ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 31 : ภาพที่ชวนแปลกตา

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 31 : ภาพที่ชวนแปลกตา

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

ก่อนจะหลับตาลงบนเตียงเคียงกับเก่ง ชายหนุ่มกลับรู้สึกไม่อยากหลับ…เกิดอาการกระสับกระส่ายขึ้นในอารมณ์ที่เมื่อครู่เสมือนน้ำเดือดเล็กๆ อยู่ภายใน

จึงปริปากกับเก่งต่อจากที่บ่นพึมพําตอนขอแยกตัวมานอนเมื่อทุ่มกว่าๆ ขณะที่ทุกคนส่งเสียงนัดแนะลงล่องแพพรุ่งนี้หลังเสร็จอาหารเช้า

“แหม…นี่ถ้าไม่ติดปลูกต้นไม้ของท่านอาจารย์ละก็ กูกลับบ้านแน่นอน”

“เอาอีกละ พี่ก็” เก่งก็เลยปรามด้วยเกรงจะเสียเรื่อง พานไม่ไปลงแพล่องเขื่อนตามที่นัดแนะไว้กับกลุ่มที่เหลือ คือ นายจัง นายจัด เชียงคํา เอื้องอินทร์ และนายโอกาส

ลองปล่อยลูกชายไว้กับใบจันสองต่อสอง

เพื่อจะลองดู…ลองเพื่อรู้ใจฝ่ายหญิงมากกว่านี้

สําหรับเก่งแล้ว ทุกเรื่องราวนับว่าสนุก

“คือมันน่าหมั่นไส้น่ารําคาญ น่า…เออ…แปลกแฮะเก่ง…ที่จริงเราเองก็เคยชอบหญิงนะ…ชอบทุกคนที่ผ่านหน้า…แต่ยายนี่ ทําไมเห็นแวบแรกก็ขวางหูขวางตาขนาดนี้ งงเหมือนกัน”

“ก็…อาจเป็นไปได้ว่า…นางไม่อยากให้พ่อของนางมีภาระ…” เก่งเพียรนึกอยู่ทุกวันว่าเพราะเหตุใดนายจ้างหนุ่มผู้เคยกระปรี้กระเปร่าเร้าใจทุกครั้งที่พบเจอสตรีเพศคนใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในเกณฑ์งดงามตรึงตา จึงไม่เคยนึกแม้แต่เศษเสี้ยวสิเน่หาหญิงนี้

มีแต่ขวางหูขวางตาทุกวันเวลาที่พบกัน

เพราะเหตุใด

อาจเพราะ ‘ดวง’ ไม่สมพงศ์หรืออย่างไร

หรือว่า…

นึกเท่าไรก็มิสามารถจะหาคําตอบให้ตนเองได้

“แต่เราก็มีค่าตอบแทนให้มันนี่นา…” ชายหนุ่มทอดเสียงขณะนึกถึงสาเหตุอยู่ในใจ “หรือว่ามันขี้หมั่นไส้”

“อาจเป็นไปได้นะพี่…พี่เองก็ขี้หมั่นไส้…ไม่รู้หรอกเหรอ…นางก็อาจจะหมั่นไส้เพราะเห็นพี่…” ในที่สุดลูกจ้างก็หยุดรีรอ เพราะรู้ดี…ขืนเปล่งเสียงคํานี้ออกมา คงถูกเขกหัวแน่นอน

“เห็นกูเป็นยังไง” เดินดงเสียงเขียว

“ก๊อ…เป็น เป็นเจ้าชายเสด็จมาน่ะเซ่” เก่งทําเสียงคึกคักครึกครื้น

“เออ…กูจะเป็น…เจ้าชาย…มีอะไรไหม”

“ม่าย_มี” ลูกน้องทอดเสียง…ท้ายที่สุดก็เงียบไป

ทิ้งให้นายจ้างนอนตาค้าง พลิกตัวไปมาบนฟูกหนากว้างนอนสบาย ขึงตึงด้วยผ้าปูที่นอนสีปูนสด

 

ครั้นเสร็จสิ้นอาหารเช้าแล้ว ทุกคนก็ก้าวลงแพไม้ไผ่ผูกติดกันไม่มีหลังคา ลากจูงโดยเรือยนต์ลําเล็กพาผู้ที่นั่งสลอนทั้งหญิงและชายอันมีนายโอกาสเจ้ามือใหญ่ในคราวนี้พร้อมด้วยนายจัง นายจัด และแขกต่างเมืองสองนาง เชียงคํา เอื้องอินทร์ หนุ่มชาวกรุงอีกสองนาย เดินดงกับเก่ง ต่างก็พากันลงไปนั่งโบกมือให้นายอุกกากับใบจันผู้ที่เช้านี้ออกมานั่งรอส่งทุกคนด้วย สีหน้ายิ้มแย้มแช่มชื่น

จนแม้นายโอกาสก็อดมิได้ที่จะมองมาอย่างตื่นเต้น

จึงโบกมือให้หญิงชายทั้งคู่

ดูเป็นภาพชวนแปลกตา จนกระทั่งนายจังเองก็แสนจะแปลกใจ

เมื่อคืน…เลยมาถึงเช้านี้ ใบจัน…ลูกสาวผู้เคร่งครัดแกมเย่อหยิ่งของเขา…เริ่มเปลี่ยนไป

หล่อนหันมาพูดคุยยั่วเย้ากับนายอุกกาผู้เคยเซื่องๆ กว่าจะปริปากได้ก็ดูราวต้องซักซ้อมกับตนเองหลายนาที

นายอุกกาก็เลยคล้ายเปลี่ยนรูปแปลงร่างอันเคยทําสิ่งใดไม่ค่อยจะถูกต้องจัดเจน มาเป็นหนุ่มกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้อย่างชวนใจให้อัศจรรย์

นายจังก็เลยคล้ายจังงังจากเมื่อคืนมาถึงเช้านี้

ยิ่งแลเห็นลูกสาวออกมานั่งเคียงคู่กับลูกนายโอกาสตรงชานแพ พลางโบกมือให้เพื่อนสาว ก็ยิ่งงงงันกันไปทั้งนายจังนายจัด

“สงสัย หนูจันจะรับหมั้นนายอุกแน่นอนซะแล้วละจัง” นายโอกาสอดเปล่งเสียงปีติตื้นตันออกมามิได้

พลางก็โบกมือไหวๆ จากแพกว้างที่บัดนี้ถูกความแรงของเรือเร็วพาวิ่งวนชมธรรมชาติของเขื่อนวชิราลงกรณยามสะท้อนด้วยแสงตะวันพันด้วยสายหมอก

“จันดูมีความสุขจังเลยนะเอื้อง” เชียงคําเอ่ยเสียงดังแข่งกับความเร็วที่แพวิ่งไป

เอื้องอินทร์นั่งอยู่อย่างชิดใกล้ชายชาวกรุง…หล่อนชอบเขามากกว่าใครในคณะนี้นั่นคงใช่แน่นอน เพราะเมื่อคืนตอนนอนด้วยกันมีใบจันนอนถัดไป เชียงคําอดกระเซ้าเอื้องอินทร์มิได้ว่า

‘คืนนี้จะฝันไหมแก…ฝันว้า.า…มีงูเลื้อยมาจากป่าหิมพานต์โน่น ตรงมารัดแก แล้วจะว่ายังไง’

‘บ้าแล้ว’ เอื้องอินทร์ทําเสียงเขินนิดๆ อิ่มเอมหน่อยๆ

ใบจันเองก็ได้ยิน เลยส่งเสียงเยาะๆ

‘ขอให้รัดแล้วรัดอีกนะ…อย่ารัดแล้วเลิกแล้วเลื้อยหนีละกัน’

‘คนนี้ก็ไม่ชอบขี้หน้าเขาไม่ยอมเลิก’

ดังนั้นจึงต่างก็หลับไปพร้อมกับเสียงเยาะเย้ยจากเจ้าของถิ่น

เช้าวันนี้ทุกคนจึงแลเห็นภาพที่นายโอกาสผู้เดียวยินดี

แต่นายจังยังมิสู้จะเชื่อว่าลูกสาวสามารถเปลี่ยนร่างแปลงกายได้เพียงนั้น จึงเพียงแต่นิ่งฟังขณะที่นายโอกาสถามไถ่

“จังจะเอาทองกี่บาท…รับรองเลยนะทองนี่ไม่ใช่ทองปลอมแน่นอน…เอากี่บาทบอกมา”

นายจังก็เลยต้องพลอยพยักหน้ายิ้มแย้ม

“พี่ก็ลองไปถามเจ้าตัวเขาดูละกัน”

“คุณลุงสองคนนี่สนุกกันดีจังนะคะ” เชียงคําก็เลยส่งเสียงแข่งแรงลมขึ้นมา “คนนึงมีลูกชายอีกคนมีลูกสาว พอดีกันเลย”

แต่ทั้งคู่…ไม่มีผู้ใดต่อความ ด้วยหวนระลึกถึงยามแข่งขันกันในวันเดือนปีที่ผ่านไป ต่างก็ไม่ยอมแพ้กันและกัน ถึงกับกลายเป็นศัตรูกันระยะหนึ่ง…จนกระทั่งอุกกาเติบใหญ่ พลันได้พบใบจันในงานสําคัญของอําเภอ

นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็เฝ้าแต่หลงเพ้อละเมอหา อ้อนวอนให้บิดานําทองไปหมั้นหมาย

แต่สาวใบจันขว้างทิ้งลงพงหญ้านั่นอย่างไร

บิดาของทั้งสองฝ่ายก็เลยกลายเป็นผู้พะอืดพะอม ขมก็ไม่ใช่ หวานก็ไม่เชิงมาจนนาทีนี้

ครั้นแล้ว ก็ยังสําแดงแจ้งเหตุให้กังขาทบทวี

ด้วยภาพที่เสมือนนั่งจู๋จี๋อยู่ด้วยกัน

“สนุกมากจัน” เชียงคําโบกมือไปมา “น่าจะลงแพด้วยกันนะ”

“น่านน่าซี” นายโอกาสหัวเราะร่า “แล้วเรายังจะไปเที่ยวน้ำตก ไปปีนเขากันอีกนาหนูนา”

คราวนี้ แพแล่นวื้ดผ่านหน้าชายหญิงทั้งคู่ผู้นั่งเคียงกันอยู่บนชานยาวไปแล้ว…อีกประเดี๋ยวจึงจะย้อนกลับ

เดินดงก็ได้แต่ชวนเอื้องอินทร์กับเชียงคําพูดคุย เรื่องที่เขาจะต้องไปเยี่ยมเยือนจังหวัดเพชรบุรีให้จงได้

หนุ่มสาวนั่งขัดสมาธิเกือบชิดกัน นายจัดได้แต่เหลือบมอง

เขาเองก็นึกชอบเอื้องอินทร์อยู่เหมือนกัน ถ้าตนเองไม่มี ‘นางก้นครัว’ ซุกอยู่ เป็นนางก้นครัวคู่ยากที่รับใช้กันมายาวนาน แต่ไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขสืบต่อ

ดังนั้น จึงได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความในใจที่ไม่สู้จะสมประกอบ

“วันนี้เป็นวันดีมาก” นายโอกาสเพียงผู้เดียวที่สมหวัง ดังนั้นจึงถามเอื้องอินทร์เรื่องการขึ้นเขาลงห้วยในวันเวลาต่อไป “เท่ากับส่งท้ายให้คุณสองคนจากเมืองเพชรโดยเฉพาะเลยนะฮะ”

“ขอบพระคุณคุณลุงมากค่ะ“ เอื้องอินทร์กับเชียงคําพนมมือ

แพแล่นวื้ดว้าดไปข้างหน้า

แต่เดินดงกําลังคิดหาทางได้วันเดือนปีพร้อมเวลาตกฟากของสามสาว



Don`t copy text!