คุยกับ พี่โอ๊ต พี่เอียด พี่ปุ้ย ถึงโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 4 “ก้าวต่อไปคือการลงมือทำ!”
โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ
ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็มีผู้สมัครโครงการ ‘อ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 4’ เต็มทุกที่นั่ง! นั่นแสดงให้เห็นว่ามีคนมากมายที่สนใจและต้องการพัฒนาทักษะการเขียนของตัวเองให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าระยะเวลาสองวันเต็มๆ (3-4 มิถุนายน 2566) ที่เหล่าวิทยากรไม่ว่าจะเป็น พี่เอียด-นันทพร ศานติเกษม เจ้าของนามปากกา ‘ปิยะพร ศักดิ์เกษม’ พี่โอ๊ต-นายแพทย์พงศกร จินดาวัฒนะ เจ้าของนามปากกา ‘พงศกร’ และพี่ปุ้ย-ปาริฉัตร ศาลิคุปต เจ้าของนามปากกา ‘กิ่งฉัตร’ รวมไปถึง พี่เล็กน้อย-ณณิญา พรหมเงิน ผู้อำนวยการสายงานโทรทัศน์ช่อง 8 และรุ่นพี่อ่านเอาทั้งสี่คน ได้ช่วยกันแชร์และถ่ายทอดทั้งเทคนิคและประสบการณ์ น่าจะทำให้น้องๆ ที่เข้ามาเรียนได้ลับความคิด ติดอาวุธทางการเขียนกลับไปบ้างไม่มากก็น้อย
ครั้งนี้เราจะมาสรุปภาพรวมและความประทับใจที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนแบบออนไซต์กับพี่ๆ วิทยากรหลักทั้งสามท่าน จากนั้นก็จะตามไปลุ้นกันต่อกับการเรียนออนไลน์ในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
ในมุมมองของพี่ๆ อ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 4 เป็นอย่างไรบ้างคะ
พี่โอ๊ต : ถ้าพูดถึงภาพรวมครั้งนี้พี่ว่าเรามาถูกทางครับ เพราะอ่านเอาก้าวแรกเป็นโครงการส่งเสริมให้กับคนที่อยากเขียนนวนิยายแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรมาเข้าโครงการ แล้วสามารถเห็นเส้นทางว่าการเขียนนวนิยายหนึ่งเรื่องจะมีองค์ประกอบอะไรบ้างเพื่อนำไปปรับใช้กับการทำงานของตัวเอง ซึ่งในครั้งที่ผ่านมา น้องๆ ที่เข้ามาเรียนเกินครึ่งของโครงการคือคนที่ยังไม่เคยเขียนงานเลย แต่ที่มาคอร์สนี้เพราะอยากจะเขียนได้ ซึ่งคิดว่าจากประสบการณ์ที่วิทยากรได้แชร์ รวมทั้งจากที่รุ่นพี่อ่านเอาก้าวแรกรุ่นก่อนๆ และวิทยากรพิเศษได้มาร่วมแชร์ น่าจะทำให้นักเรียนที่กำลังอยากเริ่มต้นเขียนได้เห็นแนวทางชัดเจนขึ้น มีองค์ความรู้ที่จะนำไปใช้ทำงานต่อได้ครับ
พี่เอียด : นอกจากนี้อ่านเอาก้าวแรกครั้งที่ 4 ยังได้พัฒนาหลักสูตรที่ทำให้ได้โต้ตอบกันมากขึ้นด้วยค่ะ เลยทำให้มีความสนุกเป็นพิเศษ สาเหตุหนึ่งที่เราได้พูดคุยกันก็เพราะนักเรียนส่วนหนึ่งเคยได้ทำงานกันมาแล้ว ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ทิ้งคนที่ไม่เคยทำงาน เพราะในช่วงแรกเราได้มีการปูพื้นว่าในการเขียนนิยายมีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง
พี่ปุ้ย : ส่วนในมุมมองของพี่ ถ้าในแง่การทำงาน เราประสบความสำเร็จนะคะ เพราะว่ามีเสียงตอบรับที่ดีของผู้เข้าอบรม ผู้เข้าอบรมกระตือรือร้น มีความตั้งใจ มีความฝันที่จะเป็นนักเขียน ซึ่งตรงกับเป้าหมายเราที่ต้องการจะผลักดัน ส่งเสริมให้มีนักเขียนขึ้นมาประดับวงการ มีนักเขียนใหม่ๆ มีผลงานใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดการอ่านของเมืองไทยค่ะ
พี่โอ๊ต : พอเห็นผู้เข้าร่วมโครงการแล้วรู้สึกว่าโครงการที่เราทำมันมีคุณค่าจริงๆ นะ สามารถช่วยคนกลุ่มนี้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้ แต่จะสำเร็จหรือเปล่า ผู้เข้าอบรมต้องลงมือทำด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่อบรมเสร็จแล้วและให้ไปทำงานส่งงานเข้ามาให้อ่านเอาพิจารณา เราก็ยังมีคลาสออนไลน์เสริมด้วย เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาพวกพี่พบว่าถ้าปล่อยน้องๆ ไปเลย คนที่มีปัญหาระหว่างทางที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับงานของตัวเองอาจทิ้งการทำงานได้ ดังนั้นหลักสูตรครั้งนี้จึงต่อด้วยออนไลน์อีกสองครั้ง เพื่อจะเป็นคลินิกที่จะซ่อมพล็อตให้แข็งแรง ช่วยดู แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทางสำหรับคนที่อยากจะเขียนงานแล้วมันโดนบล็อกด้วยครับ
ทำไมครั้งนี้ถึงปรับหลักสูตรมาเป็นแนวตั้งคำถามล่ะคะ
พี่โอ๊ต : ปีที่ผ่านๆ มา เราสอนแบบโครงสร้างว่านวนิยายหนึ่งเรื่องต้องมีอะไรบ้าง มีพล็อต มีฉาก มีตัวละคร มีข้อมูลโน่นนี่ สำหรับนักเรียนบางคนการสอนแนวโครงสร้างเหล่านี้อาจทำให้เขานำไปประกอบเป็นนิยายได้ แต่บางคนที่ใหม่จริงๆ เขาอาจยังมองไม่ออกว่าจะประกอบอย่างไร เพราะฉะนั้นปีนี้เราเลยเปลี่ยนจากการสอนโครงสร้างมาเป็นตั้งคำถามแทน โดยเริ่มต้นว่า ถ้าอยากเขียนนิยายสักเรื่องจะเริ่มต้นอย่างไร ตามมาด้วย ทำอย่างไรจึงจะเขียนให้จบ ปัญหาที่พบบ่อยสำหรับนักเขียนใหม่คือ สมองตัน หัวตื้อ คิดไม่ออก ทำอย่างไร ซึ่งพอเป็นปัญหาพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์จริง เลยทำให้นำไปปรับใช้จริงได้ง่ายกว่าในแบบสามปีแรกที่เราสอน ซึ่งต้องบอกว่าในมุมของคนสอน การสอนแบบนี้ยากกว่า แต่ยากก็สอน เพราะจะมีประโยชน์มากกว่าครับ ซึ่งผลการตอบรับพี่ว่าดีเลยนะ แล้วเรายังมีกลุ่มไลน์ด้วย ตรงนี้ช่วยให้นักเรียนบางส่วนที่ไม่กล้ายกมือถามในคลาสกล้าถามมากขึ้น ซึ่งเราก็ตอบกันในคลาสเลย ทำให้นักเรียนในรุ่นนี้เลยค่อนข้างแอกทีฟมาก
พี่เอียด : การที่มีถาม-ตอบทำให้สนุกและเป็นความประทับใจของพี่ด้วยนะคะ นอกจากนี้นักเรียนที่เคยเขียนมาแล้ว เขาก็ช่วยแชร์ด้วย เลยยิ่งเป็นการเปิดโลกทั้งวิทยากร ทั้งน้องๆ ที่เข้ามาเรียนไปด้วยเลยค่ะ
พี่ๆ คิดว่า ความเหมือนและความต่างของรุ่นที่ผ่านมากับรุ่นนี้คืออะไรคะ
พี่เอียด :พี่ว่าในส่วนของนักเรียนไม่ต่างกันนะคะ ส่วนของครูก็ไม่ได้ผิดไปจากเดิมเท่าไหร่ คงจะมีแค่เรื่องของหลักสูตรที่เปลี่ยนไปที่ส่งผลทำให้บรรรยากาศต่างไปจากเดิมบ้าง
พี่ปุ้ย : คลาสนี้เรารวมปัญหาที่เราเคยเจอ เช่น ที่ผ่านมามีอัตราการส่งงานที่ค่อนข้างจะน้อย เราเลยจะแก้ปัญหาตรงจุดนี้ เพราะเมื่อน้องๆ เข้ามาเรียนแล้ว เราต้องการให้เขาได้ประโยชน์สูงสุด ฉะนั้นนอกจากจะสอนเหมือนกับครั้งก่อนๆ ครั้งนี้เรายังช่วยถกพล็อต ตบพล็อตว่ามีปัญหาตรงจุดไหน ถ้าใครยังคิดไม่ออกก็จะช่วยกันแนะนำ คือทำงานร่วมกันทั้งสองฝ่ายว่าอะไรจะดีที่สุดสำหรับนักเรียน อะไรที่นักเรียนอยากจะนำเสนอ แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่อาจไม่รู้วิธีการ เราก็จะช่วยตรงจุดนั้นค่ะ
พี่โอ๊ต : เราผ่านการเรียนการสอนมาหลายแบบครับ อย่างอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 3 เราปรับเป็นเรียนออนไลน์เพราะไปเจอโควิด-19 จากตรงนั้นทำให้ พี่ พี่ปุ้ย พี่เอียด พูดตรงกันว่า เวลาสอนแบบนี้เหมือนเราพูดคนเดียว ไม่มีพลังในการรับ-ส่ง เราไม่ได้เห็นสีหน้า แววตา ท่าทางของกันและกัน แต่คลาสนี้กลับมาใช้ชีวิตปกติแล้ว เลยทำให้การรับ-ส่งในเรื่องการเรียนการสอนมีมากขึ้น ได้เห็นสีหน้า ท่าทาง แววตา ได้รู้จักกันมากขึ้น แต่ความจริงการเรียนการสอนแบบออนไลน์ก็มีข้อดีบางอย่างนะครับ เช่น การบริหารจัดการเวลา ก็เลยปรับเรื่องของออนไลน์เข้ามาใช้อีกสองครั้งในโครงการนี้ด้วย น่าจะเป็นรุ่นที่ได้เรียนเยอะที่สุดครับ
ได้เห็นว่า ในคลาสนี้มีนักเรียนหลายคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดด้วยนะคะ
พี่ปุ้ย : ความตั้งใจของนักเรียนนี่เป็นความประทับใจของพี่เลยค่ะ เพราะว่าแต่ละคนต่างยอมที่จะเดินทางไกล บางท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัด บางท่านมาเช่าโรงแรมพักเพื่อที่จะทุ่มเทเวลาให้กับการอบรมครั้งนี้ ที่ประทับใจมากคือมาจากนครนายก ตื่นตีสี่ครึ่งออกจากบ้าน นั่งรถตู้มาเพื่อที่จะมาให้ทันเรียนตอนแปดโมงเช้า แล้วตอนเย็นก็นั่งรถตู้กลับ ตอนเช้านั่งรถตู้มาอีก ถามว่าเราต้องมีแรงผลัก ความพยายาม ความตั้งใจมากแค่ไหนถึงยอมสละเวลาวันหยุดของตัวเองเพื่อที่จะมาเรียนรู้ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเขามีความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ความพยายามสูง เลยทำให้เรามีความหวังว่าจะได้งานจากคนที่มีความพยายามอย่างนี้ ซึ่งไม่เกี่ยงอายุด้วยค่ะ
สิ่งที่อยากจะฝากบอกนักเรียนอ่านเอาก้าวแรก รุ่น 4 คืออะไรคะ
พี่เอียด : เป็นเรื่องที่พูดซ้ำเหมือนกับที่พูดในคลาสค่ะว่า ลงมือเขียน (หัวเราะ)
พี่ปุ้ย : เมื่อมีความฝัน มีความตั้งใจ มีความพยายาม มีความอดทน น้องๆ ต้องทำงานให้สำเร็จ สิ่งที่พี่บอกในคลาสตลอดคือเขียนให้จบ ไม่ว่าจะสำเร็จคือได้รับการตอบรับหรือต้องพยายามต่อไปก็ตาม อย่างน้อยน้องๆ ก็ได้รู้ว่าก้าวแรกของเราคืออะไร เขียนให้จบคือก้าวแรกของน้องค่ะ
พี่โอ๊ต : ตอนนี้เรามีเครื่องมือที่จะทำให้ฝันของน้องๆ ที่มีความฝันเป็นจริงได้แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นอยากให้ไปต่อ ไม่อยากให้หยุดคลาสแล้วก็จบ ในเมื่อเรามีวิทยากรที่เดี๋ยวก็จะมาเจอกันที่ออนไลน์ มีเวทีที่จะให้ส่งนิยายเข้ามา ถ้าได้รางวัลหรือเป็นนวนิยายที่น่าสนใจ เราก็มีแพลตฟอร์มรองรับต่อ มีเส้นทางต่อ เรามีพาร์ตเนอร์ที่ดี อยู่ในแวดวงบันเทิงหลายๆ พาร์ตเนอร์ ซึ่งนวนิยายเหล่านี้มีโอกาสสูงมากที่จะได้รับโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่ม บางเรื่องสร้างเป็นละครหรืออะไรต่อๆ ไป ยังมีเส้นทางต่อเนื่องไปอีกเยอะเลย เลยอยากให้ก้าวต่อไปแล้วทำความฝันให้เป็นจริงครับ