
ยาใจด้วยรัก บทที่ 12 : ถ้าเป็นแผลที่ใจก็ต้องรักษา
โดย : ลิลนิล
![]()
ยาใจด้วยรัก โดย ลิลนิล เรื่องราวฟีลกู้ดของสาวไทป์แมวดำและเด็กหนุ่มไทป์หมาโกลเด้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น นวนิยายโรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่นหัวใจ ดราม่า ที่อ่านเอาเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะมอบความสุขให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน
ภายในห้องสีขาวที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอ่อน หญิงสาวนั่งบนเก้าอี้เบาะนุ่ม ตรงข้ามกับนายแพทย์อรรถกร ชายวัยกลางคนอายุราว 40 เศษ ท่าทางเคร่งขรึมแต่ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
เพราะการดูแลตัวเองอย่างดี ทำให้เขาแลดูเด็กกว่าอายุ ชายวัยกลางคนเปิดสมุดประวัติของหญิงสาวพร้อมกับกระชับปากกาในมือ
“เอาละ วันนี้เป็นยังไงบ้าง” เจ้าของชุดกาวน์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง
“หลังจากได้นอนก็ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ ตอนนี้กินอาหารอ่อนๆ ได้บ้าง เริ่มมีแรงเดิน” เบสต์บอกเล่าความเป็นไปของเธอที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
“อืม…มีอะไรอยากเล่าให้หมอฟังไหม”
หญิงสาวอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอพยายามลำดับเหตุการณ์และความคิดเท่าที่จะสามารถทำได้
“ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาโดนไล่ออกจากงานค่ะ ทั้งที่พยายามมาตลอด…เราเชื่อว่าถ้าเราพยายาม สักวันจะต้องมีวันของเรา แต่ความจริงมันไม่ใช่ค่ะ ถึงจะพยายามเท่าไหร่ เราก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จอยู่ดี…มันเหนื่อยแล้วก็ท้อ…พอคิดว่าพอแล้วละ… ‘ยอมแพ้’ ในหัวมันก็เหมือนได้ยินเสียงคลิกขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลยค่ะ”
เบ้าตาของหญิงสาวเริ่มร้อนผะผ่าวก่อนที่น้ำใสๆ จะเอ่อล้น เธอพยายามเล่าต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ที่เสียใจที่สุดก็คือเพื่อนสนิทกับหัวหน้าที่เราไว้ใจรวมหัวกันหักหลัง เบสต์กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ในหัวคิดแค่ว่าอยากหายไปตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเลย…”
น้ำตาพรั่งพรูออกมาเหมือนเขื่อนที่พังทลาย หญิงสาวหยิบกระดาษทิชชูจากกล่องซึ่งถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะของแพทย์ขึ้นมาซับหยดน้ำที่หลั่งไหลออกจากดวงตา
“อ่าว ถึงกับร้องไห้เลย” อรรถกรจรดปากกาเขียนบางอย่างลงในบันทึก
“ที่ผ่านมาการนอนเป็นยังไงบ้าง”
“เบสต์นอนไม่ดีมาหลายปีแล้วค่ะ เพราะงานเยอะมาก บางวันก็ทำงานโต้รุ่งติดต่อกัน แต่บางครั้งมันก็นอนไม่หลับของมันเอง” หญิงสาวเล่าเรื่องราววิถีชีวิตตลอดหลายปีของเธออย่างไม่ปิดบัง
“ได้ออกกำลังกายบ้างไหม” แพทย์ยังคงถามต่อ
“ไม่เลยค่ะ”
“ครอบครัวล่ะ”
เมื่อถึงคำถามนี้หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งจนจิตแพทย์สังเกตได้ แต่เขาไม่ได้ทักหรือว่าอะไร เพียงแค่รอฟังคำตอบอย่างให้เวลาคนไข้เท่านั้น
“แม่กับพ่ออยู่เชียงใหม่ค่ะ มีพี่ชายคนนึงกำลังทำงานอยู่ต่างประเทศ”
“เรากับที่บ้านเข้ากันได้ดีไหม”
“ไม่รู้สิคะ…”
หลังจากซักประวัติและให้คนไข้ได้ระบายความอัดอั้นออกมาอย่างเต็มที่ เขาจดบันทึกเรื่องราวทั้งหมดลงในสมุด เนื้อหาเป็นลำดับเหตุการณ์ตามความเป็นจริงในมุมมองของผู้เล่า เพียงแต่รูปประโยคนั้นตัดเรื่องอารมณ์ความรู้สึกออกไป เมื่อเสร็จสิ้น เขาวางปากกาลงก่อนเริ่มต้นให้คำแนะนำ
“เริ่มแรกเลยนะ เราต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก่อน การอดนอนในระยะเวลานานมีผลต่อสารเคมี ในสมอง แล้วจากที่ฟังหมอว่าเรามีปัญหาเรื่องการนอนมานานแล้วน่ะนะ” อรรถกรกล่าวอย่างใจเย็น
“ช่วงนี้เบสต์ตกงานด้วยค่ะ เป็นกังวลมากเลย ไม่รู้ว่าคนอย่างเราจะหางานใหม่ได้รึเปล่า” เธอพูดเรื่องที่เป็นปัญหาวนเวียนอยู่ในหัวไม่จบไม่สิ้น
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก งานค่อยๆ หาไปเดี๋ยวก็มีเอง” เขาว่าพลางคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ข้างตัว“หมอจะให้ยาไปสองตัวนะ ตัวนึงจะช่วยตัดความคิดฟุ้ง กับอีกตัวจะช่วยเรื่องการนอน แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะติดเพราะไม่ใช่ยานอนหลับ กินอย่างละหนึ่งเม็ดตอนสองทุ่มนะ จากนั้นให้เตรียมตัวแล้วพยายามเข้านอนตอนสี่ทุ่มให้ได้ อาทิตย์หน้าเดี๋ยวเราเจอกันใหม่”
นายแพทย์ว่าจบแล้วกดกริ่งส่งสัญญาณบอกพยาบาลว่าเสร็จสิ้นการวินิจฉัย หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณก่อนก้าวเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็พลันสบตากับภพที่นั่งรออยู่
“โห ตาบวมมาเชียว” เขาเอ่ยแซวขึ้นเมื่อเห็นสภาพของหญิงสาว เบสต์จึงรีบเอามือขยี้ตา ปกปิดสภาพ น่าเวทนาของตัวเอง
“เหยพี่อย่าขยี้ เดี๋ยวริ้วรอยก็ถามหาหรอก ไปล้างหน้าในห้องน้ำไป” เขาว่าพลางผลักหลังของหญิงสาวตรงไปยังห้องน้ำพร้อมเอ่ยถามเรื่องสำคัญ
“ชื่อจริงชื่ออะไรเดี๋ยวไปรับยาให้”
“มันทนพร ถ้าถึงคิวแล้วเอาเงินพี่ไปจ่ายนะเข้าใจไหม” เธอว่าพลางหยิบแบงก์พัน 3-4 ใบยัดใส่มือของเด็กหนุ่ม
“ค้าบ ค้าบ” เขารับแบบกวนๆ หญิงสาวทำหน้าบูดบึ้งแต่ในใจกลับรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากล้างหน้าล้างตาและชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อย ในขณะที่ทั้งสองกำลังรอรถแท็กซี่เพื่อออกจากโรงพยาบาล ภพเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วพบว่านี่เพิ่งบ่ายสองโมงกว่าๆ เท่านั้น
“พี่มีธุระอะไรต่อไหม” เขาเอ่ยถาม
“ไม่มีนะ ก็ว่าจะกลับบ้านนี่แหละ”
“พี่สนใจเอามือถือไปซ่อมไหม”
ได้ยินดังนั้น เบสต์เพิ่งระลึกได้ว่าเธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เพราะหญิงสาวไม่ได้อยากจะโทร.หาใครหรือเข้าเล่นโซเชียลมีเดีย เธอเลยไม่ได้หยิบมันขึ้นมาใช้นับแต่วันนั้น เบสต์ค้นกระเป๋าถือที่ใช้ประจำแล้วปรากฏว่าเธอพกมือถือติดตัวตลอดเวลาตามความเคยชิน เมื่อรถแท็กซี่จอดเทียบตรงที่พวกเขายืนอยู่ จุดหมายปลายทางจึงเปลี่ยนจากที่พักอาศัยเป็นห้างสรรพสินค้าแทน
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 12 : ถ้าเป็นแผลที่ใจก็ต้องรักษา
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 11 : โพสต์อิท
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 10 : แค่อยู่ข้างๆ กันก็พอ
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 9 : ความห่วงใยของคนแปลกหน้า
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 8 : คนข้างห้อง
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 7 : ความฝันที่กินไม่ได้
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 6 : หลุมดำในใจ
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 5 : ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียง
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 4 : ความล้มเหลวของความพยายาม
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 3 : บ้านที่ไม่อยากกลับ
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 2 : ออฟฟิศที่อยู่กันแบบครอบครัว
- READ ยาใจด้วยรัก บทที่ 1 : การพบกันครั้งแรกของกลางคืนและกลางวัน
- READ ยาใจด้วยรัก : บทนำ








