สาปแสงรัก บทที่ 12 : จะเป็นจะตายให้มันรู้

สาปแสงรัก บทที่ 12 : จะเป็นจะตายให้มันรู้

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

“พี่นวลแต่งตัวสวยจังเลยครับ” ชเลร้องทักเสียงสดใสเมื่อนวลดาราเดินลงมาจากเรือนไทยในชุดเสื้อลูกไม้พื้นเมืองสีขาว ผ้าซิ่นกรอมเท้าสีฟ้าน้ำทะเล

“ชเลก็น่ารักมากครับ” นวลดาราเอ่ยชม ทำให้เด็กชายในชุดเสื้อแขนกระบอกสีเหลืองโจงกระเบนสีเขียวสดยิ้มแป้น

“ไม่เห็นชมยายบ้างเลยนะชเล” คุณมัทนาที่ลงบันไดตามหลังหลานสาวมาแกล้งว่า

“คุณยายก็สวยครับ ไม่เหมือนคนแก่เลย” เด็กชายว่า

“เข้าใจพูดนะเรา…ไปกันเถอะลูก เดี๋ยวจะไม่ทันงาน ต้องไปเตรียมอะไรอีกหลายอย่าง”

เด็กชายเดินอยู่ตรงกลางให้หญิงสองวัยจูงมือคนละข้าง

วันนี้เป็นวันทำบุญประจำปีให้ท่านเจ้าของเกาะคือต้นตระกูลของคุณนิวัติ สามีของคุณมัทนา รวมถึงคนในครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นวันพิเศษที่ทุกคนได้แต่งชุดพื้นเมืองของเกาะดูแปลกหูแปลกตา เด็กชายที่ปีนี้เพิ่งได้นุ่งโจงกระเบนเป็นครั้งแรกดูตื่นเต้นกว่าใคร

นวลดาราไม่อยากไปวัดในวันทำบุญใหญ่แบบนี้เพราะงานนี้ทำให้เธอเศร้า คิดถึงทั้งแม่และตา นงพงาแม่ของเธอจากไปด้วยโรคหัวใจเมื่อนวลดาราอายุได้แปดปี หลังจากแม่จากไปได้หกปีเธอก็ต้องสูญเสียตาไปอีกคน นอกจากแม่และตาแล้ว ญาติผู้ล่วงลับอีกคนของเธอก็คือน้ามนัสน้องชายคนเดียวของแม่ ที่เธอไม่มีโอกาสได้รู้จักเพราะเขาตายตั้งแต่เธอยังอยู่ในท้องแม่ แต่นวลดาราก็รู้จักน้าชายคนนี้ผ่านคำบอกเล่าของตากับยายเสมอ

“อ้าว…แล้วพี่นุชเขาไม่ไปด้วยหรือชเล” คุณมัทนาถามเมื่อนึกขึ้นได้

“พี่นุชช่วยแต่งตัวให้ชเลแล้วก็รีบไปที่วัดแล้วครับ บอกว่าเป็นห่วงพี่อ้ายที่ไปนอนที่วัดตั้งหลายวันแล้ว” เด็กชายบอก

ปีนี้นวลดารายิ่งไม่อยากไปงานทำบุญมากขึ้นเพราะเธอไม่อยากพบพี่อ้ายของชเล หญิงสาวโกรธที่เขาปั้นปึ่งใส่เธอทั้งๆ ที่ตอนอยู่ที่บ้านกรุงเทพฯ เธอคิดจะพูดๆ ดีๆ กับเขาแล้วเพราะเห็นแก่ที่เขาช่วยเหลือเธอให้ตาสว่างไม่โดนคนรักสวมเขาต่อไป และเธอก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาบาดเจ็บ เธอคิดว่าเธออาจจะอคติกับเขามากเกินไปอย่างที่ยายบอก ถ้าเขาดีพอเธออาจเปิดใจคบหาเขาก็ได้ แต่หลังจากกลับมาที่เกาะวันนั้นเขาก็เปลี่ยนไป เธออุตส่าห์ห่วงใยตามไปดูเขาทำงาน แต่เขากลับทำไม่เต็มใจจะพูดจากับเธอ ให้น้องสาวมาคอยขัดการสนทนาจนเธอรู้สึกได้ ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับเขาอีกเลย เพราะเธอไม่ใช่ของเล่นของใคร นวลดาราอยากจะปฏิเสธไม่ร่วมงานบุญแต่ก็ทำไม่ลง เพราะถ้าเธอไม่ไปยายคงต้องเป็นแม่งานอยู่คนเดียว นางชื่นคงง่วนอยู่กับการจัดเลี้ยงในโรงทานไม่มีเวลาปลีกตัวไปช่วยงานในส่วนอื่น ส่วนชลธีก็ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดเพราะเขามีหน้าที่ต้องไปรับพระสงฆ์ที่นิมนต์มาจากวัดภายนอกเกาะและยังต้องช่วยอุปัฏฐากพระระหว่างพิธีด้วย

 

ตามกำหนดการวันนี้จะมีการถวายสังฆทานและเลี้ยงพระเพลพระสงฆ์เก้ารูป จากนั้นเป็นการเลี้ยงอาหารชาวบ้านใครมีฝีมือในการทำอาหารก็จะมาตั้งโรงทานเลี้ยง จากนั้นในช่วงบ่ายจึงจะมีการทำบุญฉลองพระพุทธรูป

นวลดาราตั้งใจว่าจะหลบหน้าอานุภาพ แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เพราะการถวายสังฆทานและเลี้ยงพระเพลที่เคยจัดที่ศาลาการเปรียญ ถูกย้ายมาจัดที่ลานปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหม่

“ทำไมมาจัดพิธีกันที่นี่ล่ะคะ” นวลดาราถามผู้เป็นยาย

“หลวงพ่อท่านบอกว่าตอนบ่ายต้องฉลองพระอยู่แล้วก็เลยให้จัดเสียที่นี่เลย ยายก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร” คุณมัทนาบอกแล้วถามต่อเมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยพอใจของหลานสาว “นวลมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ” นวลดาราตอบ ตาก็อดมองไปที่อานุภาพที่กำลังตรวจดูความเรียบร้อยของแท่นปูนที่จะใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไม่ได้

“โอ้โห…พระสวยจังครับ” ชเลตะโกนเสียงดังเมื่อวิ่งไปยืนดูพระพุทธรูปใกล้ๆ ที่ใต้ต้นโพธิ์

“ต้องบอกว่าพระงามครับ” อานุภาพบอก

“ครับ พระงามมากครับ พี่อ้ายเก่งจังเลย…”

“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มบอกเด็กชายแต่สายตามองเลยไปยังหญิงสาว เมื่อสบสายตากัน นวลดาราก็เมินไปทางอื่นเสีย

นวลดารารู้ว่าอานุภาพพยายามจะคุยกับเธอ แต่เธอหรือจะยอมง่ายๆ ตั้งแต่พิธีถวายสังฆทานจนพระสงฆ์ฉันเพลเสร็จหญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาคุยกับเธอได้เลย

หลังจากเลี้ยงพระแล้วญาติโยมที่มาร่วมงานบุญก็แยกย้ายกันไปเลือกอาหารจากโรงทานที่แบ่งเป็นฝั่งอาหารคาวและฝั่งอาหารหวาน แล้วไปเลือกหาที่นั่งกินกันตามอัธยาศัย นวลดารารีบไปประจำที่ซุ้มของหวาน เพราะนางชื่นดูแลอยู่คนเดียว ส่วนซุ้มของคาวนั้นไม่น่าเป็นห่วงเพราะอนุชกับปิ่น เด็กลูกมือช่วยกันบริการตักอาหาร นวลดาราทำขนมหวานหลายอย่างมาร่วมในงาน มีทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ลูกชุบ กลีบลำดวน และขนมชั้นที่พับซ้อนเป็นดอกกุหลาบ พอไปถึงซุ้มของหวานเธอก็เห็นอานุภาพกำลังช่วยนางชื่นตักขนมหวานเป็นจานๆ แจกให้ผู้มาร่วมงาน

“เอาทุกอย่างนะครับ” อานุภาพพูดกับคนที่มารอคิวรับขนม มือก็ตักขนมอย่างละชิ้นสองชิ้นใส่ในจานแบ่ง

นวลดารารอจนชายหนุ่มส่งจานขนมให้คนมารอเรียบร้อยแล้วจึงบอกกับเขาว่า “คุณออกไปเลย เดี๋ยวฉันทำเอง”

“คุณไล่ผมได้ไง ผมมาร่วมงานบุญนะคุณ” อานุภาพบอก

“ออกไป…” เธอบอกซ้ำด้วยเสียงเบาลง เพราะอายชาวบ้านที่มายืนต่อแถว แต่สีหน้าท่าทางที่มองเขานั้นแสดงชัดว่ายังโกรธมาก เมื่อเขาไม่ขยับ เธอจึงเดินออกไปแทน

“ผมขอโทษนะที่ทำแบบนั้นกับคุณ” อานุภาพรีบเดินตามออกไปอธิบาย

“คุณเห็นฉันเป็นอะไร นึกอยากจะพูดก็พูด ไม่อยากก็เงียบแบบนี้น่ะเหรอ” นวลดาราโกรธชายหนุ่มมาก อย่างที่เธอเองก็คิดไม่ถึง ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเธอไม่ได้รู้สึกใส่ใจอะไรผู้ชายคนนี้มากมาย แต่พอได้ไปไหนมาไหนกับเขา เธอก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนดี ไม่ได้เลวร้ายอะไร เธอจะลองเปิดใจคบเขาเป็นเพื่อน แต่พอเขาทำเฉยเมยกับเธอ เธอกลับรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อน และน้อยใจเขามากจนเกือบจะกดเสียงให้เป็นปกติไม่ได้

“คุณฟังผมก่อนนะ…”

“คุณไม่ต้องพูดเลย ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องมาพูดกัน”

“คุณนวล คือ…ช่วงนี้ผมไม่ค่อยสบายน่ะ มันเป็นบ่อยๆ จนผมกลัวว่าผมจะดูน่าสมเพชในสายตาคุณหรือเปล่า”

“ไม่สบายก็ไปหาหมอสิคุณ เกี่ยวอะไรกัน ทำไมต้องทำแบบนี้”

“ผมหงุดหงิดมากน่ะ ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้จงใจทำร้ายความรู้สึกคุณนะ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ฉันก็แค่ไม่ชอบที่ใครมาทำแบบนี้กับฉัน” นวลดารารีบปฏิเสธ เธอไม่ต้องการให้เขารับรู้ความรู้สึกของเธอมากเกินไป

“งั้นคุณอย่าโกรธผมได้ไหม…” เขาขอร้อง

“ก็ถ้าคุณไม่สบาย ฉันจะไปโกรธได้ยังไง”

“ขอบคุณนะครับ” อานุภาพบอก เขามองเธออย่างซาบซึ้ง เพียงครู่เขาก็หลับตาเหมือนข่มความรู้สึกเจ็บปวด

“ไม่สบายอีกเหรอคุณ” นวลดาราถามอย่างห่วงใย

“เปล่าครับเปล่า” อานุภาพรีบบอก

“เปล่าอะไร คุณนอนน้อยแน่เลย เห็นคุณนุชบ่นเป็นห่วงที่คุณมาทำงาน มาค้างที่วัดตั้งหลายคืน ได้นอนบ้างเปล่าเนี่ย ถามจริง”

“ก็นอนบ้างฮะ” อานุภาพตอบเสียงเบาแล้วเอามือลูบผมเหมือนปวดหัวมาก นวลดารายิ่งแน่ใจว่าเธอคาดเดาถูก

“ท่าทางคุณไม่ดีเลย หาอะไรกินแล้วกลับไปนอนพักที่บ้านเถอะ กว่าจะถึงฤกษ์ฉลองพระตั้งเกือบบ่ายสาม เดี๋ยวค่อยมาอีกทีก็ได้ คุณรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปดูตักข้าวให้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ยายนุชให้ผมกินข้าวต้มไปถ้วยหนึ่งแล้ว”

“งั้นก็กลับบ้าน ไป ฉันไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอกครับ คุณอยู่ดูแลทางนี้เถอะ”

“จะไปคนเดียวได้ยังไง เป็นลมทำไง ไป ฉันไปส่ง อย่าโยกโย้น่าคุณ” นวลดาราเห็นอานุภาพรีรอมองอนุชที่กำลังยุ่งกับงานในซุ้มอาหารคาวเธอก็เรียกซ้ำ “ไปสิคุณ…” เมื่อไม่ทันใจเธอก็ดึงมืออานุภาพให้ไปกับเธอ

 

“คุณ ผมเดินเองได้” อานุภาพบอกเมื่อเดินพ้นจากเขตวัด นวลดารานึกขึ้นได้จึงปล่อยมือเธอที่จับมือเขาอยู่

“โทษที เมื่อกี้ฉันรีบ อยากให้คุณมาพักเร็วๆ น่ะ”

“ที่จริงผมเดินไปเองได้ จริงๆ นะ” อานุภาพยืนยันเพราะเกรงว่าเธอจะจับมือเขาอีก เมื่อเธอจับมือเขา เขาก็รู้สึกดี เมื่อนั้นความเจ็บปวดก็ทวีขึ้น

“เดินไปด้วยกันก็ดีแล้ว ท้ายเกาะนี่มันเปลี่ยว ไฟฟ้าก็ไม่มี เกิดคุณเป็นลมอยู่ ไม่มีใครมาเจอง่ายๆ หรอกนะ

“ขอบคุณนะฮะที่เป็นห่วงผม” เขาบอกแล้วหลบสายตา

“คุณไม่เป็นไรแน่นะ” เธอถาม

“แน่ครับ…ผมขอโทษอีกทีนะที่ทำไม่ดีกับคุณแบบนั้น ต่อไปผมจะทำดีกับคุณให้มากกว่านี้”

“ฉันดุขนาดนั้นเลยเหรอ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรนักหนาหรอก หลบสายตายังกับเด็กกลัวโดนจับผิด”

อานุภาพสูดลมหายใจเข้าแล้วมองหน้าเธอตรงๆ แล้วแก้ตัวว่า “ผมเปล่าสักหน่อย”

นวลดาราคิดว่าอานุภาพไม่ค่อยสบายเธอเลยไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีก แม้ว่าเธอจะสงสัยในกิริยาอาการหลายอย่างของเขา แต่เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าเรือนหลังใหญ่หญิงสาวก็เปลี่ยนใจ เธอตัดสินใจเอ่ยถามในเรื่องที่ค้างคาใจ

“คุณอ้าย…นี่คุณคิดจะจีบฉันหรือเปล่าเนี่ย”

“เอ่อ” ชายหนุ่มอึกอัก “ทำไมคุณถามแบบนี้ล่ะ”

“ก็ฉันมาคิดดูแล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงมาแฉเรื่องพี่ทัต ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชอบฉันแล้วอยากมาแทนที่เขาน่ะ”

“อ้อ…ไอ้หมอนี่เองใช่ไหมที่ทำให้นวลตัดขาดกับพี่ โทรมาก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ” ทัตพลที่ยืนรออยู่ที่หน้าเรือนไทยได้ยินเรื่องที่สองคนสนทนากันจึงพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังพลางเดินอาดๆ มาหาอานุภาพอย่างเอาเรื่อง

“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก” นวลดาราเดินมาขวางไว้

“นวลปกป้องมันเหรอ…” ทัตพลโวยวาย

“นวลบอกแล้วว่าเขาไม่เกี่ยว นวลว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ พี่มาอีกทำไม”

“โธ่นวล…พี่ขอโทษ ให้อภัยพี่เถอะนะ”

“ไม่ค่ะ พี่ทัตกลับไปเถอะ”

“เอางี้นะนวล พี่ขอคุยกับนวลตามลำพังได้ไหม ขอแค่นวลยอมฟังพี่ นะ…”

นวลดาราคิดว่าถ้าเธอไม่ยอมคุยกับทัตพล เขาอาจหาเรื่องทำร้ายอานุภาพได้จึงตอบไปว่า “ก็ได้ค่ะ งั้นไปคุยกันบนบ้าน” นวลดาราจะเดินขึ้นบันไดเรือนไทยไป

“คุณ…” อานุภาพเรียกเธอไว้

“คุณไม่ต้องห่วงหรอก เข้าบ้านไปพักเถอะ”

นวลดาราพูดแล้วก็เดินขึ้นบันไดเรือนไป ทัตพลเดินตามหลังหญิงสาวไป ไม่วายหันมาส่งกำปั้นให้อานุภาพที่ทำได้แค่มองตามหญิงที่เขารักด้วยความเป็นห่วง

 

“พี่ทัตมีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ” นวลดาราเอ่ยถามทันทีที่ทัตพลตามเธอขึ้นมาบนเรือน

“นวล…พี่ผิดไปแล้ว พี่ขอโทษ นวลจะให้พี่ทำอะไรชดใช้ความผิดก็ได้ พี่ยอมทุกอย่าง อย่าเลิกกันเลยนะนวล นะ”

“คำขอโทษของพี่ทัตไม่มีความหมายอะไรกับนวลหรอกค่ะ พี่ทัตจำได้ไหมว่าตอนที่เราตกลงเป็นแฟนกัน นวลบอกอะไรพี่”

“นวลบอกว่านวลจะไม่เชื่อคำพูดของพี่ง่ายๆ แต่นวล คราวนี้พี่พูดจริงนะ พี่เลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เรากลับมาดีกันนะนวล”

นวลดาราฟังแล้วยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “พี่ทัตจำที่นวลบอกได้ไม่หมดนะคะ นวลบอกพี่ว่านวลจะไม่เชื่อคำพูดของพี่ ไม่เชื่อคำสัญญาอะไรทั้งนั้น แต่นวลจะเชื่อการกระทำของพี่ แล้วครั้งนี้ นวลก็เห็นตำตาว่าพี่นอกใจนวล แล้วพี่ยังจะมาขอให้นวลยกโทษอีกเหรอคะ นวลเคยบอกแล้วว่าถ้านอกใจก็เลิกกัน”

“นวล พี่เพิ่งทำผิดครั้งแรก ที่ผ่านมาพี่ก็มีแต่นวลนะ ครั้งนี้พี่แค่เผลอใจไป”

“เหรอคะ นี่เป็นครั้งแรกของพี่ หรือครั้งแรกที่นวลจับได้คะ”

“โธ่นวล พี่มีผู้หญิงคนนั้นก็เพราะเราอยู่ห่างกัน พี่แค่เหงาใจ นวลเห็นใจพี่บ้างสิ นะ”

นวลดารายิ้มขำ ทัตพลจึงอ้อนวอนต่อไป

“ให้อภัยพี่เถอะนะนวล”

“ไม่ค่ะ สำหรับนวล ผิดก็คือผิด ยิ่งคนผิดเป็นคนที่นวลไว้ใจ ไม่มีคำว่าให้อภัยเด็ดขาด”

“สิบห้าปีที่เรารู้จักกันมาไม่มีความหมายสำหรับนวลเลยเหรอ ที่พี่ช่วยชีวิตนวลไว้ก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรเลยเหรอ”

นวลดารานึกสมเพชผู้ชายคนนี้ เธอเพิ่งรู้ธาตุแท้ของเขาในวันนี้เอง ผู้ชายแบบไหนกันที่จะทวงบุญคุณจากคนรัก พี่ทัตที่เธอรักและไว้ใจกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร

นวลดาราพบกับทัตพลครั้งแรกเมื่อพ่อของเขาซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้ามาติดต่อขอนำผลิตภัณฑ์เซรามิกของโรงงานส่งออกไปขายในยุโรป ตอนนั้นตาของเธอเพิ่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุได้ไม่นาน ยายก็กำลังเคว้งคว้าง กิจการที่ไม่เห็นหนทางไปต่อก็มีทางไป ครอบครัวของทัตพลจึงเป็นที่พึ่งของเธอและยาย

คืนเดือนดับในเดือนเกิดของเธอปีนั้น นวลดาราเกิดอยากไปนั่งเล่นที่ริมหน้าผาท้ายเกาะ เธอไม่รู้ตัวว่าตัวเองเดินไปถึงขอบหน้าผาและเกือบจะเดินตกหน้าผาไปแล้ว โชคดีที่ทัตพลเรียกเธอไว้ทัน ตั้งแต่นั้นเธอก็รักและนับถือเขามาก เธอกับเขาคบกันแบบพี่น้องจนเมื่อทัตพลเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็ขอเธอเป็นแฟนทั้งสองคนคบหากันในสายตาของยาย นวลดารารักทัตพลที่เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย แม้จะอยู่ไกลกัน แต่เขาก็ไม่เคยขาดการติดต่อกับเธอเลย แม้เมื่อทำงานทำการแล้ว เขาก็กลับมาหาเธอที่เกาะทุกวันหยุด แทบไม่เคยขาด เมื่อเธอเจ็บป่วยเขาก็ห่วงใยใส่ใจ ถ้าไม่มาหาก็ส่งของเยี่ยมมาเสมอ นวลดารากลัวการถูกทิ้งเป็นที่สุด เมื่อทัตพลไม่เคยทิ้งหรือหายไปจากชีวิตของเธอเลย เธอจึงยิ่งรักเขา

เมื่อแรกที่อานุภาพให้เบาะแสว่าทัตพลมีคนอื่น มันทำให้ความเชื่อของนวลดาราสั่นคลอน เธอยอมเสียเงินจำนวนมากเพื่อสืบข่าวจากเพื่อนร่วมงานของทัตพลและได้รู้ความจริงว่าผู้หญิงที่ชื่อโฉมสุดาเป็นคู่ขาของทัตพลมาไม่ต่ำกว่าสี่ปี และผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่คนแรก ทัตพลยังเอาเธอไปพูดกับเพื่อนสนิทว่า ‘น้องนวลก็เป็นแค่ผู้หญิงที่กลัวโดนทิ้ง แค่ไลน์หา บอกคิดถึง ฝันดีนะคะทุกคืน แค่นี้ก็ไม่มีปัญหา’ นั่นทำให้นวลดาราเจ็บแค้นจนถือปืนไปที่บ้านกรุงเทพฯ

“นี่พี่ทัตทวงบุญคุณนวลเหรอคะ” นวลดาราถาม

“พี่ก็ไม่อยากทำแบบนี้นะนวล แต่นวลไม่คิดถึงเวลาที่ผ่านมาบ้างเหรอ ที่พี่อยู่ข้างนวลมาตลอดน่ะ เวลานวลทุกข์ก็มีแต่พี่”

“เพราะพี่ทัตรู้ว่านวลต้องการแค่ใครสักคนที่ใส่ใจ พี่เลยแกล้งทำแบบนั้น ให้นวลเชื่อใจ แล้วก็ไปมีใครต่อใคร เสียใจด้วยนะคะ ต่อไปนี้ นวลไม่ใช่ของตายของพี่อีกต่อไป”

“นวล พี่ไม่เคยคิดว่านวล…”

“พอเถอะค่ะ พี่ทัต กลับไปเถอะค่ะ ก่อนที่นวลจะเกลียดพี่ไปมากกว่านี้”

“ก็ได้ แต่นวลช่วยอะไรพี่อย่างได้ไหม”

“ช่วยอะไรคะ”

“พี่ขอยืมเงินสักก้อนได้ไหม”

“หน้าด้าน…” นวลดาราสบถอย่างเหลืออด

“นะนวล ช่วยพี่หน่อยนะ พี่รู้ว่านวลช่วยพี่ได้”

“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ…”

“นวล ถ้านวลไม่ช่วยพี่ตายแน่ๆ”

“ฉันบอกให้ออกไป…” นวลดาราเอ่ยเสียงกร้าว ดวงตาวาวดุดัน เธอเดินเข้าหาทัตพลอย่างเอาเรื่อง เมื่อประสานสายตากัน คนขี้ขลาดก็ถอยหลัง แต่ยังไม่วายอ้อนวอน

“นวล…”

“จะไปไหม…”

เมื่อเห็นว่าอ้อนวอนไม่ได้ผลแน่ ทัตพลก็ตัดใจ

“ได้ พี่ไปก็ได้ แล้วนวลจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับพี่” ทัตพลชี้หน้ากล่าวอาฆาตก่อนลงจากเรือนไป

นวลดาราโมโหจนแทบร้องไห้ เธอต้องยืนสงบจิตสงบใจอยู่นานเป็นครู่กว่าความรุ่มร้อนในใจจะลดลงได้

“เป็นยังไงบ้างคุณ” อานุภาพถามขึ้นทันทีเมื่อตามขึ้นมาบนเรือน

นวลดาราเช็ดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาแล้วหันมาคุยกับเขา “ฉันบอกเลิกเขาเด็ดขาดแล้ว หวังว่านะ”

“ท่าทางเขาโกรธแค้นคุณมากนะ ผมว่าคุณต้องระวัง คนพาลอย่างเขาอาจจะกลับมาทำอะไรคุณก็ได้ คุณต้องระวังตัวมากๆ นะ”

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก คุณเถอะ ทำไมไม่กลับไปนอน หน้าซีดเชียว”

“ก็ผมเป็นห่วงคุณ…แล้วก็จะมาตอบคำถามของคุณด้วย”

“คำถาม?”

“ก็คุณถามว่า ผมคิดจะจีบคุณไหมไง”

“แล้วคิดไหมล่ะ” เธอถามอย่างท้าทาย

อานุภาพเดินเข้าใกล้เธอ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเหมือนจะรวบรวมความกล้า “ถ้าผมบอกว่าคิด คุณจะว่าไง”

“ฉันก็จะรับพิจารณา” นวลดาราประสานสายตาตอบอย่างไม่กลัว

ทั้งสองคนประสานสายตากันเพียงไม่กี่วินาที อานุภาพก็ถอยหลัง เขาคลึงบีบขมับเหมือนปวดหัวมาก หลับตาเหมือนกำลังข่มความรู้สึกและมีเสียงครางหลุดออกมา ชายหนุ่มซวนเซจนลงไปนั่งที่พื้นบ้าน

“คุณ เป็นอะไร”

อานุภาพหอบหายใจ เขาไม่มีแรงจะตอบ

“คุณ คุณเป็นอะไร ให้ฉันช่วยยังไง”

นวลดาราไม่ได้รับคำตอบ เธอตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจากจมูกของอานุภาพและเขาก็หมดสติไป

“คุณ…คุณอ้าย…”



Don`t copy text!