เครื่องสีชมพูของเธอ
‘ทำไมไลน์ส่วนตัวถึงได้ตั้งชื่อนี้เหรอครับ’
“จะบอกยังไงดีล่ะเนี่ย…บอกว่าเป็นนามแฝง…ฟังดูเหมือนสายลับ หรือจะบอกว่า เขาเรียกอะไรนะ…นามปากกา!” หัวสมองประกายจันทร์คิดอย่างรวดเร็วแล้วพิมพ์ไปว่า
‘ช่วงหลังนี่ฉันฝึกเขียนนิยายน่ะค่ะ อันนี้เป็นนามปากกา น่าอายจังเลย’
‘ฟ้าเขียนเรื่องแนวไหน ส่งมาให้พี่อ่านบ้างสิ’
‘เรื่องรักใคร่ของผู้หญิงน่ะค่ะ ไร้สาระ พี่ภัทรอย่าอ่านเลย’
ประกายจันทร์โกหก เธอไม่ได้แต่งนิยายหรืออะไรทั้งนั้น เพียงแต่พยายามหาเหตุผลให้การที่ตัวเองมีหลายชื่อเท่านั้น แต่ตนุภัทรกลับเห็นเป็นเรื่องน่าสนุก
‘งั้นต่อไปนี้ผมเรียกฟ้าว่าประกายจันทร์ดีกว่า เพราะดี’
ถึงแม้ชายหนุ่มจะแค่อยากแซวเล่น แต่มันก็ทำให้หญิงสาวดีใจมาก เธอไม่คิดมาก่อนว่าชายที่เธอหลงชอบจะมีวันเรียกเธอด้วยชื่อจริง ไม่ใช่ชื่อฟ้าที่เป็นของพี่สาว
‘ก็ได้ค่ะ แต่อย่าเรียกในออฟฟิศนะคะ เดี๋ยวคนอื่นจะล้อเอา’
‘เรียกแค่ในไลน์นี้ก็ได้ครับ’
‘ได้ค่ะ’
‘ประกายจันทร์ครับ กินข้าวเช้ารึยังเอ่ย’
สิ่งที่ตนุภัทรพิมพ์มาทำเอาหญิงสาวอดหน้าแดงไม่ได้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือมากอดแนบอก ตนุภัทรอายุมากกว่าเธอ แต่อยู่ในตำแหน่งของแผนกที่ต่ำกว่า ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นรุ่นพี่เสมอ ที่ผ่านมาเขาวางตัวเป็นรุ่นพี่ที่แสนดี เข้าถึงง่าย ไม่เคยถือตัวเลย แต่ดูเหมือนวันนี้เขาจะทำตัวยิ่งกว่าความเป็นรุ่นพี่ ทำเอาหญิงสาวเขิน เกิดอาการไปไม่เป็นขึ้นมา
ทีแรกเธอนั่งกดโทรศัพท์พิมพ์คุยอยู่บนเตียง แต่พอถูกหยอดแบบนี้ก็เขินจนต้องเดินวนไปวนมาในห้องนอน
‘ยังเลยค่ะ เพิ่งตื่นนอน พี่ภัทรล่ะคะ’
‘ว่าจะสั่งอะไรเข้ามากิน หอพี่ไม่มีครัว’
‘นึกว่าพี่ภัทรอยู่บ้านกับคุณพ่อคุณแม่เสียอีกค่ะ’
‘พี่อยู่หอพักกับพี่ชายน่ะ พ่อแม่พี่เสียนานแล้ว’
‘ตายจริง ขอโทษนะคะ’
‘ไม่เป็นไรหรอก แต่เพราะอยู่กันผู้ชายสองคน เลยไม่มีใครทำกับข้าวน่ะสิ’
ประกายจันทร์อดคิดไม่ได้ว่าหากชายหนุ่มวัยทำงานสองคนต้องมาแออัดกันอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าหอพัก ไม่ใช่คอนโดฯ หรืออพาร์ทเมนต์ แปลว่าฐานะทางบ้านของตนุภัทรคงไม่ได้ดีนัก ความจริงเงินเดือนที่เธอได้ก็อยู่ในระดับพนักงานบริษัททั่วไป เงินของตนุภัทรก็คงพอๆ กัน ตัวหญิงสาวนั้นดีที่ไม่ต้องจ่ายค่าที่อยู่อาศัยเพราะอยู่กับพ่อแม่ แต่จำนวนเงินที่ว่า หลังหักค่าอาหาร ค่าเดินทาง (ในกรณีของตนุภัทรคงเป็นค่าน้ำมันรถ) แล้ว มันก็เหลือแค่นิดเดียว นี่คงเป็นสาเหตุให้ตนุภัทรมีเงินพอแค่เช่าหอพักถูกๆ อาศัยอยู่เท่านั้น
‘ความจริงทำอาหารกินคงประหยัดกว่า แต่พวกพี่ไม่มีใครทำเป็นเลย’
ชายหนุ่มพิมพ์เพิ่มมาแบบนั้น ประกายจันทร์นิ่งคิดแล้วพิมพ์ตอบไป
‘ฉันก็กำลังคิดว่าจะทำข้าวกล่องไปกินตอนพักกลางวันค่ะ น่าจะประหยัดเงินกว่า’
‘แบบนั้นใครจะกินเป็นเพื่อนพี่ที่ศูนย์อาหารล่ะเนี่ย’
‘งั้นไม่ทำข้าวกล่องไปก็ได้ค่ะ’
‘แหม ใจดีจัง อุตส่าห์ยอมกินข้าวเป็นเพื่อนด้วย’
ประกายจันทร์เดินวนไปวนมา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ก่อนจะหยุดชะงักแล้วพึมพำออกมาว่า “แต่แบบนี้…แล้วพวกพี่ๆ กับคุณเด่นภูมิล่ะ”
หญิงสาวก้มมองมือถือตัวเองทำท่าคิด หากเธอสนิทกับตนุภัทรมากเข้าๆ ส่วนพวกพี่สาวก็พยายามแวะเวียนไปจีบเด่นภูมิ แบบนี้จะมีปัญหาหรือเปล่า ความสับสนหลายอย่างวนเวียนอยู่ในอก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีจึงจะถูกต้องในสถานการณ์แบบนี้
‘ฉันไปกินข้าวก่อนนะคะ หิวมากๆ แล้ว’
การพูดตัดบทเป็นอีกอย่างที่ประกายจันทร์ถนัดมาตั้งแต่ยังเล็ก เพราะมีหลายวิญญาณในร่างเดียว ทำให้มีความลับหลายอย่าง นำพาให้ต้องจบบทสนทนาอยู่บ่อยครั้ง
‘ได้ครับ ประกายจันทร์’
ตนุภัทรพิมพ์แซวมาอีกครั้ง หญิงสาวยิ้มออกมานิดหนึ่งทั้งที่ในดวงตายังมีรอยกังวล เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วลงไปข้างล่างเพื่อกินข้าวเช้า