ล้อมวงคุยกับ 4 นักเขียน “อ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 2”
แม้จะไม่ได้อยู่ในทำเนียบรางวัลใหญ่จากการส่งประกวดนิยายในครั้งนี้ แต่ทุกคนที่ได้เข้าร่วมอบรมในโครงการอ่านเอาก้าวแรกรุ่นที่ 2 ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เสียใจเลยสักนิดทีไม่ได้รางวัล แต่ถ้าพลาดการเข้าร่วมอบรมในโครงการครั้งนี้ต่างหาก ที่คงต้องเสียใจมาก เพราะนอกจากจะได้เพื่อนใหม่ในสายอาชีพนักเขียนนวนิยาย ยังได้เข้าอบรมกับวิทยากรนักเขียนมากประสบการณ์ จนทำให้ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ มาพัฒนางานเขียนของตัวเอง
มากกว่านั้นคือ การได้รับโอกาสให้งานเขียนได้เผยแพร่ไปสู่นักอ่านอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
วันนี้อ่านเอาเชิญ 4 นักเขียนจากโครงการนี้มาเปิดประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้
เติมศิริ ไชยเรืองศิริกุล : เจ้าของนิยาย “ดวงตามัจจุราช”
“ก่อนหน้าเขียนมาหลายเรื่องแล้ว แต่ก็เขียนได้ครึ่งๆ กลางๆ จนได้มาเข้าอบรม สิ่งที่พี่ๆ วิทยากรแนะนำ ทำให้เกิดเป็นแรงผลักดันตัวเองว่าเราต้องจบงานเขียนให้ได้ สุดท้ายเมื่อสามารถจบงานได้จริง มันดีใจมากๆ ยิ่งได้เป็น 1 ใน 12 เรื่องที่ผ่านรอบสุดท้าย เรียกว่าเกิดคาดมากสำหรับเรา”
เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องดวงตามัจจุราช เธอว่าต้องการสะท้อนเรื่องของการเกรงกลัวต่อการทำบาป ซึ่งผู้คนในยุคนี้ ดูเหมือนจะไกลออกจากเรื่องนี้มาก
“เราถูกสอนมาตลอดให้เกรงกลัวต่อการทำไม่ดี หรือการทำบาป แต่ในยุคนี้ผู้คนดูจะไม่ค่อยกลัวเรื่องนี้กัน เราเลยอยากจะถ่ายทอดให้คนรู้สึกว่า การทำดี ทำชั่ว จะมีผลต่อชีวิตของเราจริงๆ โดยตัวนิยายจะเป็นสไตล์ลึกลับสอบสวน พูดถึงองค์กรที่เป็นหน่วยสืบเรื่องราวเหนือธรรมชาติ เช่น การตายแล้วฟื้น และยังมีเคสอีกมากมายให้ผู้อ่านได้ติดตาม หากใครชอบแนวนี้ ไม่อยากให้พลาดเลยค่ะ”
ศุภานิช คำบุศย์ : เจ้าของผลงาน “ต้องมนต์ดนตรี”
เรื่องราวของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้านดนตรีไทยที่นำเสนอออกมาผ่านงานเขียนสไตล์ลึกลับแฟนตาซี กับความสนุกที่ต้องติดตาม
“นิยายเรื่องนี้ เราอยากถ่ายทอดว่านักศึกษามหาวิทยาลัยดนตรีมีชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยอย่างไร ซ้อมดนตรีหนักแค่ไหน แต่เพื่อไม่ให้พล็อตเรื่องนิ่งเกินไป จึงมีความเป็นแฟนตาซีผสมเรื่องราวลึกลับออกมา เพราะเมื่อกล่าวถึงดนตรีไทย หลายคนมักจะเอาไปผูกโยงเกี่ยวกับเรื่องของผี ความน่ากลัว ก็เลยอยากจะเขียนในมุมที่ต่างออกไป เป็นความลึกลับที่เกิดขึ้นแบบมีที่มาที่ไป มีน้ำหนักมีเส้นเรื่องที่ชัดเจน ไม่ได้เน้นไปแค่ที่ความน่ากลัวแต่เพียงอย่างเดียว”
แม้จะมีอาชีพเป็นนักเขียนอยู่แล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับอ่านเอาก้าวแรก ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากแก้ปัญหางานเขียนของตนที่ไม่ค่อยกระชับเท่าที่ควร “คือเราเขียนเยอะและอยากจะให้เรื่องนั้นให้มีรายละเอียดมากๆ แต่ปัญหาคือเรื่องของความไม่กระชับในเส้นเรื่อง จึงเข้ามาอบรมกับวิทยากร ซึ่งพี่ๆ นักเขียนช่วยแนะนำได้มาก เกิดประโยชน์มาก ทำให้เราเลือกที่จะเล่าเรื่องได้อย่างกระชับและเลือกตัดในสิ่งที่มันมากเกินออกไปได้
“อยากจะบอกว่าโครงการนี้ ทำให้เข้าใจการเขียนนิยายได้อย่างครอบคลุม และเป็นโอกาสที่จะได้สานความฝันอาชีพนักเขียนของเรา ให้เดินหน้าไปอีกก้าว สำหรับเพื่อนๆ ที่คิดอยากจะเป็นนักเขียน อยากแนะนำให้เข้าร่วมอบรมกับ อ่านเอาก้าวแรก จริงๆ เพราะได้อะไรมากมายติดไม้ติดมือกลับออกไปแน่นอน”
นภาภรณ์ เชิดธรรม : เจ้าของผลงาน เรื่อง “ธีด้าชอบหาเรื่อง”
ใครหาเรื่องใคร? ทำไมต้องมีเรื่องกัน? คงต้องหาคำตอบกันเองใน “ธีด้าชอบหาเรื่อง” 1 ใน 12 เรื่องสุดท้ายที่เข้ารอบในโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 2
“ธีด้านางเอกในเรื่องเป็นยูทูบเบอร์ค่ะ ทำช่องของตัวเอง จึงต้องคอยหาคอนเทนต์และเรื่องราวมานำเสนอในช่องของตน แล้วเนื้อเรื่องก็ทำให้เธอมาเจอเข้ากับพระเอกของเรื่อง ซึ่งอยู่กับแวดวงธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่กำลังจะตาย แต่เขาไม่ยอมแพ้ จึงต่อสู้ทุกวิธีทางเพื่อจะผ่านการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยครั้งนี้ให้ได้ คนทั้งคู่คล้ายๆ ต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิ่งพื้นที่เพื่อสร้างการรับรู้ เลยเกิดเป็นการแข่งขันการหาคอนเทนต์มาเพื่อเอาชนะกัน ซึ่ง การหาเรื่อง จึงอยู่ในธีมของเส้นเรื่องหลัก”
เห็นได้ชัดว่านภาภรณ์มองประเด็นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องของปรากฏการณ์ทางสังคม โลกดิจิทัลออนไลน์ทรงพลังมากๆ จนสามารถเข้ามาเปลี่ยนโลกใบเดิม และเป็นเรื่องที่คนสองยุคต้องปรับเปลี่ยนเพื่ออยู่ร่วมกันให้ได้ แม้จะต้องแข่งขันกันอย่างที่สุด
“เหมือนอย่าง อ่านเอา นั่นแหละค่ะ ที่ยังต้องปรับเปลี่ยนการอ่านมาสู่โลกออนไลน์ เปลี่ยนแพลตฟอร์มจากหนังสือมาเป็นเว็บไซต์ แต่ก็ยังคงไว้ในเรื่องของการสนับสนุนงานวรรณกรรมและเปิดพื้นที่ให้กับนักเขียนหน้าใหม่ ไม่เช่นนั้น หากไม่รักษาพื้นที่ตรงนี้ไว้ ยอมให้หายไปกับธุรกิจสิ่งพิมพ์ เท่ากับว่ายอมแพ้ให้กับการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง แต่สำหรับพี่ๆ นักเขียนรุ่นใหญ่หลายๆ ท่าน เขาไม่ยอมแพ้ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อเข้าต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลง อ่านเอาก้าวแรก จึงนับเป็นแรงบันดาลใจให้เราเขียนนิยายเรื่องนี้ออกมา”
ณัฐธีรตา วิทิตวิญญูชน : เจ้าของผลงาน เรื่อง “ภาคินีสีเลือด”
“ภาคินีสีเลือด” เป็นนิยายที่ดึงเอาขนบวัฒนธรรมทางใต้มาเชื่อมโยงไว้ในเนื้อเรื่อง โดยให้พล็อตเป็นแนววิญญาณ ทวงแค้น ข้ามภพข้ามชาติ ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนหนึ่งของธีมเรื่องมาจากเจ้าของผลงาน
“พอดีเราเป็นคนใต้และวิทยากรชี้แนะว่าให้หยิบเรื่องใกล้ตัวมาเขียน ก็พอดีกับที่มีพล็อตที่เส้นเรื่องเกี่ยวกับละครโนราห์ชาตรีของคนใต้อยู่ก่อนแล้ว และยังเป็นเรื่องที่เขียนค้างมานานมาก พอมีคนแนะนำให้รู้จักกับโครงการอ่านเอาก้าวแรกปีที่ 2 จึงตัดสินใจมาเข้าร่วม ซึ่งคิดถูกมาก เพราะทำให้เราสามารถจบงานเขียนของเราได้ โดยได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ นักเขียนที่คอยบอกเทคนิคต่างๆ ในการเขียนนิยายให้จบ”
และนิยายเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกที่เธอเขียนจบ นั่นทำให้เธอภูมิใจเป็นอย่างมากและมากขึ้นอีก เมื่อรู้ว่างานเขียนชิ้นแรกของตัวเอง ได้เป็นส่วนหนึ่งใน 12 เรื่องที่่ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย “เกินคาดมากค่ะ ดีใจมาก เพราะผลงานที่ออกมา ได้สื่อสารในสิ่งที่เราตั้งใจได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น การแก้แค้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับใคร ความรัก ความหลง ความยึดติดในรูปต่างๆ เป็นของไม่เที่ยง และไม่ได้เป็นของๆ ใครแท้จริง มองว่าในส่วนตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอ่านไม่มากก็น้อย ซึ่งกรรมการท่านก็คงเล็งเห็นแบบนั้นเช่นกัน”
แวดวงวรรณกรรมบ้านเรา ยังมีพื้นที่อีกมากมายที่จะเปิดรับผู้ที่รักการอ่าน ผู้ที่อยากจะเขียน แต่ขอให้เชื่อมั่นเถอะว่า “ทุกความสำเร็จ ทุกความพยายาม ทุกการเดินทาง ย่อมต้องมีก้าวแรกเสมอ” แล้วพบกันใหม่กับ อ่านเอาก้าวแรก ในรุ่นต่อๆ ไปนะคะ