‘หลังภาพมายา’ ปริญญางานเขียนใบแรกของ แนต-วรรณพร นุ่มจันทร์

‘หลังภาพมายา’ ปริญญางานเขียนใบแรกของ แนต-วรรณพร นุ่มจันทร์

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

“เมื่อชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง พวกเขาจึงต้องหาสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องต่างๆ ที่ทำได้ส่งผลร้ายให้กับใครบ้าง”

นี่เป็นคอนเซปต์ของนวนิยายเรื่อง “หลังภาพมายา” ของ แนต-วรรณพร นุ่มจันทร์ สาวผู้หลงรักการอ่านการเขียนจากจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศนวนิยายดีเด่น กลุ่มรักร้าย ในโครงการช่องวันอ่านเอา รุ่นที่ ๓ ไปได้อย่างสวยงาม ความสำเร็จครั้งนี้นอกจากจะเป็นการจุดพลัง แรงไฟและไฟฝันให้กับเธอ ยังเป็นเหมือนปริญญาบัตรเพราะนี่เป็นรางวัลชิ้นแรกในการเขียนของเธออีกด้วย

“พอได้ยินชื่อว่าคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศคือเรา แนตแทบไม่เชื่อเลย เพราะเกินความคาดหมายไปไกลมาก สำหรับเรา การที่ได้รู้ว่าผลงานได้รับคัดเลือกไปทำเป็นละครเป็นอะไรที่สุดๆ แล้ว แต่ทุกอย่างกลับเกินกว่าที่คิดไปอีกค่ะ ตอนที่เดินออกไปรับรางวัลยังถามตัวเองว่านี่ชื่อเราจริงๆ เหรอ รู้สึกเหมือนความฝัน แทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ มือไม้ทั้งเย็นทั้งสั่น พูดเสียงก็สั่น หายใจยังสั่น (หัวเราะ)”

ก่อนหน้านี้แนตเคยส่งผลงานเข้าร่วมโครงการ ช่องวันอ่านเอา ครั้งที่ ๑ มาแล้ว ผลงานในครั้งนั้นได้รับเข้าสู่รอบ ๕๐ คนแต่ยังไม่ได้เข้าสู่รอบสุดท้าย ซึ่งครั้งแรกที่เข้าร่วมโครงการแนตบอกว่าเป็นการเปิดโลกของเธอมาก ทั้งในเรื่องการทำงานและยังเป็นการตอบคำถามที่คาใจว่าทั้งๆ ที่มีนิยายมากมายแต่ทำไมกลับถูกนำไปสร้างเป็นละครเพียงไม่กี่เล่ม อีกทั้งผลงานที่เธอดคิดพล็อตขึ้นมาในครั้งนั้นยังมีจุดไหนที่ต้องต่อเติมให้แข็งแรงอีกบ้าง

“วันที่ฟังคณะกรรมการคอมเมนต์งาน แนตรู้สึกว่าหนักหน่วงสำหรับตัวเองมากค่ะ ถามตัวเองเลยว่า “ฉันมาทำอะไรที่นี่” (หัวเราะ) แล้วยิ่งตอนนั้นแนตพบว่าเราป่วยเป็นมะเร็งเต้านมด้วย ความรู้สึกเลยไปกันใหญ่ แต่พอตั้งสติได้ก็ทำให้เราหันกลับมาอ่านงานของตัวเองอย่างละเอียด ยิ่งพอรักษาตัวแล้ว เหลือเพียงดูแลต่อเนื่องอีก ๕ ปี สมาธิก็ยิ่งกลับมา แนตพบว่างานเรายังสะเปะสะปะอยู่ พอตั้งจิตได้ก็เลยค่อยๆ ดึงพล็อตเรื่องหลังม่านมายาออกมาจากความคิด เพราะแนตมีพล็อตนี้ในใจมานานแล้ว และนำประสบการณ์จากการเข้าร่วมโครงการเข้ามาช่วยปรับงานชิ้นนี้ให้แข็งแรงขึ้น จากนั้นก็สมัครเข้าร่วมโครงการอ่านเอาก้าวแรก ครั้งที่ ๓ ครั้งนั้นเหมือนเป็นการเติมเต็มความรู้ของเราให้ดียิ่งขึ้น เพราะได้รับการถ่ายทอดการคิดและการทำงาน ประสบการณ์ของนักเขียนชั้นครู โดยเฉพาะการสร้างตัวละครที่แนตมองว่าเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก

“พี่หมอโอ๊ต เป็นคนบอกว่าเราต้องรู้จักตัวละครของเราเป็นอย่างดี ควรจะรู้แม้กระทั่งปณิธานของเขา ความฝันสูงสุดของเขาคืออะไร ต้องรู้ทุกอย่างในตัวละครนั้น มีประโยชน์มากๆ เพราะทำให้งานเขียนไหลลื่น รวมถึงการหาข้อมูลอื่นๆ แม้จะไม่ได้ใช้มากมายในเนื้อเรื่อง แต่เราต้องรู้ทั้งหมด

“ที่ผ่านมาเราจะมีแค่รูปร่าง หน้าตา นิสัยเขา ประมาณ ๓-๔ บรรทัดแล้วนึกถึงหน้าดาราว่าตัวละครตัวนี้น่าจะเป็นใครเท่านั้น ไม่เคยทำอะไรที่ลงรายละเอียดขนาดนี้ หรืออย่างในนิยายของแนตเรื่องนี้จะมีการพูดถึงบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเราจะเห็นว่าตัวละครในเรื่องพูดถึงบริษัทนี้ตลอด ถึงในเรื่องไม่ได้พูดถึงอะไรมาก แต่ก็ต้องหาข้อมูลว่าบริษัทนี้คือบริษัทอะไร ทำเกี่ยวกับอะไร ใครเป็นผู้บริหาร มีผลกำไรเท่าไหร่ เราต้องมีข้อมูลลึกมากๆ เพราะจะทำให้ง่ายกับการทำงาน ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่แนตขาด และยังทำให้อินกับเรื่องราวมากยิ่งขึ้น” แนตค่อยๆ ปรับปรุงและพัฒนาผลงานของตัวเองมาเรื่อยๆ จนโครงการ ช่องวันอ่านเอา เปิดรุ่นที่ ๓ ขึ้นมาและลองส่งพล็อตนี้เข้ามาล้างตาอีกครั้ง ซึ่งผลงานของเธอก็ได้รับคัดเลือกจนเข้ารอบสุดท้ายและได้รับรางวัลนี้ไปในที่สุด

“หลังภาพมายาแนตได้รับแรงบันดาลใจมาจากการพูดคุยกับลูกค้าที่แวะเวียนมาที่ร้านกาแฟ และการชอบอ่านหนังสือ อ่านเรื่องราว เหตุการณ์ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงแนตเองก็เคยผ่านเรื่องราวชีวิตคู่ที่ไม่สมหวังเหมือนกัน ประเด็นหนึ่งของปัญหาในชีวิตคู่ที่แนตพบคือการคาดหวังที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ซึ่งเมื่อยอมรับไม่ได้ก็อาจมีเรื่องที่ทำให้เสียใจติดตามมา แนตเก็บเกี่ยวเรื่องราวเหล่านี้แล้วค่อยๆ ปรับ ย่อยออกมาจนกลายเป็นนิยายเรื่องนี้ อีกอย่าง เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นการทำงานในรูปแบบใหม่ของแนต เพราะตอนทำงาน เราเหมือนจับตัวละครทุกตัวมานั่งอยู่ตรงหน้าเรา แล้วเราโยนคำถาม โยนชะตากรรมไปให้เขา จากนั้นก็ดูว่าพวกเขาจะตัดสินใจยังไง มันใช่จริงๆ ไหมที่เขาจะตัดสินอย่างนั้น

“ความเข้มข้นของนิยายเรื่องนี้มาจากความคิดและการกระทำของตัวละคร ซึ่งแต่ละตัวละครได้รับแรงบันดาลใจจากบาป ๗ ประการมาขับเคลื่อนด้านมืดที่อยู่ในตัวเองด้วย เช่น นางเอกมีความโลภ พระเอกมีความยโส ตัวร้ายมีความตะกละ ดังนั้นตัวละครของแนตจะไม่ได้ดีที่สุดและเลวที่สุด ที่ผ่านมาแนตไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้เลย เราแค่กำหนดตัวละครมาให้ทำตามในสิ่งที่เราต้องการ แต่งานครั้งนี้เป็นการเขียนในสิ่งที่ตัวละครต้องการจะทำค่ะ”

เมื่อผลงานชิ้นนี้ก้าวสู่เส้นทางความสำเร็จ ผลงานชิ้นต่อไปของแนตก็ค่อยๆ เริ่มก่อตัวขึ้น เธอบอกว่าอยากจะเขียนเล่าเรื่องชีวิตของผู้หญิงธรรมดาที่จริงๆ แล้วพวกเธอต่างมีพลังล้นเหลือในการสร้างสรรค์และยังเป็นเบื้องหลังที่แข็งแรงให้กับครอบครัวของเธอ นอกจากนี้เธอยังฝากถึงคนมีฝันที่อยากเป็นนักเขียนด้วยว่าให้ลงมือทำเลย ไม่อย่างนั้นความฝันนี้อาจวนเวียนอยู่ในจิตใจเราไปตลอด

“ถ้าคุณมีความฝันว่าอยากเขียนนิยาย สิ่งที่แนะนำคืออยากให้คุณลองเลย เขียนเลย ไม่ต้องคิดว่าจะมีคนอ่านหรือไม่มี พอเขียนไปสักพักจะพบว่า จริงๆ เราขาดอะไร ต้องการอะไร แล้วมาอบรม มาเอาความรู้จากอ่านเอาก้าวแรก หรือไม่ก็ลองส่งพล็อตมาที่ช่องวัน อ่านเอา ให้เราได้ประสบการณ์ เพื่อที่จะได้รู้เพิ่มว่า อะไรที่เราขาดหรือเรากำลังตามหาอะไรอยู่กันแน่”

Don`t copy text!