ระลึกคุณ คุณป้าสุภัทร สวัสดิรักษ์

ระลึกคุณ คุณป้าสุภัทร สวัสดิรักษ์

Loading

ตลอด ๑๐ ปีนั้น บนโต๊ะทำงานของคุณป้า ตลอดจนชั้นวางต้นฉบับ

และโต๊ะอื่นๆ ที่อยู่รายรอบตัวคุณป้า

ล้วนเต็มไปด้วยทองคำ เครื่องเพชรพลอย อัญมณีหลากสี ล้ำค่ามากมาย

สำหรับเป็นเกียรติเป็นศรีแก่เรือนสกุลไทย

หากคุณป้าหยิบชิ้นใดไปใช้ ก็จะมีอัญมณีชิ้นใหม่มาเติมเต็มอยู่เสมอ มิเคยขาดมิเคยพร่อง

 

คุณป้าสุภัทร สวัสดิรักษ์

 

 

จำได้ว่าแรกเริ่มทำสกุลไทยใหม่ๆ เอ๊าะมาก ยังแยกไม่ออกระหว่างงานเรื่องสั้น งานสกู๊ป งานบทความ สมัครใจเขียนงานชิ้นหนึ่งส่งคุณป้าสุภัทร โดยบอกท่านว่าเป็นงานสกู๊ป วันต่อมา คุณป้าเรียกเข้าไปบอกว่า นี่งานเรื่องสั้นนะหนู ไม่ใช่งานสกู๊ป  

ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น !

อีกครั้งหนึ่ง คุณป้าท่านมอบหมายให้เขียนงานสารคดี พอถึงกำหนด ก็นำงานสารคดีไปส่งท่าน วันต่อมา คุณป้าเรียกเข้าไปบอกว่า งานของหนู ไม่ใช่งานสารคดี แต่เป็นเรื่องแต่งเชิงบันทึก ประโยคต่อมาของคุณป้าทำให้เราใจชื้นขึ้น ท่านบอกว่า “แต่เอาละ ป้าจะให้โอกาส” แล้วท่านก็นำลงสกุลไทย

ยัง ยังไม่สลด  

ตามแผนงาน ฉันต้องเขียนงานบทความ พอนำงานส่งคุณป้าสุภัทร วันรุ่งขึ้น คราวนี้ท่านเป็นฝ่ายเดินมาหาฉันที่โต๊ะทำงานเอง แล้วพูดว่า “Hit to the point เลยค่ะหนู” เนื่องจากงานบทความของฉันก็ยังสายลมแสงแดดอยู่นั่นแล้ว

คุณป้าสุภัทรท่านเป็นบรรณาธิการมืออาชีพจริงๆ ท่านอ่านต้นฉบับทุกชิ้นทุกตัวอักษรทุกเรื่องที่นำลงสกุลไทย และต้นฉบับของกอง บ.ก. ที่เห็นหลังจากที่ท่านอ่านแล้ว ก็คือรอยปากกาที่ท่านแก้ไขแดงพร้อยเต็มต้นฉบับ รวมทั้งของฉันด้วย  

ทุกครั้งฉันจะแอบไปขอดูที่ห้องพิมพ์ว่าต้นฉบับเรานั้นมีรอยแก้ไขตัวแดงมากน้อยแค่ไหน ได้ลุ้นกันทุกสัปดาห์โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อหวย แต่สิ่งที่ฉันได้รับได้ซึมซับอย่างไม่รู้ตัวตั้งแต่นั้นจนถึงบัดนี้ ก็คือ การกล่อมเกลาด้านภาษา

หลังจากทำงานมาระยะหนึ่ง ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปถามท่านเกี่ยวกับงานเขียนของตัวเอง เพราะอยากทราบว่าท่านจะมีความคิดเห็นอย่างไร  

คุณป้าสุภัทรตอบว่า “ป้าคิดว่าโยกำลังค้นหาตัวเองอยู่”

แล้วท่านก็ถือโอกาสนี้ชี้ถึงข้อด้อยในงานของฉันให้ทราบ ยังจดจำคำสอนท่านได้ดี ท่านบอกว่า

“งานเขียนที่ดี คือเราต้องเอาตัวเองถอยห่างออกมาให้มากที่สุด”  ในความหมายของท่าน หมายถึง งานเขียนประเภทสารคดี บทความ บทสัมภาษณ์

อีกหลายปีต่อมา ฉันได้รับมอบหมายให้ไปทำงานสารคดีที่เมืองเบาเกา ประเทศติมอร์ตะวันออก เพื่อติดตามดูภารกิจของทหารไทยที่ไปประจำการอยู่ที่นั่น โดยนั่งเครื่องบินทหารซี 130 เป็นคณะใหญ่พอสมควร มีทั้งบรรดานายทหาร พลทหาร และสื่อมวลชนหลายสำนักล้วนเป็นชายหนุ่ม ยกเว้นฉันกับเพื่อนนักข่าวหญิง วาสนา นาน่วม ตอนนั้นเธอมาในนามหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เป็นนักข่าวหญิงสายทหาร ฝีมือจัดเจนมาก ส่วนฉันก็ไปในนามนิตยสารสกุลไทย  

ปรากฏภาพจำจากงานนี้ไม่เคยลืม ติมอร์ตะวันออกเพิ่งเสร็จสิ้นจากศึกสงครามเรียกร้องเอกราช ตึกรามบ้านช่องร้านค้าต่างๆ ถูกเผาราบเรียบ ทั่วทั้งเมืองเหลือแค่เศษซากอาคาร คณะเราทั้งหมดต้องนอนที่เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย ตอนเช้าจึงนั่งเครื่องบินทหารลำเล็กมายังเมืองเบาเกา และใช้รถยีเอ็มซีเป็นพาหนะการเดินทางเพื่อทำงานตามจุดต่างๆ ระหว่างวัน  

เชื่อไหมว่าตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน ฉันไม่เคยเห็นดวงตามนุษย์ที่แล้งไร้ความหวังในชีวิตมากเท่านี้มาก่อน อย่าว่าแต่ความหวังของวันพรุ่งนี้เลย  ความหวังในนาทีนั้นก็ยังไม่มีหลงเหลือ ภาพที่เห็นจึงกระทบใจกระทบตาฉันมาก

พอกลับมา ถอดเทป หาข้อมูลเพิ่ม และเขียนเรียบเรียงต้นฉบับ เพื่อส่งคุณป้าสุภัทร

สำหรับงานชิ้นนี้ คุณป้าให้กำลังใจว่า “ป้าอ่านงานของโยแล้ว ดีค่ะ”

ฉันก็ยังไม่วายแวบเข้าไปห้องพิมพ์ อยากดูว่าต้นฉบับมีรอยแก้ไขตรงจุดไหนบ้าง ปรากฏว่าไม่พบรอยแก้ไข ฉันดีใจมาก ความรู้สึกคล้ายเด็กนักเรียนที่ทำข้อสอบผ่าน ได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจ

อีกด้านหนึ่ง งานเขียนผิดพลาดฉกาจฉกรรจ์ ฉันก็เคยทำผ่านมาแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินคำตำหนิติเตียนออกจากปากคุณป้าสุภัทรเลยสักครั้ง ยิ่งท่านเมตตามากเท่าไหร่ เรายิ่งเกรงใจท่านมากเท่านั้น ทุกความผิดพลาดคือบทเรียน แล้วจิตสำนึกในการทำงานมันจะบงการให้เราคอยระมัดระวังอย่างที่สุดเอง

ฉันถือว่าเป็นโชคดีที่สุดอีกอย่างหนึ่ง ที่ทันเห็นการทำงานในทุกมิติของคุณป้าสุภัทรในช่วง ๑๐ ปีสุดท้ายในชีวิตการทำงานของท่าน ก่อนที่ท่านจะป่วยและลาจากขึ้นไปบรรณาธิการหนังสืออยู่บนสรวงสวรรค์

ตลอด ๑๐ ปีนั้น บนโต๊ะทำงานของคุณป้า ตลอดจนชั้นวางต้นฉบับ และโต๊ะอื่นๆ ที่อยู่รายรอบตัวคุณป้า ล้วนเต็มไปด้วยทองคำ เครื่องเพชรพลอย อัญมณีหลากสี ล้ำค่ามากมายสำหรับเป็นเกียรติเป็นศรีแก่เรือนสกุลไทย

หากคุณป้าหยิบชิ้นใดไปใช้ ก็จะมีอัญมณีชิ้นใหม่มาเติมเต็มอยู่เสมอ มิเคยขาดมิเคยพร่อง

ถ้าจะมีคนถามว่าเครื่องเพชรพลอยเหล่านั้นมีจำนวนมากสักแค่ไหน ก็ตอบได้เลยว่ามีมากพอถึงปีหน้า ปีโน้น และปีนู้น

ดังนั้น หากว่าฉันส่งต้นฉบับช้าไปเพียงวันเดียว คุณป้าท่านไม่รอ ท่านก็จะบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมเมตตาเช่นเดิมว่า “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวป้าเอาเรื่องอื่น แทนเรื่องของหนูก่อน”

คุณป้าสุภัทรมีระเบียบวินัยในตัวเองสูงมาก ขณะที่ฉันเองเป็นผู้ย่อหย่อนวินัยอย่างร้ายแรง ทว่า ท่านก็ยังให้ความเมตตามาโดยตลอดเสมอต้นเสมอปลาย ส่วนฉันก็ย่อหย่อนเสมอต้นเสมอปลาย (ไม่สลดตามเคย)

นักเขียนผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งที่ฉันเห็นความเปี่ยมวินัยสูงพอๆ กับคุณป้าสุภัทร ก็คือ คุณกฤษณา อโศกสิน  

ฉันเห็นได้อย่างไรหรือในเมื่อไม่ได้ใกล้ชิดหรือไปนั่งจ้องมองท่านทำงาน แต่ฉันเห็นจากการส่งต้นฉบับนวนิยายทุกสัปดาห์อย่างเคร่งครัด ในสัปดาห์หนึ่งส่งมากถึง ๒-๓-๔ ตอน น้อยครั้งมากที่จะขาดส่ง

คุณกฤษณาท่านส่งต้นฉบับเป็นลายมือ เพราะฉะนั้น เมื่อต้นฉบับมาถึงกองบ.ก. คุณป้าสุภัทรเป็นคนแรกที่เปิดอ่าน พร้อมกับเลือกดึงโปรยนวนิยายแต่ละตอนออกมาเลย แล้วจึงส่งไปยังห้องพิมพ์

ต่อจากห้องพิมพ์ก็ไปยังห้องพิสูจน์อักษร หัวหน้าฝ่ายพิสูจน์อักษรเป็นผู้ปรู๊ฟเทียบต้นฉบับพิมพ์กับต้นฉบับลายมือในรอบแรกสุด ส่งกลับไปให้ห้องพิมพ์แก้ไขจนเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วจึงส่งกลับไปให้คุณกฤษณา อโศกสินได้ตรวจสอบตรวจทานงานของท่าน

ตราบจนต้นฉบับลายมือและต้นฉบับพิมพ์กลับมานอนรอฝ่ายผลิตนำไปจัดหน้าลงสกุลไทยทุกสัปดาห์ต่อไป และเมื่อนั้นฝ่ายพิสูจน์อักษรก็ยังเหลือเวลาได้ปรู๊ฟอาร์ตอีกสามปรู๊ฟ

ความที่คุณกฤษณา อโศกสินท่านรักษาระเบียบวินัยสูง สกุลไทยจึงมีต้นฉบับนิยายของท่านไว้ล่วงหน้ามากให้อุ่นใจ เช่นว่า เรื่องกำลังดำเนินในสกุลไทยแล้วประมาณครึ่งทาง ต้นฉบับเรื่องใหม่ก็มานอนรอสวยๆ อยู่อีกหลายสิบตอน  

อุ๊ตต๊ะ! มือทองหรือมือเทพ!

ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทั้งคุณกฤษณา อโศกสิน และคุณป้าสุภัทร สวัสดิรักษ์ จึงประสบความสำเร็จในบรรณพิภพไทยเป็นระยะเวลายาวนานกว่า ๖๐ ปี เพราะนอกจากการเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีลงในแปลงงานแล้ว ท่านทั้งสองยังมีคุณสมบัติที่เหนือชั้นอย่างหาใครเปรียบได้ยากมาก

 

** ขอบพระคุณ คุณนรีภพ สวัสดิรักษ์ เอื้อเฟื้อ ภาพถ่ายคุณป้า สุภัทร สวัสดิรักษ์

Don`t copy text!