
ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 20 : กงล้อเวียนบรรจบ
โดย : สิรี กวีผล
ยามเสียงเพรียกหา นวนิยายจากโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 โดย สิรี กวีผล เรื่องราวความหลงใหลในเสียงดนตรีและความเข้าใจผิดจนกลายเป็นแรงอาฆาตแค้น บทเพลงรักจะกลายเป็นบทเพลงแค้น ทำนองรักจะกลายเป็นเศร้าเคล้าน้ำตาอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์ anowl.co
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องเก็บเครื่องดนตรีเก่า เสียงลมหายใจที่ดูบางเบากลับกลายเป็นเสียงที่ดังที่สุดในความเงียบ แสงสว่างภายนอกค่อยๆ ลับขอบฟ้า จันทราเข้าแทนที่ ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ สลิลทิพย์คิดถึงคีตะจับหัวใจ ในจังหวะเดียวกับที่คีตะก็กำลังคิดถึงสลิลทิพย์สุดหัวใจเช่นเดียวกัน เขาและเธอรู้แล้วว่าทำไมคำสาปถึงกลับมาเล่นงานครอบครัวของเขา และทำไมเขาถึงย้อนอดีตได้
“เพราะหนูกับคีร์เคยเป็นคนรักเก่าในชาติที่แล้วค่ะคุณพ่อ” สลิลทิพย์เล่าเหตุการณ์ที่ตนเองเห็นให้สุทธิภัทรและทุกคนฟัง ความเป็นมาที่ดูน่าเหลือเชื่อ กงล้อแห่งกรรมและบ่วงแห่งเวรได้หมุนกลับมาบรรจบกันอีกครั้ง ทุกคนได้วนเวียนกลับมาพบกันในชาตินี้
“คุณพ่อลองเล่นอีกครั้งได้ไหมคะ เผื่อหนูจะเห็นอะไรมากขึ้น” สลิลทิพย์คาดหวังว่าจะได้เห็นเรื่องราวในอดีตชาติของตนเอง และอยากรู้เรื่องคำสาปที่ทำให้คีตะหายตัวไป
สุทธิภัทรเล่นทำนองตามโน้ตเพลงในกระดาษอีกครั้งหนึ่ง สลิลทิพย์พยายามนึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งพบเห็นเมื่อสักครู่ เธอคาดหวังว่าเสียงเพลงจะนำเธอไปต่อ
“ทิพย์” คีตะมองเห็นสลิลทิพย์ยืนอยู่ตรงหน้า สลิลทิพย์ได้ยินเสียงคีตะเรียกก็ลืมตาขึ้น ครั้งนี้ทุกคนในห้องรวมทั้งสุทธิภัทรที่กำลังเล่นซอด้วงอยู่ก็ได้ยินเสียงคีตะ
“คีร์” สลิลทิพย์พยายามวิ่งเข้าไปหาคีตะ แต่กลับกลายเป็นเพียงหมอกควันที่ทำให้เธอทะลุตัวเขาไปเท่านั้น คีตะมองสลิลทิพย์ที่ทะลุเขาไป คีตะเห็นทุกคนอยู่ในห้องเก็บเครื่องดนตรีเก่า
“ลูก ลูกอยู่ที่ไหน แม่จะไปช่วยคีร์” คีตกานต์พยายามจะเข้าไปเช่นเดียวกับสลิลทิพย์ แต่คณินทร์จับตัวไว้ก่อนที่ม่านหมอกนั้นจะหายไปเหมือนไม่เคยมีสิ่งใดอยู่ตรงหน้า
“ผมว่าโน้ตเพลงนี้แหละที่จะช่วยน้องได้ แต่มันน่าจะต้องมีอะไรมากกว่านี้” คณณัฐหันไปหาสลิลทิพย์ “น้องทิพย์ เมื่อกี้น้องทิพย์บอกว่าได้ยินบทกลอน จำได้ไหมว่าร้องว่าอะไร” สลิลทิพย์พยายามนึก เธอหยิบกระดาษและดินสอขึ้นมาเพื่อจะเขียนในสิ่งที่ได้ยิน
สายทำนอง ดีดสี สะกดจิต เพียงสายพิณ สายนี้ สะกดรัก
สลักจิต ประทับทรวง มิแปรพักตร์ สลักรัก สายซอพี่ คู่สายพิณ
“ถ้าเราลองเล่นซอด้วงพร้อมกับร้องกลอนนี้ อาจจะทำให้ลูกเรากลับมา” คณินทร์คิดว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
“แม่ร้องให้เอง” คีตกานต์เสนอตัว
“ทิพย์เองดีกว่าค่ะคุณป้า กลอนนี้เหมือนจะเขียนให้ผู้หญิงที่ชื่อสายพิณ ถ้าเธอคนนั้นคือหนูจริงๆ ให้หนูลองนะคะ”
เสียงซอด้วงโบราณดังกังวาน แม้เส้นเสียงบางเสียงจะแหลมจนบาดหู แต่ยังคงความไพเราะในท่วงทำนอง ขับประสานกับกลอน สลิลทิพย์ร้องกลอนเป็นทำนองเสนาะเข้ารับกับซอด้วงอย่างงดงาม จังหวะนั้นมีเงารางๆ สีดำค่อยๆ ปรากฏขึ้น ยิ่งขับร้องประสานเสียงซอด้วง ร่างนั้นชัดเจนขึ้นกลายเป็นร่างของชายหนุ่มแปลกหน้า ดวงตาลึกโบ๋ ผอมแห้ง ดูทรุดโทรม ความหล่อเหลาแบบชายไทยโบราณพอมีปรากฏให้เห็นอยู่เล็กน้อย
“พวกแกไม่มีวันจะได้มันกลับไป!”
ร่างนั้นเอ่ยพูดอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาอาฆาตแค้น พลันสบตากับสลิลทิพย์มีแววตาเศร้าสลดอยู่ผิวเผิน ด้านหลังของชายแปลกหน้าคล้ายมีพลังอำนาจบางอย่างที่จำกัดพื้นที่ให้คีตะอาศัยอยู่ พื้นที่นั้นเหมือนเป็นห้องโบราณห้องหนึ่งมีหน้าต่างที่แง้มออกพอให้เห็นด้านหลังที่คล้ายพื้นที่สวนหรือป่าสักแห่งหนึ่ง
คีตกานต์ยืนนิ่งจับมือคณินทร์อย่างหวาดกลัว เธอรู้แน่ชัดว่าชายคนนี้ไม่ได้มาดีกับครอบครัวของเธอแน่ๆ คณณัฐไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาวิ่งเข้าไปหมายจะจัดการชายแปลกหน้า แต่กลับถูกแขนอันแข็งแรงเหวี่ยงเข้าเต็มๆ จนกระเด็นไปชนผนังห้องจนพื้นสั่น คีตกานต์รีบรุดไปดูลูกชาย คณินทร์พยายามมองหาช่องโหว่ที่พอจะช่วยลูกๆ ของเขาได้
“พี่ณัฐ” คีตะตะโกนออกมาจากอีกโลกหนึ่ง เขาพยายามทั้งวิ่ง ทั้งดันตัวเองให้ออกมาจากอำนาจของเที่ยง
“แกจะทำอะไร ต้องการอะไร” คีตกานต์หันไปถามชายแปลกหน้า
“เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด คนทรยศอย่างพวกมันต้องชดใช้” เที่ยงหัวเราะสะใจ พลันเสียงซอด้วงจบลงสุทธิภัทรเหมือนแกะมือออกจากซอด้วงไม่ได้ เขาพยายามจะวางลงแต่วางเท่าไรก็วางไม่ได้
“มันเป็นคำสาป คนที่จับซอด้วงของข้า จะต้องเล่นมันไปตลอดชีวิต” สลิลทิพย์เข้าไปช่วยพ่อ
“สายพิณ” เที่ยงหันมาหาสลิลทิพย์ “ไปอยู่กับพี่เถอะนะสายพิณ พี่รักพิณ รอพิณมานานแล้ว” เที่ยงพยายามจะเข้ามากอดสลิลทิพย์ สลิลทิพย์กระเถิบหนีจากมือของเขา
“หึ! ข้ามันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรือ” แววตาอาฆาตของเที่ยงจ้องมาที่สลิลทิพย์ เธอเริ่มกลัว
“อย่ายุ่งกับทิพย์นะ ครูเที่ยง” คีตะตะโกนออกมา ทุกคนรู้แล้วว่าชายแปลกหน้าคนนี้คือเที่ยง หรือ ครูเที่ยงเพื่อนสนิทของปู่นพ
“ครูเที่ยง?” สลิลทิพย์พยายามนึก “พี่เที่ยง”
“สายพิณมากับพี่ พี่จะให้พิณทุกอย่าง พิณจะอยู่อย่างสุขสบาย พี่จะทำให้พิณมีความสุข” เที่ยงพยายามโน้มน้าวสลิลทิพย์ เขาเดินเข้าใกล้ สลิลทิพย์ขยับตัวไม่ได้เหมือนโดนมนตร์สะกดอยู่ เที่ยงเอามือค่อยๆลูบใบหน้าเธออย่างโหยหา ใบหน้าของเขาซุกอยู่ใกล้แก้มของเธอ สลิลทิพย์หลับตาพยายามเบือนหน้าหนี เที่ยงเห็นอาการของสายพิณก็ยิ่งโมโห
“เพราะข้าไม่ใช่มัน ข้ามีอะไรสู้มันไม่ได้” เที่ยงจับตัวสลิลทิพย์เขย่าอย่างแรงหมายจะเค้นหาคำตอบ คีตะทนไม่ไหว เขารวบรวมกำลังครั้งสุดท้ายเพื่อจะออกมาช่วยคนรัก คีตะถีบหน้าต่างบานเล็กจนหลุด ทำลายข้าวของเพื่อหาทางออก ทันใดนั้นคณินทร์เห็นจี้พระจากกระเป๋าเสื้อของคณณัฐจึงรีบพูดขึ้น
“พ่อยืมหน่อยนะลูก” คณินทร์หยิบจี้พระจากกระเป๋าเสื้อของคณณัฐปาใส่เที่ยง
“โอ๊ย…” เสียงร้องของเที่ยงดังขึ้น เขาทุรนทุรายปวดแสบปวดร้อน แสงสีส้มคล้ายเปลวไฟกำลังคลอกเที่ยงอยู่ ไม่นานนักจี้พระนั้นกลับตกลงที่พื้น พลันพริบตาเดียวสลายหายไปเป็นผุยผง แต่ในจังหวะเดียวกับที่จี้พระได้โดนตัวเที่ยง คีตะก็สามารถหลุดออกมาจากอำนาจสะกดของเที่ยงได้อย่างทันท่วงที สลิลทิพย์รับร่างคีตะไว้ ทั้งสองกอดประคองกัน เที่ยงเห็นภาพนั้นก็ยิ่งโมโห พลังอาฆาตแค้นของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสลายหายไป
“กูจะฆ่ามึงไอ้นพ กูจะฆ่าพวกมึงทั้งคู่” ใบหน้าของเที่ยงสยดสยอง ใบหน้าของเขาเหลือเพียงด้านเดียว อีกด้านที่โดนพุทธคุณกลับกลายเป็นหนังติดกระดูกและดวงตาลึกโบ๋สีขาวเผยให้เห็นเส้นเลือดสีแดงที่ร้อยเรียงเพื่อยึดลูกตาไว้
“ลูกชายฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย อย่าแตะต้องพวกเขา” คณินทร์เข้ามาขวางอยู่หน้าคีตะและสลิลทิพย์ เที่ยงไม่สนใจแม้แต่จะฟัง เหมือนเสียงของคณินทร์เป็นเพียงแค่อากาศผ่านเขาไปเท่านั้น คณินทร์สู้กับเที่ยง พยายามให้คีตะและสลิลทิพย์หนีไป ร่างของคณินทร์ถูกเหวี่ยงไปชนประตูที่อยู่อีกฟากหนึ่งเสียงดังสนั่น คณินทร์หมดสติ คีตกานต์ คณณัฐที่เจ็บแขนรีบเข้าไปดูอาการพ่อ
“พูดมากน่ารำคาญ แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยปิดประตูให้” เที่ยงสะใจที่เหวี่ยงคณินทร์ไปถึงประตู เจตนาเขาไม่ต้องการให้ใครหนีเขาไปได้อีก ร่างของคณินทร์ช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
“ไอ้ผีชั่ว” คณณัฐโกรธมากหมายจะเข้าไปทำร้าย เที่ยงคว้าคอคณณัฐด้วยมือเดียว ร่างของเขาลอยเหนือพื้น
“ปล่อยลูกชายฉันนะ” คีตกานต์ตะโกนร้องขอ พยายามจะเข้าไป คีตะและสลิลทิพย์เข้ามาห้ามแม่ไว้ เที่ยงหัวเราะสะใจที่เขามีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง คณณัฐพยายามแกะมือของเที่ยงออก มือของเขาพยายามต่อยเที่ยง ร่างกายของเขาดิ้นพล่าน แรงใกล้จะหมดลงทุกที ใบหน้าของคณณัฐเริ่มเปลี่ยนสี ร่างกายเริ่มหยุดนิ่ง
“จะเอาชีวิตผมก็เอาไปเลย” คีตะเดินเข้าไปหาเที่ยงอย่างไม่เกรงกลัว เที่ยงมองหน้าคีตะมือของเขาคลายออกจากคอคณณัฐ ร่างไร้สติของเขาตกลงที่พื้น คีตกานต์รีบเข้าไปดู คณณัฐแค่สลบไปเท่านั้น รอบคอของเขามีร่องรอยของการถูกบีบคออย่างรุนแรงเป็นรอยแดงนูนชัดเจน
“คีร์ลูกอย่าไปยอมมันนะ” คีตกานต์ร้องไห้ปานจะขาดใจ
“ถ้าจะเอาชีวิตคีร์ไป ก็เอาฉันไปด้วย” สลิลทิพย์เดินเข้าไปจับมือคีตะ คีตะตกใจมาก
“ทำอะไรน่ะทิพย์”
“ทิพย์ไม่สน ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน” คีตะมองหน้าสลิลทิพย์อย่างหวานซึ้ง ในใจของเขาพองโต มือทั้งสองกุมกันไว้อย่างแนบแน่น จนไม่ว่าใครก็ไม่สามารถจะสลัดมือคู่นี้ออกจากกันได้ เที่ยงมองทั้งสองคนด้วยแววตาโกรธแค้น
“ไอ้เพื่อนทรยศ” เที่ยงพุ่งเข้ามาจะเอาชีวิตทั้งสองคน
สุทธิภัทรเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เขาไม่สามารถทำอะไรผีตนนี้ได้เลย สุทธิภัทรมองซอด้วงโบราณในมือ ตาก็พลันชะงักสังเกตเห็นบางอย่างที่ด้ามคันชัก คล้ายเป็นตัวอักษรแกะสลักจางๆ เขายกขึ้นมาดูใกล้ๆ
โน้ตเพลงขจัดวิญญาณได้
สุทธิภัทรไม่รอช้า เขานั่งพับเพียบจัดท่าทาง วางซอด้วงบนตักกระชับซอด้วงให้ถนัดมือ คันชักเข้ามือถนัด เสียงเพลงจากซอด้วงดังขึ้น โน้ตเพลงถูกเล่นอีกครั้ง สุทธิภัทรหลับตาลง จิตวิญญาณของความเป็นครูเพลงถูกส่งผ่านบทเพลงนี้ เที่ยงได้ยินทำนองเพลงจากซอด้วงของตัวเองก็หยุดชะงัก วิญญาณของเขาเริ่มอ่อนกำลัง ร่างกายของเขาไม่ขยับเขยื้อนอย่างที่ใจคิด
“ทำไมเป็นอย่างนี้” เที่ยงมองสุทธิภัทรหมายจะเข้าไปทำร้าย แต่กลับมีเกราะบางๆ คอยปกป้องเขาอยู่ในยามที่เขากำลังเล่นซอด้วง ท่วงท่าของสุทธิภัทรประจักษ์กับสายตาของเที่ยง ร่างของสุทธิภัทรเหมือนเขาในยามที่กำลังสอนดนตรีให้เด็กๆ
‘เพราะจิตวิญญาณความเป็นครูงั้นเหรอ’ เที่ยงนึกแล้วถึงกับหัวเราะขัน เพราะครั้งหนึ่งเขาเองก็หลงใหลในความเป็นครู ที่ต้องการจะอนุรักษ์ สืบทอด และส่งต่อดนตรีไทยให้กับคนรุ่นหลัง เที่ยงไม่ยอมแพ้ เขานั่งลงกับพื้นในมือมีซอด้วงคู่ใจ เที่ยงสีซอด้วงแข่งกับสุทธิภัทร จนสุทธิภัทรกระอักเลือด ซอด้วงในมือเขาหล่นลงกับพื้น เสียงเพลงหยุดเงียบไป คีตะ สลิลทิพย์รีบเข้าไปดูสุทธิภัทร
“พ่อคะ”
“ไม่เป็นอะไรลูก พ่อแค่เหนื่อยนิดหน่อย” สุทธิภัทรดูอ่อนแรงมาก
“นี่แหละคือผลของพวกที่ทรยศดนตรีไทย มึงไม่มีวันชนะดนตรีไทยของกูหรอก” ใบหน้าสยดสยองของเที่ยงมองเหยียดมาที่สุทธิภัทร
“ไม่มีใครทรยศดนตรีไทยหรอกนะครูเที่ยง” คีตะพยายามอธิบาย
“ทำไมจะไม่มี มึงไงไอ้นพ ไอ้เพื่อนชั่ว มึงหันไปเล่นดนตรีฝรั่ง ชักจูงพวกฝรั่งเล่นดนตรีไทยทำดนตรีไทยแปดเปื้อน แถมยังเป่าหูสายพิณให้หันไปรักไปชอบอย่างที่มึงชอบ”
“ดนตรีไม่มีพรหมแดนนะครูเที่ยง ความรัก ความชอบขึ้นอยู่กับแต่ละคน”
“มึงก็พูดได้ วันนั้นมึงหันหลังให้กู มึงทิ้งเพื่อนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับมึงไปหาไอ้พวกฝรั่ง มึงทิ้งให้กูตาย”
“ครูนพเขารู้สึกผิดต่อครูเที่ยงมาตลอดเลยนะครับ”
“มึงจะไปรู้อะไร”
“จริงนะคะ ครูนพรักครูเที่ยงมาก ครูนพรู้สึกผิดมาตลอดที่ทะเลาะกับครูเที่ยงจนต้องแยกจากกัน วันที่เราไปหาครูเที่ยง ก็เพราะครูนพอยากจะไปปรับความเข้าใจ”
“มันต้องมีอะไรให้เข้าใจ มันไม่เคยฟังอะไรกู”
“ใครกันแน่ที่ไม่ฟัง” คีตะทนไม่ไหว “หลังจากที่ครูเที่ยงสาปแช่งครูนพแล้วหมดสติไป ครูนพนี่แหละที่เป็นคนพาครูเที่ยงไปหาหมอ รีบตามหมอมารักษา”
“รักษาข้าไปทำไม ไม่มีข้า มันก็จะได้สายพิณอย่างที่มันต้องการ” เที่ยงยังคงเถียงหัวชนฝา
“ไม่จริง ครูนพเสียใจมากที่ช่วยชีวิตครูเที่ยงไว้ไม่ทัน หลังจากนั้นเขาบอกเลิกกับครูสายพิณ ครูนพลาไปบวชให้ครูเที่ยงอยู่หลายพรรษา แต่เมื่อเจ้าคุณนรพงศ์เสียชีวิต ครูนพจำเป็นต้องกลับมาดูแลดนตรีไทย ดูแลทุกคนแทนเจ้าคุณฯ” คีตะเล่าเหตุการณ์ที่ตนเองได้เห็นมาหลังจากเที่ยงเสียชีวิตให้เขาฟัง
“ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ” เที่ยงแววตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ยึดลูกตาไว้ปูดโปนจนน่ากลัว เส้นเลือดทุกเส้นเหมือนกำลังจะระเบิดออก ความอาฆาตแค้นกำลังต่อสู้อยู่กับความจริงที่ได้ยินจากนพที่กลับชาติมาเกิด ความรักของเพื่อนที่กอดคอ วิ่งเล่น ร้องไห้ หัวเราะมาด้วยกันประดังประเดเข้ามาในความคิดของเขา
“แต่มึงทำให้ข้าต้องตาย มึงพรากดนตรีไทยไปจากกู พรากสายพิณไปจากกู”
ลมกระโชกแรงคล้ายมีพายุขนาดใหญ่กำลังก่อตัวอยู่ในห้องเก็บเครื่องดนตรีเก่า เอกสารหนังสือ กรอบรูป แม้กระทั่งตู้โชว์ทั้งหลายปลิวว่อนไปทั่ว แรงอาฆาตของเที่ยงรุนแรงเกินกว่าใครจะต้านทานไหว
“ครูเที่ยงลองดูสิครับ แม้จะผ่านไปหลายสิบ หลายร้อยปี พวกผม…ทุกคนในห้องนี้ต่างยังคงอนุรักษ์ สืบสานดนตรีไทยกันอยู่ ทุกคนยังเล่นดนตรีไทยที่ครูเที่ยงรัก และถ่ายทอดมาให้พวกเราอยู่เลย” คีตะตะโกนแข่งกับแรงอาฆาตของเที่ยง เขาพยายามเกลี้ยกล่อมครูเที่ยงที่เขารัก คีตะมองเห็นความอ่อนโยนของเขา แม้จะเป็นภาพลวงตาที่เที่ยงสร้างขึ้นมาก็ตาม
คณินทร์ได้สติขึ้นมาก็ค่อยๆ ก้มตัวคลานเข้ามาหาภรรยาและลูก คณินทร์พยายามปลุกคณณัฐให้ได้สติ คีตกานต์หมดหนทางไม่รู้จะทำยังไงดี สุทธิภัทรนั่งพิงกำแพงอยู่ เห็นพายุแห่งความอาฆาตแค้นกำลังก่อตัวโอบตัวคีตะกับสลิลทิพย์
“ถ้าโน้ตเพลงนั้นทำให้ผีตนนี้อ่อนกำลังได้จริง แค่ซอด้วงตัวเดียวไม่น่าเอาอยู่” สุทธิภัทรพูดไปด้วยไอเป็นเลือดไปด้วย คีตกานต์รีบลูบหลังให้เขา
“ถ้าเราเล่นหลายๆ เครื่องล่ะ” คีตกานต์เสนอ คณินทร์มองหน้าสุทธิภัทร ทั้งสามพยักหน้าให้กัน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 20 : กงล้อเวียนบรรจบ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 19 : สาสน์สั่งเสีย
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 18 : ทำนองที่หายไป
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 17 : เงาแค้นคืบคลาน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 16 : ความรักที่ซุกซ่อน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 15 : แรงอาฆาตหวนคืน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 14 : กลับบ้าน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 13 : ม่านบังตา
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 12 : กงล้อแห่งกาลคำสาป
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 11 : จิตใต้สำนึก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 10 : บทเพลงท่อนสุดท้าย
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 9 : ร้องบรรเลงเพลงประสาน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 8 : ตัวโน้ตที่เปลี่ยนแปลง
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 7 : ความลับต่างภพ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 6 : เรือนการเวก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 5 : เรื่องเร้นที่ซ่อนลับ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 4 : บทเพลงแห่งรัก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 3 : อัฏฐกรเมธา
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 2 : เสียงเพรียกจากอดีต
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 1 : ซอสะอื้น