เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 6 : The Last Word  คำสุดท้าย คำทิ้งท้าย

เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 6 : The Last Word คำสุดท้าย คำทิ้งท้าย

โดย : ขวัญอินทร์

Loading

เปลือกมุกสีชมพู โดย ขวัญอินทร์ นวนิยายดราม่าเข้มข้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวที่จะแสดงให้เห็นว่าเราอาจไม่เคยมองเห็นเนื้อแท้ของใครได้เลย ถ้าเราเลือกมองแค่เพียงเปลือก ความสำเร็จ ความล้มเหลว และภาพจำที่ผู้อื่นตีกรอบให้ เราจึงไม่ควรด่วนตัดสินใคร เพราะสุดท้ายผลกรรมจะเปิดโปงทุกอย่างไม่ช้าก็เร็ว

 

จิน เหล้าชาร์เทรอสเขียว เหล้าแมรัชคีโน น้ำมะนาว

ผ่านไปสองอาทิตย์ต้นบุญก็กลับมาบ้านคุณนวลพรรณอีกครั้ง พร้อมด้วยทนายความเพื่อเปิดพินัยกรรมของคุณนวลพรรณ ตามคำสั่งเสียของท่านเมื่อมาถึงฟ้าพราวก็ออกมาต้อนรับ เชื้อเชิญไปยังห้องประชุมขนาดเล็ก พร้อมทั้งตระเตรียมน้ำชากาแฟเอาไว้ต้อนรับแขกเป็นอย่างดี

“รอคุณตาไกร อากรณ์ก่อนนะคะ เห็นว่าอาหมอนติดธุระนิดหน่อยค่ะ” ฟ้าพราวรายงาน อาหมอนที่เธอพูดถึงก็คือคุณสมร ภรรยาอากรณ์ เจ้าหนี้ของคนของเธอ ซึ่งแม่เพิ่งค่อนขอดไปเมื่อเช้าว่า คงอยากมาทวงหนี้จนตัวสั่น

“คุณฟ้าดูสดใสขึ้นนะครับ” ต้นบุญเอ่ยชมทั้งปากทั้งตา วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสีฟ้า ระบายด้วยริ้วเมฆสีขาวประปรายดูสดใส ฟ้าพราวตอบรับคำชมด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ขอบคุณค่ะ ตอนแรกฟ้าจะใส่ชุดดำ แต่คุณแม่อยากให้สดใส พร้อมรับวันดีๆ ค่ะ…เอ่อคือฟ้าเชื่อว่าพินัยกรรมเป็นเหมือนจดหมายรักฉบับสุดท้ายนะคะ” ฟ้าพราวรู้สึกเขินเมื่อพูดประโยคสุดท้าย

“ว้าว ความคิดดีครับ จริงอย่างที่คุณฟ้าพูดจริงด้วย” ต้นบุญดูตื่นเต้นจริงจัง เออออไปกับความคิดเธอ ดูเขาไม่เสแสร้งจนเธอเบาใจ แอบให้คะแนนนิยมเขาเพิ่มขึ้น พร้อมรอยยิ้มหวานฉ่ำ

หลังจากงานศพคุณนวลพรรณ เขายังคงติดต่อกับเธอเสมอ ทั้งแรงปรารถนาของตัวเอง และแรงเชียร์ของแม่และน้าลี ที่หลังจากเจอเธอครั้งแรกและครั้งเดียวก็อยากได้มาเป็นศรีสะใภ้ ยุให้เขาจีบ และเป็นแม่สื่อให้เสร็จสรรพ เขาเองก็ไม่ปฏิเสธพร้อมเปิดใจรับความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มถักทอก่อตัวขึ้นทุกวัน ซึ่งเขาเองก็มั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเองแต่ฝ่ายเดียว ฟ้าพราวก็พร้อมเปิดใจรับไมตรีเขาเช่นกัน

ไม่กี่นาทีหลังจากเขามาถึง ส.ส.ไกร คุณกรณ์กับภรรยาก็มาถึง ซึ่งก็ได้เวลาเปิดพินัยกรรม ภูวดลก็ถามถึงมุกอันดา

“ตายละฟ้าลืมให้ป้าศรีไปปลุก มุกคงยังไม่ตื่น” ฟ้าพราวรีบลุกออกไปบอกป้าศรีให้ไปปลุก

“สันดานตื่นสาย ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ไม่รู้ไปให้ค่ารอมันทำไม” คุณขจีเอ่ยประชดไปถึงคุณภูวดลคนที่บอกว่า ยังไงๆ ก็ต้องรอเธอก่อน

ต้นบุญนึกเคืองมุกอันดาที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอ เกือบสามสิบนาทีเธอก็กระหืดกระหอบเข้ามา ด้วยสภาพที่ดีกว่าเพิ่งตื่นเล็กน้อย วันนี้เธอใส่กระโปรงยาวสีดำถึงตาตุ่ม เสื้อคร็อปมีปกสีขาวเอวลอย ดูสุภาพแปลกตากว่าทุกครั้งที่เจอ คงเพราะไม่มีเวลาเธอจึงแต่งหน้าพอบางๆ ผมสีชมพูถูกคาดเสยด้วยที่คาดผมสีขาวดำแนวตั้ง เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่ชัดเจน

“สวัสดีค่ะ” มุกอันดายกมือไหว้ทุกคน ต้นบุญลุกขึ้น และเชิญให้เธอนั่งระหว่างเขากับพ่อ กลิ่นหอมอ่อนๆ ยามเธอเดินเข้ามาใกล้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ กลิ่นเดียวกับหมอบุญพี่สาวเขาชอบ ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าเป็นกลิ่นแป้งเด็ก ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงแบบมุกอันดาจะชอบแบบนี้

“เริ่มได้แล้วละ เสียเวลากันเกือบชั่วโมงแล้ว” ส.ส.ไกรไม่พอใจมุกอันดาที่มาช้า ดูท่าทางแล้วเหมือนเพิ่งตื่นเสียด้วยซ้ำ

“รอมุกเป็นชั่วโมงแล้วหรือคะ ก็ไหนบอกว่านัดสิบโมง ถึงว่าทำไมป้าศรีรีบปลุก”

“เค้านัดเก้าโมงย่ะ” ขจีพูดน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

“ไม่นะคะ พี่ฟ้าบอกเองว่านัดสิบโมง ข้อความโทรศัพท์ยังมีเลย” มุกอันดาควานหาโทรศัพท์แต่เธอดันวางไว้ที่ห้องนอน

“นี่ไงพี่แจ้งใหม่แล้ว แต่มุกยังไม่อ่าน” ฟ้าพราวชูมือถือขึ้น มุกอันดาเขม้นมองเพื่อดูเวลาที่ส่ง แต่ฝ่ายนั้นวางลงเสียก่อน จะลุกขึ้นไปก็ดูวุ่นวาย

“มุกขอดูเวลาส่งหน่อย” เธอแบมือขอมือถือฟ้าพราว แววตารู้ทันว่าพี่สาวแจ้งเปลี่ยนเวลาตอนที่เธอนอนหลับ เพราะรู้ว่าเธอตื่นสาย

“แกนี่จะวุ่นวายไปถึงไหน” ส.ส.ไกรในฐานะผู้อาวุโสโบกมือห้าม ภูวดลซึ่งนั่งอยู่ใกล้เธอที่สุดแตะแขนเธอเบาๆ เป็นเชิงห้าม มุกอันดาจึงยอมสงบลง แต่ภายในใจเริ่มร้อนระอุด้วยความโกรธ

ทว่าเมื่อทนายเริ่มอ่านพินัยกรรมจนกระทั่งจบ คนที่ร้อนระอุที่สุดกลับเป็นขจีกับฟ้าพราว เพราะพินัยกรรมของคุณนวลพรรณ ระบุไว้ว่ายกบ้านหลังเดิมและที่ดินสวนยางพาราจำนวน 100 ไร่ ที่ ต.ช้างกลอย ให้กับมุกอันดาเพียงผู้เดียว

“ไม่จริง ที่ดินที่ไหนกัน ทำไมฉันไม่รู้ พินัยกรรมนี้ของปลอม” ขจีน้ำเสียงเกรี้ยวกราดไม่พอใจ ฟ้าพราวเองก็ช็อกจนไม่มีเวลาเตือนสติผู้เป็นแม่ แววตาผิดคาด ผิดหวัง ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มคลี่เสมอเม้มสนิท ใบหน้าเผือด เหมือนทุกอย่างจะหยุดลงตรงนี้

ทุกคนภายในห้อง ประกอบด้วย ส.ส.ไกร คุณกรณ์ ก้องเกียรติ คุณภูวดล รวมทั้งต้นบุญพากันขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกอึดอัด เห็นใจ บอกไม่ถูก ต่างจากมุกอันดาที่สีหน้าตื่นตะลึง ไปกันคนละทิศทางกับฟ้าพราว

“พินัยกรรมฉบับนี้ คุณนวลเขียนขึ้นหลังจากคุณกระจ่างเสียชีวิตครับ” ภูวดลพูดขึ้น

ส.ส.ไกรขยับตัวขออ่านพินัยกรรมฉบับนั้นโดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนส่งให้คนอื่นอ่าน ลายมือชื่อนั้นตรงกับคุณนวลพรรณทุกประการ

“ทำไมอานวลถึงไม่ให้พวกเราเป็นพยานสักคน” คุณสมรภรรยากรณ์ตั้งข้อสังเกต ตามประสาคนไม่เกรงใจใคร หลังจากอ่านพินัยกรรมที่สามียื่นให้เสร็จ เธอรู้สึกผิดหวังพลางนึกถึงหนี้สินที่ขจีติดค้างตัวเองไว้

“ก็มันปลอมไงล่ะ” คุณขจีพูดตวัดสายตามาที่ภูวดล

“คุณนวลเกรงว่า คุณจีจะพาลโกรธญาติพี่น้องที่มาเป็นพยานครับ” คุณภูวดลบอก คำอธิบายของเขาทำให้ ส.ส.ไกรกับลูกชายส่งเสียงครางในลำคอ หมดข้อโต้แย้งใดๆ เพราะหากตอนนี้ญาติฝั่งเขามีรายชื่อในพยานก็คงได้โดนขจีถอนหงอกทั้งหัวขาวหัวดำ

“ถ้าทุกคนยังคลางแคลงใจผมยังมีวิดีโอที่อัดตอนที่คุณนวลพรรณ พูดเก็บเอาไว้ จะให้ผมเปิดเลยมั้ยครับ” ทนายความช่วยพูดอีกแรงหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทายาทคนอื่นมีปัญหา

”ไม่ต้อง!” ฟ้าพราวบอกเสียงสั่น แววตายังสั่นระริก แม้พยายามควบคุม

“ฟ้าลูก” คุณขจีน้ำตาคลอ เธอรู้ดีว่าลูกสาวกำลังเจ็บปวด เสียหน้า เสียความรู้สึกกับคุณยาย เธอเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองเป็นที่รักของคุณนวลพรรณ

“ที่ดินกระผีกเดียว ฟ้าไม่ติดใจหรอกค่ะ” ฟ้าพราวเชิดหน้าตอบ แม้ภายในจะร่ำร้องแย้งตะโกนอยู่ภายในใจว่า ไม่ติดใจเรื่องที่ดิน แต่เสียใจที่คิดว่ายายรักตนเองที่สุด ถ้าจะมีสักสิ่งที่เป็นชิ้นพิเศษ มันควรเป็นของเธอไม่ใช่ของมุกอันดา หลานสาวที่ไม่เคยได้เรื่องอะไรสักอย่าง

“ดีแล้วละฟ้า เรากับแม่ก็ได้ทั้งตลาดห้องแถว แล้วก็ที่ดินอีกหลายแปลง” ส.ส.ไกรในฐานะผู้ใหญ่ช่วยปลอบใจ พอจะเริ่มเข้าใจนวลพรรณน้องสะใภ้ คงรู้สึกผิดต่อหลานสาวคนเล็ก

“เยอะแยะอะไรกัน คุณแม่ก็แบ่งให้เท่ากันนั่นแหละ เพียงแต่ของกระจ่างต้องขายใช้หนี้ สู้คดีหมด แล้วยังมาเขียนพินัยกรรมให้ยัยมุก แบบนี้เหรอยุติธรรม ฟ้ายอม ยังไงแม่ก็ไม่ยอม”

ยิ่งเห็นแววตาเจ็บช้ำของลูกสาวก็ยากที่ขจีจะยอมรับ

“ที่ดินติดเขต สปก.หรือเปล่าภูวดล แถวนั้นยังไม่ได้โฉนดไม่ใช่หรือ” คุณกรณ์เอ่ยถามขึ้นเพื่อให้คุณขจีเห็นว่าที่ดินตรงนั้นอาจไม่มีราคาค่างวดอะไร

“คุณนวลซื้อเอาไว้ตั้งแต่เป็น สปก.ครับ พอเป็นโฉนด ก็เลยทำพินัยกรรม ตอนแรกก็จะโอนให้หนูมุกเลย แต่ตอนนั้นแกยังไม่ครบสิบแปดปี” ภูวดลบอก ความทั้งอธิบายเพิ่มเติมถึงลักษณะที่ดินว่าเป็นสวนยางแก่ ไม่มีคนกรีดมาเป็นสิบปี

“ป่านนี้คงเป็นป่ายาง ถ้าขายไม้ยางก็ได้หลายล้านอยู่นะ ไง ไอ้มุก เป็นเศรษฐีเลยนะเรา” ส.ส.ไกรหันมาแซวหลานสาวที่นั่งเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ตรงตัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามทนาย วันนี้มุกอันดาแทบไม่ได้แต่งหน้าคงเพราะรีบร้อนลงมาจึงทาแป้งกับลิปสติกสีชมพูสีบาง ทำให้ใบหน้านั้นเหมือนเด็กมหา’ลัย ไร้พิษสง ตาแดงช้ำยังพูดอะไรไม่ออก เหมือนกับช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน

“บ้านหลังเก่าเป็นของมุกด้วยหรือคะ ไหนป้าบอกว่าพ่อขายให้ป้าไง” มุกอันดาไม่สนใจเรื่องที่ดิน สิ่งที่เธอสนใจคือความรู้สึกผิดที่ทำให้ย่าตาย

“ก็ใช่น่ะสิ เพราะงั้น บ้านหลังนั้นแกไม่มีสิทธิ์” คุณขจีตอบน้ำเสียงเดือดดาล ชิงชัง

“มุกมีสิทธิ์มั้ยคะคุณทนาย” มุกอันดาหันไปถามทนาย

“ตามพินัยกรรมมีสิทธิ์ครับ”

“พ่อแกยกให้ฉัน เพื่อใช้หนี้” คุณขจีบอกเสียงเข้ม

“เอ ถ้าลุงจำไม่ผิด แม่เราเค้าบอกลุงว่า ยกให้เฉพาะที่ดินที่สร้างบ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือ ส่วนบ้านเดิมแม่เราเค้าขอเอาไว้ให้มุกมันได้ซุกหัวนอน ก็ตรงกับพินัยกรรมนี่” ส.ส.ไกรได้ชื่อว่าเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมาก่อน จึงยึดมั่นในความยุติธรรม

“แม่ไม่รู้เรื่องนี้ จีกลัวว่าแม่จะเสียใจค่ะ จ่างเองก็กลัวแม่ผิดหวังที่รักษาบ้านเอาไว้ไม่ได้ เราจึงแอบตกลงกันสองคน”

“เอ่อถ้าตามกฎหมาย ยังไงก็ต้องเป็นของคุณมุกอันดาครับ เพราะกรรมสิทธิ์ในโฉนดยังเป็นของคุณนวลพรรณ และท่านก็ทำพินัยกรรมชัดเจน” ทนายความอธิบายตามข้อกฎหมาย

“แบบนี้ฉันก็แย่น่ะสิ ใช้หนี้ให้กระจ่างฟรีๆ” คุณขจีโวยวาย

“ใจคอจะไม่ให้อะไรหลานเลยรึขจี” ส.ส.ไกรเน้นเสียงหนักเริ่มไม่พอใจ “จริงอยู่ที่ไอ้มุกมันเกเรผิดพี่ผิดน้อง แต่ก็ไม่ใช่เหตุที่ทำให้มันไม่ได้อะไรเลย”

“จีก็เลี้ยงดูอย่างดีนี่คะ ไม่เคยขับไล่ไสส่ง เพิ่งมาตอนที่มุกไปทำงานบาร์นี่แหละ ที่รับไม่ได้จริงๆ” คุณขจียังเชิดหน้าตอบ ตอนนี้เธอไม่สนใจใครอีกแล้วนอกจากความเจ็บใจที่แม่เขียนพินัยกรรมแบบนี้ มันเหมือนเป็นการฉีกหน้าเธอกับฟ้าพราวคนที่คอยดูแลมาตลอด

“ป้าโกหก พ่อไม่มีวันขายบ้านหลังนั้น พ่อกลัวมุกไม่มีที่ซุกหัวนอน คุณย่าก็เหมือนกัน ตอนนี้มุกรู้แล้วว่าทำไมท่านถึงอาการทรุดหนักร้องไห้ตลอดเวลา พอรู้ว่าป้าสร้างบ้านต่อกัน” มุกอันดาต่อว่า สงสารคุณย่าจับใจ ท่านพูดไม่ได้ จึงต้องร้องไห้ ท่านคงกลัวว่าป้าจะฮุบบ้านเธอ พอรู้ความจริงวันนั้นก็เลยช็อก เจ็บอะไรไม่เท่าเจ็บใจตัวเอง ที่ไปซ้ำเติมคุณย่าอีกคน

“แกพูดบ้าอะไร เนรคุณ! ได้!อยากได้ก็เอาไปเลย แกมันแน่อยู่แล้วนี่” ขจีโกรธจนตัวสั่น ลุกขึ้นทันทีจนเก้าอี้ครูดกับพื้นเสียงดัง เจ็บใจ ขายหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ฟ้าพราวลุกพรวดเช่นกัน ยอมเสียมารยาทไม่มีกะจิตกะใจร่ำลาใครสักคน ประคองคุณขจีออกไป คุณกรณ์ส่งซิกให้ภรรยาตามไปดูแลสองแม่ลูก ผู้ใหญ่ที่เหลือนั่งมองหน้ากัน กระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้จะเห็นใจใครดีระหว่างขจีกับมุกอันดา

มุกอันดาปาดน้ำตาลวกๆ ขบกรามจนเป็นสันเพื่อระงับอารมณ์ ฟังทนายอธิบายเรื่องเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน

“พี่ภูทราบใช่ไหมครับว่าที่ดินอยู่ตรงไหน” กรณ์ชวนคุยเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ ยังอึดอัดใจเรื่องที่มุกอันดาพูดเมื่อตะกี้ จะเข้าข้างมุกอันดาก็ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เพราะถ้าตามรูปการณ์นี้แสดงว่าคุณขจีจงใจโกงบ้านหลาน แต่ก็นั่นแหละ กระจ่างอาจแอบตกลงกับพี่สาวโดยที่ไม่มีใครรู้ก็ได้

“รู้ครับ ผมจะให้ต้นบุญพาไป มุกว่างวันไหนนัดพี่เค้าได้เลย” ภูวดลหันไปบอกมุกอันดาในตอนท้าย ต้นบุญค้อมศีรษะรับคำสั่ง ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในสงครามยังไงยังงั้น และชักสงสารหญิงสาวที่กำลังนั่งเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่ระหว่างเขากับพ่อ

“ขอบคุณค่ะ” มุกอันดาตอบเสียงแผ่ว เธอไม่ได้สนใจเรื่องที่ดิน ไม่อยากไปดูด้วยซ้ำ ยังรู้สึกผิดต่อคุณย่าจนไม่อยากได้อะไร นอกจากชีวิตท่านคืนมา

“ไม่คิดละสิว่าย่าเค้าจะให้อะไรเรา จำเอาไว้ คนแก่ยังไงก็รักลูกหลานเท่ากัน กับป้าแกก็อย่าไปโกรธ ยังไงก็เลี้ยงดูแกมา” ส.ส.ไกรพูดสั่งสอน เข้าใจความรู้สึกของเธอ ที่ผ่านมาญาติพี่น้องรับรู้จากปากขจีว่าฟ้าพราวเป็นหลานรัก ส่วนมุกอันดานั้นเป็นหลานที่ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง และหลานคนนี้เป็นตัวแทนความผิดพลาดของลูกชายสุดที่รัก แต่ทุกอย่างก็กระจ่างเอาตอนนี้ อย่างน้อยนวลพรรณก็ไม่ได้ลำเอียงรักหลานไม่เท่ากันอย่างที่คนอื่นเข้าใจ ถึงแม้ที่ดินที่ได้จะเทียบไม่ได้กับของขจีและฟ้าพราว

 

 



Don`t copy text!