ม้าฮ่อ ขนมจีนซาวน้ำ ส้มฉุน ขนมเหนียว สารพันเมนู อาหารไทยโบราณ ที่ เดอะ ระวีกัลยา ไดนิ่ง

ม้าฮ่อ ขนมจีนซาวน้ำ ส้มฉุน ขนมเหนียว สารพันเมนู อาหารไทยโบราณ ที่ เดอะ ระวีกัลยา ไดนิ่ง

โดย : วรัญญู อินทรกำแแหง

ภาพ อนุวัฒ เสนีย์วงศ์ ณ​ อยุธยา

Loading

เนื่องจากวิถีชีวิตคนในปัจจุบันนั้นช่างเร่งรีบ ทำให้ไม่มีเวลาประดิดประดอยปรุงอาหารอย่างพิถีพิถันเหมือนในสมัยก่อน รสชาติและอาหารบางจานจึงเริ่มถูกลืมเลือนและหารับประทานได้ยากยิ่ง แต่ถ้านึกอยากจะลิ้มรสเมนูอาหารไทยโบราณเหล่านี้แล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้มาที่ เดอะ ระวีกัลยา ไดนิ่ง ห้องอาหารของ โรงแรม เดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก ซึ่งรวบรวมอาหารไทยโบราณในวันวานหลากหลายเมนู ซึ่งหาลิ้มรสได้ยากนำมาไว้ให้บริการในที่เดียว

แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องกิน ขอแนะนำความน่าสนใจของสถานที่กันเสียก่อน โรงแรมเดอะ ระวีกัลยา แบงค็อก นั้นมีความเป็นมาที่น่าสนใจ เนื่องจากเดิมเคยเป็นเรือนพักอาศัยของ ‘พระนมทัต พึ่งบุญ ณ อยุธยา’ พระนมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และเมื่อโรงแรมบูติกจำนวน 38 ห้องแห่งนี้เปิดให้บริการ จึงได้นำคอนเซ็ปต์ของสถาปัตยกรรมการตกแต่งในสมัยนั้นมาปรับใช้ รวมถึงห้องอาหารที่นำเอาคอนเซ็ปต์ ‘อาหารจากรสมือของพระนมทัต’ ขึ้นมาเป็นจุดเด่น หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารไทยรสชาติและบรรยากาศดี  อ่านเอาขอนำเสนอให้ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจครับ

 

สวนสวยร่มรื่น

น่านั่งพักรับประทานอะไรเบาๆ พร้อมจิบน้ำชา หรือเครื่องดื่มเย็นใจ

การตกแต่งภายในห้องอาหาร สไตล์ไทยร่วมสมัยนั่งสบาย

สารพันเมนูอาหารไทยโบราณจานเด่น

อย่างที่บอกว่าห้องอาหารแห่งนี้รวบรวมเอาเมนูอาหารโบราณที่รับประทานได้ยากเอาไว้  ซึ่งแต่ละเมนูต่างก็มีทั้งกรรมวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถัน และมีเรื่องราวที่น่าสนใจ

ม้าฮ่อ

ม้าฮ่อ (180 บาท) ของว่างโบราณรสเปรี้ยวหวานสดชื่น ปัจจุบันโดยมากเราเห็นว่าใช้ส้ม หรือถ้าสมัยใหม่หน่อยก็เลือกใช้ผลไม้ต่างประเทศอย่างกีวี่ แต่ที่ครัวระวีกัลยาเลือกใช้สับปะรดหอมสุวรรณรสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี ตัดรสกับเครื่องด้านบนที่ทำมาจากหมูสับ กุ้งสับ ถั่วลิสงคั่ว และหอมแดงผัดกับเครื่องเทศ แม้จะมาในขนาดกระจุ๋มกระจิ๋มพอดีคำ แต่เมื่อนับจำนวนแล้วก็ไม่น้อยเลย แถมรสเปรี้ยวตัดหวานกำลังดี ช่วยเรียกความอยากอาหารได้ดีมาก เหมาะสำหรับเรียกมาเป็นจานเรียกน้ำย่อย หรือเป็นของว่างยามบ่ายก็กำลังดี

ขนมจีนซาวน้ำ

ขนมจีนซาวน้ำ (290 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูไทยโบราณที่หากินได้ยาก สูตรของที่นี่มีทีเด็ดอยู่ตรงที่เส้นขนมจีนซึ่งครัวระวีกัลยาทำกันเองสดๆ กับน้ำกะทิกลิ่นหอมเพราะห่อตองย่างไฟอ่อน แจงลอนสองแบบเหนียวเด้งสู้ฟัน กุ้งแห้งมหาชัยป่น ตัดรสด้วยความเปรี้ยวของสับปะรดหอมสุวรรณ จานนี้อร่อยกินง่าย แต่แนะนำว่าสั่งมาแชร์กินกันหลายๆ คนจะดีกว่า เพราะจานใหญ่โตอลังการมาก ยิ่งวันไหนอากาศร้อนๆ สั่งเมนูนี้มารับรองว่ากินคล่อง

เมี่ยงคำ

เมี่ยงคำ (140 บาท) จะทำเมี่ยงคำแบบกินให้ครบเต็มเครื่องก็ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย เพราะต้องเตรียมทั้งเครื่องเมี่ยง อันได้แก่ มะพร้าวคั่วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หอมแดง มะนาวและขิงหั่นเป็นชิ้นเต๋า พริกขี้หนูซอย ถั่วลิสงคั่ว และกุ้งแห้ง นำข่าหั่น ตะไคร้หั่นฝอย ขิงหั่น หอมแดงหั่น ไปคั่วจนสุกหอม โขลกให้ละเอียด นำกะปิย่างจนหอม แล้วนำน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาดีมาตั้งไฟจนละลาย นำเครื่องที่โขลกมาละลายในน้ำตาลปี๊บ แล้วจึงค่อยใส่กะปิ เคี่ยวจนเหนียวแล้วยกขึ้น นำมารับประทานร่วมกับเครื่องเมี่ยงที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ห่อด้วยใบชะพลู เป็นของว่างเบาๆ ที่ช่วยให้เจริญอาหารได้อีกจานหนึ่ง


ยำทวาย

ยำทวาย (190 บาท)  เป็นอาหารพม่าซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรด เนื่องจากเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปยังพม่าแล้วพ่อครัวหัวป่าก์ของทางนั้นทำทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อเสวยแล้วทรงโปรดจึงรับสั่งให้นำสูตรกลับมา จนเริ่มแพร่หลาย แต่เนื่องจากกรรมวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องใช้ความพยายามในการปรุงอย่างพิถีพิถัน แม้แต่ในสมัยก่อนก็มีการทำรับประทานกันเฉพาะในงานพิธีใหญ่ๆ เท่านั้น จนถึงทุกวันนี้จึงไม่ค่อยมีที่ไหนทำกันแล้ว วิธีทำที่ว่าพิถีพิถันนักก็คือต้องนำวัตถุดิบที่เป็นผักชนิดต่างๆ อย่างหน่อไม้ พริกหยวก ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ไปลวกแล้วหั่นเป็นเส้นหรือหั่นแฉลบอย่างประณีต จะหั่นหยาบๆ นั้นมิได้ เนื้อไก่หรือก็ต้องฉีกเป็นเส้น ส่วนที่เป็นหัวปลีก็จะต้องนำไปลวกน้ำกะทิเสียก่อนเพื่อที่จะไม่ให้มีรสเฝื่อน ถั่วงอกก็ต้องเด็ดหางออก เต้าหู้ก็ต้องหั่นเต๋าเป็นชิ้นเล็กๆ ด้านน้ำพริกน้ำยำที่นำมาราดนั้นก็ต้องน้ำกะทินำมาเคี่ยวจนแตกขี้โล้ซึ่งหมายถึงแตกมันจนจับตัวก่อนจะกลายเป็นน้ำมันมะพร้าว จากนั้นจึงนำเครื่องแกงที่มีส่วนผสมของทั้งพริกแห้งแดง มะกรูด ขมิ้น และขิงเล็กน้อย มาเคี่ยวแล้วปรุงรส นำน้ำยำที่ได้มาราดและรับประทานกับปลาสลิดทอด ให้รสสัมผัสที่หลากหลาย มีทั้งรสเปรี้ยว เค็ม และหวาน ครบรส

ส้มฉุน

ส้มฉุน (180 บาท) เป็นผลไม้ลอยแก้วโบราณ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 หากแต่ ส้มฉุน ตำรับนี้เป็นตำรับดั้งเดิมของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา หรือที่ชาวบ้านเรียก ‘สมเด็จพระนางเรือล่ม’ ส้มฉุน ตำรับนี้ใช้วัตถุดิบอันได้แก่สับปะรดหอมสุวรรณ ส้มเช้ง ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง โรยด้วยหอมเจียว และผิวส้มซ่าขูด ให้รสสดชื่น เย็นชื่นใจ ซึ่งแตกต่างจาก ส้มฉุน อีกตำรับซึ่งมักจะมีส่วนผสมของลิ้นจี่ มะม่วงฝอย และขิง ซึ่งสำหรับคนที่ไม่นิยมกลิ่นขิงแรงๆ อย่างเราแล้ว ตำรับนี้ถือว่าถูกใจและถูกลิ้นกว่า 

 

ขนมเหนียว

ขนมเหนียว (120 บาท) เป็นขนมไทยโบราณอีกอย่างที่สมัยก่อนหารับประทานได้ทั่วไปจากร้านค้าหาบเร่ แต่ปัจจุบันนี้กลับหารับประทานได้ยาก สูตรขนมเหนียวนี้เป็นสูตรของเชฟประจำครัวระวีกัลยาเอง ซึ่งทำมาจากแป้งข้าวเหนียวอย่างดี ทำเป็น 3 สี จากวัตถุดิบธรรมชาติ ได้แก่สีแดงจากบีตรูต สีครามจากอัญชัน และสีเขียวจากใบเตย (ซึ่งส่วนผสมทั้งสองอย่างหลังนั้นเป็นผลผลิตปลอดสารพิษซึ่งมาจากสวนภายในโรงแรมนี้เอง เช่นเดียวกับผักหลายๆ อย่าง อาทิ ใบแมงลัก กะเพรา โหระพา ใบบัวบกลาว ใบบัวบกไทย พริกจินดาแดง ซึ่งทางร้านนำมาปรุงอาหารจานต่างๆ และใช้ในกิจกรรม Cooking Class ของทางโรงแรมด้วย)

เปิดบริการ : ทุกวัน 6.30-22.00 น.

ที่อยู่ : 10,16,16/1,164-172 ซอยเทเวศร์ 2 ถนนกรุงเกษม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

งบประมาณ : เริ่มต้นที่ 120 บาท

เบอร์โทร : 0 2628 5999

เว็บไซต์ : www.raweekanlaya.com/th-th/cuisine/the-raweekanlaya-dining.htm

Map:

Don`t copy text!