Run Away หัวใจไกลรัก บทที่ 2 : ที่ไหนเรียกว่าบ้าน

Run Away หัวใจไกลรัก บทที่ 2 : ที่ไหนเรียกว่าบ้าน

โดย : ภัสรสา

Loading

Run Away หัวใจไกลรัก นิยายออนไลน์เรื่องล่าสุดของ ภัสรสา ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อ อดใจรออีกนิด เนื่องจาก Run Away หัวใจไกลรัก อยู่ในขั้นตอนการรวมเล่มกับสำนักพิมพ์ภัสรสาค่ะ  

……………………………………………………………….

-2-

 

ชายหนุ่มหันมองใบหน้าคุ้นเคยหากไม่คุ้นชินเอาเสียเลย เขาไม่เคยเห็นมิรันตาดูแย่ขนาดนี้ หญิงสาวเติบโตมาอย่างสมบูรณ์พร้อมในครอบครัวมั่งคั่ง บิดาเป็นหุ้นส่วนของบริษัทตัวแทนนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อระดับโลก ไม่เคยพบเจอกับความยากลำบากใดๆ มีครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ผิดกับเขา…

ศรุตถอนใจยาว ไม่แน่ใจเลยว่าจะหลับลงได้อย่างไรในเมื่อเขารอคอยให้หญิงสาวลืมตาตื่นอยู่ทุกวินาที นอกเหนือจากอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายแล้ว เขายังอยากรู้มากกว่านั้น

ทำไมมิรันตาถึงจากเขาไปโดยไม่บอกกล่าว ไม่ร่ำลา สามเดือนที่ผ่านมาหญิงสาวไปอยู่ที่ไหน กับใคร เคยคิดถึงเรื่องราวร้ายดีระหว่างกันหรือเคยฝันถึงมันบ้างไหม และถึงตอนนี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เขาควรปฏิบัติตัวอย่างไร ยังสามารถทำตัวเป็นคนรักได้ไหม หรือไม่ได้แล้วเพราะบางทีมิรันตาอาจมี…คนรักใหม่ กับคนที่…บางทีอาจเป็นพ่อเด็กในท้องตัวจริง

มิรันตาเป็นคนบอกเองว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา เขาโกรธจัดตอนได้ยินคำบอกนั้น ถึงกับไม่พูดด้วยอยู่สามวัน ตั้งใจไว้ว่าถ้าครั้งนี้หญิงสาวไม่มาขอโทษจะไม่ยอมอ่อนให้เด็ดขาด แต่ในที่สุดศรุตก็คิดได้ว่าคนอย่างมิรันตาหรือจะง้อใครต่อให้รู้ว่าตัวเองผิดก็เถอะ เด็กนิสัยเสีย เอาแต่ใจ ร้ายกาจจนเขาตั้งฉายาให้ว่าเด็กเปรตน่ะหรือจะทำ จึงตัดสินใจว่าจะกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องว่าที่เขาโกรธ ไม่ใช่เพราะเชื่อว่ามิรันตานอกใจ แต่โกรธที่มิรันตาใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือประชดประชัน มาล้อเล่นกับความรู้สึก

เขาไม่มีโอกาสนั้น เพราะพอกลับมา มิรันตาก็หนีหายไปทิ้งไว้เพียงข้อความบนกระดาษว่าไม่ต้องตามหา จะไปอยู่ในที่ที่มีความสุขกว่าอยู่กับเขา และนั่นทำให้เขาเริ่มเชื่อว่าเจ้าหล่อนอาจพูดความจริงเรื่องลูก…

ศรุตหันไปมองมิรันตา มือใหญ่ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจรดอกให้ ก่อนขยับไปไล้แก้มเซียวด้วยหลังมือแผ่วเบา ในหัวยังคิดสับสนอลหม่าน เป็นไปได้ไหมว่ามิรันตาอาจคิดถึงเขาเลยกลับมา แต่ชู้รักไม่ยินยอมจึงตามมาทำร้าย

เป็นไปได้ไหมว่าจริงๆ แล้วมิรันตาไม่เคยต้องการหนีหายไปจากเขา แต่ถูกบังคับพาตัวไป ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ว่ามิรันตาจะประสบพบเจออะไร เขาก็พร้อมยอมรับและจะดูแลหญิงสาวอย่างดีเหมือนที่เคยทำ แต่ศรุตรู้ว่านั่นเป็นเพียงความคิดที่เข้าข้างตัวเอง บางทีศรุตคงทำใจให้เชื่อความคิดนี้ได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่เพราะคิดได้ว่าการแต่งงานระหว่างเขากับมิรันตา ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรักเสียทีเดียวแต่มีปัจจัยอื่นร่วมด้วย

มิรันตาไม่ได้พร้อมใช้ชีวิตกับเขาแม้แต่วันที่แต่งงานกัน และอาจไม่พร้อมจนถึงนาทีนี้

ศรุตถอนใจยืดยาวอีกครั้ง จิตประหวัดคิดถึงชายคนหนึ่ง…ปิยพัทธ์

ก่อนหน้ามิรันตาจะหายตัวไป ปิยพัทธ์ อดีตคนรักของนิดานุช เพื่อนสนิทของมิรันตา บุกมาหากันถึงบ้านหลังนี้ วรารีบโทร.ตามเขาที่อยู่ส่วนสำนักงาน ศรุตจำได้ว่าตัวเองรีบขนาดใช้มอเตอร์ไซค์เจ้าแจ็คเป็นยานพาหนะแทนการใช้รถนั่งไฟฟ้า หรือรถยนต์ส่วนตัว แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าปิยพัทธ์กลับไปแล้ว ศรุตเปิดกล้องวงจรปิดดูก็พบว่าปิยพัทธ์ดูเครียดขึ้ง มิรันตาบอกเพียงปิยพัทธ์มาถามให้แน่ใจว่ามิรันตาแต่งงานกับเขาแล้วมีความสุขดี แล้วพอเขาถามว่ามิรันตาตอบว่าอะไร หญิงสาวกลับท่าทางหมกมุ่นครุ่นคิดเหมือนมีเรื่องต้องตัดสินใจ…และใช่ เขายังไม่ได้คำตอบจนถึงวันนี้

และหลังแน่ใจว่ามิรันตาจะไม่กลับมา เขาเพียรพยายามติดต่อปิยพัทธ์ทุกวิถีทางแต่ไม่สามารถติดต่อได้คล้ายกับปิยพัทธ์ไม่เคยมีตัวตนบนโลกใบนี้ ศรุตพยายามนึกย้อนภาพปิยพัทธ์ในความทรงจำ เป็นชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างเพรียวแต่ไม่ผอมจนเกินไป เคยเป็นแฟนกับนิดานุช ก่อนจะหลงรักมิรันตาและขอหญิงสาวเป็นแฟนหน้าตาเฉย เกือบทำให้สองสาวเพื่อนสนิทแตกคอกันดีว่ามิรันตาปฏิเสธเด็ดขาด…และมาขอเขาแต่งงาน

ศรุตรู้ว่าความตั้งใจหลักของมิรันตาคือทำให้นิดานุชสบายใจมากกว่าอยากแต่งงานกับเขาจริงๆ แต่เขารักมิรันตา ไม่ได้คิดว่าการแต่งงานด้วยความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนจะส่งผลขนาดนี้ หลังมิรันตาแต่งงานกับเขาได้หนึ่งปี นิดานุชก็แต่งงานกับศรัณย์ พี่ชายต่างแม่ของเขา ส่วนปิยพัทธ์หายหน้าไปไม่กลับมาให้เห็นอีกกระทั่งวันนั้น

แม้จะหมั่นไส้และไม่ชอบหน้าหากศรุตก็ต้องยอมรับว่าในมุมมองของเขา ปิยพัทธ์ไม่มีเค้าของฆาตกรแม้แต่น้อย แต่ฆาตกรคงไม่มีป้ายติดอยู่บนใบหน้าทุกคนว่าเป็นฆาตกร ปิยพัทธ์อาจเป็นคนทำร้ายมิรันตาก็ได้ เขาจะไม่วางใจใครเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอกเด็ดขาด

หรือจริงๆ แล้วมิรันตาอาจไม่ได้ต้องการกลับมาเลย แต่ถูกบังคับพากลับมา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามิรันตาไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงกัน

ศรุตถอนใจอีกครั้งและตั้งใจว่าจะหยุดถอนใจเสียทีสำหรับวันนี้ ก่อนชายหนุ่มจะตัวเกร็งนั่งจ้องมิรันตาตาไม่กะพริบเมื่อเห็นว่าดวงตาของหญิงสาวค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างล่องลอย ลูกตาดำขยับซ้ายขวาเป็นช่วงสั้นๆ คล้ายกำลังพยายามจับภาพเบื้องหน้าให้ชัดเจน

“รัน” ศรุตหลุดปากเรียกชื่ออย่างไม่ทันได้ห้ามตัวเอง ไม่ชอบใจนิดหน่อยที่เก็บความห่วงใยไว้ไม่มิดจนมันผสมอยู่ในเนื้อเสียง เขายังไม่รู้ว่ามิรันตาคิดอะไร ถ้าเจ้าหล่อนไม่ต้องการเขา ศรุตก็ไม่ต้องการความสงสารหรือสมเพชที่อาจเกิดขึ้นถ้ามิรันตารู้ว่าเขายังห่วงใยอาทรเธออยู่ เขาเคยตลกกับเสียงหัวเราะเยาะของมิรันตา แต่ตอนนี้คิดว่าถ้าได้ยินคงเกลียดมันเป็นที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม ศรุตไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกับแววตาแบบนี้ แบบที่มิรันตาใช้มองกันอยู่ มันว่างเปล่าอย่างที่คนถูกมองถึงกับหายใจไม่ออก มันราวกับผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ครู่หนึ่งก็กลายเป็นความตื่นกลัวรวมไปถึงตอนพิจารณาห้องนี้ด้วยเช่นกัน ศรุตขยับตัวไปจับมิรันตาไว้เมื่อหญิงสาวกระถดตัวถอย แล้วกลับร้องโอยออกมา

“เจ็บตรงไหน” ถามแล้วต้องออกแรงมากขึ้น เมื่อมิรันตาสะบัดตัวหนี ส่งเสียงร้องแสดงออกชัดเจนว่าหวาดกลัว คำถามที่ถาม คำพูดที่พูดมายิ่งทำให้ศรุตจับต้นชนปลายไม่ถูก

“คุณเป็นใคร จับฉันมาทำไม ปล่อยฉันเถอะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”

ศรุตพยายามทำให้มิรันตานิ่งที่สุดด้วยการใช้แรงน้อยที่สุด เริ่มแน่ใจว่าต้องมีบางอย่างผิดพลาด ถ้าเขาไม่จำหน้าคนผิดจนคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นมิรันตาทั้งที่ไม่ใช่ ก็เป็นมิรันตาที่มีปัญหาด้านความจำแน่ๆ หรืออาจเป็นไปได้ที่เจ้าหล่อนต้องการปั่นหัวเขา “รัน…คุยกันดีๆ ก่อน”

ได้ผล เพราะมิรันตานิ่ง มองหน้าเขา ทว่าศรุตไม่รู้สึกเลยว่าเรื่องจะดีขึ้น เพราะมิรันตายังมองเขาเหมือนมองคนไม่รู้จัก

“คุณรู้จักฉัน”

จะให้เขาตอบยังไง…

“คุณรู้จักฉันเหรอ คุณเป็นคนจับฉันมาหรือเปล่า”

ศรุตส่ายหน้าทันที แต่ยังไม่ทันได้ตอบ อีกฝ่ายก็สรุปมาอีก

“คุณช่วยฉันไว้ใช่ไหม คุณจะส่งฉันกลับบ้านใช่ไหม ฉันอยากกลับบ้าน”

ศรุตเสียดอยู่ในอก อยากกลับบ้านหรือ…บ้านไหนกันที่เจ้าหล่อนอยากกลับ หลังนี้ที่มีผู้ชายคนนี้อยู่ หรือหลังอื่นที่มีผู้ชายคนอื่นอยู่กันแน่ จะเป็นหลังไหนไปได้เล่า แค่หน้ามิรันตายังจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ “รัน จำผมไม่ได้จริงๆ เหรอ”

ศรุตรู้สึกหัวใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกไปหมดตอนมิรันตามองเขาอย่างพินิจพิจารณา เอ่ยถามเสียงอ่อย

“คุณเคยไปที่บ้านฉันใช่ไหม ขอโทษนะคะ ฉันจำไม่ได้จริงๆ…ช่วยไปส่งฉันที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ”

คำว่า ‘บ้าน’ ที่ออกมาหลายรอบทั้งๆ ที่ตอนนี้มิรันตาก็อยู่ ‘บ้าน’ ทำให้ศรุตอารมณ์ไม่ดี “ที่ไหนล่ะที่คุณเรียกว่าบ้าน”

ศรุตเสียงแข็งแม้พยายามระงับอารมณ์แล้ว ก่อนความฉุนโกรธจะหายวับไปแทนที่ด้วยความงุนงงกึ่งตกใจ เมื่อมิรันตาตอบกลับหน้าซื่อ

“คุณก็ต้องเคยไปสิคะ คุณน่าจะเป็นลูกค้าของสามีฉันใช่ไหม”

มิรันตาหมายถึงเขาเป็นลูกค้าของตัวเองอย่างนั้นหรือ ก็ในเมื่อเขาคือสามีเจ้าหล่อน อย่างน้อยก็ยังเป็นตามกฎหมาย

“ฉันขอร้องละค่ะ ไปส่งฉันหน่อยนะคะ ฉันเป็นห่วงลูกชายมากด้วย”

ลูกชาย…ไม่ ไม่มีทาง เรื่องมันบ้าเกินไปแล้ว! ศรุตแน่ใจว่าเขาต้องพามิรันตาไปหาหมอ แต่ก่อนอื่นเขาต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน จึงจ้องหน้ามิรันตา เอ่ยถาม “บอกผมหน่อยได้ไหม คุณชื่ออะไร สามีกับลูกคุณล่ะ”

มิรันตาตอบได้ทันที “ฉันชื่อมิรันตาค่ะ”

ใช่แน่ ยังไงก็เป็นมิรันตาของเขา จะมีคนชื่อแปลกสักกี่คนที่หน้าตาแบบนี้

“สามีฉันชื่อศิรา ลูกชายชื่อศตายุ”

แต่นั่นไม่ใช่ ศรุตขยับมือรวดเร็วไปเชยคางมิรันตาขึ้นเพื่อดูตำหนิ เห็นปานแดงรอยเล็กใต้คางแล้วยิ่งแน่ใจ ชื่อเดียวกัน หน้าเดียวกัน ตำหนิเดียวกัน ถ้าเบื้องบนไม่เล่นตลกกับเขาเกินไปอย่างไรเสียคนคนนี้ก็คือมิรันตาที่เป็นภรรยาของเขาแน่ ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที ไม่สนใจอาการที่มิรันตาดึงตัวเองออกและมองเขาเหมือนจะกลัวขึ้นมาอีกแล้ว “คุณมีหลักฐานไหมเรื่องลูกกับสามีคุณ”

มิรันตาหน้านิ่ว บอกด้วยสีหน้าและสายตาที่เริ่มแสดงความไม่ไว้วางใจ “ถ้าคุณไปส่งฉันที่บ้าน ก็จะเห็นหลักฐานทุกอย่าง”

“แต่ผมมีหลักฐานว่าคุณคือภรรยาผม”

ศรุตมองมิรันตาที่อ้าปากค้างมองเขาเหมือนมองคนบ้า แล้วพอเห็นว่าเรื่องทุกอย่างจะยิ่งแย่ลงจากปฏิกิริยาของมิรันตา หญิงสาวถอยห่างเริ่มแสดงความหวาดระแวงและกลัวมากขึ้น จึงเดินไปยังชั้นหนังสือ หยิบอัลบั้มรูปวันแต่งงานออกมาแล้วเดินกลับไปยื่นส่งให้มิรันตาที่เพียงเปิดหน้าแรกทิ้งไว้แล้วจ้องเอาเป็นเอาตาย

หญิงสาวมองหน้าเจ้าบ่าวสลับกับมองหน้าคนที่อ้างว่าเป็นสามี พบว่าเป็นคนคนเดียวกันจริง จึงละสายตามามองหน้าเจ้าสาว จ้องอยู่พักก็ยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง “นี่…มันฉัน…ฉันจริงๆ เหรอ…”

“ใช่”

“แต่ก็…ดูไม่เหมือน”

“ตอนนี้คุณโทรมมาก…” ศรุตชะงัก มองปฏิกิริยาของคนฟัง เมื่อแน่ใจว่าไม่โดนแหวกลับเพราะรับไม่ได้กับคำว่า ‘โทรม’ แน่ๆ จึงค่อยพูดต่อ “ดูปานแดงจุดเล็กๆ ที่ปลายคางสิ”

ศรุตช่วยเปิดไปยังภาพที่มิรันตากำลังเงยหน้าหัวเราะทำให้เห็นปานแดงขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยชัดเจน พอเห็นมิรันตายกมือขึ้นแตะปานแดงปลายคางตัวเองแล้ว จึงชี้นิ้วไปยังจุดจุดหนึ่งแล้วพูดต่อ “คุณมีปานแดงอีกจุดตรงต้นขาขวา”

เพราะจุดที่เขาชี้มันค่อนข้างล่อแหลมเนื่องจากอยู่ในระดับใกล้เคียงกับจุดซ่อนเร้น มิรันตาจึงงอขาขึ้นอย่างต้องการปกป้องตัวเอง นั่นทำให้ศรุตเอานิ้วลง เอ่ยถาม “ถ้าคุณอยากดูทะเบียนสมรส”

มิรันตานิ่งไปนาน ก่อนตอบรับ “ค่ะ”

ศรุตถึงกับเลิกคิ้วกับคำตอบรับสุภาพเรียบร้อยและน้ำเสียงห่างเหินนั้น ยื่นมือไปเก็บอัลบั้มรูปมาไว้กับตัว แล้วเดินไปเอาทะเบียนสมรสมาให้ดู ให้ข้อมูลตอนมิรันตาพิจารณามันราวกับกำลังพิจารณาหลักศิลาจารึกอายุสามพันปี ไม่รู้จะพูดคำใดตอนมิรันตาไล้บางจุดบนกระดาษแล้วพึมพำ

“นามสกุลนี้…”

“นามสกุลเก่าคุณ” มองสีหน้างงงันประหลาดใจและอาจรวมไปถึงไม่เข้าใจของมิรันตาแล้ว ศรุตอยากบอกให้มิรันตาพักผ่อนแล้วค่อยไปหาหมอในวันพรุ่งนี้ ทว่าไม่ทันได้พูดวราก็เข้ามาในห้อง

“อ้าว คุณรัน ฟื้นแล้วเหรอคะ”

มิรันตาหันไปมองต้นเสียง ศรุตลอบสังเกตสีหน้าแล้วแน่ใจว่าวราไม่อยู่ในความทรงจำด้วยเช่นกัน

“หิวไหมคะ ให้ป้าทำอะไรให้ทานไหม”

มิรันตายังมองคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาใกล้กันอย่างสับสน ศรุตจึงเปิดปากแนะนำ

“นี่ป้าวรา ทำงานกับผมมานาน สนิทกับผมเหมือนญาติ คอยให้ท้ายคุณตอนเราทะเลาะกัน” พอเห็นมิรันตาไม่มีทีท่าจะจำได้ จึงหันไปทางวราที่กำลังงุนงง ให้ข้อมูล “รันจำผมไม่ได้…ดูเหมือนจะจำเราไม่ได้เลย”

วรายกมือปิดปาก ท่าทางตกอกตกใจ ก่อนตามมาด้วยแววตาเวทนา เข้ามานั่งชิดคนป่วย คว้ามือมาจับไว้แล้วใช้อีกมือลูบหลังมือขาวซีดเบาๆ “ไม่เป็นไรนะคะคุณรัน อีกเดี๋ยวก็จำได้ค่ะ ไม่ต้องพยายามเค้นด้วยนะคะ มันจะทำให้ปวดหัวมากแล้วก็…”

วรากำลังจะพูดต่อว่าคลื่นไส้ทว่าไม่ทัน เพราะมิรันตาโก่งคออาเจียน ขณะที่วรากำลังตกใจ ศรุตก็โผเข้ามาพยุงพร้อมกับลูบหลังให้ ชายหนุ่มเห็นสิ่งที่ออกมาแล้วค่อนข้างแน่ใจว่ามิรันตาไม่ได้อดอาหาร และดูจากที่มันยังไม่ค่อยย่อยเท่าไร อาจเป็นไปได้ว่าเพิ่งกินมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

“ถ้าอย่างนั้นคุณรุตดูทางนี้ก่อนนะคะ ป้าไปต้มข้าวต้มรอดีกว่า ออกหมดแบบนี้เดี๋ยวต้องหิวแน่”

ศรุตพยักหน้ารับ ยังคงลูบหลังให้จนรู้สึกว่ามิรันตาน่าจะอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงแล้ว จึงค่อยประคองให้ลุกขึ้น “เดินไหวไหม ไปล้างหน้าล้างปากในห้องน้ำดีกว่า หรือถ้าคุณอยากอาบน้ำก็ได้ เสื้อผ้ายังมีอยู่ในตู้”

มิรันตายืนนิ่งอยู่พักกว่าจะประคองตัวเองให้ยืนตรง ไม่เซไปมาได้ สีหน้าท่าทางยังเหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่สุดท้ายก็หันไปมองหน้าศรุต “ฉัน…อยากกลับไปหาลูก”

ทนมองตากับศรุตอยู่ได้ไม่นานหญิงสาวก็หลบตา รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวอย่างบอกไม่ถูกกับสายตาคู่นั้น มันเหมือนมีความเสียใจผสมปนเปกับความโกรธกรุ่นแล้วเธอก็รับทุกความรู้สึกของเขาได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้มิรันตาอยากอยู่คนเดียว พอรวมกับกลิ่นอาเจียนที่ลอยปะทะจมูกและความเปียกชื้นสกปรกที่เกิดขึ้น ทำให้กลั้นใจบอกไป “ฉัน…อยากอาบน้ำ”

ศรุตไม่ตอบอะไร พาเดินไปยังห้องน้ำ และแยกตัวไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าชุดนอนของมิรันตาอย่างคุ้นเคยเพราะไม่ใช่ว่าไม่เคยทำให้ ย้อนกลับมาส่งของให้ก่อนกำชับ “ไม่ต้องล็อกประตูนะ”

และพอเห็นสีหน้าของมิรันตา ศรุตจึงบอกออกไปอีก “ผมจะไม่เข้าไปถ้าคุณไม่เรียก แค่กันเผื่อไว้ กุญแจห้องน้ำสามลูกคุณทำหายหมดแล้ว”

คนถูกกล่าวหานิ่วหน้า เอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “ฉันทำหายเหรอ”

ศรุตพยักหน้ารับ ก่อนรู้สึกตลกขื่นๆ อย่างบอกไม่ถูกตอนเห็นว่ามิรันตารู้สึกผิด จริงๆ แล้วเรื่องกุญแจห้องน้ำสามลูกเป็นเรื่องขำขันในครอบครัว เขาคอยเอาเรื่องนี้ล้อเลียนจิกกัดมิรันตา ส่วนเจ้าหล่อนก็ไม่ได้มีท่าทีรู้สึกรู้สาอะไรบอกแค่ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ ‘คนสวย’ เขาทำกัน เพียงแต่ตอนนี้ศรุตอารมณ์ไม่ปกตินัก น้ำเสียงและหน้าตาอาจดูจริงจังจนมิรันตาเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เอาเถอะ ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่ได้เห็นมิรันตา ‘รู้สึกผิด’ แต่เพราะไม่อยากเห็นมากไปกว่านี้จึงรีบตัดบท “รีบอาบน้ำเถอะ”

แล้วเดินแยกมาจัดการกับที่นอนซึ่งเปื้อนอาเจียน ชายหนุ่มปูเครื่องนอนชุดใหม่เสร็จพอดีตอนวราเข้ามา หญิงวัยกลางคนนำผ้าปูกับแผ่นรองเปรอะเปื้อนที่เขาดึงกองไว้ออกไปจากห้อง แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง

“คุณรุตหิวด้วยไหมคะ ให้ป้าตักเผื่อไหม”

ศรุตพยักหน้ารับ ก่อนเดินตามหลังวราออกจากห้องเพื่อไปช่วยในครัว เอ่ยถามวราอย่างอาทร “ป้าวราง่วงหรือยัง สี่ทุ่มกว่า เลยเวลานอนแล้วนี่”

วรายิ้ม ยกมือขึ้นลูบแขนศรุตแผ่วเบา “ขอบคุณนะคะที่ห่วงป้า แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อะดรีนาลินมันคงหลั่ง ป้าเลยยังไม่ง่วง”

ศรุตยิ้มได้น้อยๆ แล้วเอ่ยบอก “ง่วงเมื่อไรบอกผมนะ”

วราพยักหน้ารับ หันไปมองทางห้องน้ำ แล้วหันกลับมาหาศรุต ความเป็นห่วงฉายชัดในแววตา “เรื่องตื่นเต้นหมดแล้ว ทีนี้ป้าอยากรู้ว่าคุณรุตเป็นยังไงบ้างคะ”

ศรุตรู้ทันทีว่าวราถามเรื่องอะไร วราอยากรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรที่มิรันตากลับมา รวมไปถึงรู้สึกอย่างไรกับตัวมิรันตาเองด้วย แต่เขาเองยังไม่พร้อมตอบเรื่องนั้น จึงเลือกตอบอีกเรื่องที่กังวลไม่แพ้กันไปก่อน “ผม…ไม่รู้จะถามยังไงเรื่องลูก รันคิดว่าตัวเองมีสามีและมีลูกชายแล้ว มีชื่อเสร็จสรรพ แล้วชื่อสามีก็ไม่ใช่ชื่อผมด้วย”

วราตาโตอย่างตกใจ ก่อนมีสีหน้าเหมือนครุ่นคิดอยู่ครู่ จึงพูดอย่างไม่แน่ใจนัก “ป้าไม่เคยรู้เลยค่ะ ว่าถ้าคนจำอะไรไม่ได้ จะสร้างความจำใหม่ขึ้นมาเองได้ไหม”

ศรุตถอนใจยาว “ผมไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เป็นเรื่องของจิตใจหรือสมอง ตอนนี้ผมแค่อยากแน่ใจว่ารันยังท้องอยู่หรือเปล่า ถ้าถามรันก็กลัวจะยิ่งเครียดหนักไปอีก ตอนนี้สำหรับรันผมน่าจะเป็นกึ่งๆ คนที่ลักพาตัวเขามา”

ศรุตไม่รู้เหมือนกันว่าหลักฐานต่างๆ ที่เอาออกมาให้มิรันตาดูจะทำให้หญิงสาวสงบใจมากพอจะนิ่งอยู่ได้ไหม เขาอยากให้ตัวเองรับมือได้ดีกว่านี้แต่ทุกอย่างมันก็สับสนไปหมด

เสียงโทรศัพท์ของวราทำให้บทสนทนาจบโดยปริยาย ศรุตนึกว่าตัวเองไม่ต้องออกแรงแล้วในวันนี้ ทว่าน้ำเสียงของวราก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด

“อะไรนะ! แจ็คดึงไว้ก่อนนะ อย่าให้ไปไหนเด็ดขาด” วรากรอกเสียงใส่โทรศัพท์แล้วหันมาบอกศรุตทันที “เจ้าแจ็คบอกว่าคุณรันอยู่กับมันค่ะตอนนี้”

บ้าจริง! เจ้าหล่อนหนีไปตอนไหน เพียงได้ยินดังนั้นศรุตก็ออกวิ่ง แต่ก่อนจะลับประตูห้องไปกลับต้องชะงักหันกลับมาถาม “ตรงไหนครับ”

วราตอบทันทีเมื่อนึกได้ว่าตนก็ลืมระบุพิกัด “ตรงประตูทางเชื่อมออฟฟิศค่ะ”

ศรุตไม่รอฟังจนจบด้วยซ้ำ เพราะแค่คำว่าทางเชื่อมก็เป็นการระบุพิกัดที่ดีมากพอแล้ว ระหว่างบ้านกับสำนักงาน จะมีซุ้มประตูสองทางเป็นทางเชื่อมระยะทางราวห้าร้อยเมตร มีประตูทั้งสองด้าน เมื่อวิ่งไปถึงก็เห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมิรันตาในสภาพนั้น หญิงสาวหมอบคุดคู้อยู่กับพื้น เอาสองมือกุมหัว กรีดร้องไม่หยุด โดยมีแจ็คทำหน้าตาตื่นลักษณะเหมือนกำลังพยายามห้ามปรามหรือไม่ก็ปลอบใจ เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้ยินเสียง

“พี่รันใจเย็นๆ นี่แจ็คเองนะ แจ็คเองไง ไม่ต้องกรี๊ดพี่รัน ไม่ต้องกรี๊ด”

แจ็คคงได้ยินเสียงฝีเท้าเขาจึงหันมามอง และรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

“แจ็คเปล่าทำอะไรนะพี่รุต แค่เข้าไปคุยเพราะเห็นพี่รุตว่าจะพาไปโรงพยาบาล ไม่น่าออกมาเดินแบบนี้ แต่แจ็คว่าพี่รันดูแปลกๆ เข้าไปคุยก็เหมือนจำแจ็คไม่ได้ เลยรีบโทรหาป้าวรา พอป้าวราบอกให้ดึงไว้ก่อนแจ็คก็ดึง แล้วพี่รันก็ทิ้งตัวลงกรี๊ดเลย”

ศรุตโบกมือแทนการบอกว่าไม่ต้องแก้ตัวแล้ว เขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด รีบเข้าไปประคองมิรันตา “รัน”

และได้รับการตอบรับเป็นเสียงกรี๊ดดังลั่น โชคดีว่าบ้านของเขาค่อนข้างห่างไกลผู้คน ไม่อย่างนั้นเรื่องคงยุ่งกว่านี้มาก เพื่อควบคุมสถานการณ์ ทำให้ศรุตตัดสินใจโกหก “ถ้ารันรอจนถึงพรุ่งนี้ ผมจะพารันกลับบ้าน”

ไปหาสามีและลูกไง บ้าเอ๊ย!

คำบอกนั้นทำให้มิรันตาหยุดส่งเสียงร้อง เงยหน้ามองศรุตด้วยดวงตาฉ่ำน้ำซึ่งยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทำให้คนมองถึงกับต้องกัดฟันแน่น พยายามอธิบายอย่างใจเย็น “ผมไม่ได้กักขังรัน ไม่ได้มัดมือมัดเท้า ผมไม่ใช่คนที่จับรันมาที่นี่ ผมเป็นคนเจอรันและช่วยรันเอาไว้…อดทนจนถึงพรุ่งนี้…ผมจะหาทางพารันกลับบ้าน ผมสัญญา”

ต้องจ้องตาแลกความไว้ใจกันอยู่อีกพัก มิรันตาจึงมีท่าทีสงบลง แต่ยังสะดุ้งดึงตัวหนีตอนศรุตเอื้อมมาแตะแขนเพื่อจะประคองให้ลุกขึ้น เห็นดังนั้นศรุตจึงถอยออกมาเพื่อให้พื้นที่กับคนตื่นกลัว ดูมิรันตาเบาใจขึ้นเมื่อวรามาร่วมวง อาจเพราะเป็นเพศเดียวกัน และลักษณะท่าทางของวราก็เป็นคนใจดี ศรุตจึงสบตากับวราและขอความช่วยเหลือผ่านสายตา ซึ่งผู้อาวุโสก็รู้เป็นอย่างดี จึงเข้าไปหามิรันตา แตะแขนแผ่วเบานุ่มนวล

“คุณรัน เข้าบ้านกับป้านะคะ อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วเข้านอนเถอะค่ะ”

มิรันตามองวรา มองศรุต มองแจ็ค แล้วหันกลับไปพูดกับวรา “คุณป้าจะอยู่กับรันใช่ไหมคะ”

วราพยักหน้าตามด้วยคำตอบ “อยู่ค่ะ จะอยู่เป็นเพื่อนคุณรันทั้งคืนเลย”

นั่นทำให้มิรันตาโอนอ่อน ยอมเดินตามวราเข้าบ้านที่ตนเพิ่งวิ่งหนีออกมาโดยมีศรุตยืนนิ่งมองตามอย่างพยายามจัดการอารมณ์ความรู้สึกตัวเอง มาชะงักก็ตอนได้ยินเสียงแจ็คถาม

“พี่รันเป็นอะไรอะพี่รุต”

ศรุตคิดว่าอาจจำเป็นต้องให้แจ็คช่วยดูแลสอดส่อง จึงบอกข้อสันนิษฐานของตน “จำอะไรไม่ได้เลย น่าจะความจำเสื่อม พรุ่งนี้ว่าจะพาไปหาหมอ”

“แล้ว…ที่พี่รันหายไปนานนี่ จะเกี่ยวกับที่ความจำเสื่อมไหม แบบเกิดอุบัติเหตุ แล้วพอพี่รันจำไม่ได้เลยกลับบ้านไม่ได้”

นั่นสิ… นั่นสินะ ถ้ามันเป็นแบบนั้นล่ะ… “พี่ไม่รู้เหมือนกัน”

“แล้ว…อยู่ๆ ทำไมพี่รันมาโผล่แถวนี้ได้ แกยังจำอะไรไม่ได้เลยนี่” พูดไปแล้วแจ็คก็เหมือนนึกได้ “รู้แล้วว่าทำไมพี่รุตสั่งล้อมรั้วกับติดกล้อง…มีเรื่องไม่ค่อยดีใช่ไหม”

ศรุตพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยฝากฝัง “แจ็คช่วยดูด้วยแล้วกัน ถ้าเห็นคนแปลกหน้าก็ระวังให้หน่อย”

แจ็คตอบรับเสียงแข็งขัน ศรุตจึงพอเบาใจได้เพราะรู้ว่าแจ็คจะทำเต็มความสามารถ ด้วยอยู่กันมานาน เขากับมิรันตาดูแลแจ็คเหมือนพี่น้องจึงทำให้แจ็คทำสิ่งเดียวกันตอบแทนด้วย ชายหนุ่มตบไหล่แจ็คแทนคำขอบคุณก่อนเดินเข้าบ้าน เข้าไปก็เห็นว่าวรายืนรออยู่หน้าห้อง พอเขาเข้าไปใกล้ก็ให้ข้อมูล

“คุณรันอาบน้ำอยู่ค่ะ ป้าจะไปรอหน้าบ้านก็กลัวคุณรันหาช่องหนีไปได้อีก เลยรอหน้าห้องดีกว่า”

ศรุตพยักหน้ารับ นิ่งเงียบเพราะรู้ว่าวราคงมีเรื่องอยากพูดกับเขา

“ป้าอยากถามให้แน่ใจค่ะ เลิกเลี่ยงป้าเถอะ คุณรุตรู้สึกยังไงกับคุณรันคะ”

ศรุตมองหน้าวรา อยากทรุดตัวลงนอนหลับเสียเลยตรงนี้ แต่รู้ว่าทำไม่ได้ ค่อยๆ เรียบเรียงความคิดของตนจนออกมาเป็นคำพูดในที่สุด “ผมยังไม่รู้เหมือนกัน ยิ่งรันจำผมไม่ได้ยิ่งทำตัวไม่ถูก แล้วไหนจะสามีกับลูกชายที่รันว่า…ผมไม่รู้ว่ารันยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมไหม”

วราพยักหน้ารับ เข้าใจศรุตดีทุกอย่าง แต่ก็ยังคงมีคำถาม “แล้วคุณรุตล่ะคะ ยังรู้สึกกับคุณรันเหมือนเดิมไหม”

ศรุตครุ่นคิดอยู่นาน ท้ายสุดก็ส่ายหน้า “ผมไม่รู้ ผมยังไม่คิดตอนนี้ได้ไหม ขอให้ผมแน่ใจก่อนดีกว่าว่ารันจะเอายังไง”

“คุณรุตกลัวคุณรันทิ้งไปอีกใช่ไหม”

สีหน้ารวดร้าวของศรุตทำให้วราต้องจับแขนเขาเอาไว้ “ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นป้าเชื่อว่าคุณรุตของป้าจะผ่านมันไปได้ อย่างน้อยก็มีป้าคนหนึ่งที่ไม่มีวันทิ้งคุณรุต”

ศรุตยิ้มได้ โอบเอววราแน่นๆ ก่อนผละออก แล้วบอกความคิดตน “ท่าทางต้องพารันไปหาหมอแล้วแหละป้าวรา รันอาจต้องใช้ยาบ้าง”

เพราะภาพมิรันตาอาเจียนหมดไส้หมดพุงยังติดตา สีหน้าเจ็บปวดหวาดกลัวสุดหัวใจยังฉายชัดอยู่ในความคิด ทั้งหมดล้วนไม่ดีต่อสภาพร่างกายและจิตใจของมิรันตา ถ้ายังปล่อยให้มิรันตาเป็นอีกเรื่อยๆ มิรันตาอาจเป็นหนักกว่าสูญเสียความทรงจำ หรือไม่…

เขาคงชิงบ้าตายตัดหน้าไปก่อนแน่!



Don`t copy text!