ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ บทที่ 5 : ปลายฟ้ากับเด่นภูมิ

ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ บทที่ 5 : ปลายฟ้ากับเด่นภูมิ

โดย : จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท

Loading

ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ โดย จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท หนึ่งในผลงานจากโครงการช่องวันอ่านเอา กับเรื่องของ ปลายฟ้า หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมกับวิญญาณสามดวงในร่างเดียว เธอและพี่น้องผลัดกันใช้ร่างกายเดียว แล้วทุกสิ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อดวงวิญญาณดวงหนึ่งเกิดหายสาบสูญ นิยายออนไลน์ที่อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ปลายฟ้าเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยท่าทางคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้หัวคิ้วของเธอขมวดมุ่นเพราะความหงุดหงิดอันเกิดจากน้องสาวคนที่สอง เธอขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วจึงหันไปคุยกับสุดาที่กำลังกินข้าวเหนียวหมูทอดห่อใบตองเป็นอาหารเช้า

“เป็นไง”

“วันนี้ไม่มีเวลากินข้าวเช้าที่บ้านเลย ลูกมันจะไปทัศนศึกษา วุ่นแต่เช้า” สุดาที่มีลูกสาววัยห้าขวบตอบพลางเคี้ยวอาหารไปด้วย

“น้องเดียวถึงวัยไปทัศนศึกษาแล้วเหรอเนี่ย” ปลายฟ้ารำพึงขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “โรงเรียนเขาพาไปไหนล่ะ”

“พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์น่ะ แต่คงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก แค่ดีใจที่ได้ไปเที่ยว”

มุนินเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมกับหนังสือนิยายปกรูปการ์ตูนในมือ เธอวางมันลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยทักทายพี่ๆ “สวัสดีค่า”

“ไงนิน” สุดาทัก ส่วนปลายฟ้ายิ้มให้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด เธอกำลังไลน์หาประกายจันทร์ในไลน์ส่วนตัว

‘ต่อจากนี้คอยสลับพี่ให้ออกมาเวลาที่ต้องทำงานกับคุณภูมินะ’

หลังจากออกคำสั่งกับน้องแล้ว ปลายฟ้าก็สลับให้ประกายจันทร์ออกมาแทน น้องสาวคนสุดท้องโผล่ออกมาโดยที่กายเนื้อยังคงกำโทรศัพท์มือถือเครื่องสีทองของพี่สาวไว้ในมือ พอเห็นข้อความบนหน้าจอที่ยังไม่ได้ล็อค เธอก็ถอนหายใจยาวพลางยัดโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋า

มุนินมองมาแล้วเอ่ยปากถาม “วันนี้พี่ฟ้าเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูเครียดๆ จัง”

ประกายจันทร์ไม่แปลกใจ ปลายฟ้าคงดูเครียดเพราะเรื่องของเปลวรุ้ง ส่วนตัวเธอก็ไม่น้อยหน้า มีเรื่องให้หนักอกหนักใจเพราะตนุภัทร ความเครียดก็เลยฟ้องออกมาบนสีหน้าแบบนี้

“ไม่มีอะไรหรอก งานมันเยอะน่ะ” ประกายจันทร์ตอบแล้วหันไปเช็คตารางของตัวเองที่แปะติดไว้บนปฏิทินตั้งโต๊ะ

ดูเหมือนเช้านี้จะมีประชุมทีมของเธอกับเด่นภูมิ ความจริงปลายฟ้าขอให้เปลี่ยนตัวออกไปด้วยถ้าจะได้เจอบอส แต่กับการประชุมครั้งนี้มีรายงานสำคัญที่ประกายจันทร์อยากจะเป็นคนเข้าร่วมเองเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด เธอจึงตัดสินใจว่าจะเป็นคนเข้าประชุมแล้วค่อยให้ปลายฟ้าออกมาวันหลังจะดีกว่า

 

“วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องโปรเจ็คใหม่ของผลิตภัณฑ์รองเท้านะครับ ฝ่ายมาร์เก็ตติ้งเสนอมาว่าอยากให้ทำรองเท้าที่ลูกค้าสามารถเลือกสีสัน ดีไซน์ และรูปแบบของประดับตกแต่งต่างๆ ด้วยตัวเองได้ ความคิดนี้ทุกคนสนใจ จึงให้แผนกดีไซน์ลองออกแบบมาให้ดูกันครับ” เด่นภูมิเริ่มการประชุมด้วยท่าทางมั่นใจเหมือนทุกครั้ง เมื่อเขาพูดจบ พนักงานหญิงจากฝ่ายมาร์เก็ตติ้งก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“ความคิดนี้ทางมาร์เก็ตติ้งไม่ได้คิดกันขึ้นมาเองนะคะ น้องปลายฟ้า ทีมคุณภูมินั่นแหละค่ะที่ช่วยเสนอให้ เป็นความคิดที่ดีมากจริงๆ ทางดีไซน์เนอร์ส่งภาพมาให้ดูคร่าวๆ แล้ว คิดว่าต้องถูกใจลูกค้าอย่างแน่นอนค่ะ”

พนักงานสาวแต่งตัวจัดจากฝ่ายดีไซน์เนอร์เดินออกมาที่ด้านหน้าห้อง พลางกดเครื่องฉายข้ามศีรษะให้เปิด แสดงภาพรองเท้าที่ออกแบบไว้ขึ้นมาบนหน้าจอขนาดใหญ่

“ตามที่ร้องขอมานะคะ นักออกแบบของเรานำรองเท้าคัทชูที่มีอยู่เดิมมาปรับแบบ เพื่อที่ฝั่งโรงงานผลิตจะไม่ต้องปรับตัวเยอะค่ะ อย่างแรกเลยก็คือทำแคตตาล็อคหนังแบบต่างๆ ที่เรามี เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกเนื้อสัมผัสและสีของหนังที่ต้องการใช้ได้ หลังจากนั้นจะขึ้นรูปเป็นรองเท้าคัทชูที่สูงหนึ่งจุดห้านิ้ว ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ส้นหุ้มหนังหรือส้นลายไม้ค่ะ ส่วนเรื่องของประดับตกแต่ง” ดีไซน์เนอร์สาวกดภาพให้เปลี่ยนเป็นรูปโบว์และสายคาดรองเท้าแบบต่างๆ “จะสามารถเลือกได้ว่าอยากให้รองเท้ามีสายคาดหรือไม่ หรือจะติดโบว์ทางบริเวณด้านหน้าของรองเท้า มีโบว์ให้เลือกแบบมาตรฐาน แบบทรงสี่เหลี่ยม และโบว์ติดเพชรค่ะ นอกจากนี้ยังเลือกฉลุลายหัวใจแทนการติดโบว์ได้ด้วย หากโปรเจ็คต์นี้สำเร็จราบรื่น เราก็ยังสามารถเพิ่มรูปแบบของสไตล์ที่ให้ลูกค้าเลือกได้เรื่อยๆ เลยค่ะ”

เสียงปรบมือดังขึ้นมาจากทุกคนในห้อง เด่นภูมิหันมามองประกายจันทร์และพยักหน้าให้เธออย่างพึงพอใจ

“เดี๋ยวก่อนนะครับ” ตัวแทนคนหนึ่งจากฝ่ายขายถามขึ้นมา “แบบนี้รองเท้าที่ถูกส่งไปตามหน้าร้านจะเป็นยังไงล่ะครับ”

“รองเท้ารุ่นคัสตอมแบบนี้จะถูกขายผ่านเฟซบุ๊กและไอจีเท่านั้นค่ะ ตามหน้าร้านจะมีแค่รองเท้ารุ่นออริจินอลที่ออกแบบสำเร็จตามเดิม” มาร์เก็ตติ้งตอบ

“โอย” หัวหน้าทีมขายออนไลน์ร้องขึ้นมาเหมือนอยากโอดครวญ “แบบนี้ฝ่ายเราก็ต้องรับออเดอร์จากลูกค้า และส่งต่อให้ฝ่ายผลิตโดยระมัดระวังไม่ให้สื่อสารผิดพลาด แล้วนำรองเท้าคู่นั้นมาบรรจุส่งให้ลูกค้าโดยเช็คว่าฝ่ายผลิตทำมาถูกต้องตามคำสั่งคัสตอม ต้องเช็คทั้งสีหนัง ส้น การตกแต่ง นี่มันเพิ่มงานให้เราสุดๆ ไปเลยนะคะ”

“ทางทีมออนไลน์อาจจะลำบากหน่อยนะคะ แต่รับประกันว่าลูกค้าจะต้องพอใจและเพิ่มยอดขายได้แน่นอน” มาร์เก็ตติ้งยืนยัน

ประกายจันทร์รับฟังบรรยากาศในห้องประชุมแล้วอดหัวใจพองโตไม่ได้ ความคิดของเธอที่อยากให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนรองเท้าได้ตามที่ใจตัวเองต้องการกลายเป็นโปรเจ็กต์จริงๆ ขึ้นมาแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไรแบบนี้

“น้องปลายฟ้าเจ้าของความคิดมีอะไรจะเสริมไหมคะ” ฝ่ายมาร์เก็ตติ้งถาม

“ความจริงแล้วไม่มีปัญหาเลยค่ะ เพียงแค่คิดว่าถ้าในอนาคตสามารถเพิ่มการคัสตอมแบบนี้กับกระเป๋าได้ด้วยอาจจะยิ่งดีนะคะ เช่นให้เลือกรูปแบบความกว้างและยาวของสายสะพายได้ หรือให้เลือกจับคู่สีของกระเป๋ากับตัวฝากระเป๋าได้เอง อะไรแบบนี้ค่ะ”

“น่าสนใจนะครับ” เด่นภูมิรีบสนับสนุน แต่ฝั่งออนไลน์โอดครวญขึ้นมาก่อน

“เอาแค่กับรองเท้าก่อนเถอะค่ะ ถ้าลันช์สองโปรเจ็กต์พร้อมกันทั้งรองเท้ากระเป๋า ทีมเราตายแน่ๆ ฝั่งผลิตก็เหมือนกันค่ะ”

ทางฝั่งของพวกเซลส์ตามร้านที่ยังทำงานเหมือนเดิมไม่มีข้อถกเถียงอะไร หลังการพูดคุยเรื่องรายละเอียดอีกเล็กน้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันออกจากห้องประชุม เหลือเพียงเด่นภูมิที่ยังยืนเก็บเอกสารอยู่ในห้อง

ประกายจันทร์กำลังจะออกจากห้องตอนที่เจ้านายส่งเสียงเรียก

“คุณฟ้า อยู่คุยกับผมก่อนนะครับ”

เธอจึงนั่งลงที่เดิมอย่างสงบเสงี่ยม และรอให้เพื่อนร่วมงานทยอยกันเดินออกไปจนหมด

เด่นภูมิเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาหาเธอแล้วพูดเสียงสุภาพ

“ไอเดียของคุณฟ้าเป็นไปได้ด้วยดีเลยนะครับ”

“ค่ะ” ประกายจันทร์ยิ้มรับ เธอรู้สึกว่าแววตาของเด่นภูมิมีประกายชอบกล อดสงสัยไม่ได้ว่าวันที่พี่เปลวรุ้งไปกินข้าวกับเขา ทั้งสองคนได้คุยอะไรกันแบบไหนบ้าง

“คุณฟ้า คราวก่อนที่เราออกไปด้วยกัน ผมเคยบอกคุณว่า คุณเป็นคนเดาใจไม่ได้ บางทีก็ดุ บางทีก็ดูใจดี แต่คุณรู้รึเปล่าครับว่าคุณในรูปแบบไหนที่ผมรู้สึกถูกชะตาด้วยมากที่สุด”

“แบบไหนเหรอคะ”

“คุณเวลาที่เอาการเอางานแล้วก็เก่งแบบนี้ไงครับ” บอสชมพร้อมรอยยิ้ม “คราวก่อนคุณบอกผมว่าคุณชอบดื่ม ยังไงคืนนี้เราแวะไปดื่มอะไรเบาๆ เป็นการฉลองที่โปรเจ็กต์นี้ได้รับการยอมรับจากทุกคนดีไหมครับ”

ประกายจันทร์ลังเล เธอไม่รู้จะตอบอะไรดี

“เอ๊ะ คุณบอกว่าคุณไม่ชอบดื่มกับเพื่อนร่วมงาน แล้วถ้าผมจะขอไปในฐานะที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานล่ะครับ”

หญิงสาวนิ่งไป ถ้าคิดว่าร่างกายนี้เป็นของปลายฟ้ามาตั้งแต่ต้น ก็อาจเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องทำให้พี่สาวสมหวัง

“ก็ได้ค่ะ คืนนี้ ที่ไหนดีคะ”

“บอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ รอผมหลังเลิกงานนะ ผมจะพาคุณไปเอง” เด่นภูมิพูดแล้วยกมือมาแตะต้นแขนเธอเบาๆ ประกายจันทร์พยักหน้ารับ

“ตกลงค่ะ เดี๋ยวขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ”

หลังจากนั้นเธอก็ออกจากห้องประชุมมาด้วยจิตใจที่สับสนและร้อนรนจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่

 

หญิงสาวตัดสินใจหลบออกมาที่ทางเดินหน้าห้องน้ำเพื่อสงบอารมณ์ เธอพิมพ์ไลน์บอกปลายฟ้าว่าเย็นนี้จะมีนัดไปดื่มกับเด่นภูมิ ปลายฟ้าคงดีใจที่จะได้ไปกับหนุ่มที่ชอบ แต่พี่สาวคนโตที่ไม่ดื่มเหล้าจะหาข้ออ้างยังไงให้ตัวเองรอดไปได้ ประกายจันทร์คิดว่าเรื่องนั้นคงเป็นหน้าที่ของปลายฟ้าที่ต้องคิดแล้วแหละ

ตนุภัทรเดินออกมาจากห้องน้ำชาย เมื่อเขาเห็นเธอ เขาก็มองมาด้วยสายตาที่ค่อนข้างเศร้าและผิดหวัง

“พี่ภัทรคะ” ประกายจันทร์ร้องเรียก ชายหนุ่มที่ทำท่าจะเดินผ่านไปจึงหยุดฝีเท้า

“ทำไมหรือครับ” เสียงของเขาดูเย็นชาและห่างเหินเหลือเกิน

“คือ…ฉันอยากอธิบายว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แบบที่พี่ภัทรคิดน่ะค่ะ” ประกายจันทร์พูดเสียงเบา คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างน่าสงสาร

“แล้วจริงๆ มันเป็นยังไงหรือครับ” ตนุภัทรถาม น้ำเสียงคล้ายกับยินยอมรับฟังเธอ หากหญิงสาวมีข้อแก้ตัวที่ดีพอ

แต่ข้อแก้ตัวที่ว่านั้น ประกายจันทร์ไม่มีอะไรจะบอกเขาได้สักข้อ เธอยืนก้มหน้านิ่งอยู่เช่นนั้นนานเกือบนาทีแล้วจึงพูดออกไปได้แค่ว่า

“ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แค่ว่ามันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดน่ะค่ะ”

“ถ้าฟ้าอธิบายอะไรไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจ” ตนุภัทรยิ้มทั้งที่ในแววตาแฝงความขมขื่น เขาวางมือบนไหล่เธอแล้วบีบเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องทำงานไป ทิ้งประกายจันทร์ให้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางหม่นเศร้า

 

ปลายฟ้าตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนั่งอยู่ในออฟฟิศ ด้านหน้ามีโทรศัพท์เครื่องสีทองของตัวเองวางไว้เหมือนรอให้เธอเปิดอ่านอยู่ ข้อความที่อยู่ด้านในระบุว่าเย็นนี้เธอมีนัดไปดื่มกับเด่นภูมิ ปลายฟ้าพอใจที่ประกายจันทร์ทำตามที่เธอสั่ง เธอดีใจที่ความรักของตัวเองก้าวไปข้างหน้า โดยไม่รู้เลยว่าน้องสาวกำลังมีเรื่องหนักอกหนักใจเกี่ยวกับความรักอยู่เช่นกัน

“นินกลับก่อนนะคะ” มุนินที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ สะพายกระเป๋าแล้วและกำลังบอกลาเธอ “วันนี้พี่ฟ้าดูซึมๆ ทั้งวันเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่นินเป็นกำลังใจให้นะคะ”

คำพูดของเพื่อนรุ่นน้องทำให้ปลายฟ้านึกแปลกใจ ประกายจันทร์มีปัญหาอะไรกันนะ หรือว่าจะไม่สบายใจที่พี่สาวคนโตและคนรองทะเลาะกัน อาจเป็นแบบนั้นก็ได้ ปลายฟ้านึกแล้วไม่ได้กังวลใจอะไรมากนัก เธอรีบไปที่ห้องน้ำเพื่อเช็คความเรียบร้อยของเมคอัพก่อนจะกลับมานั่งรอเด่นภูมิที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

เย็นวันนั้น ปลายฟ้าไปกินข้าวเย็นและดื่มค็อกเทลเบาๆ กับเด่นภูมิในร้านอาหารหรูหราริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปลายฟ้ามองบรรยากาศโดยรอบ ที่นี่เป็นภัตตาคารหรู ลูกค้าทั้งหมดล้วนแต่งตัวดี ดูเป็นคนมีระดับ บริกรก็สวมชุดยูนิฟอร์มขึงขังเป็นทางการ ที่มุมร้านด้านหนึ่งมีเวทีเป็นยกพื้นเล็กๆ วงดนตรีสดกำลังเล่นดนตรีคลาสสิคคลอเบาๆ แสงจากตึกรามในกรุงเทพฯ สะท้อนล้อกับผิวน้ำ และดวงจันทร์เสี้ยวใกล้แรมสุดท้ายกำลังทอแสงเยียบเย็นเหนือลำน้ำที่สีดำสนิทเพราะสะท้อนเงาท้องฟ้ายามราตรี บรรยากาศทุกอย่างเป็นใจ ปลายฟ้ามีความสุขมากที่ได้ใช้เวลาร่วมกับชายหนุ่มที่ตัวเองหลงรัก

เด่นภูมิมองข้ามโต๊ะมาทางเธอ พูดด้วยเสียงสุภาพและนุ่มนวล เนื้อความเปี่ยมไปด้วยคำชมอย่างจริงจัง

“สิ่งที่คุณฟ้าพูดในห้องประชุมวันนี้ดีมากๆ เลยนะครับ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหากเราจะขยับขยายตลาดโดยไปเน้นเรื่องออนไลน์มากขึ้น ถึงฝ่ายออนไลน์จะบ่นว่าลำบาก แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น อีกไม่นานเราอาจต้องจ้างสตาฟฟ์สำหรับทีมออนไลน์เพิ่มเติมแล้วนะครับ ถ้าจะพุ่งเป้าไปทางนั้นอย่างจริงจัง”

ปลายฟ้าอึ้งไปกับบทสนทนาที่เด่นภูมิยกขึ้นมาพูดระหว่างมื้ออาหาร เธอไม่แน่ใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ เพราะปกติประกายจันทร์จะเป็นคนจัดการเรื่องงานทั้งหมดเสมอ

“นั่นสินะคะ เดี๋ยวนี้คนซื้อของกันทางออนไลน์ทั้งนั้น ไปเดินตามร้านน้อยลงมากๆ เลยค่ะ” เธอตัดสินใจตอบกลางๆ เพื่อประคับประคองบทสนทนาไปก่อน

“เรื่องดีไซน์ที่ฝ่ายออกแบบเสนอมาวันนี้ คุณฟ้าพอใจไหมครับ หรือคิดว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมอีก ผมเองก็เป็นผู้ชาย มาทำงานเรื่องแฟชั่นผู้หญิงแบบนี้ ยังไงก็อยากได้ความเห็นจากผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่แต่งตัวเก่งอย่างคุณฟ้า เราต้องการมุมมองจากคนที่มองและคิดแบบเดียวกับลูกค้าครับ”

แน่นอนปลายฟ้าไม่รู้สักนิดว่าเธอควรออกความเห็นอะไรดี เธอจึงตอบไปพร้อมกับยิ้มแห้ง “เรื่องการออกแบบของแผนกดีไซน์คิดว่าทำมาได้โอเคแล้วล่ะค่ะ อย่าไปวิจารณ์หรือออกความเห็นมากเลยดีกว่า ทางนั้นเองก็ติสท์พอตัว ถ้ามีคนนอกที่ไม่ใช่ดีไซน์เนอร์ไปออกความเห็นมากๆ เข้าอาจจะมีสิทธิ์โดนออกงิ้วใส่เอาได้นะคะ”

“นั่นสินะครับ” เด่นภูมิหัวเราะ “ที่คุณฟ้าพูดมาก็ถูกเหมือนกัน เรื่องของวันนี้อันที่จริงเกินหน้าที่ของพวกเราไปแล้ว แต่ผมก็ดีใจนะที่คุณฟ้ามีส่วนช่วยให้โปรเจ็คนี้เกิดขึ้นมาได้ มันเหมือนเป็นการยืนยันกับผมน่ะครับว่าความสามารถของคุณไม่ได้มีแค่เท่าที่เห็น แต่ยังมีอีกมากมาย ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าสวยๆ ของคุณเนี่ย”

ปลายฟ้าโปรยยิ้มพลางนึกในใจว่าต้องบอกประกายจันทร์ให้เล่าเรื่องงานให้ฟังสักหน่อย ไม่งั้นเธอคุยกับเด่นภูมิไม่รู้เรื่องแน่

“ค็อกเทลเป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มถามพลางยิ้ม

“ก็ดีค่ะ ปกติฟ้าไม่ใช่คนดื่มหนักเท่าไหร่”

“เหรอครับ ทำไมผมได้ยินมาว่าเวลาเที่ยวกลางคืน คุณดื่มเก่งมาก”

“ข่าวลือทั้งนั้นแหละค่ะ” ปลายฟ้าเอียงคออย่างมีจริต “เราอาจจะถือแก้วยกดื่มตลอด แต่ความจริงดื่มแค่จิบๆ เบียร์แก้วเดียวอยู่ตลอดคืน แต่ในผับ ไม่มีใครสนใจจับสังเกตขนาดมานั่งนับ จริงไหมคะ”

“งั้นหรือครับ เป็นเคล็ดลับของคนสวยสินะเนี่ย”

ปลายฟ้าลอบถอนหายใจเบาที่บทสนทนาเคลื่อนผ่านจากเรื่องงานในที่สุด เธอลอบสังเกตเด่นภูมิจากอีกฝั่งของโต๊ะ ชายหนุ่มดูหล่อเหล่าในชุดแบบหนุ่มออฟฟิศแต่ปลดกระดุมเสื้อลงลึกกว่าตอนอยู่ในที่ทำงาน เสียงของเขานุ่มทุ้ม ท่วงท่าในการจับช้อนส้อมก็มีมารยาท เป็นผู้ชายที่ไม่มีที่ติเลย ยิ่งมาอยู่ในร้านอาหารหรูเช่นนี้ เขายิ่งดูราวกับเสือดำที่สุขุมและสง่างาม

“ปกติคุณภูมิเป็นคนดื่มเก่งมั้ยคะ”

“ไม่ค่อยครับ ผมไม่ชอบให้ตัวเองขาดสติต่อหน้าคนอื่น”

“ฟ้าก็เหมือนกันค่ะ”

หญิงสาวยิ้ม หากเด่นภูมิเหมือนเสือดำ เธอก็คงเป็นนางเสือดาวที่มีบารมีเทียบเท่ากับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ความคิด ทัศนคติ และความเป็นผู้นำของเธอและเขา เท่าเทียมเหมาะสมกันทุกประการ

ประกายจันทร์ไม่ได้สนใจเด่นภูมิก็คงเพราะน้องน่ะยังเด็ก ไม่รู้จักชอบใคร ส่วนเปลวรุ้งที่ได้เจอหนุ่มๆ มากหน้าหลายตาผ่านการเที่ยวกลางคืนก็ยังตกลงใจเลือกเด่นภูมิให้เป็นที่หนึ่ง ยิ่งคิดปลายฟ้ายิ่งแน่ใจ นี่แหละคือผู้ชายที่เหมาะสมจะเป็นคู่ชีวิตของเธอ

แต่…หญิงสาวสะดุดไปนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

หากเธอคบหากับชายคนนี้จนวันหนึ่งเกิดการแต่งงาน เด่นภูมิก็ต้องเข้ามารับรู้ความลับเรื่องวิญญาณของน้องสาวทั้งสอง เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้ไหมนะ แล้วน้องอีกสองคนล่ะจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องใช้ชีวิตกับเด่นภูมิ

ปลายฟ้าคิดว่าประกายจันทร์ที่หัวอ่อนจะต้องไม่มีปากเสียง แต่เปลวรุ้งนี่สิ การได้คบกับเด่นภูมิอาจเป็นเรื่องที่เปลวรุ้งชอบใจก็จริง แต่เธอกับเปลวรุ้งก็ไม่ใช่คนคนเดียวกัน เด่นภูมิจะคบหากับทั้งเธอและเปลวรุ้งไม่ได้

ระหว่างที่หมกมุ่นอยู่ในความคิดอันแสนซับซ้อน สีหน้าของหญิงสาวก็ยิ่งดูวิตกขึ้นทุกขณะ จนชายหนุ่มคู่เดทต้องออกปากถาม

“มีอะไรไม่โอเครึเปล่าครับ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”

“เปล่าหรอกค่ะ” ปลายฟ้าตอบเบาๆ พลางหยุดคิดเรื่องน่าปวดหัวไปก่อน เธอหันกลับมาสนใจชายหนุ่มตรงหน้า “เพียงแค่นึกเรื่องบางอย่างใจลอยไปหน่อยเท่านั้น”

“เป็นเรื่องอะไรครับ บอกผมได้หรือเปล่า”

“ถ้ายอมบอกทุกอย่างง่ายๆ ตามที่ใครๆ ร้องขอ…” ปลายฟ้ายกแก้วจรดริมฝีปาก พร้อมกับคลี่รอยยิ้มสวยงามลึกลับ “ชีวิตก็ไม่สนุกสิคะ คุณภูมิ”

 



Don`t copy text!