ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ บทที่ 4 : บทลงโทษ

ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ บทที่ 4 : บทลงโทษ

โดย : จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท

Loading

ปลายฟ้า สาวสวยสามวิญญาณ โดย จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท หนึ่งในผลงานจากโครงการช่องวันอ่านเอา กับเรื่องของ ปลายฟ้า หญิงสาวที่เกิดมาพร้อมกับวิญญาณสามดวงในร่างเดียว เธอและพี่น้องผลัดกันใช้ร่างกายเดียว แล้วทุกสิ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อดวงวิญญาณดวงหนึ่งเกิดหายสาบสูญ นิยายออนไลน์ที่อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

แล้ววันพุธที่ทั้งปลายฟ้าและเปลวรุ้งต่างมีนัดกับเด่นภูมิก็มาถึง ปลายฟ้ายังไม่รู้ว่าถูกเปลี่ยนเวลานัด จึงตื่นเช้ามาบรรจงแต่งหน้าแต่งตัวในแบบที่ตัวเองมั่นใจที่สุด เธอเลือกสวมเสื้อสายเดี่ยวสีขาวกับกางเกงขายาวสีขาว คลุมทับด้วยสูทสีฟ้าสดสะดุดตา และหยิบกระเป๋าสะพายสีฟ้าโทนเข้าคู่สูทออกมา อย่างไรเสียเธอก็ต้องไปทำงานก่อน จะแต่งตัวเหมือนพร้อมไปดินเนอร์เลยคงดูไม่ดี ปลายฟ้าไม่อยากให้เด่นภูมิรู้สึกว่าเธอตั้งใจเกินไป

เธอใช้เวลาอยู่นานเพื่อแต่งหน้าในแบบที่สวยที่สุด ส่องกระจกตรวจสอบทุกรายละเอียดอย่างตั้งใจอย่างที่ประกายจันทร์กับเปลวรุ้งไม่เคยทำขนาดนี้ ปลายฟ้าคือคนที่แต่งหน้าเก่งที่สุดในบรรดาพี่น้อง ทว่าน้อยครั้งนักที่เธอจะเป็นคนตื่นมาแต่งหน้าแต่เช้า เหตุผลก็เพราะความขี้เกียจของพี่สาวคนโตนั่นเอง

เมื่อแต่งตัวพร้อมแล้วก็ได้เวลาออกจากบ้าน ปลายฟ้าสลับให้ประกายจันทร์ออกมาเพื่อให้น้องสาวเป็นคนเดินทางไปยังออฟฟิศ น้องสาวคนสุดท้องโผล่ออกมาคุมร่างโดยพูดเพียงแค่ว่า

“อ่า วันนี้ต้องให้พี่เปลวรุ้งเป็นคนทำงานช่วงกลางวันแทนสินะ”

คิดแบบนั้นแล้วเธอก็ขึ้นรถไฟฟ้า พลางไถโทรศัพท์มือถือเครื่องสีชมพูไปตลอดทางจนถึงที่ทำงาน

ระหว่างการเดินทาง หญิงสาวใช้ไลน์ส่วนตัวพูดคุยกับตนุภัทร

‘สวัสดีค่า พี่ภัทร’

‘หวัดดีครับจันทร์ ถึงออฟฟิศแล้วเหรอ พี่ยังอยู่บนรถอยู่เลย’

ตนุภัทรคงขี้เกียจพิมพ์ยาวๆ เลยเริ่มเรียกเธอด้วยคำสุดท้ายพยางค์เดียว

‘ยังค่า อยู่บนบีทีเอส พี่ภัทรคะ วันนี้ฉันอาจจะไปกินข้าวบนห้างนะคะ คงไม่ได้ไปกินด้วย’

ประกายจันทร์ส่งข้อความบอกไว้ก่อน เพราะคิดว่าเปลวรุ้งคงไม่ออกไปกินข้าวในศูนย์อาหารกับตนุภัทรเป็นแน่ ฝ่ายชายส่งสติ๊กเกอร์มาบอกว่าโอเค พร้อมกันนั้นลำโพงในตัวรถประกาศสถานีที่เธอจะต้องลง ประกายจันทร์จึงรีบแทรกตัวผ่านผู้คนมากมายออกไปที่ประตู

หลังเดินผ่านทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าเข้าสู่ตึกสูง ลมเย็นๆ ก็พัดเข้ามาสู่ปอดพร้อมกับกลิ่นของแอร์ในตึก ประกายจันทร์มองซ้ายมองขวาไม่เห็นเด่นภูมิอยู่ที่ไหนเลย เธอจึงไม่ได้สวิตช์ให้พี่สาวคนโตออกมาอย่างทุกที เธอขึ้นลิฟต์ไปยังออฟฟิศ วันนี้ทั้งมุนินและสุดายังไม่มา หญิงสาวไม่รอช้า รีบกดเปิดคอมพิวเตอร์แล้วพิมพ์รัวยิกๆ เพื่อบอกเปลวรุ้งไว้ว่าวันนี้ต้องทำงานอะไรอย่างไหนบ้าง

การถ่ายทอดงานให้เปลวรุ้งหรือปลายฟ้านั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก เพราะถึงแม้ประกายจันทร์จะเป็นตัวหลักที่คอยทำงานในออฟฟิศ แต่ก็มีหลายครั้งที่พวกพี่สาวออกมาช่วยเธอทำงาน ทุกคนจึงพอมีความรู้เรื่องงานคร่าวๆ อยู่บ้าง หลังจากเขียนแผนงานของวันนี้ทั้งหมดลงไปแล้ว ประกายจันทร์ก็สลับเปลี่ยนให้พี่สาวคนกลางเป็นคนออกมาคุมร่างแทน

 

เปลวรุ้งตื่นขึ้นพร้อมแย้มยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ เธอคิดว่าวันนี้จะต้องเป็นวันที่ดีของเธออย่างแน่นอน

นัดหมายกินข้าวระหว่างเธอกับเด่นภูมิถูกกำหนดไว้แล้ว สงสัยจังว่าปลายฟ้าจะรู้สึกอย่างไรนะหากได้รู้ความจริง แค่คิดว่าพี่สาวจอมบงการจะไม่ได้ดังใจหวัง เปลวรุ้งก็รู้สึกสดชื่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก

ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดปลายฟ้าอะไรนักหนาหรอกนะ แต่ปลายฟ้าน่ะชอบสั่งนู่นสั่งนี่น้องๆ มาตลอด ตั้งแต่สมัยมัธยมก็ไม่ค่อยยอมเรียนหนังสือ สั่งให้ประกายจันทร์กับเปลวรุ้งแบ่งกันเรียนคนละสี่ห้าวิชา แบ่งกันอ่านหนังสือสอบ ส่วนตัวเองก็เล่นอินเทอร์เน็ตตามสบาย พออยู่กับพี่แบบนี้ไปนานๆ เข้า การพยายามแก้เผ็ดพี่สาวเลยกลายเป็นเรื่องสนุกของเปลวรุ้ง ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งทำข้อสอบคณิตศาสตร์มั่วๆ จนได้เกรดแค่ 2.5 หรือการแย่งเด่นภูมิมาเป็นของตัวเองนี่ก็เหมือนกัน

สุดาเดินเข้ามาประจำการที่โต๊ะข้างๆ พร้อมออกเสียงทักทาย “วันนี้มาเช้าจัง”

“พอดีตื่นไวน่ะ” เปลวรุ้งหันไปตอบ พยายามทำตัวเป็นมิตรขึ้นมาระดับหนึ่ง

มุนินเดินเข้ามาที่โต๊ะแล้วนั่งลงบ้าง “สวัสดีค่ะ พี่ฟ้า”

“อื้ม หวัดดี” หญิงสาวตอบแล้วรีบหันหน้าตรงเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อจะได้ไม่ต้องคุยกับใครอีก

เปลวรุ้งทำงานด้วยท่าทีกระตือรือร้นตลอดเช้า งานส่วนมากเป็นไปตามที่ประกายจันทร์บอกไว้ เธอสามารถทำต่อเนื่องไปได้ การสลับร่างไปมาของหญิงสาวทั้งสามทำให้พวกเธอมีสกิลในการทำสิ่งที่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เป็นมาอย่างไรให้ลื่นไหลต่อไปได้คล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะมันก็มีบ่อยครั้งที่การสลับวิญญาณเกิดขึ้นตรงกลางระหว่างการทำอะไรบางอย่าง แล้วพวกเธอก็ต้องไปรับหน้าที่แทนพี่สาวหรือน้องสาวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ดังนั้นการปรับตัวไปตามสถานการณ์จึงเป็นคุณสมบัติหลักที่พวกเธอทั้งสามมี

ในส่วนของงานที่น้องฝากไว้นั้น มีบางส่วนที่เปลวรุ้งไม่แน่ใจ เธอจึงโน้ตมันเอาไว้ก่อน และเขียนข้อความทิ้งไว้ในไลน์ เพื่อในประกายจันทร์มาตามอุดรูรั่วในวันหลัง

“วันนี้เป็นวันมือถือสีเขียวเหรอเนี่ย” มุนินที่นั่งข้างๆ พึมพำเบาๆ เปลวรุ้งจึงหันไปมอง

พอเห็นแววตาคมกริบของเธอ เพื่อนร่วมงานก็คอหดเหมือนเต่า หันกลับไปมองหน้าจอของตัวเองพลางพึมพำเบากว่าเดิม

“วันสีเขียวคืออารมณ์บูดสุดๆ”

เปลวรุ้งไม่แน่ใจนักว่ามุนินหมายถึงอะไร เธอจึงทำเป็นไม่ใส่ใจแล้วทำงานต่อ

 

เวลาพักกลางวันมาถึง เปลวรุ้งยุรยาตรออกจากโต๊ะทำงาน ตรงไปยังห้องทำงานของเด่นภูมิซึ่งยืนรอเธออยู่แล้ว ผู้คนในออฟฟิศต่างก็หันไปมองอย่างสนใจ ข่าวความสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ระหว่างหญิงสาวกับบอสหนุ่มอยู่ในเรื่องซุบซิบของเพื่อนร่วมงานมาระยะใหญ่แล้วโดยผ่านการกระพือของสุดา

“ไปกันรึยังครับ” เด่นภูมิยิ้มหวานให้เปลวรุ้ง ก่อนจะพาเธอเดินออกไปด้วยท่าทีสบายๆ และไม่คิดปิดบังใดๆ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานมากมาย เขาค่อยๆ ยื่นมือมาจับแขนของหญิงสาวด้วยท่าทีเป็นเจ้าของและแสนจะภาคภูมิใจ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เด่นภูมิยิ่งยืดอกด้วยความภาคภูมิก็เพราะ ในบรรดาสายตาที่มองมานั้น มันมีสายตาผิดหวังของตนุภัทรรวมอยู่ด้วย

 

ร้านอาหารที่เด่นภูมิพาเธอไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศ สามารถแวะไปตอนพักกลางวันแล้วค่อยกลับมาทำงานก็ได้ ตัวร้านตกแต่งอย่างสวยงามด้วยต้นเฟิร์นบอสตันสีเข้มตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของชีสที่อบอยู่ในเตา เปลวรุ้งนึกถูกใจบรรยากาศของร้านตั้งแต่วินาทีแรกที่ไปถึง

บริกรนำเมนูมาให้ทั้งสองทันทีที่หย่อนร่างนั่งลงบนเก้าอี้ เด่นภูมิเปิดแฟ้มเมนูทำจากหนังสีดำ ปากเริ่มสั่งอาหารสำหรับสองคนโดยไม่รอให้หญิงสาวได้เลือก คล้ายกับว่าเขาคิดมาแล้วว่าคู่เดทจะต้องการอะไรบ้าง จึงไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอตัดสินใจเลย

แต่ถึงอย่างนั้นเปลวรุ้งก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร เธอพอใจที่เด่นภูมิดูเป็นผู้นำและตัดสินใจเก่ง

“สั่งเลยค่ะ คุณภูมิชอบอะไร ฉันก็กินได้ทุกอย่าง”

เด่นภูมิยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น เขาปิดเมนูแล้วหันไปสั่งน้ำผลไม้ให้เปลวรุ้งเป็นการตบท้ายรายการอาหารทั้งหมด เขาเลือกเครื่องดื่มโดยไม่ถามความเห็นของเธออีกเช่นกัน

“ผมเดาว่าคุณฟ้าน่าจะชอบน้ำส้ม” เขากล่าวหลังบริกรเดินจากไป แววตาชายหนุ่มมีประกายเจ้าชู้ “เดาจากอเมริกาโน่ที่คุณดื่มทุกวัน”

“ก็…” เปลวรุ้งใช้ปลายนิ้วเขี่ยไปบนผ้าปูโต๊ะลายสก็อต “เรื่องน้ำผลไม้ไม่ค่อยสันทัดค่ะ ชอบน้ำเมามากว่า”

เด่นภูมิเลิกคิ้ว “เอ งานเลี้ยงบริษัทเมื่อปีก่อน คุณฟ้าไม่ยอมดื่มเลย บอกว่ากลัวเสียภาพพจน์ไม่ใช่หรือครับ”

เปลวรุ้งยิ้ม คนที่คิดอย่างนั้นคือปลายฟ้าพี่สาวของเธอต่างหาก

“ที่พูดมาก็ใช่ค่ะ…กับเพื่อนร่วมงาน…ไม่ดื่ม” เธอค่อยๆ พูดทีละคำพร้อมเผยรอยยิ้มและแววตาหยาดเยิ้ม “แต่ถ้าอยู่ในโลกอีกใบของฉันล่ะก็…เป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ”

“งั้นข่าวที่ว่ามีคนในบริษัทเจอคุณที่ผับก็เป็นเรื่องจริงสินะครับ”

“นอกเวลางานแล้ว ทำไมคะ บอสภูมิจะอบรมความประพฤติเหรอ” หญิงสาวแกล้งยิ้มยั่วและหัวเราะเบาๆ

ชายหนุ่มขำไปด้วย เขาส่ายหน้า “เปล่าครับ เพียงแค่ว่า ถ้าคุณดื่ม วันหลังจะได้ชวนไปดื่มด้วยกัน”

“ยินดีอย่างยิ่งเลยค่ะ” เปลวรุ้งยิ้มหวานหยด การได้ไปดื่มเหล้ากับเด่นภูมิน่ะมันงานของเธอ ไม่ใช่งานของปลายฟ้า แต่ต้องทำอะไรก็ได้ให้แน่ใจว่าพี่สาวคนโตจะยอมปล่อยโอกาสชิ้นงามนี้มาให้เธอ

…ซึ่งก็คงไม่ง่ายนัก แต่เปลวรุ้งจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้มันมา

“เราคุยกันอย่างนี้ผมเลยเพิ่งนึกได้ว่าผมไม่ค่อยรู้เรื่องของคุณฟ้าเท่าไหร่เลยนะครับ คนอื่นๆ ในบริษัทก็พูดเหมือนกันว่าคุณน่ะเป็นผู้หญิงลึกลับ อ่านทางไม่ค่อยออก”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“บางทีก็ใจดี บางทีก็ดุ เดาไม่ออกว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ แต่ก็เพราะแบบนี้แหละครับที่ทำให้ผมสนใจ”

“สนใจแบบไหนคะ สนใจแบบอยากเป็นเจ้านายลูกน้อง หรือสนใจแบบ…อื่น”

เด่นภูมิแกล้งทำเป็นมองนาฬิกา “ตอนนี้พักกลางวัน นอกเวลางาน ขอเป็นสนใจแบบอื่นได้ไหมล่ะครับ”

เปลวรุ้งรับฟังอย่างพออกพอใจ แต่ยังไม่วายหยอดกลับไปว่า “แต่บอกว่าเรายังไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่เลย คุณภูมิก็สนใจฉันแล้ว แบบนี้ก็แปลว่ามองกันแค่เปลือกนอกหรือเปล่าคะ”

ชายหนุ่มมองข้ามโต๊ะมาสังเกตสังกาเธออย่างรวดเร็วทีหนึ่ง แววตานั้นระยิบระยับพอจะทำให้เปลวรุ้งหน้าร้อน “ถ้าจะบอกว่าผมมองแค่เปลือก แต่เปลือกที่สวยขนาดนี้ จะให้ไม่มองก็คงยากอยู่นะครับ”

น้ำส้มกับน้ำเปล่าถูกนำมาวางโดยบริกร เมื่อคนเสิร์ฟเดินห่างไปแล้ว เจ้านายสุดหล่อจึงพูดต่อ

“ถ้าไม่อยากให้ผมสนใจแค่เปลือก จากนี้ไปเราก็มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นไปอีกสิครับ”

“ได้ค่ะ เริ่มจากยังไงดีนะ” เปลวรุ้งกล่าวลอยๆ ในแววตาของเธอมีแผนการมากมายที่กำลังตระเตรียมไว้เพื่ออนาคตระหว่างเธอกับเจ้านายหนุ่มสุดหล่อ แผนการที่เธอไม่รู้เลยว่า ปลายฟ้าจะไม่ยอมให้เธอมีวันได้ใช้มันง่ายๆ หรอก

 

หลังกลับจากไปกินข้าวกับเด่นภูมิแล้วกลับมาถึงออฟฟิศ เปลวรุ้งที่เพิ่งจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ทำงานก็จัดการพิมพ์เยาะเย้ยพี่สาวในกรุ๊ปไลน์กลุ่มทันที

‘พี่ไม่ต้องไปกินข้าวกับคุณภูมิตอนเย็นนี้แล้วนะ เพราะฉันขอเลื่อนนัดมาเป็นกลางวัน กินกันจนอิ่มแล้ว ตอนเย็นไม่มีนัดแล้ว ถ้าจะไปขอนัดอีกรอบก็คง…ประหลาดชะมัด ยังไงเย็นนี้พี่ไปเดินชอปปิ้งคนเดียวตามสบายแล้วกันนะคะ’

พอพิมพ์เสร็จ เธอก็เงยหน้าอย่างสบายอกสบายใจ เดี๋ยวเธอจะใช้เวลาทำงานแทนประกายจันทร์ในออฟฟิศอีกจนถึงเย็น เผื่อเด่นภูมิแวะมาคุยด้วยช่วงบ่าย แล้วพอกลับถึงบ้านค่อยสลับร่างให้ปลายฟ้าออกมารับรู้ความจริงแล้วกรี๊ดอกแตกเล่นๆ

หญิงสาวนึกอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องพลางพิมพ์งานไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจสายตาของตนุภัทรที่มองมาทางเธออย่างเจ็บปวดเลย

 

พี่สาวคนโตที่ตื่นขึ้นมาคุมร่างอีกทีตอนเย็นกลางห้องนอนของตัวเองได้กรี๊ดเสียงลั่นห้องอย่างที่เปลวรุ้งคาดไว้จริงๆ ปลายฟ้าไม่คิดว่าจะโดนยัยน้องคนกลางตัวแสบเล่นงานแบบนี้ เธอไม่พอใจอย่างมาก และเธอจะต้องเอาคืน

“ต่อจากนี้ยัยรุ้งจะไม่ได้ออกมาเพ่นพ่านสร้างความเดือดร้อนอีกแน่” ปลายฟ้าคิดพลางคว้าโทรศัพท์มากดส่งข้อความลงในกรุ๊ปไลน์พี่น้อง

‘ต่อจากนี้พี่จะลงโทษไม่ให้รุ้งได้ออกมาคุมร่างอีก อย่างน้อยๆ ก็หนึ่งเดือน หรือไม่แน่ อาจจะนานกว่านั้น จันทร์ฟังนะ ต่อจากนี้ห้ามส่งต่อร่างให้รุ้ง ให้ส่งให้แต่พี่เท่านั้น ถ้าจันทร์ส่งร่างให้รุ้งอีกแล้วพี่รู้ล่ะก็ พี่จะไม่ส่งร่างไปให้ใครทั้งนั้น พวกเธอทั้งสองคนจะได้อยู่เป็นผีสิงสู่ที่ไม่มีโอกาสได้ออกมาใช้ชีวิตกันอีกต่อไป เข้าใจไหม’

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป การออกมาเที่ยวตอนกลางคืนของเปลวรุ้งเป็นอันยกเลิก” ปลายฟ้าพูดอย่างแค้นใจพร้อมพิมพ์ข้อความนั้นลงไปในกรุ๊ปด้วย

ตั้งแต่ยังเล็ก เปลวรุ้งมักคอยแว้งกัดเธอให้แสบๆ คันๆ มาตลอด แต่เรื่องนี้นับว่าใหญ่กว่าเรื่องอื่นๆ ที่เคยผ่านมา น้องคนที่สองจึงต้องถูกทำโทษ ต่อจากนี้จะมีเพียงเธอและประกายจันทร์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ควบคุมร่าง

“ยังไงเสียจันทร์ก็เชื่อฟังคำพูดของเรา” ปลายฟ้าพึมพำ วางโทรศัพท์กระแทกลงบนโต๊ะแรงๆ อย่างหัวเสีย

 

ประกายจันทร์ตื่นเช้ามาและพบว่าตัวเองแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อยแล้วและกำลังนั่งอยู่บนเตียง เธอคิดว่าคงเป็นพี่สาวคนไหนสักคนที่จัดการเรื่องนี้ให้ เมื่อลองหยิบโทรศัพท์มาเช็คเพื่อจะพูดคุยกับพี่ๆ เธอก็ต้องตกใจกับเรื่องราวอันไม่คาดคิด

ไม่นึกเลยว่าเปลวรุ้งที่มาขอช่วยงานตอนกลางวันจะมีแผนแบบนี้อยู่ในใจ …ไม่สิ อันที่จริงมันก็แปลกอยู่แล้วที่เปลวรุ้งอยากมาช่วยเธอทำงาน

ปลายฟ้าย้ำไว้ในไลน์ส่วนตัวระหว่างเธอกับพี่ว่า

‘ฟังนะ ห้ามให้รุ้งออกมาอีกเด็ดขาด ไม่งั้นจันทร์ก็จะโดนแบบเดียวกัน เข้าใจมั้ย’

ประกายจันทร์คิ้วขมวด ก่อนจะเห็นข้อความอีกข้อความที่ขึ้นแจ้งเตือนสีแดงเอาไว้ มันเป็นข้อความจากตนุภัทร

‘ฟ้าออกไปกินข้าวกับบอสภูมิเหรอ’

คำถามนี้ถูกส่งมาเมื่อวานในช่วงเที่ยงๆ ก่อนจะตามมาด้วยอีกข้อความในช่วงเย็น

‘พี่นึกว่าฟ้าจะเปิดใจให้พี่มากกว่าเดิมแล้ว แต่จริงๆ เราคงเป็นแค่พี่น้องในที่ทำงานที่สนิทกันใช่ไหม พี่คงเข้าใจผิดไปเองสินะ’

คำพูดตัดพ้อและการที่เขากลับไปเรียกเธอว่าฟ้าอีกครั้งทำให้ประกายจันทร์หัวใจตกวูบ เธอมือไม้สั่น รีบคิดว่าควรตอบอย่างไรดี

หากจะบอกตนุภัทรไปว่าเธอเองก็ดีใจที่ได้คุยกับเขา แล้วการที่เปลวรุ้งออกไปกับเด่นภูมิเมื่อวานล่ะจะอธิบายอย่างไร ตนุภัทรจะมองอย่างไรหากเธอจะสนิทกับผู้ชายพร้อมกันสองคนแบบนี้

ประกายจันทร์ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบ จึงได้แต่พิมพ์ไปว่า

‘ไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะคะ’

‘เอาเถอะ พี่เข้าใจ’

ตนุภัทรตอบกลับมารวดเร็วราวกับเขาเฝ้ารอคำตอบจากเธออยู่ นั่นยิ่งทำให้ประกายจันทร์ปวดใจขึ้นกว่าเดิม เธอต้องรีบแล้ว ต้องรีบออกไปทำงาน ไปปรับความเข้าใจกับตนุภัทร แต่จะพูดอย่างไรดี จะทำยังไงให้ทุกอย่างออกมาลงตัว…

“หรือว่าความจริงเรากำลังดันทุรังกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” ประกายจันทร์จ้องดูโทรศัพท์ของตัวเองพลางรำพึงออกมา

การคบผู้ชายสองคนไม่มีทางโอเคอยู่แล้ว ในเมื่อวิญญาณสองในสามเลือกเด่นภูมิ การที่เธอเสียงเดียวจะเลือกตนุภัทร ก็อาจเป็นเธอที่ต้องถอย…และต้องคอยยอมพวกพี่สาวเหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอยอมมาตลอดชีวิตอันแสนแปลกประหลาดนี้

 



Don`t copy text!