นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ บทที่ 2 : สะบายดีความ…(รัก)

โดย : กานต์

นิยาย (รัก) ไม่มีตอนจบ โดย กานต์ เรื่องราววุ่นๆ ในแวดวงนักเขียนผ่านตัวละครสำคัญอย่างแพรรภัส นักเขียนสาวที่ชีวิตจริงไม่ได้สดใสเช่นนิยายที่เขียน เธอต้องหนักแน่นและมุ่งมั่นแค่ไหน เพื่อให้นิยายรักเรื่องล่าสุดจบลงอย่างสวยงาม ช่วยนักเขียนสาวลุ้นกันกับ นิยายออนไลน์ ที่น่าติดตามอีกเรื่อง ซึ่ง อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

………………………………………….​​

ทันทีที่เสกวสันต์เช็กอินเข้าห้องพักเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็คว้าโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูป แล้วออกไปเดินเล่นในเมืองหลวงพระบาง

การถ่ายภาพเป็นสิ่งที่เขาชอบ ถึงขนาดลงทุนไปเรียนไกลถึงนิวยอร์กและพัฒนาฝีมือของตนเองเรื่อยมา แม้จะไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดมีนิทรรศการแสดงภาพถ่ายของตัวเอง หากเสกวสันต์ก็เป็นช่างภาพมือสมัครเล่นที่มีโอกาสเคยฝากผลงานการเขียนสารคดีและถ่ายภาพประกอบสวยๆ เอาไว้ตามนิตยสารที่มีชื่อเสียงของอเมริกามาแล้วหลายฉบับ

ถ้าไม่ติดว่าต้องกลับมาบริหารบริษัทที่พ่อของเขาเป็นเจ้าของอยู่ ชื่อของ ‘Mister Sunny Day’ ซึ่งเป็นนามแฝงของเขา ก็อาจจะเป็นที่รู้จักในแวดวงนิตยสาร และวงการถ่ายภาพของนิวยอร์กมากกว่านี้

‘ไปไหนก่อนดี… เวลาบ่ายแก่ๆ แบบนี้ ขึ้นไปถ่ายรูปที่พูสีดีกว่า’ ชายหนุ่มใช้ความคิด

พูสีหรือพระธาตุพูสี เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองหลวงพระบาง ใครไปใครมาก็ต้องหาโอกาสแวะมาสักการะพระธาตุเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ เหนืออื่นใดนั้น วิวจากด้านบนของพระธาตุยังสวยงามมากอีกด้วย เพราะสามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได้แทบทั้งเมือง ประชาชนคนท้องถิ่นรวมถึงนักท่องเที่ยวจึงมักจะนิยมพากันขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดินกันที่นั่น

เสกวสันต์เดินลัดเลาะตามถนนไปเรื่อยๆ เดินลอดผ่านต้นจำปาลาวที่พากันออกดอกสีขาวสะพรั่งราวกับนัดหมาย และแวะถ่ายรูปสิ่งต่างๆ ที่เขาเห็นว่าน่าสนใจ พลางแลเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของหลวงพระบาง

เมื่อประมาณห้าถึงหกปีก่อน หลวงพระบางยังเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีนักท่องเที่ยวไม่เยอะ แต่มาวันนี้เขาเห็นนักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรปหรืออเมริกาค่อนข้างหนาตา ชายหนุ่มเชื่อว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็คงไม่ต่างกับเมืองมรดกโลกอื่นๆ ของภูมิภาคนี้ ที่นักท่องเที่ยวจากฝั่งตะวันตกต่างเข้ามาปักธงเป็นจุดหมายปลายทางในการพักผ่อน  

เดินอยู่ไม่นาน ชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันก็พลันรู้สึกหิว เพราะตั้งแต่ตื่นเมื่อช่วงสายที่กรุงเทพฯ นั้น เขายังไม่ได้รับประทานอะไรเลย อาหารบนเครื่องบินที่เสิร์ฟก็น้อยนิด อีกอย่าง… เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องอะไรเพราะมัวแต่คุยเพลินอยู่กับหญิงสาวคนที่นั่งข้างๆ

อย่างทันทีทันใด ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นมาในหัวใจ

‘คิดถึง?… บ้าน่า ใครจะคิดถึงผู้หญิงแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสามชั่วโมงและเพิ่งจะแยกจากกันไม่ถึงชั่วโมงดีได้ล่ะ’ ชายหนุ่มคิดพลางอมยิ้มให้กับความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้น ขณะที่ตัวเองเดินอยู่ท่ามกลางสายลมอุ่นๆ ที่หอบเอาความหอมของดอกจำปาลาวที่โชยมารวยริน

“สะบายดีคุณซัน” เสียงหวานใสเสนาะขึ้นจากทางด้านหลัง ขณะที่เขากำลังคิดเพลินๆ

ราวกับฝันที่กลายเป็นจริง เมื่อเสกวสันต์หันไปตามเสียงเรียกก็พบกับหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งในชุดกางเกงขาสี่ส่วนสีน้ำตาลช็อกโกแลต สวมเสื้อยืดที่มีรูปหัวใจสีชมพูเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วพื้นสีขาว และสวมหมวกปานามาแฮทสีน้ำตาลอ่อน… หญิงสาวที่เขากำลังนึกถึง ได้มายืนอยู่ทางด้านหลังโดยไม่ทันให้ตั้งตัว

“อะ… อ้าว คุณแพรว เจอกันอีกแล้วนะ… นะครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตะกุกตะกัก

“แพรวทำคุณซันตกใจหรือเปล่าคะเนี่ย ขอโทษด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้ม เอียงคอน้อยๆ พลางส่งยิ้มให้อย่างน่าเอ็นดู

“ไม่หรอกครับ ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ พอดีกับที่คุณแพรวเรียก ก็เลยไม่ทันตั้งตัวน่ะครับ… ว่าแต่คุณแพรวเช็กอินเข้าที่พักแล้วเหรอครับ อยู่ไกลจากแถวนี้ไหม”

หญิงสาวตอบว่า ‘ไม่ไกล’ พร้อมกับเอ่ยชื่อโรงแรมให้เขาทราบในทันที

“อ๋อ… โรงแรมนี้ดีนะครับ เป็นวังเก่าด้วย คราวที่แล้วผมก็มาพัก แต่รอบนี้เปลี่ยนใจลองนอนเกสต์เฮาส์เล็กๆ ดูบ้าง เพราะตั้งใจอยู่หลายวัน จะได้ไม่เปลืองเงินโดยใช่เหตุ” เสกวสันต์ตอบไปตามที่ใจคิด

“แหม พูดแบบนี้แพรวชักคิดว่าตัวเองใช้เงินเปลืองไปหรือเปล่าแล้วนะเนี่ย” หญิงสาวทำหน้ากระเง้ากระงอดแบบทีเล่นทีจริง

“โอ๊ย… ไม่หรอกครับ คุณแพรวอย่าถือสาปากผม ผมมันคนพูดอะไรไวกว่าที่ใจคิด ปากแบบนี้นี่ก็มักจะทำให้เพื่อนหรือคนรอบตัวเจ็บช้ำน้ำใจมาหลายครั้งแล้ว… เออ… แต่ผมว่าคุณแพรวพักที่นั่นก็ดีครับ เป็นผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียว ผมว่านอนโรงแรมใหญ่ๆ ที่สะดวกสบายดูจะปลอดภัยกว่า” ชายหนุ่มรีบแก้ตัวและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นพัลวัน

“แพรวล้อเล่นน่ะค่ะ” หญิงสาวผู้มีใบหน้าคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดในความคิดของเสกวสันต์ตอบกลับพลางส่งยิ้มให้

“นี่คุณซันจะไปไหนคะ” เธอถามต่อ

“ผมว่าจะหาอะไรทานสักหน่อยครับ ตอนนี้รู้สึกหิวนิดๆ แล้วก็ว่าจะขึ้นไปสักการะพระธาตุพูสีน่ะครับ คุณแพรวไปด้วยกันไหม” ชายหนุ่มเอ่ยชักชวน

“แพรวยังไม่ค่อยหิวค่ะ แต่ว่ากำลังจะไปที่พระธาตุพูสีพอดี นี่ไงคะ… เดินตามรอยหนังสือเล่มนี้” แพรรภัสโบกหนังสือในมืออย่างร่าเริง

“งั้นเอาอย่างนี้ดีไหมครับ ผมเลี้ยงของอร่อยคุณแพรว แล้วคุณแพรวเล่าให้ผมฟังว่าหนังสือเล่มนี้มีอะไรดีนักหนา คุณแพรวถึงได้ติดอกติดใจขนาดนี้” ชาวหนุ่มกล่าวโดยไม่รอฟังคำตอบ จากนั้นก็เหลียวซ้ายแลขวา ก่อนที่จะหยุดมองไปที่ถนนฝั่งตรงกันข้าม พร้อมกับเอ่ยต่อไปว่า

“เจอแล้ว… ของดีของเด็ดแห่งหลวงพระบาง ตามผมมาทางนี้เลยครับ”

ของดีของเด็ดที่ชายหนุ่มว่าก็คือ ข้าวเหนียวที่ปั้นเป็นก้อนทรงรีๆ แบนๆ จากนั้นก็นำมาย่างบนไฟอ่อนๆ ก่อนที่จะชุบกับน้ำปรุงรสสีคล้ำแล้วนำกลับไปย่างใหม่ซ้ำไปซ้ำมาหลายหน

“อะไรนะคะคุณซัน” หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าที่แววตาเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น

“ไม่แน่ใจว่าที่นี่เรียกว่าอะไร อาจจะเหมือนแถวอีสานบ้านเราที่เรียกว่าข้าวจี่มั้งครับ ซึ่งก็คือข้าวเหนียวที่นำมาปั้นเป็นก้อนๆ ทาเกลือ ชุบไข่ แล้วนำมาย่าง แต่ของที่นี่จะทาด้วยน้ำอะไรสักอย่างสีเข้มๆ อาจจะเป็นปลาร้าก็ได้นะครับ” เสกวสันต์ตอบ

“ปลาร้า?” แพรรภัสทวนคำเสียงดัง “คุณซันทานเป็นด้วยเหรอคะ เห็นหน้าตาเป็นหนุ่มทันสมัย แพรวไม่คิดว่าคุณซันจะทานได้” เมื่อพูดถึงปลาร้า หญิงสาวรู้สึกแปลกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มอย่างเสกวสันต์จะรับประทานได้ จึงพากันคุยเรื่องปลาร้า แทนที่จะคุยถึงเรื่องอาหารที่อยู่ตรงหน้า

“ปลาร้าไม่เหม็นหรอกครับ ส้มตำใส่ปลาร้าผมก็ทานเป็น พี่เลี้ยงของผมตอนที่ผมยังเป็นเด็ก เธอเป็นคนอีสานครับ แอบเอาส้มตำปลาร้าให้ผมกินบ่อยๆ” ชายหนุ่มพูดถึงประสบการณ์ในการรับประทานปลาร้า พร้อมกับหัวเราะ จากนั้นจึงหยิบข้าวเหนียวปิ้งแล้วส่งให้หญิงสาว “คุณแพรวลองชิมไม้นึง รับรองติดใจ มื้อนี้ผมเลี้ยงไม่อั้นครับ”

ในขณะที่รับข้าวเหนียวปิ้งจากมือของเขา ชั่วแวบเดียวที่นิ้วมือสัมผัสกันก็ทำให้แพรรภัสรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

‘นี่เราไม่ได้เป็นเด็กสาวมัธยมปลายที่เพิ่งออกเดตครั้งแรกนะยัยแพรว’ แพรรภัสพูดกับตัวเองในใจ ‘ว้าย ออกเดต? คิดอะไรบ้าๆ อยู่นี่’ หญิงสาวเผลออมยิ้มโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว

“อร่อยจริงๆ ด้วยคุณซัน กลิ่นห้อมหอม ไม่เหม็นเลย” หญิงสาวร่างระหงพูดทันทีเมื่อได้ลิ้มรสข้าวเหนียวปั้นเสียบไม้ที่อยู่ในมืออันบอบบางของตนเอง

“ผมบอกแล้ว… ถ้าคุณแพรวชอบหยิบได้อีกเลยนะครับ ให้เอื้อยเขาปิ้งมาเรื่อยๆ เดี๋ยวมื้อนี้ป๋าเลี้ยงเอง” เสกวสันต์พูดติดตลกเป็นกันเองอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังคุยกับหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงสามชั่วโมงดี

“อร่อยแบบนี้สงสัยแพรวจะทำให้ป๋าหมดตัวแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวเผลอรับมุกของเขา โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้สึกว่ากำลังคุยกับผู้ชายแปลกหน้าแต่อย่างใดเช่นกัน

สั่งซื้อ “นิยายรักไม่มีตอนจบ” ได้ที่นี่

หลังจากที่เสกวสันต์รับประทานข้าวเหนียวปิ้งไปสักพัก สองหนุ่มสาวก็พากันเดินต่อไปยังพระธาตุพูสี ก่อนที่หญิงสาวจะหยุดเดิน ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วเริ่มเล่าถึงเรื่องราวในหนังสือเล่มโปรด

“ที่ตรงนี้คือจุดที่นางเอกพบกับพระเอกเป็นครั้งแรก” แพรรภัสเอ่ยขึ้นเมื่อทั้งสองเดินไปจนถึงเชิงทางขึ้นพูสี

“นางเอก พระเอก?” ชายหนุ่มทำสีหน้างุนงง

“อ๋อ แพรวหมายถึง ที่เชิงพระธาตุพูสีคือที่ที่พระเอกและนางเอกในนิยายเล่มนี้ เขาพบกันเป็นครั้งแรกน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบพลางเล่าต่อ

“แพรวกำลังจะชดใช้ค่าเสียหายของข้าวเหนียวปิ้งที่กินไป ด้วยการเล่าเรื่องในหนังสือให้คุณซันฟังไงคะ” แพรรภัสพูดพลางอมยิ้ม

“อ่า… แล้วยังไงต่อครับ”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องการกลับชาติมาเกิดด้วยค่ะ นางเอกที่เป็นคนในยุคปัจจุบันหนีคู่หมั้นที่ตัวเองเริ่มหมดรัก เพราะเขานอกใจเธอบ่อยครั้ง ด้วยการมาเที่ยวหลวงพระบางคนเดียว และมาพบรักกับพระเอกที่เป็นชายหนุ่มลูกครึ่งลาวและฝรั่งเศสที่หลวงพระบาง คุณซันไม่เคยดูละครเหรอคะ เขาออกจะดังทั่วบ้านทั่วเมืองเมืองสองสามปีก่อน แต่ในละครไม่เหมือนกับในหนังสือหรอกนะคะ เห็นว่าด้วยข้อจำกัดบางอย่าง เลยทำให้ต้องเปลี่ยนบท แถมไม่ได้มาถ่ายที่หลวงพระบางจริงๆ ด้วย ต้องเปลี่ยนไปถ่ายทางภาคเหนือของบ้านเราแทน” หญิงสาวเล่าต่อด้วยแววตามีความสุข

นี่ใช่ไหม… เวลาที่คนเราชอบอะไร ดวงตาของเราก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกได้มิด

‘แชะ’… เสียงชัตเตอร์จากกล้องถ่ายภาพดังขึ้นทันทีที่ปลายนิ้วแข็งแรงของชายหนุ่มสัมผัสกับปุ่มของกล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ล่าสุดในมือของเขา

“อุ๊ย คุณซัน… แอบถ่ายไม่ให้แพรวตั้งตัวเลย เดี๋ยวถ้าออกมาไม่สวยล่ะก็ น่าดู” หญิงสาวพูดพลางหัวเราะ

“คุณแพรวถ่ายมุมไหนก็สวยครับ ยิ่งเวลาที่กำลังเล่าถึงนิยายที่ชอบแล้ว แววตาดูมีความสุขมากจนผมอดไม่ได้ที่จะถือวิสาสะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเอาไว้ หวังว่าคุณแพรวจะไม่ว่าอะไรนะครับ” เสกวสันต์ตอบพร้อมก้มมองภาพที่กล้องโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูคู่สนทนา

“ไหนขอแพรวดูหน่อยค่ะ”

โดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเบียดกายเข้ามาจนชายหนุ่มได้กลิ่นหอมจางๆ จากเส้นผมของเธอ แขนแนบแขน ไหล่แนบไหล่ ดวงหน้าสวยหวานนั้นอยู่ใกล้ ใกล้จนเขาหวั่นว่าเธอจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอก

“โอ้โฮ สวยมากเลยนะคะ… คือแพรวหมายถึงรูปนะที่สวย ไม่ได้หมายถึงตัวแพรวเอง” หญิงสาวรูปร่างบอบบางยิ้ม และเอ่ยอย่างพึงพอใจ โดยหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นยืนแข็งทื่อจนแทบจะกลายร่างเป็นก้อนหินไปแล้วด้วยความประหม่า

“ก็… คุณแพรวสวยจริงๆ นี่ครับ ผมบอกแล้ว” เสกวสันต์ตอบตะกุกตะกัก พลางหาทางดึงหญิงสาวกลับเข้าสู่หัวข้อสนทนา เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกผิดสังเกต หรือเริ่มมองเห็นเหงื่อกาฬที่ผุดขึ้นมาตามหน้าผากและฝ่ามือของเขา

“แล้วยังไงต่อครับ นางเอกกลับชาติมาเกิดแล้วพบรักพระเอกลูกครึ่งสุดหล่ออีกครั้ง?” ชายหนุ่มพยายามดึงหญิงสาวกลับเข้าสู่เรื่องที่กำลังสนทนา

“นางเอกชื่อ… ค่ะ” แพรรภัสพูดถึงชื่อหนึ่งออกมา จากนั้นก็เล่าต่อ “เธอเป็นอาจารย์สอนทอผ้าชาวไทย เธอเดินทางมาเที่ยวคนเดียวแล้วถูกฝรั่งขี้เมากลุ่มหนึ่งแซว พระเอกสุดหล่อผ่านมาพอดีก็เลยเข้ามาช่วย แล้วก็ปิ๊งปั๊งกันตรงเชิงทางขึ้นพระธาตุพูสีนี่ล่ะค่ะ” แพรรภัสเล่าต่ออย่างสนุกสนาน

“ใช่ที่เรายืนกันอยู่นี่หรือเปล่าครับ… ที่ที่พระเอกกับนางเอกเขาพบรักกัน” ชาวหนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้นแล้วก็รู้สึกขัดเขินทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองเอ่ยอะไรออกไป

ราวกับเวลาหยุดนิ่ง เหมือนโลกนี้มีเพียงแค่เธอและเขา… แพรรภัสเงยหน้ามองริมฝีปากบางได้รูปของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วเลยไปถึงดวงตาที่ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกในใจได้เลยแม้สักนิด

“ประ… ประมาณนั้นล่ะค่ะ” หญิงสาวรู้สึกประหม่า… นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับเพื่อนต่างเพศ

หากน่าเสียดาย… หล่อนคิด… เสียดายที่ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นช้าเกินไป… เสียดายที่หัวใจของหล่อนจะมีเวลาโบยบินอย่างอิสระนั้นเหลือน้อยลงทุกที

และก่อนที่ทั้งสองจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นวาจาได้ไปมากกว่านี้ เสกวสันต์จึงเอ่ยชักชวนหญิงสาวให้เดินขึ้นไปสักการะพระธาตุซึ่งอยู่ด้านบน

“ไปต่อเถอะครับคุณแพรว เดี๋ยวมืดซะก่อนจะไม่ทันได้เห็นวิวสวยๆ บนพูสี”

จากนั้นทั้งสองจึงเริ่มเดินขึ้นสู่ยอดพระธาตุพูสีไปด้วยกัน ในขณะที่ชายหนุ่มชี้นั่นชี้นี่ พร้อมกับถ่ายภาพบรรยากาศโดยรอบ หญิงสาวก็เล่าเรื่องราวในนิยายเล่มโปรดให้เขาฟังไปตลอดทาง

‘มีความสุข… นางเอกในนิยายเรื่องโปรด ก็คงมีความสุขเฉกเช่นเดียวกันกับเราในตอนนี้…’

แพรรภัสคิดพลางเดินอมยิ้ม จนกระทั่งทั้งสองเดินไปถึงยังจุดสูงสุดของเมืองหลวงพระบาง



Don`t copy text!