‘มหกรรมมนุษย์’ วรรณกรรมที่หยั่งลึกลงไปในจิตใจคน พร้อมคุยอุ่นเครื่องกับ สีตลา สัตตสุวรรณ ก่อนเป็นละคร

‘มหกรรมมนุษย์’ วรรณกรรมที่หยั่งลึกลงไปในจิตใจคน พร้อมคุยอุ่นเครื่องกับ สีตลา สัตตสุวรรณ ก่อนเป็นละคร

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

หลังจากขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนหมดเกลี้ยงในการพิมพ์ครั้งที่ 1 สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ได้นำ มหกรรมมนุษย์ ของสีตลา สัตตสุวรรณ หรือชวชิต สุนทรศารทูล กลับมาพิมพ์ใหม่อีกครั้ง ต้อนรับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง MONO29 MONOMAX ที่นำแสดงโดย แพนเค้ก–เขมนิจ จามิกรณ์ ในบท ‘คุณชมนาด’ ผู้หญิงที่รักแรง เกลียดแรง และใช้ตัวเองตัดสินชะตาทุกมิติของชีวิตตนเองและคนรอบข้าง

“ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะเขียนเรื่องใหญ่แบบนี้เลยครับ” ชวชิตเล่าพร้อมรอยยิ้ม “มันเริ่มจากเรื่องของคุณยายสองท่านที่ผมเคยรู้จัก ซึ่งกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของตัวละครคุณชมนาดและคุณพวงแก้ว เพราะชีวิตของท่านเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าทึ่ง ทั้งความรัก ความสูญเสีย และความเข้มแข็งในยุคที่ผู้หญิงยังไม่มีพื้นที่ให้ยืนมากนัก”

เรื่องเล่าจากรุ่นสู่รุ่นเหล่านั้นค่อยๆ กลายเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของชมนาด และนวนิยายที่ขุดลึกลงไปในความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว สำรวจความเป็นมนุษย์ในแง่มุมที่ซับซ้อน

“สิ่งที่ทำให้ผมอยากเขียนเรื่องนี้ที่สุด คือความเป็นผู้หญิงของคุณชมนาดครับ เธอเติบโตมาในบ้านที่พ่อเป็นทุกอย่าง แต่เมื่อพ่อจากไป กลับทิ้งกิจการไว้ให้ลูกสาวดูแล ซึ่งในยุคนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสืบทอดธุรกิจของพ่อได้ แต่เธอก็ทำได้ และยังทำได้ดีมากด้วย”

รากของแรงบันดาลใจ

ชวชิตเล่าว่าตัวเองเติบโตมากับวรรณกรรมไทยรุ่นเก่าหลายเรื่อง เช่น สี่แผ่นดิน ร่มฉัตร ฯลฯ ที่สะท้อนภาพสังคมในอดีต “เราจะเห็นผู้หญิงที่อดทน เสียสละ แต่ไม่ค่อยมีใครเล่าถึงผู้หญิงที่ ‘ลุกขึ้นมาสู้’ เพื่อชีวิตของตัวเอง ผมเลยอยากเขียนเรื่องแบบนั้น เป็นผู้หญิงที่ไม่รอให้ใครมาช่วย แต่เลือกจะสร้างทางของตัวเอง แม้ต้องเจ็บหรือผิดพลาดก็ตาม”

เขาเสริมว่า การเขียนชมนาด เหมือนการได้คุยกับบรรพบุรุษ “คุณยายที่เป็นแรงบันดาลใจของผม เธอไม่ได้มีชีวิตที่สวยงามไปหมด มีทั้งวันที่เข้มแข็งและวันที่ล้มเหลว แต่เธอไม่เคยยอมแพ้ ผมว่าความไม่ยอมแพ้นี่แหละ คือหัวใจของความเป็นมนุษย์”

ชมนาด ผู้หญิงที่รักแรงและเกลียดแรง

“จริง ๆ คุณยายที่เป็นต้นแบบไม่ได้รักแรงเกลียดแรงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมใส่ปมเพิ่มให้ตัวละครดูมีเลือดเนื้อขึ้น ตั้งแต่เกิดมาเธอก็เสียแม่ พ่อก็มีครอบครัวใหม่ บ่าวไพร่รอบตัวพูดว่าพ่อไม่รัก ยิ่งพอมีแม่ใหม่เข้ามาในบ้าน เธอก็รู้สึกเหมือนถูกแย่งความรักไปหมด มันเลยกลายเป็นปมตั้งแต่เด็กว่า ถ้าเธอไม่แข็งแรงพอ เธอจะไม่มีที่ยืนในบ้านนี้เลย”

ความแข็งแกร่งจึงกลายเป็นเกราะของเธอ แม้ในวันที่หัวใจไม่พร้อม

“ผมว่าชมนาดไม่ได้ใจร้าย แต่เป็นคนที่พยายามปกป้องตัวเองจากความสูญเสียซ้ำ ๆ มากกว่า”

และในความแข็งกร้าวนั้นยังมีความอ่อนโยนซ่อนอยู่เสมอ “เธอรักน้องสาวมาก พวงแก้วคือคนที่เธออยากปกป้องที่สุด แต่เพราะความรักแบบควบคุม มันกลับกลายเป็นบาดแผล ความสัมพันธ์แบบนี้ใครที่มีพี่หรือน้องก็คงเข้าใจดี เรารักจนอยากให้เขาเดินตามทางที่เราคิดว่าดี ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาอาจอยากไปอีกทางหนึ่ง”

ชีวิตที่สะท้อนผ่านผู้ชาย

ตัวละครชายในเรื่องแต่ละคนคือกระจกสะท้อนช่วงชีวิตของชมนาด พ่อคือจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด คุณลุงทองทา คือคนที่พาเธอออกจากบ้าน ปุริมคือรักแรกที่ไม่สมหวัง โสภณสามีคนแรกคือภาพของชายผู้อ่อนแอเปราะบาง และชาตรี สามีคนที่สองคือคนที่ทำให้เธอเรียนรู้ว่าชีวิตไม่จำเป็นต้องสุดโต่งเสมอไป

“ผู้ชายแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอ มีหน้าที่สอนเธอให้เติบโต ไม่ว่าจะด้วยความรักหรือความเจ็บปวดก็ตาม”

ลูกหลานที่เป็นภาพสะท้อนของกรรม

ลูกทั้งห้าคนของชมนาดเปรียบเหมือนผลลัพธ์ของการกระทำ “ผมอยากให้ลูกๆ ของเธอเป็นตัวแทนของผลจากการเลี้ยงดูในแต่ละช่วงชีวิต ดอกรักคือเวรกรรมที่ย้อนกลับมา ทองกรคือลูกชายที่ได้รับความรักมากเกินไป ถมทองคือลูกที่สืบทอดความดีของแม่ รสสุคนธ์คือภาพสะท้อนของความทะเยอทะยาน กรรณิการ์คือผู้รับอารมณ์ของครอบครัว และ เนื้อทอง ลูกชายคนสุดท้อง คืออิสรภาพ เขากล้าที่จะออกจากเงาของแม่และประกาศจะใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง”

ความโดดเดี่ยวที่หล่อหลอมมนุษย์

“ผมว่าความโดดเดี่ยวคือแก่นของเรื่องนี้เลยครับ” ชวชิตกล่าว “เพราะไม่ว่าชีวิตจะผ่านอะไรมากแค่ไหน สุดท้ายมนุษย์ก็ต้องอยู่กับตัวเอง ต้องยอมรับผลของสิ่งที่เคยทำ”

เขาไม่ได้อยากให้คนอ่านรู้สึกเศร้า แต่ให้เห็นว่าความสูญเสียคือส่วนหนึ่งของการเติบโต ไม่มีใครผ่านชีวิตโดยไม่เจ็บได้ และการเจ็บปวดนั้นเองคือสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น

เมื่อพูดถึงการนำไปสร้างเป็นละครและการพิมพ์ครั้งที่สอง ชวชิตเล่าด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขว่า “ตอนแรกผมไม่คิดเลยว่าชมนาดจะพาผมมาไกลขนาดนี้ จากวันที่ประกาศรางวัล ผมยังไม่กล้าฟังชื่อด้วยซ้ำ แต่พอได้จริงๆ มันเหมือนชมนาดพาผมเดินทางไปเรื่อยๆ อย่างที่ไม่คาดคิด”

ชีวิตของชมนาดคือภาพสะท้อนของมนุษย์ที่เติบโตจากบาดแผล เธอผ่านทั้งความรัก ความสูญเสีย และความโดดเดี่ยว จนได้เรียนรู้ว่าไม่มีใครดีทั้งหมดหรือเลวทั้งหมด ทุกการกระทำล้วนมีรากจากความหวังดี ความกลัว หรือความรักในแบบที่แต่ละคนเข้าใจ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอไม่มุมใดก็มุมหนึ่ง

ติดตาม มหกรรมมนุษย์ ผ่านตัวอักษร ที่สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ได้แล้ว

Don`t copy text!