ธำมรงค์เลือด บทที่ 4 : สังวาลทองคำ

ธำมรงค์เลือด บทที่ 4 : สังวาลทองคำ

โดย : พงศกร

Loading

ธำมรงค์เลือด นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาและพงศกรอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์…เรื่องราวของบุรุษลึกลับที่เทียวกลับมาที่ร้านของคุณไลยหลายครั้งหลายหน เพื่อตามหาแหวนโบราณวงหนึ่ง…แหวนไพลินที่ทำขึ้นมาในสมัยอยุธยา และคือจุดเริ่มต้นของความรัก ความแค้น ความพยาบาทที่ผูกพันมาแต่อดีตและเป็นแหวนที่จะเชื่อมโยงชะตากรรมของทุกคนเข้าด้วยกัน

“สวัสดีค่ะคุณยาย” เพลงภัทรยกมือขึ้นทำความเคารพคุณไลย ปะวะหล่ำจ้องมองชายหนุ่มผิวขาว รูปร่างสูง ผมหยักศกที่เดินมากับเพื่อนด้วยสายตาแปลกใจ ด้วยไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน

“ธามค่ะ…ธามนิธิ” เพลงภัทรแนะนำชายหนุ่มที่มาด้วยกันกับหล่อน หากไม่บอกว่าอยู่ในสถานะใด

แม้ไม่บอกว่าอยู่ในสถานะใด ปะวะหล่ำก็พอจะเดาได้ เพราะเพื่อนสนิทของเธอไม่เคยขาดเพื่อนชายคนสนิท

“นี่คุณยายไลยกับแป้ม เพื่อนของเพลง”

“สวัสดีครับคุณยาย” เขาเอ่ยทักคุณไลย สายตาของชายหนุ่มนาม ‘ธามนิธิ’ แลเลยมาสบกับปะวะหล่ำโดยบังเอิญ เหมือนมีรอยยิ้มอ่อนจางปรากฏอยู่ในดวงหน้าคมสันนั้น

“สวัสดีคุณแป้ม”

เพลงภัทรแนะนำธามนิธิเพียงเท่านั้นแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ขณะที่ชายหนุ่มยังจ้องเอาจ้องเอาจนปะวะหล่ำรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ

ปะวะหล่ำรีบหันไปหาเพื่อน เธอไม่ชอบท่าทีแบบนั้นของชายหนุ่มเลยแม้สักนิด

“นั่งก่อนสิหนูเพลง” คุณไลยส่งยิ้มอ่อนโยน เธอเห็นเพลงภัทรมาตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ

“หนูมีสร้อยมาให้คุณยายดูค่ะ” เพลงภัทรทรุดกายนั่งลงตรงเก้าอี้โซฟายาว ธามนิธิเดินไปชะโงกมองดูเครื่องประดับในตู้กระจก ไม่ได้มีท่าทางอยากรู้เรื่องของเพื่อนสาวสักนิด

“แป้มบอกยายเอาไว้แล้ว” คุณไลยทรุดกายลงนั่งตรงข้ามเด็กสาว “ไหน…ขอดูหน่อย ถ้าสวยสมบูรณ์ละก็…คงขายได้ราคาดีมาก”

“นี่ค่ะ”

เพลงภัทรหยิบกล่องกำมะหยี่ใบใหญ่ออกมาจากถุงผ้า ภายในนั้นมีสร้อยทองเส้นยาวอย่างที่เรียกว่าสังวาล ประดับอัญมณีหลากสีพราวไปทั้งเส้น ศิลปะอยุธยาตอนกลาง สภาพยังสวยสมบูรณ์จนแทบไม่น่าเชื่อว่าผ่านกาลเวลามานานหลายร้อยปี ในสมัยนั้นสังวาลแบบนี้เป็นเครื่องประดับของเจ้านายชั้นสูง ใช้สะพายไขว้เฉียงบ่า

“คุณพระ…” คุณไลยเห็นสังวาลเส้นนั้นแล้วได้แต่อ้าปากค้าง ด้วยไม่เคยเห็นสร้อยอยุธยาเส้นไหนมีสภาพสมบูรณ์เช่นนี้มาก่อน

“สร้อยของหนูสวยไหมคะ” เพลงภัทรถาม

“สังวาลจ้ะหนูเพลง เรียกว่าสังวาล ไม่ใช่สร้อย” คุณไลยพึมพำ ดวงตายังไม่อาจละไปจากเครื่องประดับตรงหน้า

ทุกครั้งที่ได้เห็นเครื่องประดับโบราณล้ำค่าเช่นนี้ หัวใจของเธอจะเต้นแรง…เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ยังสาวจนแก่…

ไม่ใช่เพราะคิดคำนวณเรื่องกำไรขาดทุน หากเป็นความรู้สึกเต็มตื้นที่มีโอกาสได้เห็นฝีมืองานช่างชั้นสูงของบรรพบุรุษที่ตกทอด หลงเหลือมาถึงปัจจุบันมากกว่า…

“แบบนี้พอจะได้ราคาไหมคะคุณยาย” เพลงภัทรแกล้งถาม เธออ่านภาษากายของอีกฝ่ายออก คุณยายของปะวะหล่ำมีท่าทางสนใจสังวาลเส้นนี้เป็นอย่างมาก

“ได้สิ” คุณไลยพยักหน้า “แต่ก่อนจะพูดถึงราคา…ยายขอถามประวัติความเป็นมาสักหน่อย หนูคงรู้จากแป้มแล้วว่า ร้านของยายไม่เคยขายของที่ประวัติไม่ชัดเจน ไม่มีที่มาที่ไป”

คุณไลยมีมารยาทพอที่จะไม่เอ่ยคำว่า ‘ของโจร’

“ค่ะ หนูทราบ” เพลงภัทรพยักหน้า “สร้อยเส้นนี้หนูได้มาจากคุณย่า…คุณยายคงรู้จักกับท่านดี”

“จ้ะ” คุณไลยพยักหน้า ดวงตามีร่องรอยรำลึก “พี่ภัทรา”

“ก่อนเสีย…” น้ำเสียงของเพลงภัทรอ่อนลงนิดหนึ่ง “คุณย่ายกเครื่องประดับโบราณให้หนูหีบใหญ่…ในนั้นมีแหวน มีสร้อย มีต่างหูของเก่าแบบนี้มากมายหลายชิ้น…ทุกชิ้นคุณย่าจดที่มาที่ไปเอาไว้ละเอียด สำหรับสร้อย…เอ้อ…สังวาลเส้นนี้ มาจากกรุวัดราชธิดาค่ะ”

“กรุวัดราชธิดา” คุณไลยมีท่าทางตื่นเต้น

“ค่ะ” เพลงภัทรพยักหน้า เล่าประวัติของสังวาลตามที่ได้อ่านบันทึกของผู้เป็นย่ามา “หลายปีก่อนโจรขโมยขุดกรุ ได้เครื่องทองไปจำนวนมาก พอตำรวจจับได้ก็ยึดเอาของกลับคืนมา และทางราชการก็เปิดให้คนประมูลบางส่วนเพื่อจะได้เอาเงินไปใช้บูรณะวัด…คุณทวดของหนูเป็นข้าหลวงอยู่มณฑลอยุธยาพอดี เลยไปประมูลกับเขาได้มาหลายชิ้น…สังวาลเส้นนี้ก็มาจากการประมูลเมื่อคราวนั้นละค่ะ…หนูมีจดหมายรับรองของทางราชการมาด้วยนะคะ คุณยายจะได้สบายใจว่าไม่ใช่ของขโมยมา”

“หนูอยากได้ราคาสักเท่าไร” คุณไลยพยักหน้าด้วยความพอใจ

“คุณยายจะซื้อหนูเท่าไรล่ะคะ” เพลงภัทรย้อนถามอย่างมีชั้นเชิง

“บอกตามตรงว่ายายไม่คิดจะซื้อเอาไว้เองหรอก” คุณไลยคิดไปถึงบุรุษผู้นั้น “มีลูกค้าประจำของยายคนหนึ่งเคยสั่งเอาไว้ว่า ถ้ามีเครื่องประดับจากกรุวัดราชธิดาหลุดมาที่ร้านให้บอกไป…เขาขอซื้อทุกชิ้น ขอซื้อทั้งหมด…ขอเพียงเป็นของที่มาจากกรุวัดนั้น”

“ถ้าหนูจะขอสักสิบล้าน” เพลงภัทรบอกตัวเลขที่ต้องการ “พอไหวไหมคะ”

ธามนิธิเดินกลับมาได้ยินพอดี ดวงตาคู่คร้ามคมของเขาเบิกกว้าง ปะวะหล่ำนั้นพอได้ฟังราคาที่เพื่อนเรียกแล้วถึงกับสะดุ้ง เธอหันไปทางคุณไลย และพบว่าคุณยายของเธอยังคงท่าทางสงบนิ่งเอาไว้ได้อย่างมั่นคง

“ของแบบนี้อยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้อผู้ขาย…ถ้าชอบเสียแล้ว ก็จะว่าราคาถูก แต่ถ้าไม่ชอบก็อาจจะคิดว่าแพงเกินไป…ยังไงยายจะลองถามคุณสีหราชดูให้นะจ๊ะ” คุณไลยส่งยิ้มอ่อนโยนให้เพลงภัทร

ราคาสังวาลที่เพื่อนของหลานสาวต้องการ นับว่าสูงมากเป็นอันดับต้นๆ ของบรรดาเครื่องประดับในร้านที่คุณไลยเคยขายมาเลย

แต่ถ้าเทียบกับความงดงาม ความละเอียดลออ และลวดลายเส้นทองที่วิจิตรตระการตาแล้ว คุณไลยคิดว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เพราะตั้งแต่เปิดร้านมาจนบัดนี้ เธอไม่เคยเห็นสังวาลสมัยอยุธยาที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน

“ถ้าคุณสีหราชถูกใจ แพงกว่านี้เขาก็ยอมจ่าย” คุณไลยพูดตรงๆ เธอรู้จักลูกค้ารายนี้ดี สำหรับสีหราช เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขอให้ถูกใจ เท่าไรเขาก็ยอมจ่าย

…ดูอย่างทับทรวงที่มาจากกรุเดียวกันนั่นปะไร…

“หนูเพลงจะเอาของกลับหรือจะให้ยายเก็บเอาไว้ก่อน” คุณไลยถาม

“ฝากไว้กับคุณยายเลยดีกว่าค่ะ” เพลงภัทรว่า

“ไม่ต้องห่วงนะ” คุณไลยให้คำมั่น “ยายจะดูแลรักษาไว้ให้เป็นอย่างดี”

“แล้ว…” เพลงภัทรอึกอักในตอนแรก ก่อนจะเอ่ยถามออกมาในที่สุด “หนูจะได้เงินเมื่อไรคะ”

“ยายโอนให้หนูก่อนครึ่งหนึ่งได้เลย” คุณไลยใจป้ำ “ดีไหม”

“ดีสิคะ” เพลงภัทรมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นทันใด

“แล้วถ้าคุณสีหราชตกลงซื้อเมื่อไร ยายจะโอนที่เหลือให้” คุณไลยหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเขียนตัวเลข เซ็นชื่อแล้วส่งให้กับเพื่อนของหลานสาว ปะวะหล่ำหยิบสังวาลขึ้นมาวางในกล่องกำมะหยี่สีเข้มด้วยความระมัดระวัง

“ขอบคุณนะคะคุณยาย” เพื่อนของเธอยิ้มร่า เพลงภัทรหันมายักคิ้วให้ปะวะหล่ำเป็นทำนองขอบคุณ ก่อนจะลุกขึ้นควงแขนธามนิธิ พยักหน้าให้เขาแล้วว่า

“ไปกันเถิดค่ะธาม…เสร็จธุระของเพลงแล้ว…”

 

“สิบล้าน”

รอจนเพื่อนกลับออกไปเรียบร้อยแล้ว ปะวะหล่ำจึงร้องครางเสียงผะแผ่ว

“ถ้าเป็นแป้มมีเงินมากขนาดนี้ ใช้ไปได้หลายปีเลยนะคะยาย แต่สำหรับเพลง…แป้มไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช้ไปได้นานแค่ไหน”

“ลูกเศรษฐีก็อย่างนี้ละ” คุณไลยถอนใจเบาๆ

จะว่าไปฐานะของเธอก็เข้าขั้นเศรษฐีคนหนึ่ง หากคุณไลยไม่เคยเลี้ยงหลานสาวอย่างตามใจ เวลาปะวะหล่ำอยากได้ข้าวของชิ้นใหญ่ๆ ที่มีมูลค่าสูง หลานสาวของเธอจะต้องทำงานแลก เพราะคุณไลยต้องการสอนให้ปะวะหล่ำรู้ค่าของเงินว่าทุกบาททุกสตางค์ไม่ใช่จะหามาได้ง่ายๆ

“ถ้าใช้คนเดียวก็โอเคอยู่หรอกค่ะ อย่าเอาไปเปย์ใครอีกก็แล้วกัน” ปะวะหล่ำอดนึกไปถึงชายหนุ่มหน้าตาคมสันที่มากับเพลงภัทรไม่ได้…

หวังว่าธามนิธิคนนี้จะไม่เข้าอีหรอบเดิม เหมือนกับชายหนุ่มคนอื่นๆ ของเพลงภัทร…

“ถ้าไม่เปย์ผู้ชายจนหมดละก็…สิบล้านนี่ใช้ไปจนเรียนจบได้สบายๆ เลยนะคะยาย”

ปะวะหล่ำยังไม่เลิกบ่นให้คุณไลยฟัง แม้อายุจะแตกต่างกันหลายสิบปี หากเธอสนิทกับผู้เป็นยายมากจนสามารถคุยกันได้ทุกเรื่องในชีวิต

“หนูเพลงนี่น่าสงสารนะ ชาติตระกูลก็ดี ฐานะก็ดี ไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลย”

คุณไลยถอนใจ ด้วยรู้เรื่องของเด็กสาวคนนั้นจากปะวะหล่ำมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน เพลงภัทรมีแฟนตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น

แน่ละ…รักในวัยเรียนเป็นเรื่องหวือหวา ทั้งเด็กหนุ่มและเด็กสาวต่างก็อยู่ในวัยแสวงหา

คบกันได้ไม่นานก็มีอันต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตน จากกันดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สำหรับเพลงภัทรนั้น ทุกครั้งที่เลิกกับแฟนมักจะจบไม่สวย ด้วยเวลาคบหากัน เด็กสาวก็จะทุ่มเททั้งกายใจรวมถึงเงินตรา เมื่อเด็กหนุ่มแฟนของเธอเลิกรากันไป เพลงภัทรก็จะรู้สึกราวกับโลกทั้งใบพังภินท์ และคนแรกที่เธอนึกถึงก็คือปะวะหล่ำ…เพื่อนที่รับฟังทุกอย่าง ไม่เคยซ้ำเติมให้เธอเจ็บช้ำ

“คงเพราะแบบนี้ละ…คุณแม่ของเพลงเลยตัดน้ำเลี้ยง” ปะวะหล่ำถอนใจยาว

เธอรู้จักดีทั้งคุณเกษเกล้าและคุณปรีชาพล

เพื่อนของเธอตั้งแง่กับพ่อเลี้ยงว่าเขาแต่งงานกับมารดาเพราะต้องการกอบโกยสมบัติ ต้องการมีหน้ามีตาในสังคม แต่ปะวะหล่ำกลับไม่คิดอย่างนั้น หลายสิบปีที่ผ่านมา คุณปรีชาพลเป็นเพื่อนคู่คิดที่ดีของคุณเกษเกล้า ช่วยงานของเธอด้วยความขยันขันแข็ง ทำให้กิจการห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองของคุณเกษเกล้าทำกำไรและขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปรีชาพล ห้างสรรพสินค้าของคุณเกษเกล้าคงมาไม่ได้ถึงจุดนี้

“แต่คุณเกษเธอคิดผิด” คุณไลยพลอยถอนใจไปด้วยอีกคน “คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะดัดนิสัยหนูเพลงได้…หารู้ไม่ว่าลูกสาวก็มีแผนสำรองอยู่ แถมยังมีมรดกที่ขายกินไปได้อีกนาน”

“ขอบคุณนะคะที่ยายช่วยเพลง” ปะวะหล่ำเดินไปกอดเอวคุณไลย

“บอกตามตรงว่ายายเองไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการนี้สักเท่าไรนักหรอก” คุณไลยว่า “ดีไม่ดีคุณเกษจะมาถอนหงอกยายเอาหมดหัว…แต่ถ้ายายไม่รับซื้อเอาไว้ เพื่อนของหนูก็ต้องเอาไปเร่ขายคนอื่นอยู่ดี ถ้าไปเจอร้านดีมีคุณธรรมก็ถือว่าเป็นโชคดีไป ถ้าเคราะห์ร้ายไปเจอเสือสิงห์เข้า…ก็โดนกดราคา หรืออาจจะโดนสับเปลี่ยนของอีกต่างหาก”

อยู่ในวงการมานานจนคุณไลยรู้เช่นเห็นชาติ เห็นธาตุแท้ของผู้คน

เป็นธรรมดาของทุกวงการที่จะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี

วงการขายเครื่องประดับโบราณก็เต็มไปด้วยเสือสิงห์ไม่แพ้วงการอื่น มีตั้งแต่การกดราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น…ของหลักล้าน แต่จ่ายแค่หลักหมื่น…ไปจนถึงขอเก็บของเอาไว้เพื่อเสนอขายลูกค้า แต่แอบทำปลอมขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น จากนั้นก็บอกเจ้าของเครื่องประดับว่าขายไม่ได้ คืนของปลอมให้ไป และเก็บของจริงเอาไว้เสียเอง…

“ถ้ามีคนอื่นสนใจสังวาลเส้นนี้แล้วยอมสู้ราคา” ปะวะหล่ำนึกสงสัย “เราจะขายไหมคะ”

“ไม่ขาย…ยิ่งของมาจากกรุวัดราชธิดา ยังไงก็ต้องรอถามคุณสีหราชก่อน ถ้าเขาไม่สนใจนั่นละ ยายถึงจะบอกขายคนอื่นได้”

คุณไลยยืนยัน สิ่งสำคัญที่เธอยึดถือก็คือการรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับลูกค้า และนั่นทำให้ร้าน ‘ไลย’ ได้รับความเชื่อถือมาโดยตลอด

“ว่าแต่…เราจะ…” ปะวะหล่ำลังเลที่จะเอ่ยประโยคนั้น “เราจะติดต่อคุณสีหราชได้ยังไงคะยาย”

ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มผู้นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ

นอกจากไม่มีใครเคยรู้ว่าเขาประกอบธุรกิจอะไรแล้ว ยังไม่มีใครรู้ว่านิวาสสถานที่แท้จริงของเขาอยู่ที่ใดกันแน่ สีหราชไม่เคยให้หมายเลขโทรศัพท์ของเขากับคุณไลยด้วยซ้ำ เขาบอกเพียงแต่ว่า เมื่อถึงเวลาเขาจะเป็นฝ่ายแวะมาหาเอง

“ยายว่า…” คุณไลยกลืนน้ำลาย “ภายในวันสองวันนี้…เขาแวะมาแน่”

ผู้เป็นยายมั่นใจเช่นนั้น เพราะทุกครั้งที่คุณไลยได้เครื่องประดับโบราณที่คาดว่าสีหราชจะสนใจ…หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ชายหนุ่มก็จะ ‘บังเอิญ’ แวะมาที่ร้านเสมอ…

เหมือนมีญาณหยั่งรู้ อย่างไรอย่างนั้น!

 



Don`t copy text!