โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (2)

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (2)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

ในตอนเช้ามโนชาตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เธอตื่นเช้ากว่าปกติประมาณหนึ่งชั่วโมงเพราะตั้งใจจะลุกขึ้นมาทำหน้าที่เปิดร้านแทนเซี่ยเหมยซีตามที่สัญญาเอาไว้แต่ก็พบว่าเซี่ยเหมยซีออกจากห้องไปแล้ว พอส่องเข้าไปด้านในถึงได้เห็นผ้าห่มที่ถูกพับเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

จัดการธุระของตัวเองเสร็จเดินลงไปที่ครัวก็พบกับอาหารที่ป้าจูเตรียมไว้ให้สำหรับทุกคน หญิงสาวเดินเข้าไปเกาะเอวทักทายแม่ครัวตัวกลมตุ๊ต๊ะต้วมเตี้ยมก่อนจะคว้าจานเตรียมตักข้าวเพราะกระเพาะอาหารกำลังโอดครวญอย่างหนัก

“อ๊ะอ๊ะ…อย่าเพิ่งตัก เอาอาหารไปให้คุณเฉินก่อน” ในมือของแม่ครัวมีตะหลิวไม้ถือค้างขวางหม้อข้าวเอาไว้อยู่

“อ้าว พี่เหมยซีละคะ” มโนชาชะงักค้างพลางย่นจมูก ปกติหน้าที่พวกนี้เซี่ยเหมยซีจะเป็นคนทำเอง

“เข้าร้านไปแล้วเห็นว่ามีชาใหม่มาลง แล้วก็เตรียมจัดของส่งลูกค้าออนไลน์ด้วย” มโนชาพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าอกเข้าใจ

“ก็ได้ค่ะ รอก่อนนะเจ้าซาลาเปา ซาลาเปาไส้อะไรนะคะป้าจู”

“ไส้หมูแดง ยังจะมาห่วงไส้ซาลาเปาอีกน้องซินนี่ ยกไปได้แล้วคุณเฉินต้องกินยาอีกไม่ใช่หรือ เห็นสวีสุ่ยเหอว่าพอสายๆ จะมีแขกมาด้วย รีบยกเข้าไปเร็วๆ” มโนชาเบ้หน้าที่โดนขัดใจ นึกสงสัยว่าใครกันหนอมาแต่เช้า ก่อนจะเอ่ยแก้ตัว

“แหม ที่ซินถามไส้ซาลาเปาก็จะได้บอกเจ้านายถูกไงคะ ว่าแต่ชิมก่อนก็ไม่ได้หรือคะป้าจูเผื่อคุณเฉินถามว่าอร่อยไหมซินจะได้ตอบถูก ล้อเล่นน่า…ไปแล้วค่ะ”

หญิงสาวคว้าถาดอาหารก่อนจะวิ่งแผล็วออกมาจากครัว ตรงไปยังบ้านหลังเล็กที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอตำราที่ชั้นล่างส่วนชั้นบนนั้นก็เป็นที่พักของคนที่เป็นเจ้าของ ทว่าคนแรกที่เธอได้พบหน้ากลับเป็นพ่อบ้านจาง

“อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อบ้านจาง กินข้าวเช้าหรือยังคะ”

“เรียบร้อยแล้ว” ชายชราเอ่ยอย่างใจดีพร้อมกับเปิดทางให้ ค่อนข้างแปลกใจว่าคนที่โผล่หน้ามาไม่ใช่คนที่เคยทำหน้าที่นี้มานานเป็นสิบๆ ปี “เซี่ยเหมยซีไปไหนเสียล่ะ”

“เห็นว่าชาใหม่มาลงค่ะ เมื่อคืนก็ดูเหมือนไม่ค่อยสบายนะคะยังบอกว่าให้ซินเปิดร้านแทนอยู่เลย สุดท้ายก็ตื่นเช้ากว่าซินเสียอีก ว่าแต่ซาลาเปาอร่อยไหมคะ ป้าจูไม่ยอมให้ซินกินก็ใช้ซินยกนี่มาก่อน” ชายชราอ้าปากจะตอบแต่ก็ยังไม่ได้ตอบเพราะมีเสียงขัดขึ้น

“เซี่ยเหมยซีไม่สบายหรือ”

เสียงนั้นดังมาจากทางบันไดพร้อมกับการปรากฏตัวของเฉินเอินในชุดฮั่นฝูสีเรียบ มโนชาหันหน้าไปตามเสียงก่อนจะจ้องมองดูอย่างตาค้าง เฉินเอินมองอาการนั้นยิ้มๆ หลังกว้างยังคงยืดตรงอย่างสง่ายผ่าเผยเช่นทุกครั้ง ไร้ความเคอะเขินโดยสิ้นเชิง ดูเขาสะดวกสบายและไม่แปลกแยกเอาเสียเลยกับชุดจีนโบราณแบบนี้

ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะ พ่อบ้านจางลงนั่งอีกฝั่ง ก่อนที่ชายชราจะเริ่มลงมือชงชา

“ว่ายังไงซิน เหมยซีไม่สบายเป็นอะไร” เสียงนั้นกระตุ้นอีกครั้งพร้อมกับที่มือหนาหยิบซาลาเปาหนึ่งลูกขึ้นมาจากภาชนะทำด้วยไม้ไผ่สานแล้วยื่นส่งมันให้เธออย่างใจดี มโนชากะพริบตามองชุดฮั่นฝูของเขา ก่อนจะก้มลงมองซาลาเปาในมือด้วยอาการงงงวย

“เอ่อ…ไม่ได้บอกค่ะว่าเป็นอะไร แต่เมื่อคืนนี้กลับเข้ามาดูสีหน้าไม่ค่อยดี ดูเหนื่อยๆ เนือยๆ ยังไงบอกไม่ถูก ซินก็เลยอาสาจะเปิดร้านให้” เสียงปลายประโยคนั้นเบาหวิวพร้อมกับรอยยิ้มแหย “แต่ซินตื่นไม่ทันพี่เหมยซีก็ออกไปก่อนแล้ว”

เฉินเอินรับฟังด้วยท่าทีสงบนิ่งและเริ่มต้นลงมือกินอย่างเงียบๆ มีความหนักใจขึ้นหลายส่วน มือหนาบิซาลาเปากำลังจะเอาเข้าปากแต่พอเห็นมโนชายังมองอยู่ถึงได้เอ่ยพูด

“เธอก็กินเสียสิ หากเย็นแล้วจะไม่อร่อย” มโนชาอ้าปากจะกัดซาลาเปาแต่ก็พลันนึกขึ้นได้

“ยาก่อนอาหารกินแล้วหรือคะ”

“กินแล้ว” เขาตอบเรียบ

“หลังอาหารยังมีอีกสองเม็ดนะคะ แล้วยาแก้ปวด…”

“ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องกิน ขอบใจซิน ฉันรู้แล้วละ” เฉินเอินเงยหน้าขึ้นมองเธอและจ้องมองอยู่อย่างนั้นประมาณว่ายังจะมีอะไรอีกไหม สายตาที่เป็นเสมือนคำพูดเชิงไล่ มโนชาเลยเดินจากมาพร้อมกับซาลาเปาในมือ

เดินออกมา ข้ามสะพาน โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตัวเก่งก็ดังขึ้นว่ามีข้อความมาจากพี่มน หญิงสาวยัดซาลาเปาลูกเล็กเข้าปากหมดในคำเดียวก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา

แม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วซิน สบายใจได้แล้วนะ

เวลาสิบโมงตรงพอดิบพอดีไม่มีขาดมีเกินรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อสีกระดำกระด่างเพราะคราบฝุ่นก็เข้ามาจอดลงหน้าร้าน คนที่นั่งแกร่วมาทั้งเช้าผุดตัวลุกขึ้นยืนทันทีหมายจะต้อนรับลูกค้ารายแรกของวัน แต่ทว่า…

“สวัสดี พบกันอีกครั้งแล้ว” เสียงของนายตำรวจวัยกลางคนนามว่าพร้อมรบดังขึ้นเมื่อประตูถูกผลักเข้ามา

เธอรู้ชื่อเขาก็เพราะเมื่อคืนนี้ลองเปิดหาข้อมูลเรื่องคดี บอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่แค่ความอยากรู้อยากเห็นธรรมดาแต่เพราะเรื่องนี้เธอถูกโยงเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับภาทิศเจ้านายเก่าของเธอ และยังตัวคุณเฉินซึ่งเป็นเจ้านายใหม่ เธอยังต้องวนเวียนอยู่รอบเขาไปอย่างน้อยก็อีกพักใหญ่ เพราะฉะนั้นเธอเองก็ควรจะได้รู้ว่าตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับอะไร

เธอรู้สึกสังหรณ์ว่ามันเป็นอะไรบางอย่างที่แปลก แต่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร

“สวัสดีค่ะสารวัตร ซินเดาว่าช่วงนี้สารวัตรน่าจะยุ่งมาก ที่มาวันนี้คงไม่ได้มาเพื่อหาชาดื่มไกลถึงที่นี่หรอกใช่ไหมคะ”

แขกมาใหม่ยิ้มออกมาคิดว่าหญิงสาวซึ่งทำงานอยู่กับคุณเฉินคงรู้ข้อมูลอะไรมาบ้างถึงเรียกตำแหน่งเขาได้ถูกต้อง แต่อีกเรื่องเธอกลับเดาไม่ถูก เป็นไปว่าผู้หญิงที่เขาทราบว่าชื่อมโนชาคนนี้อาจจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของน้ำชาความทรงจำก็เป็นได้

“เธอคิดผิดแล้ว ต่อให้ไกลกว่านี้ถ้าเป็นชาที่คุณเฉินจะกรุณาชงให้ด้วยตัวเองฉันก็จะมา เพียงแต่ว่าวันนี้ที่มาไม่ได้จะมาดื่มเองหรอกแต่เป็นเด็กคนนี้…”

ที่เดินตามมาข้างหลังด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้เธออย่างมีมารยาทคือเด็กชายร่างท้วมอายุราวสิบขวบในชุดเสื้อยืดโปโลและกางเกงยีนส์ขายาว เด็กตัวกลมสวมรองเท้าผ้าใบดูสุภาพสมวัย แต่ดวงตานั้นช่างไม่ดูสมวัยเอาเสียเลย มีบางอย่างบอกเธอว่าเด็กคนนี้กำลังมีทุกข์หนัก แต่ทุกข์ของเด็กและผู้ใหญ่ไม่เหมือนกัน มโนชาเลยมโนเอาเองว่าวันนี้เด็กคงถูกบังคับให้มากระมัง

“ซินมั่นใจว่าคุณเฉินไม่มีชานมไข่มุกแน่ๆ” มโนชาพูดพลางส่งยิ้มให้กับเด็กชาย

“ฉันก็คิดเหมือนกันว่าไม่มี” สารวัตรพร้อมรบหัวเราะออกมา

มโนชาเชิญแขกนั่งได้เพียงไม่ถึงนาทีสวีสุ่ยเหอก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ร้าน ผู้ช่วยประจำตัวคุณเฉินเดินหายเข้าไปหลังร้านครู่ใหญ่ก่อนจะกลับออกมาและเชิญหนึ่งเด็กหนึ่งตำรวจขึ้นไปยังหออำพัน คุณเฉินมาถึงหลังจากนั้นไม่นานนักและหายเงียบขึ้นไปด้านบนโดยไม่ได้กล่าวอะไร

บรรยากาศพวกนี้นี่มันอะไรกัน ดูไปก็คล้ายกับวันนั้นที่ภาทิศปรากฏตัวขึ้นที่นี่

คำถามมากมายวนเวียนไร้ทางออกขณะเฝ้ามองกิริยาผิดแผก เริ่มตั้งแต่คุณเฉินในชุดฮั่นฝูที่เธอไม่เคยเห็น แขกของคุณเฉินที่เป็นตำรวจสืบสวนกับเด็กชายท่าทางวิตกกังวล ยังมีสวีสุ่ยเหอกับเซี่ยเหมยซีพร้อมกับท่าทีเป็นงานเป็นการราวกับกำลังจัดงานพิธีการอะไรบางอย่าง

ที่เห็นยังปกติอยู่ก็คือน้องจี๊ดเด็กฝึกงานคนนั้นกับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างเธอคนนี้เท่านั้น มโนชาได้แต่เพียงมองตามขึ้นไปด้วยความสงสัย จนกระทั่งแขกของหออำพันกลับไปความสงสัยนั้นก็ไม่ถูกแก้ไขให้กระจ่างขึ้นมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

 



Don`t copy text!