
มรดกมนตรา บทที่ 18 : กลิ่นแห่งความตาย
โดย : วัชรนริศ
![]()
มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน
บ่ายวันนั้นที่บ้านของโฉมสุรางค์ ราตรีนั่งกังวลใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
โฉมสุรางค์เดินลงมา “สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณแม่” ทักทายแล้วหันไปมองหน้าแม่ของเธอ “คุณแม่เป็นอะไรไปคะ เครียดเชียว”
“โฉมเมื่อคืนแม่เห็นจริงๆ พักหลังมานี้แม่รู้สึกอะไรแปลกๆ ไม่ค่อยดีเลย เหมือนมีคนจ้องมองเราอยู่ตลอดเวลา”
โฉมสุรางค์เธอเดินมาแตะที่ไหล่ของแม่เธอเบาๆ “คุณแม่คะ ถ้าไม่สบายใจงั้นบ่ายนี้เราไปทำบุญกันที่วัดไหมคะ”
ราตรีหันมาด้วยแววตาเศร้า “ดีเหมือนกัน อะไรๆ มันคงจะดีขึ้น ถ้าอย่างงั้นลูกรอแม่ก่อนนะ แม่จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ราตรีเดินขึ้นไปบนห้องของเธอ เธอนั่งหวีผมที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ จู่ๆ หีบเครื่องเพชรที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งของเธอก็ค่อยๆ เปิดออกและมีงูมากมายเลื้อยออกมา ราตรีร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ งูเหล่านั้นพยายามพุ่งเข้าใส่ตัวเธอ “ช่วยด้วย!”!
เธอวิ่งออกมาจากห้องและพยายามวิ่งหนีลงบันได แต่ด้วยความรีบร้อนของเธอ ทำให้ราตรีพลาดตกบันไดลงอย่างแรง โฉมสุรางค์ได้ยินเสียงแม่ของเธอตกบันได
เธอรีบวิ่งมาช่วยและต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะราตรีแม่ของเธอล้มลงมานอนสลบอยู่ด้านล่าง เธอรีบเรียกให้คนรถมาช่วยส่งตัวแม่ของเธอไปโรงพยาบาลโดยเร็ว “ใครก็ได้ช่วยด้วย ใครที่อยู่ตรงนั้นมาช่วยฉันที” โฉมสุรางค์โวยวายเสียงดังด้วยความตกใจ
ในเวลานี้ราตรีถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล โฉมสุรางค์ร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องด้วยความตกใจ
“มันเกิดอะไรขึ้น คุณแม่อย่าเป็นอะไรนะ”
ไม่นานนายแพทย์ท่านหนึ่งได้เดินออกมา “คนไหนญาติคนไข้ครับ”
โฉมสุรางค์รีบเดินเข้าไป “ดิฉันค่ะ” นายแพทย์พูดเสริม “ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ แต่อาจจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกหลายวัน เพราะตอนนี้ขาและคอของเธอต้องใส่เฝือกอีกสักระยะนะครับ”
โฉมสุรางค์พยักหน้า “ขอบคุณค่ะคุณหมอ” เธอรีบเดินเข้าไปดูราตรีอยู่ใกล้ๆ ขอบเตียง และร้องไห้ “คุณแม่คะ อย่าเป็นอะไรนะคะ” ราตรียังคงนอนสลบอยู่
เมื่อยามค่ำคืนมาถึง โฉมสุรางค์ขับรถกลับมาถึงบ้านของเธอ ด้วยความเหนื่อยล้าเธอจึงรีบอาบน้ำ แต่งตัว และเตรียมจัดกระเป๋า เพื่อที่พรุ่งนี้เธอตั้งใจจะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเธอ ไม่นานเธอก็ล้มตัวลงนอนและเริ่มเข้าสู่ภวังค์แห่งความฝัน
โฉมสุรางค์เห็นอัคนีนาฏเทวีนั่งอยู่บนบัลลังก์หินของเธอ และจ้องมองลงด้วยสายตาเย้ยหยัน เธอหัวเราะ “อีกไม่นานพวกเจ้าสองคนก็จะได้ไปอยู่กับไอ้เอกภพ พวกมนุษย์โลภมากอย่างพวกเจ้าไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป”
เมื่อสิ้นเสียงเธอก็เริ่มกลายร่างเป็นอสูรสาวที่มีดวงตาราวกับเปลวไฟ เล็บสีดำที่ยาวและแหลมคมค่อยๆ งอกออกมา และข้างๆ กันก็ปรากฏร่างของปักษาดำและสมิงดงในร่างของอสูรร้าย
โฉมสุรางค์รู้สึกกลัวและตกใจตื่นกับภาพในฝันที่เธอเห็น “นี่มันอะไรกัน ฉันกำลังฝันอะไรอยู่กันแน่”
เช้าวันรุ่งขึ้น โฉมสุรางค์รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและราตรี เธอจึงตัดสินใจเข้าไปทำบุญที่วัด เมื่อเธอทำบุญเรียบร้อยและกำลังจะเดินทางกลับ ระหว่างทางมีแม่ชีวัยกลางคนท่านหนึ่งยืนอยู่ด้วยความสำรวม และทักเธอ
“เมื่อวันก่อนแม่ของคุณเห็นงูมากมายภายในบ้านใช่ไหมคะ และตอนนี้ถ้าเดาไม่ผิดเธอกำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
โฉมสุรางค์หยุดเดินและหันมาสบตากับแม่ชีด้วยความสงสัย “ทำไมแม่ชีรู้”
แม่ชียืนสำรวมและสงบนิ่ง และเชิญให้โฉมสุรางค์เดินตามเธอไป “คุณตามดิฉันมา”
เมื่อไปถึงที่พักของแม่ชี ภายในมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่
“ที่ดิฉันพูดไปคุณอาจจะยังสงสัยอยู่ แต่ในเวลานี้มันเป็นเรื่องของเคราะห์กรรม คุณและแม่ของคุณจะต้องรักษาตัวไว้ให้ดี”
โฉมสุรางค์ถามต่อด้วยความสงสัย “และแม่ชีรู้ได้ยังไงคะว่าดิฉันกับแม่เจอเรื่องอะไรมา”
แม่ชีนั่งสำรวมและมองโฉมสุรางค์ด้วยความเมตตา “มันอาจจะเกิดจากเวรกรรมที่เคยทำร่วมกันมา มันเลยทำให้คุณสองคนในชาติภพนี้ต้องกลับไปเกี่ยวข้องกับอสูรร้ายตัวนั้น”
โฉมสุรางค์อุทาน “อสูรร้าย!”
“ใช่ พักนี้คุณสองคนเจออะไรแปลกๆ หรือเห็นอะไรที่มันผิดปกติบ้างหรือเปล่า”
โฉมสุรางค์นั่งนิ่งและคิดถึงเหตุการณ์ความฝันแปลกๆ และสิ่งที่แม่เธอบอกว่ารู้สึกเหมือนมีคนมองดูอยู่
แม่ชีพูดเสริม “ถ้าหากคุณไม่เชื่อดิฉัน คุณลองมองในขันน้ำมนต์นี้ให้ดีๆ” แม่ชียื่นขันน้ำมนต์เข้าไปใกล้เธอ
โฉมสุรางค์มองลงไปที่น้ำในขัน ไม่นานก็ปรากฏภาพของอสุรกายแบบเดียวกับที่เธอเคยฝันเห็น เธออุทานด้วยความตกใจ “นี่มันปีศาจที่ดิฉันเห็นในฝันเมื่อคืน”
“ตอนนี้จอมอสูรร้ายมันกำลังพยายามจะทำร้ายพวกคุณอยู่ ต่อไปพวกคุณต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เพราะตอนนี้มันได้ทำร้ายแม่ของคุณไปแล้วหนึ่งครั้ง และต่อไปมันก็คงจะไม่ปล่อยไว้แน่”
แม่ชีหันไปหยิบสายสิญจน์ออกมาสองเส้น “คุณผูกสิ่งนี้ไว้นะ และก็เอาไปให้กับแม่ของคุณด้วย”
โฉมสุรางค์รับสายสิญจน์จากแม่ชีด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย “ขอบพระคุณค่ะ แม่ชี ดิฉันจะทำตามที่ท่านบอก”
แม่ชีพยักหน้าและพูดต่อด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “จำไว้ว่าสิ่งสำคัญคือจิตใจของคุณและแม่ของคุณต้องมีความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่ง อย่าให้ความกลัวครอบงำ”
โฉมสุรางค์พยักหน้า “ค่ะ แม่ชี ดิฉันจะระมัดระวังและพยายามรักษาจิตใจให้เข้มแข็ง”
แม่ชีมองโฉมสุรางค์ด้วยความเมตตา “ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากการกระทำ ตอนนี้ดิฉันได้แต่ขอภาวนาให้พวกคุณพ้นจากเคราะห์กรรมในครั้งนี้ไปได้นะคะ หากมีอะไรเกิดขึ้นอีก มาหาดิฉันได้เสมอ”
โฉมสุรางค์ยกมือไหว้แม่ชี “ขอบพระคุณมากค่ะแม่ชี ดิฉันจะจำไว้”
เมื่อโฉมสุรางค์มาถึงห้องพักของโรงพยาบาล เธอรีบผูกสายสิญจน์ไว้ที่ข้อมือและนำอีกเส้นไปให้แม่ของเธอ แม่ของเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับแม่ ทำไมแม่ขยับคอ ขยับแขนไม่ได้เลย”
โฉมสุรางค์ยืนมองแม่ของเธออยู่ข้างๆ เตียง “คุณแม่คะเมื่อวานคุณแม่ล้มตกบันไดค่ะ และตอนนี้หนูเชื่อแล้วว่าสิ่งที่คุณแม่บอกหนู มันคืออะไร”
โฉมสุรางค์อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อ “แม่คะ นี่คือสายสิญจน์ที่แม่ชีให้มาเพื่อป้องกันตัว แม่ต้องผูกไว้ตลอดเวลานะคะ จะได้ปลอดภัย” แม่ของโฉมสุรางค์พยักหน้าและเธอผูกสายสิญจน์ให้ที่ข้อมือแม่ของเธอ
มีเสียงรถยนต์ที่มาจอดหน้าคฤหาสน์วารีมรกต ในวันที่ฝนโปรยปรายอมรกางร่มสีดำลงมาจากรถ รีบเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ บัวสาวรับใช้รีบมาต้อนรับ และเชิญเข้าไปภายในห้องนั่งเล่น
“รอสักครู่นะคะ แก้วจะไปตามพวกคุณๆ มาให้”
ในขณะที่อมรนั่งรออยู่ที่บริเวณโซฟา ก็มีมือของหญิงสาวที่มีเล็บสีดำยาว กำลังค่อยๆ พุ่งเข้ามาหาเขาจากทางด้านหลัง
เสียงของทิพย์ธิดาดังขึ้น มือปริศนาผงะและหายกลับไปอย่างเงียบๆ “ดอกเตอร์สวัสดีค่ะ ฉันกำลังนึกถึงอยู่พอดีเลย”
“สวัสดีครับคุณทิพย์ธิดา และรวีล่ะครับ” อมรยืนขึ้นและทักทายเธอ
“สักพักก็คงจะตามลงมาค่ะ เชิญดอกเตอร์นั่งก่อนนะคะ เย็นนี้ฉันขอเชิญดอกเตอร์ร่วมทานอาหารด้วยกันเลยนะคะ” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ยินดีเลยครับ พอดีวันนี้ผมมีเรื่องตั้งใจจะมาพูดคุยกับพวกคุณทั้งสองคนอยู่พอดี”
“เรื่องอะไรหรือคะดอกเตอร์” เธอถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรื่องเกี่ยวกับอัคนีนาฏเทวีครับ” เธอนั่งลงและสบตากับอมรด้วยความอยากรู้
เสียงรวีดังขึ้น “สวัสดีครับดอกเตอร์” ชายหนุ่มเดินเข้ามาทักทายและนั่งลงตั้งใจฟังสิ่งที่อมรจะเล่า
“ถ้าผมเดาไม่ผิด วันนี้ดอกเตอร์มีข้อมูลเกี่ยวกับอสูรอีกใช่ไหมครับ”
“พวกคุณเชื่อเรื่องชาติภพไหมครับ” เขาหันกลับมามองทั้งสองด้วยท่าทีครุ่นคิด ทิพย์ธิดาและรวีสบตากัน ก่อนที่หญิงสาวจะตอบ “ฉันเชื่อค่ะดอกเตอร์ เรื่องของชาติภพและการกลับมาเกิด เพราะฉันเองก็ตั้งใจจะพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
เมื่อไม่นานมานี้ฉันเองก็นิมิตเห็นท่านชายอดิศร เธอได้มาหาฉัน และทำให้ฉันเห็นเรื่องราวในอดีตต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีเรื่องเลวร้ายเคยเกิดขึ้นที่นี่ ฉันเห็นภาพของจอมปีศาจและสายใจที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมด” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงสารท่านชายอดิศรและท่านหญิง
อมรพูดเสริมต่อไป “ก่อนที่ผมจะได้รับบาดเจ็บ ผมได้พยายามหาคำตอบจากเรื่องนี้อยู่นาน วันหนึ่งในระหว่างที่ผมนั่งสมาธิ ผมได้นิมิตเห็นพระฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ของผมในอดีตชาติ ท่านมีนามว่า ฤๅษีอนันตเทพ”
หญิงสาวรู้สึกคุ้นหูกับชื่อนี้ “ฤๅษีอนันตเทพ!” เธอสบตากับอมรอีกครั้ง
“ดอกเตอร์อมรค่ะ สมัยที่ฉันยังเป็นนักศึกษาโบราณคดีอยู่ ฉันเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับฤๅษีท่านนี้ ว่าท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมมาก และยังเป็นคนที่สร้างพระขรรค์เพลิงพยัคฆ์ด้วย และทุกคนก็รู้ว่ามันเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่า”
เมื่อทิพย์ธิดาพูดจบ พระขรรค์ที่เธอห้อยคออยู่ก็เกิดเปล่งแสงประกายวูบวาบบางอย่าง ทำให้อมรและรวีมองเห็นถึงแสงนั้น เธอใช้มือจับที่สร้อยพระขรรค์บนคอของเธอ “หรือว่าสิ่งนี้คือ พระขรรค์เพลิงพยัคฆ์ คะ”
อมรพยักหน้าด้วยแววตาที่มีความหวัง “บางทีการที่ท่านชายอดิศรมอบสิ่งนี้ให้กับคุณ อาจจะต้องการบอกอะไรบางอย่าง” ทิพย์ธิดาเงยหน้าขึ้น และหันไปมองที่กรอบรูปเล็กๆ ของท่านชายอดิศรที่ตั้งอยู่ข้างเธอ
“ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะท่านชาย” รวีมองทิพย์ธิดาด้วยความเป็นห่วง และรู้สึกในใจว่า ตัวเขาจะต้องปกป้องหญิงสาวให้ปลอดภัยจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นให้จงได้ อมรเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปด้านนอกในขณะที่ฝนยังคงตกอยู่
“หากในเวลานี้พระขรรค์อยู่ที่นี่แล้ว เราก็คงไม่ต้องเสียเวลาไปตามหาที่ไหนอีก เหลือแต่เพียงเวลาการปราฏตัวของจอมอสูรเท่านั้น”
รวีพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “และเมื่อไหร่หรือครับดอกเตอร์”
อมรหันกลับมามองทั้งสอง “ผมก็ไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้ รู้แต่เพียงว่า จอมอสูรมันพยายามเข้ามาใกล้ๆ เราขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวไว้”
บุษบาค่อยๆ เดินเข้ามาด้วยท่าทางเย็นชา “ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ เชิญพวกคุณทั้งสามนะคะ” ทั้งสามมองหน้ากัน
“คุณทิพย์ธิดาครับ ผมว่าแม่บ้านคุณที่ชื่อบุษบา เขาท่าทางแปลกๆ นะครับ” อมรรู้สึกสงสัย
“แต่ก่อนเธอไม่เป็นแบบนี้หรอกค่ะ พักหลังมานี้เธอดูเย็นชา ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าคุณบุษบาเขาเป็นอะไรไป” อมรยังคงรู้สึกสงสัยในตัวบุษบาอยู่
เมื่อถึงห้องอาหาร บัวเด็กรับใช้ตักข้าวเสิร์ฟลงบนจานให้กับทั้งสาม ในขณะที่ด้านนอกฝนยังคงตกอยู่ รวีหันไปมองบุษบาที่อยู่บริเวณไม่ไกลจากโต๊ะอาหาร
“คุณบุษบาทำไมไปยืนตรงนั้นล่ะ เข้ามาใกล้ๆ ตรงนี้ได้นะครับ” บัวเด็กรับใช้แอบชำเลืองมองบุษบาด้วยความรู้สึกกลัว
บุษบายังยืนอยู่ที่เดิม “ไม่เป็นไรค่ะ เชิญพวกคุณทานอาหารเย็นกันให้อร่อยนะคะ ดิฉันขอตัวไปดูในครัวก่อน” เธอมีท่าทีเย็นชา
ทิพย์ธิดาหันมาถามสาวใช้ “บัว พักนี้คุณบุษบาเขาเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเห็นเธอมีท่าทีแปลกๆ มาหลายวันแล้วนะ ฉันเป็นห่วง”
“บัวก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณทิพย์ บัวรู้แต่ว่าพักนี้แกไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ปกติแกจะเป็นคนเตรียมอาหารทุกวันเลยค่ะ แต่พักหลังมานี้ไม่เห็นแกลงครัวเลย ไม่รู้ว่าแกเป็นอะไรเหมือนกัน เวลาแกคุยกับพี่จอมกับพวกหนู แกก็แปลกๆ ค่ะ” ทิพย์ธิดาพยักหน้าด้วยความเป็นห่วง
นางสายใจในร่างของบุษบาเดินกลับมาที่เรือนหลังเล็กของเธอ “ไอ้ดอกเตอร์จอมสาระแน ขยันเข้ามายุ่งเรื่องภายในคฤหาสน์นี้นัก อย่าให้ถึงเวลาของฉันก็แล้วกัน วันนี้ถือว่าแกโชคดีไป”
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ฝนค่อยๆ หยุดตก ทั้งสองก็เดินลงมาส่งอมรขึ้นรถ “ดอกเตอร์คะ ถ้าดิฉันมีความคืบหน้ายังไงอีกจะรีบติดต่อไปหานะคะ” อมรพยักหน้าอย่างมีความหวัง
“ดอกเตอร์ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ” รวีพูดเสริมด้วยความห่วงใย
“ขอบคุณพวกคุณทั้งสองมาก ระหว่างนี้หากมีอะไรผิดปกติรีบบอกผมนะ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมคิดว่าแม่บ้านที่ชื่อบุษบา เขามีท่าทางแปลกๆ ผมรู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ อยากให้พวกคุณระวังตัวด้วย”
ทิพย์ธิดาและรวีหันมาสบตากันและพยักหน้า “ค่ะ พวกเราจะคอยระวังตัว”
ผ่านมาหลายวัน คุณหมอได้ให้ราตรีกลับมาพักฟื้นที่บ้านต่อได้ โฉมสุรางค์และแม่บ้านกำลังพยุงคุณแม่ของเธอเข้ามาภายในบ้าน ในขณะที่ขาข้างหนึ่งของราตรียังคงต้องใส่เฝือกอยู่และใช้ไม้เท้าในการพยุงตัว โฉมสุรางค์ได้ให้แม่บ้านจัดห้องบริเวณชั้นล่างให้ราตรีนอนพักชั่วคราวจนกว่าจะถอดเฝือกออก
“คุณแม่คะ หนูให้ป้าไก่มาจัดห้องนอนให้คุณแม่ได้พักอยู่ชั้นล่างชั่วคราวก่อนนะคะจนกว่าจะถอดเฝือกออก และก็จะให้เด็กรับใช้คอยมานอนเป็นเพื่อนคุณแม่ตอนกลางคืนนะคะ คุณแม่จะได้ไม่ต้องกังวลอีก”
“ลูกจ๋า ตอนนี้ลูกเชื่อแล้วใช่ไหมว่าแม่เห็นจริงๆ แม่ว่าเราเอาไอ้กล่องเครื่องเพชรบ้านั้นไปคืนคุณอัคคีรัตน์เถอะ แม่รู้สึกกลัว” ราตรีมองไปรอบห้องๆ ด้วยความกังวล
“กลัวอะไรคะคุณแม่ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลยค่ะ ในเมื่อตอนนี้เรามีสายสิญจน์ของแม่ชีแล้ว มันคงทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้วละค่ะแม่”
“แต่แม่รู้สึกไม่ดีเลย แม่กลัวจริงๆ นะโฉม ยังไงลูกก็ช่วยเอาหีบใบนั้นไปคืนเธอหน่อยนะ ถือว่าแม่ขอร้อง”
โฉมสุรางค์ถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ! เพื่อความสบายใจของคุณแม่ พรุ่งนี้เช้าโฉมจะเอาหีบนั้นไปคืนที่บ้านของเธอนะคะ” ราตรียังคงหวาดระแวงอยู่
ในเวลากลางดึก โฉมสุรางค์เดินเข้ามาภายในห้องนอนของแม่ เธอเดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งโดยมีหีบเครื่องเพชรวางอยู่ข้างๆ โต๊ะเครื่องแป้ง เธอเปิดมันออกและหยิบสร้อยเพชรต่างๆ ขึ้นมาดู
“คุณแม่นี่ท่าจะกลัวจนเกินไปละ ไม่ง่ายเลยนะที่อยู่ๆ ของพวกนี้จะมาอยู่กับเรา ยังไงโฉมก็ไม่เอาไปคืนหรอกค่ะ” เธอพูดพึมพำกับตัวเองอยู่หน้ากระจก
ภายในความมืดเหนือหลังคาบ้านของเธอ ปรากฏดวงตาของอัคนีนาฏเทวีที่แอบมองพวกเธอ และหัวเราะด้วยความสนุกชอบใจ

- READ มรดกมนตรา บทที่ 23 : ผู้ถูกครอบงำ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 22 : ความลับของกริชอาคม
- READ มรดกมนตรา บทที่ 21 : เลือดบุรุษบนแท่นบูชา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 20 : มนตร์ร้อยเล่ห์เทวีเลือด
- READ มรดกมนตรา บทที่ 19 : ราคาของความอยากได้
- READ มรดกมนตรา บทที่ 18 : กลิ่นแห่งความตาย
- READ มรดกมนตรา บทที่ 17 : รอยยิ้มของซาตาน
- READ มรดกมนตรา บทที่ 16 : ซินแสของเอกภพ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 15 : สังเวยรัก…แด่นางพญา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 14 : เสียงกระซิบจากแผลเก่า
- READ มรดกมนตรา บทที่ 13 : การตื่นขึ้นของกริชอาคม
- READ มรดกมนตรา บทที่ 12 : การเผชิญหน้าที่ฟ้าลิขิตไว้
- READ มรดกมนตรา บทที่ 11 : นางฟ้าในคราบอสรพิษ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 10 : เงาร้ายในร่างเธอ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 9 : ใต้หน้ากากนางพญา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 8 : ไฟสุมทรวง
- READ มรดกมนตรา บทที่ 7 : จอมเวทย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
- READ มรดกมนตรา บทที่ 6 : อดีตของวิญญาณร้าย
- READ มรดกมนตรา บทที่ 5 : นางอสูรคืนชีพ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 4 : วิญญาณบาปผู้คร่ำครวญ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 3 : ปลดปล่อยเทวีมนตรา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 2 : การพบกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 1 : การมาถึงของหญิงสาว
- READ มรดกมนตรา : บทนำ







