เปิดเบื้องหลังยุทธภพ ก่อนจะเป็น #ดวงใจจอมกระบี่ เวอร์ชั่นละคร กับ คุณลักษณ์-ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์ ผู้เขียนบทและสร้างสรรค์ละครเรื่องดัง

เปิดเบื้องหลังยุทธภพ ก่อนจะเป็น #ดวงใจจอมกระบี่ เวอร์ชั่นละคร กับ คุณลักษณ์-ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์ ผู้เขียนบทและสร้างสรรค์ละครเรื่องดัง

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

‘จะต้องทำยังไงบ้าง เพื่อให้สองจอมยุทธ์จากโลกนิยายข้ามยุทธภพออกมาปฏิบัติภารกิจรบและรักกับสองสาวในโลกมนุษย์!’

ถึงแม้จะมีพล็อตนิยายที่เล่าเรื่องของการทะลุมิติหรือย้อนเวลามาให้เราดูกันตลอด แต่ความน่าสนใจของ ‘ดวงใจจอมกระบี่’ จากบทประพันธ์ของ ‘แสนแก้ว’ ก็ยังชนะใจเหล่าคณะกรรมการจนสามารถคว้ารางวัลดีเด่น หมวดนิยายรัก จากโครงการ ‘ช่องวันอ่านเอา ปี 2’ มาครอบครองได้ อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ดวงใจจอมกระบี่ ที่เป็นตัวหนังสืออยู่ในรูปเล่มสวย น่ารัก จากสำนักพิมพ์ Groove Publishing ก็ได้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวออกมาโลดแล่นให้เราได้ชมกันในรูปแบบละครผ่านทางช่องวัน 31 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.30 น. อีกด้วย

งานนี้ทำเอาหลายคนที่รอชมต่างพากันปรบมือรัวๆ ให้กับความสนุกสนาน ตื่นเต้น แบบรอมคอมของละครเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้ ‘ถึง’ อีกทั้งในส่วนของยุทธภพก็ดูไม่ขัดตาจนเหมือนกับว่าเรากำลังดูซีรีส์จีนกำลังภายในเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

คงต้องยกเครดิตให้กับทุกฝ่ายที่ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ไม่ว่าจะเป็นแสนแก้ว ผู้แต่งนวนิยายที่เป็นสารตั้งต้นซึ่งอุดมไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งเมื่อได้นำมาปรับให้เข้ากับการเป็นละครโดยนักเขียนบทฝีมือฉกาจฉกรรจ์อย่างคุณลักษณ์-ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์ ผู้ควบคุมบทโทรทัศน์และคัดเลือกบทประพันธ์ ช่องวัน 31 ก็ยิ่งทำให้ดวงใจจอมกระบี่มีแง่มุมและมิติในหลายๆ เรื่องที่โดดเด่น เข้มข้นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทีมผู้สร้าง ทีมนักแสดง และผู้อยู่เบื้องหลังทุกฝ่ายทุกคนที่รับไม้ต่อที่ต่างทุ่มกันสุดพลังเพื่อทำผลงานเรื่องนี้ให้ออกมาดีงามและลงตัวมากที่สุด

สำหรับคุณลักษณ์เอง เธอเล่าให้ฟังว่าการเขียนบทเรื่องนี้สนุกมาก แต่ตอนสร้างก็เหนื่อยและยากมากเช่นกัน เพราะเธอได้ปรับให้มีเรื่องของยุทธภพเข้ามาเพิ่มเพื่อสร้างสีสันของละครเรื่องนี้ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เรื่องราวของหนังจีนกำลังภายใน เหล่าจอมยุทธ์ผู้กล้าทั้งหลายที่เธอเคยได้อ่าน ได้ดู จึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของการเล่าเรื่องในส่วนนี้ ในขณะเดียวกันก็มีอุปสรรคต่างๆ ที่ท้าทายให้คนทำงานโปรดักชันต้องคอยแก้ไขตลอด เรียกว่า กว่าจะมาเป็น ดวงใจจอมกระบี่ ให้ได้เห็นกันนี้ คนเบื้องหน้าและเบื้องหลังเขาทำงานแบบหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว…

ความท้าทายและความน่าสนใจของ ดวงใจจอมกระบี่

อ่านเอา ได้ขอให้คุณลักษณ์พูดให้ฟังถึงความน่าสนใจของนิยายเรื่องนี้จนได้นำไปสร้างเป็นละคร ซึ่งเธอบอกว่า สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจคือไม่ได้มาจากอดีตหรือมาจากชาติที่แล้ว แต่มาจากยุทธภพค่ะ นั่นคือสิ่งที่เราชอบและไม่ซ้ำ ส่วนของยุทธภพ คือส่วนที่ตอนเขียนสนุกมาก เป็นส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นจากบทประพันธ์ เพราะเราปรับเรื่องให้ฉีเซินมีความสำคัญมากขึ้น แต่ภาพรวมของ ดวงใจจอมกระบี่ จะยังเหมือนในนิยาย เพียงแต่รายละเอียดบางอย่างมีการปรับเปลี่ยน”

ในส่วนยุทธภพ คุณลักษณ์บอกว่า เป็นเหมือนรวมมิตรนิยายกำลังภายในที่เธอได้อ่านและได้ดูมา “ตัวละครก็จะพูดด้วยสำนวนที่เหมือนกับเราอ่านนิยายจีนกำลังภายใน ก็รายละเอียดต่างๆ ก็จะเหมือนเป็นการรวมมิตรสิ่งที่เราเคยอ่านเคยดูมาตลอดชีวิต ฝั่งยุทธภพเขียนง่ายและสนุกมาก ซึ่งความจริงจะมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามีปัญหาการผลิตเยอะมากจนต้องตัดยุทธภพทิ้งไปเยอะเหมือนกัน ส่วนฝั่งกรุงเทพฯ ความยากคือเขียนอย่างไรไม่ให้ซ้ำ เพราะว่ามีคนเล่าตรงนี้เยอะแล้ว ซึ่งเราต้องระวังเรื่องการทำซ้ำ อยากให้ไปติดตามกันในละครค่ะ…”

ดังนั้นเมื่อมีฝั่งยุทธภพเพิ่มเข้ามาในขณะที่ก็ต้องเล่าถึงฝั่งกรุงเทพฯ ด้วย ตรงนี้จึงต้องใช้จังหวะที่ดีในการเล่าเพื่อให้เส้นเรื่องสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างสอดคล้องสนุกสนานและมีสีสัน “เราต้องรู้ก่อนว่าเรื่องที่จะเล่าตั้งแต่หนึ่งถึงสิบมีพล็อตพอยต์ (plot point) อะไรบ้างที่จะต้องผ่าน แล้วต้องมีตัวเดินหลักคือ เส้นของนลินและหวังอี้เทียนเป็นเซ็นทรัลคาแรกเตอร์ (central character) แปลว่า จังหวะก้าวในเรื่องจะก้าวตามคนคู่นี้เป็นหลัก แล้วจังหวะของเส้นที่สองจะมาคั่นกันเลี่ยน เหมือนเราดูเรื่องนี้นานไปแล้ว ก็มีเรื่องนั้นเข้ามาหรือทำให้มากระทบหรือเบี่ยงเบน เช่น กำลังรักกันดีๆ เส้นนั้นก็เกิดเปิดตัวละครใหม่คือ คู่หมั้นของหวังอี้เทียนที่มาทำให้นลินหวั่นไหว อ้าว รักๆ กันอยู่ดีๆ อ่านมาไม่เห็นรู้เลยว่ามีคู่หมั้น ตกลงจะต้องกลับไปแต่งงานกับเขาใช่ไหม หรือยังไง คือต้องมาเพื่อที่จะกระทบเส้นหลัก แต่ถ้าต่างคนต่างวิ่งจะงง เราต้องกำหนดก่อนว่าอะไรหลัก อะไรรอง ซึ่งเรื่องนี้เส้นหลักคือหวังอี้เทียนกับนลิน แล้วรองค่อยมาเสริม มาขัด มากันเลี่ยน มาอะไรก็ตามแต่ แต่ต้องไม่มาแล้วเหมือนเป็นคนละเรื่อง ทำให้คนดูเหมือนดูละครสองเรื่องอยู่ แล้วเดี๋ยวเขาจะงงว่าให้ตามเรื่องอะไร…

“การเขียนบทเรื่องนี้ทำอยู่หกเจ็ดเดือน เพราะมีงานด้านอื่นๆ ที่ต้องดูแล แล้วก็ต้องมีการปรับแก้ด้วย ตอนแรกเราวางแผนเรื่องดวงใจจอมกระบี่ไว้ยาวกว่านี้ แต่ที่ผ่านมามีปัญหาคือเราเปิดกล้องช้ากว่ากำหนดด้วย นักแสดงผลัดกันเป็นโควิด-19 ถ่ายไม่ได้ด้วย ขณะเดียวกันเขาก็เร่งออนแอร์ สิ่งที่ทำคือรวบเหตุการณ์และตัดฉากยุทธภพทิ้ง จนล่าสุดบทจาก 24 ตอน เหลือ 19 ตอนอ้วนๆ พยายามแก้ไขปัญหาให้ถ่ายทำได้ ตรงนี้เป็นส่วนที่เราคาดไม่ถึง ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแบ็กกราวนด์ตัวละคร และเงื่อนไขบางอย่างด้วย เพราะเวลาเล่าเหลือน้อย บทก็เลยต้องมีการมาแก้ใหม่เพิ่ม

“นอกจากนี้การปรับรายละเอียดของนิยายเพื่อสร้างเป็นละครส่วนมากจะเป็นไปเพื่อให้สมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งกรุงเทพฯ ในขณะที่ฝั่งยุทธภพไม่ต้อง… ดูอย่างเอี๊ยก้วย แขนขาดยังรอดโดยไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ตกเขาลงไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่การเขียนก็ต้องไม่เวอร์จนเกินไป เราเป็นยุทธภพจริงๆ เหมือนฮุ้นปวยเอี๊ยงใน กระบี่ไร้เทียมทาน มีพลังฝ่ามือ มีวิชาตัวเบา แต่ไปไม่ถึงขั้นปล่อยแสง ทำให้ต้องตัดเรื่องถุงวิเศษของพระเอกออกไป เพราะถ้าไปถึงตรงนี้จะกลายเป็นปาฏิหาริย์เกินไป คือของเราจบแต่กำลังภายใน อย่าง มังกรหยก ไม่มีของวิเศษนะ มีแต่วรยุทธ์ เหนือจริงแค่ตรงนั้น เหมือนอย่างพระจากวัดเส้าหลินบางรูปเดินไม้ไผ่ลำเดียวบนน้ำได้ หรือบางคนก็สามารถนอนบนเชือกได้ ในเรื่องนี้พระเอกจึงเป็นคนธรรมดาที่มีวรยุทธ์แบบนั้น ก็คือกระโดดได้สูง มีพลัง มีลมปราณ รักษาตัวเองได้เร็ว บวกพลังเว่อร์ๆ เข้าไปอีกหน่อย แต่เขาไม่ได้มีของวิเศษอะไรมากมาย ซึ่งการปรับอะไรในเรื่อง เราได้บอกเจ้าของบทประพันธ์แล้ว…

“ตอนอ่านนิยายมันสนุกและเพลินนะคะ แต่พอต้องมาทำละครจริงๆ ก็ต้องมีการปรับค่ะ เพราะบางอย่างเวลาอ่านนิยายเราไม่รู้สึก แต่เวลาเราเอามาทำจริงๆ มันทำตามนั้นไม่ได้ อีกอย่างเราไปเปิดยุทธภพให้คนดูเห็นด้วย การเล่าเรื่องก็เลยต้องปรับ สร้างมิติ เติมเหตุผลและเรื่องราวขึ้น และจากการที่เราเพิ่มเส้นเรื่องให้มีการติดต่อกันระหว่างสองโลกได้ เราเลยต้องไปสร้างกติกาขึ้นมาใหม่ว่า จริงๆ การที่พระเอกตกลงจากผาสูงขนาดนั้นเนี่ยต้องตายแล้ว แต่ช่วงระหว่างความเป็นความตายมันเป็นช่วงเกรย์แอเรีย (grey area) เขาได้อธิษฐานขอให้ได้มาปกป้องผู้หญิงที่เขาเห็นในนิมิตและตัวเขาก็หลุดข้ามมิติมา ดังนั้น คนที่จะข้ามมาได้ต้องอยู่ระหว่างความเป็นความตายเท่านั้น นั่นคือเหตุผลที่ฉีเซินถึงตามมาไม่ได้ ทั้งที่อยากมาเหลือเกิน…

“ถามว่าหนังสือ ดวงใจจอมกระบี่ สนุกไหม สนุกมาก แต่ก็ทำยากมากค่ะ เพราะหาที่ถ่ายไม่ได้ จนสุดท้ายต้องเซตในสตูดิโอเพราะว่าหาบ้านที่จะทำแบบจีนยุคนั้นไม่ได้ เนื่องจากเราเทียบแล้วว่าในยุทธภพน่าจะอยู่ประมาณช่วงราชวงศ์หมิงต่อราชวงศ์ถัง ซึ่งเราหาบ้านแบบนั้นไม่ได้ ที่หาได้ในเมืองไทยคือจีนยุค 2500 ก็เลยต้องสร้างใหม่ เลยมีข้อจำกัดหลายอย่าง แล้วเราก็สั่งของจากเมืองจีน ประตู หน้าต่าง และอีกหลายอย่าง ก็มีปัญหาที่ต้องแก้ นี่คือเรื่องที่อยู่เบื้องหลัง”

  

ความเหมาะสมกับบทของนักแสดงทั้งสี่        

ถ้าได้ดูละครเรื่องนี้กันไปแล้วจะรู้ว่า นักแสดงนำทั้งสี่คน ได้แก่ ไบรท์-นรภัทร วิไลพันธุ์ ที่รับบทเป็นหวังอี้เทียน, เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ที่รับบทเป็นนลิน, เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล ที่รับบทเป็นฉีเซิน และเพลงขวัญ-นัตยา ทองเสน ที่รับบทเป็นหมอเรน นั้นต่างแสดงกันได้ลงตัว เข้าขา และสนุกมากเลยทีเดียว “เราหาคู่จอมยุทธ์ก่อน ซึ่งแน่นอนว่าต้องหน้าตี๋ ช่องวัน 31 เนี่ยเขามีพระเอกเจเนอเรชันใหม่ของช่อง เป็นกลุ่มพระเอกที่เราจะต้องป้อนงานให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เหมาะกับไบรท์และเน๋งพอดี แล้วก็หานางเอกที่เหมาะกับเขา ซึ่งคนที่จะเล่นบทคุณหนู แนวโรแมนติก คอเมดีได้อย่างน่ารัก และยังมีดรามาได้นั้น เรานึกถึงเอสเธอร์ ในบทประพันธ์นางเอกดูจะมีความมั่นใจมากกว่าในละคร แต่เวลาเรามาสร้างเป็นละคร เราจะมีการเวิร์กคาแรกเตอร์กับนักแสดง ถ้าเราบอกว่าผู้หญิงคนนี้พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก รับรู้ว่าพ่อแม่ฆ่าตัวตาย และตัวเองก็เคยพยายามจะฆ่าตัวตายด้วย ไม่มีทางที่นักแสดงจะเล่นออกมาได้ครื้นเครงและดูสดใสมากนัก เราเลยต้องมีการปรับเรื่องกัน โดยตัดเรื่องฆ่าตัวตายทิ้งไป แต่มีที่หมอเรนเล่าเก็บไว้ว่า ‘เคยพยายาม’ ซึ่งเอสเธอร์สามารถทำได้พอดีทีเดียวค่ะ…

“ส่วนเรน ถึงแม้เขาจะเล่นเป็นหมอ แต่เราไม่ได้เล่าถึงเขาในเรื่องของการเป็นหมอค่ะ เขามีหน้าที่เป็นเพื่อนนลิน แล้วระหว่างที่ไปช่วยเพื่อนที่ประสบภัย ตัวเองก็ได้ไปเจอผู้ชายในฝันแล้วก็ร่วมผจญภัยและทำภารกิจเดียวกันคือ เซฟนลิน แต่ระหว่างทางก็ไปเจอเรื่องราวต่างๆ ซึ่งพอปรับมาเป็นละคร เราทำเป็นนางเอกสองคน

“บทเรนไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่อย่างหนึ่งที่เด่นชัดในความเป็นเรนซึ่งเป็นศัลยแพทย์คือ ต้องเป็นผู้หญิงแข็งแรง เพราะถ้าคุณเป็นหมอแล้วเก่ง คุณจะไม่ง้องแง้ง เราก็ต้องการผู้หญิงที่ดูสตรองซึ่งเพลงขวัญมีตรงนั้น แล้วเวลาที่อยู่กับนลินจะเป็นอะไรที่ไปด้วยกันได้

“อีกเรื่องที่ปรับคือในส่วนของหวังอี้เทียน ในบทประพันธ์เขาจะเป็นคนสุภาพ แต่เราได้นำมาปรับและนำความสุภาพนั้นไปให้ฉีเซินแทน เพราะมองว่าคนสุภาพเวลามาผาดโผนในบ้านนี้แล้วไม่สนุก หวังอี้เทียนจึงเป็นสุภาพบุรุษ ห้าวหาญ เพื่อจะได้ดูแลปกป้องนลินได้ค่ะ

“ในเรื่อง ดวงใจจอมกระบี่ ไม่ได้มีความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่อะไร สำหรับเรา เสน่ห์ของเรื่องนี้คือความน่ารักจุ๊กๆ จิ๊กๆ เวลาพระนางเขาอยู่ด้วยกัน ทั้งความรัก คอเมดี แล้วก็ข้อคิดดีๆ ที่สอดแทรกอยู่ในนั้น”

 

ว่าด้วยเรื่องของสีผม

หนึ่งเรื่องที่ดูสะดุดตาตั้งแต่แรกในละครเรื่องนี้คือสีผมของหวังอี้เทียน เรื่องนี้คุณลักษณ์เล่าให้ฟังว่าเป็นการดีไซน์ใหม่จากการนำเสนอของพระเอกของเรื่องนั่นเอง “เรื่องสีผมนี่มาจากไบรท์-นรภัทร ค่ะ พอเขารู้ว่าจะได้เล่นเรื่องนี้ต่อจาก ใต้หล้า แล้วเขาคงไปดูในเกม หรือพวกเทพเซียนใดๆ อีกทั้งเด็กสมัยนี้เวลาเล่นละครเสร็จจะอยากเปลี่ยนสีผมด้วย เลยไปทำผมสีเงินมาแล้วมาขาย บอกว่า ‘ดีนะ ซื้อไหม’ ซึ่งก็หล่อจริงๆ เราก็บอกว่าโอเค แต่ต้องใช้ผมสีนี้ยาวเลยนะ เขาก็ตกลง ตอนนี้ผมไบรท์ก็สีนี้มาเกือบปีแล้ว ตรงนี้ก็ต้องขอบคุณไบรท์นะคะเพราะว่าหล่อจริงๆ ซึ่งถ้าเป็นเราเองจะไม่กล้าทำขนาดนั้นเนื่องจากทำให้นักแสดงลำบากอยู่นาน”

การเขียนบทจะสตรองได้ ต้องฝึกจากความผิดพลาดและความล้มเหลว

ถึงตรงนี้ อ่านเอา เลยชวนคุณลักษณ์ขอออกนอกเรื่องสักนิด เพราะไม่บ่อยเท่าไหร่ที่จะมีโอกาสนั่งคุยกับตัวจริงที่มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์อย่างนี้ โดยเราได้ถามคุณลักษณ์ไปว่า นอกจากประสบการณ์แล้ว ทำอย่างไรถึงจะสามารถเขียนบทได้เฉียบคมขนาดนี้ เพราะคุณลักษณ์เองก็ฝากผลงานไว้หลายเรื่อง เช่น ชิงชัง, กาหลมหรทึก, อีสา รวีช่วงโชติ ฯลฯ

“พี่เรียนจบคณะอักษรศาสตร์ วิชาเอกวรรณคดีอังกฤษ วิชาโทศิลปการละคร แล้วเรียนปริญญาโทวรรณคดีเปรียบเทียบ ทำให้ได้อ่านหนังสือเยอะมาก ตอนเด็กๆ อ่านหนังสือเยอะมากค่ะ ซึ่งการอ่านหนังสือเยอะไม่ได้ทำให้เขียนบทได้นะ แต่ทำให้เราหูตากว้าง บางคนไม่ได้อ่านหนังสือเยอะ แต่เขาดูหนังเยอะ ประสบการณ์ชีวิตเยอะก็ได้…

“การเขียนบทโทรทัศน์ให้ดีต้องเขียนเยอะๆ เป็นอาชีพที่ฝึกฝนตลอด เรียนรู้จากความล้มเหลว สาเหตุที่คนเขียนบทโทรทัศน์มีน้อย เพราะมันไม่มีวิธีฝึกอย่างอื่น แต่ต้องฝึกจากความผิดพลาดและล้มเหลวของตัวเอง แปลว่าเขียนออกมาไม่ดี แล้วโดนคอมเมนต์ โดนแก้ หรือบางทีคิดว่าดีแล้ว แต่ฉายออกไปแล้วถูกคนด่าทั้งเมือง ก็ต้องเรียนรู้ไป ถ้าไม่ผ่านกระบวนการนี้ก็เรียนรู้ไม่ได้…

“ในกระบวนการการเขียนบท เราเขียนบทแล้วต้องส่งคนตรวจบทก่อน ซึ่งไม่มีคำชมนะคะ ถ้าไม่โดนแก้ แปลว่าโอเค เราไม่ค่อยชมอะไรกันมาก เพราะที่สุดแล้ว เวลางานดี ประชาชนเขาจะชมเอง คนในนี้มีแต่คนช่วยกันติให้ดีที่สุด หรือบางทีงานผ่านคนควบคุมบทโทรทัศน์แล้ว แต่พอไปถึงผู้กำกับ อันนี้ไม่ อันนี้ก็ไม่ เราก็ต้องกลับมาแก้อีกรอบ พอไปถึงนักแสดง นักแสดงมีความคิดเห็น เช่น ‘ใช่เหรอพี่ ทำไมผมเป็นคนแบบนี้ มันพูดไม่เข้าปากนะ’ ถ้าเราผิด ก็แก้อีกรอบ คือคนเขียนบทจะรับจบทุกงานเพื่อให้ได้งานดีที่สุด…

“บางทีเขียนไว้แล้วต้องเป็นแบบนี้ ดีไซน์ซีนไว้เก๋ไก๋ พี่โดนประจำ อย่างใน ดวงใจจอมกระบี่ ก็โดน เช่น หาโลเคชันตามนี้ไม่ได้ เราก็ต้องเขียนใหม่ ฉะนั้น คนเขียนบทโทรทัศน์ต้องไม่ติสท์มาก เพราะเรามีหน้าที่ต้องรับจบทุกอย่าง ทุกปัญหา เราเป็นคนตั้งต้นก็จริง แต่ตรงนี้ไม่ใช่งานของเราคนเดียว เป็นศิลปะร่วม แล้วเรามีหน้าที่รับจบ เพราะอย่างอื่น เช่น โลเคชัน ความสามารถบางอย่างของนักแสดง หรือการเจ็บป่วย เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ สิ่งเดียวที่ควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์คือบทค่ะ ดังนั้น บทเลยต้องแก้ แต่ถึงจะลำบากยังไง การทำงานตรงนี้สำหรับพี่มันคือความสนุกนะคะ เพราะเป็นการรวมศาสตร์และศิลป์หลายอย่างไว้ด้วยกัน เช่น ศาสตร์ของการแสดง ฉาก เซต กล้อง ไฟ คอสตูม…

“ภาพเคลื่อนไหวส่งผลกับความคิด ทัศนคติของผู้ชมชัดและรุนแรง ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนได้มาก พี่จะพูดเสมอว่าเวลาเราทำละคร ถ้าเราสื่ออะไรออกไปแล้ว คำชื่นชมหรือคำต่อว่าจะมาเลย แล้วจะอยู่ในทุกสื่อ เขาจะพูดจนเราได้ยิน เลยเป็นงานที่มีความตื่นเต้น”

สิ่งที่ดวงใจจอมกระบี่จะมอบให้กับคนดู

ถึงแม้จะเป็นละครแนวโรแมนติกคอเมดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมอบให้แต่ความสนุกและรอยยิ้มกับคนดูเท่านั้น  “สิ่งที่เราจะพยายามพูดเสมอคือธีมของนิยายของแสนแก้วว่า ‘ให้หัดทำเพื่อผู้อื่น’ เรามีคีย์อยู่ว่า ‘เพราะทำเพื่อผู้อื่น ปาฏิหาริย์จึงบังเกิด’ นลิน นางเอกในละครเรื่องนี้ จะถูกคุณอาสอนให้เขาเป็นคนไม่เอาไหน ใช้ชีวิตเที่ยวเล่น ทำอะไรสนุกๆ ไปวันๆ ทำให้เบื่อและเหงา และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าเมื่อเทียบกับเรน เพื่อนสนิทที่เป็นหมอที่ชีวิตเขามีค่า วันนี้ช่วยชีวิตคน วันนี้ทำให้คนรอดตาย ในละคร นลินได้พูดกับหวังอี้เทียนว่า เธอเป็นคนที่ทำเป็นทุกอย่าง ขับรถ ขับเรือ ปีนเขา ก็มีเงินไม่รู้จะทำอะไรเลยเรียนไปเรื่อย แต่ไม่มีประโยชน์อะไร แต่หวังอี้เทียนก็บอกว่า ‘ที่รู้สึกอย่างนี้เพราะนลินไม่คิดจะทำให้คนอื่น เพราะถ้าจะทำเพื่อคนอื่น ต่อให้ทำเป็นแค่สนเข็มก็มีประโยชน์ ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา ไม่ได้อยู่ที่ทักษะว่าต้องเป็นหมอหรือเป็นอะไร’ มีคำพูดสอนใจหลายๆ อย่างในละครเรื่องนี้ แล้วเราก็หวังว่าจะมีคนได้ยินเมสเสจเหล่านี้บ้าง”

 

สิ่งที่อยากฝากไปถึงคนอ่าน

มาถึงช่วงท้ายของการสนทนา คุณลักษณ์ได้ฝากถึงนักอ่านที่เป็นแฟนนิยายเรื่องนี้ว่า แม้จะมีการปรับเรื่องราว แต่ทุกอย่างอยู่ในเจตนาที่ดีและเมสเสจหลักของ ดวงใจจอมกระบี่ ยังอยู่ครบ “หลังจากละครฉายออกไป ก็มีฟีดแบ็กจากนักอ่านว่าอยากให้ทำเหมือนนิยาย ซึ่งเราก็น้อมรับคำวิจารณ์ แต่สำหรับคนทำละคร เรามีเจตนาที่จะทำให้ดีที่สุด ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดของเรา การเปลี่ยนนั้นไม่ใช่ไม่เคารพ สารที่แสนแก้วต้องการจะสื่อนั้น เราว่าอยู่ครบ คุณอ่านนิยายสนุก แล้วมาดูละครที่ไม่เหมือนกัน ก็เหมือนได้เสพสองอย่าง พอมันเปลี่ยนมีเดีย มันก็จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีเล่า อะไรบางอย่างที่ไม่สำคัญ มันก็อาจจะสำคัญขึ้นมา”

คงเหมือนกับที่คุณปิยะพร ศักดิ์เกษม ได้เขียนเอาไว้นั่นละค่ะว่า ‘นิยายก็สนุกแบบนิยาย และละครก็สนุกแบบละคร’

 

Don`t copy text!