นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ บทที่ 3 : ราชินีนิยาย…(รัก)
โดย : กานต์
นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ โดย กานต์ เรื่องราววุ่นๆ ในแวดวงนักเขียนผ่านตัวละครสำคัญอย่างแพรรภัส นักเขียนสาวที่ชีวิตจริงไม่ได้สดใสเช่นนิยายที่เขียน เธอต้องหนักแน่นและมุ่งมั่นแค่ไหน เพื่อให้นิยายรักเรื่องล่าสุดจบลงอย่างสวยงาม นิยายออนไลน์ ที่น่าติดตามอีกเรื่อง
————————————–
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มข้างหัวเตียง ดังขึ้นในทันทีที่แพรรภัสก้าวออกจากห้องน้ำ
มองหน้าจอเห็นชื่อของผู้ที่โทรมา หญิงสาวก็เดาได้ล่วงหน้าว่าเธอคงจะต้องแต่งตัวช้ากว่าปกติไปอีกสักสิบห้าถึงยี่สิบนาที เพราะนีรนาท เพื่อนสนิทของเธอ คงไม่ยอมวางสายง่ายๆ เป็นแน่
“เป็นยังไงบ้างยะแม่นักเขียน” เสียงแหลมๆ จากปลายสายเอ่ยทักทายขึ้น
“หนีไปเที่ยวคนเดียวไม่บอกเพื่อนบอกฝูง นี่ถ้าฉันไม่เห็นแกเช็กอินที่หลวงพระบาง ฉันก็คงไม่มีทางรู้ว่าแกหายหัวไปไหนหรอกนะยะ นี่ถ้าเกิดแกโดนใครลักพาตัวไปหรือเอาไปฆ่าหมกป่า กว่าฉันจะรู้แกคงขึ้นอืด ศพไม่สวยกันพอดี”
“นีรก็พูดเกินไป” แพรรภัสหัวเราะ “เราไม่ได้เป็นคนดังขนาดต้องป่าวประกาศบอกใคร ว่าจะไปไหนหรือทำอะไรตลอดเวลาหรอกนะ” แพรรภัสตอบเพื่อนไปทันที
“ดังไม่ดัง หล่อนก็คือ ‘แพรราตรี’ นักเขียนสาวเจ้าของผลงานเบสต์เซลเลอร์ ที่ต้องมีหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งติดอันดับท็อปทรี ขายดีตลอดปีตลอดชาติ ในร้านหนังสือทั่วฟ้าเมืองไทยนะยะ แล้วนิยายของหล่อนก็เป็นละครเกือบทุกเรื่องแล้วด้วย จะเป็นรองก็แต่ ‘ยาย’ นักเขียนเรื่องเยอะคนนั้นคนเดียว อย่าให้ฉันพูดชื่อเลยนะ… ไม่เป็นมงคล… แล้วนี่ถ้าเกิดหล่อนมีอันเป็นไปก่อนเวลาอันควรฉันจะทำยังไง?” นีรนาทโวยวายมาเป็นชุด
“ทำไมล่ะ นี่นีรห่วงเรามากเลยเหรอ” หญิงสาวพูดไปพลางหัวเราะ
“ห่วงสวัสดิภาพของแกน่ะ แค่นิดๆ แต่ที่ห่วงมากคือแกยังไม่เคยเขียนให้ฉันเป็นนางเอกเลยสักเรื่อง… อย่าเพิ่งตายก่อนให้ฉันถึงฝั่งฝันนะยะ เข้าใจไหม” เพื่อนของหล่อนยังคงพูดติดตลกตามนิสัย
“อ้าว แล้วทำไมมาแช่งกันแบบนี้ล่ะ” แพรรภัสต่อว่าเพื่อน หากน้ำเสียงของหล่อนก็บ่งบอกว่าไม่ได้จริงจังนัก เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเพื่อนของหล่อนแค่พูดเล่น ไม่ได้ตั้งใจแช่งจริงๆ หรอก
ส่วนนักเขียนชื่อดังที่นีรนาทเน้นคำว่า ‘ยาย’ อย่างหนักนั้น ก็คือ ‘เบญจกัลยาณี’ ซึ่งเป็นนามปากกาของหม่อมหลวงวรรณวนิดา ดิษยานุวัฒน์ นักเขียนรุ่นใหญ่ฝีมือจัดจ้านที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับหนึ่ง ก่อนที่ ‘แพรราตรี’ จะเริ่มสร้างชื่อให้ตัวเอง
สื่อมวลชนหลายสำนักและนักอ่านหลายคนต่างจับตามองว่า คลื่นลูกใหม่อย่าง ‘แพรราตรี’ จะโด่งดังจนสามารถช่วงชิงเอาบัลลังก์ราชินีนิยายรักจาก ‘เบญจกัลยาณี’ ได้หรือไม่ เพราะทั้งสองคนต่างก็เขียนนิยายรักได้ดีไม่แพ้กัน หากเบญจกัลยาณีมีภาษีดีกว่าก็ตรงที่อยู่ในวงการน้ำหมึกมานาน
สำหรับแพรรภัส หญิงสาวไม่เคยคำนึงถึงความโด่งดังมีชื่อเสียง… หากเธอคิดว่าการเขียนนิยายคือการได้ทำงานที่มีความสุข แต่ถ้าจะมองว่าเป็นการแข่งขัน หญิงสาวคิดว่าผู้ที่เป็นศัตรูคนสำคัญก็คือ ตัวเธอเอง
การต่อสู้เพื่อเอาชนะความเกียจคร้าน และการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ให้เป็นที่ยอมรับและชื่นชอบในหมู่คนอ่าน รวมทั้งการเขียนที่สามารถสอดแทรกจริยธรรม คุณธรรม หรือความคิดสร้างสรรค์ที่จรรโลงใจและสามารถทำผู้อ่านนำไปต่อยอดได้ต่างหาก ที่เป็นเป้าหมายสำคัญซึ่ง ‘แพรราตรี’ ให้ความสนใจ มากกว่าจะห่วงชื่อเสียงว่าตัวเองดังแค่ไหน
หากดูเหมือนว่า ‘ยายนักเขียน’ ที่นีรนาทไม่อยากเอ่ยนาม กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
เอาเถอะ วันนี้หญิงสาวไม่อยากคิดถึงเรื่องงาน ไม่อยากคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เธอตั้งใจทิ้งเอาไว้ที่บ้าน ขอทำตัวสบายๆ ใช้ชีวิตอิสระให้มีความสุขที่หลวงพระบางดีกว่า
สำหรับนีรนาท… แพรรภัสรู้จักเพื่อนคนนี้ตั้งแต่ยังเด็ก และคบหาเป็นเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันมานาน จวบจนวันนี้ก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
นีรนาทเป็นคนสวยที่เพื่อนชายรอบตัวของแพรรภัสลงความเห็นว่า ‘เสียของ’ เพราะเพื่อนของหล่อนเหมาะที่จะเป็นทอมบอยมากกว่า ไม่ใช่เพราะเธอเป็นหญิงรักหญิง แต่เพราะเพื่อนคนนี้มีบุคลิกที่โผงผาง กล้าพูด กล้าแสดงออก และทำอะไรตามใจโดยไม่เคยห่วงสวย…
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน… หากเป็นเพราะความที่นีรนาทเป็นคนจริงใจ อุปนิสัยสนุกสนานเฮฮา และมีความรักความห่วงใยมอบให้แพรรภัสอย่างเสมอต้นเสมอปลายต่างหาก ที่ทำให้หญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่ ‘เสียของ’ ได้ก้าวมาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นจวบจนทุกวันนี้
“นีรก็รู้… เราอยากมาเที่ยว อยากทำตามความฝันของตัวเองบ้าง ก่อนที่ไม่รู้ว่าในอนาคตกันใกล้นี้ เราจะได้ทำอะไรแบบนี้อีกไหม… ก็เคยชวนนีรแล้ว แต่นีรบอกว่า ‘ให้ไปแพรีสหรือลันดั้นยังจะน่าไปเสียกว่า’ เราก็เลยไม่ชวนอีกไง”
แพรรภัสตอบตามความจริง พร้อมทำดัดเสียงเลียนแบบตามที่เพื่อนเคยเอ่ยสำเนียงเรียกสองเมืองทางยุโรปนั่นอย่างมีจริตจะก้านมากที่สุด ในขณะที่หล่อนบรรจงลงแป้งรองพื้นอ่อนๆ บนใบหน้านวลเนียนไปด้วยเพราะกลัวว่าจะแต่งตัวช้า ไปตามนัดหมายที่ให้ไว้กับชายหนุ่มที่ชื่อว่าซันไม่ทัน
“แกไม่ต้องมาอ้างเลยนะยัยแพรว หน็อย… หนีไปเที่ยวไม่บอกฉัน แล้วยังมาอ้างนั่นอ้างนี่… ว่าแต่แกไปกับใคร ไปกี่วัน แล้วจะกลับเมื่อไร หายกลัวการนั่งเครื่องบินแล้วหรือไง”
นีรนาทยิงคำถามเป็นชุดราวกับลืมว่าต้องหายใจ
“มาคนเดียว กี่วันไม่รู้ ยังไม่คิด ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไร และยังไม่หายกลัวการขึ้นเครื่องบิน… แต่ยังไงก็ต้องมาที่นี่ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต… ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ จะเป็นตอนไหนอีกล่ะ”
หญิงสาวตอบตามความจริงอย่างครบถ้วนกระบวนความ ในขณะที่กำลังเติมปากด้วยลิปกรอสสีชมพูอ่อนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่
“ดีจริงจริ๊ง… เกิดเป็นนักเขียนสาวชื่อดัง ทำงานอิสระ จะไปนั่งอยู่มุมไหนของโลกก็ทำงานได้ ไม่เหมือนดารากิ๊กก๊อกอย่างฉันที่เล่นละครไปสิบเรื่อง ยังหาเงินได้ไม่เท่านางเอกซูเปอร์สตาร์เขาเล่นเรื่องเดียวเลย” เพื่อนของหล่อนบ่นกระปอดกระแปด แต่แพรรภัสรู้ว่านีรนาทไม่ได้คิดมากในเรื่องเงินทอง
นีรนาทเคยเป็นนางแบบ ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักแสดงละครโทรทัศน์ ด้วยความที่เธอมีใบหน้าสวยเก๋ ไม่ได้สวยหวาน และมีบุคลิกที่แพรรภัสคิดว่าดูห้าวหาญกว่านักแสดงชายบางคน ซึ่งเชื่อว่าผู้จัดหรือผู้กำกับคงเห็นเฉกเช่นเดียวกัน จึงมักจะทำให้เพื่อนของเธอได้รับบทเป็นเพื่อนนางเอกจอมซ่าหรือไม่ก็นางร้ายที่มีบุคลิกฮาๆ อยู่เสมอ
ไม่ถึงกับโด่งดังเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ใครๆ ก็จดจำนีรนาทในบทของร้อยตำรวจโทหญิงพินน ที่ปลอมตัวเป็นโสเภณีและกระโดดเตะเป้าเสี่ยเจ้าของซ่อง เพื่อช่วยเหลือเด็กสาวที่ถูกหลอกมาขายตัวให้หลบหนีไป และไม่ลืมที่จะเอ่ยประโยคเด็ด ที่นีรนาทจงใจเพิ่มเข้าไปในบท เป็นการทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“ถึงฉันจะสวย แต่เรื่องของแกจบไม่สวยแน่ จำไว้”
จากนั้นนีรนาทในบทของพินนี่ ก็ทำท่าสะบัดวิกผมบ๊อบสีแดงเพลิง แล้ววิ่งหนีหายไปในคืนที่จันทราทอแสงนวลกระจ่างฟ้า
บทบาทการแสดงที่สมบทบาทแต่แฝงไปด้วยความน่าเอ็นดูนั้น พาให้ใครต่อใครนำเอาคำพูดและท่าทางของพินนี่ไปเลียนแบบ และติดแฮชแท็กในโลกออนไลน์อยู่นานร่วมเดือน และนั่นก็ทำให้นีรนาทได้รับการจับตามองจากผู้ชมและได้รับการทาบทามจากผู้จัดละครมากมายให้เล่นละครอีกหลายเรื่อง
“บ้านนีรก็มีตังค์… ถึงไม่ทำงาน ป๋ากับแม่ของนีรก็เลี้ยงได้ แต่นีรก็เลือกเป็นดารานางแบบเพราะจะได้เจอพระเอกหรือนายแบบหล่อๆ เองไม่ใช่เหรอ” แพรรภัสล้อเลียน
“ฉันก็แค่พูดเล่นๆ เท่านั้นหรอกย่ะ… เป็นดารานางแบบมาตั้งแต่ม.ปลาย พร้อมกับสมัยที่แกเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกแล้วดังเป็นพลุแตก พิมพ์ซ้ำถล่มทลาย ค่ายละครไหนๆ ก็รุมจอง… แต่ฉันสิ มีแค่พวกนักแสดงตลกกับดาวร้ายตกอับมาจีบเท่านั้น ไม่เห็นมีพระเอกหล่อล่ำมาจีบกับเขาบ้างเลย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไอ้ภีม ไอ้พระรองหน้าตี๋ที่ดันปล่อยข่าวว่าฉันเป็นทอม”
นีรนาทพูดถึงนักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ที่ชื่อภีม ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาสามสี่ปี
ภีมเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดี ผิวขาวตี๋ตามสมัยนิยม แพรรภัสเคยพบและพูดคุยกับเขาอยู่สองสามครั้งจากการที่เธอเคยไปเยี่ยมนีรนาทที่กองถ่าย อันที่จริงก็ถือว่าเคยร่วมงานกันกลายๆ ด้วยซ้ำ เพราะภีมเคยเล่นละครที่สร้างจากบทประพันธ์ที่หญิงสาวเป็นผู้ประพันธ์มาแล้วสองเรื่อง
เท่าที่ได้ยินนีรนาทพูดถึงเขา แพรรภัสค่อนข้างมั่นใจว่านักแสดงหนุ่มคนนี้ต้องแอบชอบเพื่อนของเธออยู่แน่ๆ เพียงแต่ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายท่ามาก ฟอร์มจัด ปากแข็งและดูกะล่อนนิดๆ กอปรกับที่เพื่อนของเธอนั้นดูโผงผางและยียวนกวนประสาท ผู้ชายคนนั้นเลยได้แต่แสดงออกอย่างทีเล่นทีจริง และไม่กล้ามาจีบเพื่อนของเธออย่างจริงจัง
และนอกเหนืออื่นใดที่ทำให้ทั้งสองกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมากขึ้นนั้น เพราะภีมเป็นคนให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า นีรนาทเป็นทอมสาวนักบู๊ที่ตั้งใจเล่นผิดคิว เพื่อจะได้ถ่ายฉากที่ตำรวจซึ่งปลอมเป็นโสเภณีสาวกระโดดเตะเป้าเสี่ยเจ้าของซ่องคนนั้นหลายๆ รอบ
แน่นอนว่าภีมก็คือนักแสดงที่รับบทเป็นเสี่ยหนุ่มเจ้าของซ่อง ที่ถูกแม่สาวผมบ๊อบสีแดงเพลิงกระโดดเตะเป้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าคนนั้น …
“ตกลงแกยังไม่กลับแน่ๆ ใช่ไหม งั้นพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปงานแถลงข่าวเปิดกล้องละครเรื่อง ‘อัสดงในลมหนาว’ ที่สร้างจากบทประพันธ์ของแกคนเดียวนะสิ” เพื่อนของชวนคุยต่อ นั่นทำให้หญิงสาวได้หวนกลับมาจากห้วงคำนึง
“ฉันล่ะเบื่อที่ต้องเจอหน้าไอ้ตี๋นั่นชะมัด มันเล่นเป็นเพื่อนพระเอกต๊อกต๋อย… ส่วนฉันต้องเล่นเป็นเพื่อนนางเอกแสนสวยที่ต้องพบรักกับมัน…จริงๆ แกน่าจะเขียนให้อีเพื่อนพระเอกนี่มันตายตั้งแต่ต้นเรื่อง แล้วให้นางรองแสนสวยพบรักกับน้องชายพระเอกรูปหล่อแทนนะ” นีรนาทเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทันทีที่พูดถึงคู่ปรับนอกจอ
“นีรนี่ยังไงนะ ทะเลาะกับคุณภีมเขาอยู่ได้” นักเขียนสาวหัวเราะ “แล้วเราก็เพิ่งจะมาถึงที่นี่ ไม่ทันจะค้างสักคืนเลย จะให้กลับเสียแล้ว… เดี๋ยวเอาไว้แค่นี้ก่อนนะ เราจะรีบแต่งตัว มีนัดไปทานข้าวเย็น” แพรรภัสพลั้งปาก เพราะใจมัวแต่กังวลว่าจะทำผมทรงไหนดี
“นัด–ทาน–ข้าว–เย็น?…ที่ไหน อะไร ยังไง กับใคร แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะยัยแพรว” นีรนาทจู่โจมด้วยการตั้งคำถามอย่างว่องไว ราวกับเป็นแม่เสือสาวผู้หิวโหยที่กำลังจะขย้ำลูกกวางตัวน้อย
“เอ่อ… กับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่เห็นว่าเขาดูเป็นมิตรดี… รู้จักคนดีๆ ไว้ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอ” แพรรภัสรู้สึกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว แต่ก็พยายามหาทางตอบที่ดูมีเหตุผลที่สุด
“เขา?… กรี๊ดๆๆๆ” นีรนาทส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นจนหญิงสาวต้องเอาโทรศัพท์มือถือห่างออกจากหู “นี่แกหมายถึงผู้ชายใช่ไหม? แกมีนัดกินข้าวกับผู้ชายที่หลวงพระบาง… โรแมนติกเป็นบ้าเลยยัยแพรว ฉันให้สามผ่าน สี่โค้ช ห้ากะโหลก เจ็ดดาวเลย ว่าแต่ไอ้ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร หล่อไหม เท่หรือเปล่า รู้จักกันเมื่อไร แล้วแกไปเจอกับเขาได้ยังไง บอกฉันมาให้หมดนะ ไม่งั้นแกไม่ได้วางหู ไม่ได้แต่งตัว และไม่ได้ไปตามนัดแน่ๆ” เพื่อนของเธอรัวคำถามใส่ชุดใหญ่ ราวกับคนที่ขาดยาระงับประสาท
“เขาชื่อซัน ชื่อจริงไม่รู้ สูง คมเข้ม หล่อ อารมณ์ดี… เรารู้แค่นี้ และคิดว่าเพียงพอสำหรับความเป็นเพื่อนแล้ว… มากกว่านี้เราไม่ได้หวัง เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” หญิงสาวตอบด้วยเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าโดยที่เพื่อนสนิทก็ยังสามารถรับรู้ได้
“เออๆ งั้นฉันไม่ถ่วงแกไว้แล้ว รีบไปเถอะ ใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่า ก่อนจะกลับมาทำตามบัญชาเสด็จพ่อของแกก็แล้วกัน… แต่ถ้าวันนี้มีอะไรเริ่ดๆ แกอย่าลืมเล่าให้ฉันฟังนะ… ฉันพร้อมฟังข่าวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เข้าใจ๊?
จากนั้นสองสาวก็สนทนากันอีกเล็กน้อยก่อนที่นีรนาทจะยอมวางสายไปในท้ายที่สุด แพรรภัสเหลือบตาดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แล้วพบว่าเวลาเหลือน้อยเต็มที จึงรีบแต่งตัว ทำผม และแต่งหน้าอ่อนๆ ก่อนจะบรรจงหยิบชุดแซกผ้าฝ้าย ซึ่งเป็นกระโปรงยาวบานๆ สีขาวสะอาดขึ้นมาทาบลำตัว พร้อมกับมองจ้องไปยังกระจกเงาบานใหญ่
‘แล้วถ้าทาปากสีเข้มกว่านี้จะดูจงใจเกินไปไหมนะ’ หญิงสาวคิด
‘แล้วชุดสีขาวชุดนี้ดูเรียบเกินไปหรือเปล่า ถ้าจะเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นให้ดูทะมัดทะแมงนิดๆ จะดีไหม’
‘ตายแล้ว… ยังไม่ได้ทำผมเลย… จะไดร์ผมทำทรงที่สวยกว่านี้ก็เห็นทีจะไม่ทัน งั้นเกล้าหลวมๆ ไว้ที่ท้ายทอยแล้วหาปิ่นหรืออะไรมามัดไว้สักหน่อยก็คงจะพอ’
แล้ว… แล้ว… แล้ว… แล้วแพรภัสก็เพิ่งรู้ตัวในนาทีนั้นเอง… ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเกิดความรู้สึกอยาก ‘สวย’ … เพียงเพื่อจะให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเพิ่งรู้จัก… รู้สึกชื่นชม
- READ นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ ตอนที่ 5 : เมื่อความ… (รัก) โบกมือลา
- READ นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ บทที่ 4 : เมื่อดอก… (รัก) บาน กลางดวงจำปา
- READ นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ บทที่ 3 : ราชินีนิยาย...(รัก)
- READ นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ บทที่ 2 : สะบายดีความ...(รัก)
- READ นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ บทที่ 1 : นิยาย...(รัก) บทที่ 1