“เถาเจียว” อีกหนึ่งเคล็ดลับผิวเต่งตึงกระโดดได้ดึ๋งดั๋ง
โดย : กิ่งฉัตร
ไม่ได้มีแค่ นิยายออนไลน์ ให้อ่าน ที่ อ่านเอา แต่เรายังมีเรื่องราวการเดินทางของ “กิ่งฉัตร” นักเขียนผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถและมีแฟนนิยายมากมายแทบทุกวัย จนเรียกได้ว่า กิ่งฉัตรติดอันดับนักเขียนมือทองเบอร์ต้นๆ ของบ้านเรา แต่นอนจากมุมของการเป็นนักเขียนแล้ว กิ่งฉัตร ยังมีบทความแอบหนีเที่ยวมาฝ่กกันด้วยนะคะ
…………………………………………..
ช่วงปลายปีก่อนปีใหม่ไม่กี่วัน อิฉันฉวยโอกาสที่สิงคโปร์เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากไทยรีบแพ็คกระเป๋าเดินทาง ทำเอกสารสารพัดอย่างตามด้วยตรวจ ATK สองวันก่อนออกเดินทาง จากนั้นก็บินค่ะ ใช้สิงคโปร์แอร์ไลน์ไฟล์ทพิเศษที่ผู้โดยสารทุกคนต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดมาแล้วจะได้ไม่ต้องเข้าโปรแกรมกักตัวเจ็ดวัน ก่อนบินต้องมีเอกสารครบทั้งเอกสารฉีดวัคซีน ผลการตรวจ ATK และเอกสารเข้าประเทศสิงคโปร์
ถ้าพร้อมทุกอย่างก็บินได้ฉลุย ถึงสนามบินชางฮี ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จ โหลดแอป Trace Together ที่ใช้ติดตามตัวตลอดและใช้เช็คอินเข้าออกตามที่สาธารณะคล้ายๆ กับแอปไทยชนะ + หมอชนะของไทย แต่ของเขาเข้มข้นมาก ตรวจหนักตรวจจริงเอาจริงเอาจังมาก (ไว้เดี๋ยวจะเขียนเล่าอีกที ตอนนี้เขียนเรื่องกินก่อน) จากนั้นผู้โดยสารทั้งหมดต้องเดินตามทางไปยังทางออกของสนามบิน…แต่เดี๋ยว…ไม่ได้ออกนะคะ…ต้องเดินไปที่หน่วยตรวจ PCR รับการตรวจโควิดก่อนทุกคน ตรวจเสร็จถึงจะเจอทางออก ใครมีรถมารับก็กลับรถส่วนตัวได้ ใครไม่มีรถต้องเรียกแท็กซี่อย่างเดียว ใช้บริการสาธารณะแบบรถไฟใต้ดินหรือรถเมล์ไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อถึงที่พักแล้วยังออกไปไหนไม่ได้ ต้องรอจนกระทั่งมีการแจ้งผลการเทสต์จากการตรวจเมื่อตอนถึงสนามบินว่าผลเป็นลบแล้วถึงจะออกไปโต๋เต๋ตามใจชอบได้ ผลตรวจที่ได้ใช้เวลารอประมาณ 4 – 5 ชั่วโมงค่ะ
เจ็ดวันแรกที่เข้าประเทศ นักเดินทางทุกคนต้องตรวจ ATK ส่งหน่วยงานที่รับผิดชอบทุกวัน แบบตรวจเองส่งเองนักเลงพอ และไม่มีใครกล้าเบี้ยวหรือโกงผลการตรวจเพราะสิงคโปร์เอาจริงมาก ปรับหนักปรับจริง ไล่ออกนอกประเทศก็ทำมาแล้ว กฎหมายเข้มงวด เทคโนโลยีติดตามที่ทั่วถึงและฉับไวทำให้ไม่มีใครกล้าเสี่ยง
ระหว่างนี้โอมิครอนเริ่มระบาดหนัก นโยบายเข้าประเทศไทยแบบ test&go มีข่าวเปลี่ยนแปลงทุกวัน บอกว่าจะยกเลิกแล้วให้ทุกคนกักตัวเจ็ดวัน ตายแล้ว…อิฉันมีงานที่รับปากคนเขาไว้ว่าจะไปเป็นวิทยากรให้ ถ้ากลับไทยแล้วถูกกักตัวหนึ่งอาทิตย์ ต้องเสียคำพูดที่รับปากเขาไว้ดิบดีแน่ ร้อนอาสน์จนต้องไลน์หาที่ปรึกษาวงใน (การแพทย์) ว่ารัฐจะเอาไงแน่ จะได้เลื่อนตั๋วหรือทำตัวถูก
ที่ปรึกษาหรือคุณหมอนักเขียนแห่งอ่านเอาปลอบใจว่า
“รอดูไปก่อนคุณพี่อย่าเพิ่งใจร้อน ถ้าออกมาตรการแบบเข้มออกมา งานที่คุณพี่รับไว้ก็ไม่รอดหรอก ไม่ต้องกังวลไป” จากนั้นคุณหมอโอ๊ตก็เปลี่ยนเสียงไปอย่างจริงจังว่า “พี่ปุ้ย ซื้อยางพีชมาฝากด้วย”
จะเอาใช่ไหม ได้ จัดไป!
(ออกทะเลมานานถึงเวลาเข้าเรื่องยางพีชของเราเสียที)
ยางพีช Peach Gum หรือเถาเจียว คือยางจากต้นพีชหรือต้นท้อ ลักษณะแห้งแข็งสีเหลืองอำพันไปจนเข้มเป็นสีน้ำตาลออกดำ หน้าตาเหมือนน้ำตาลกรวดเม็ดเล็กที่ไม่ได้ฟอกสี แบบที่คัดเป็นเม็ดเล็กกลมเหมือนลูกปัดก็มี ยางพีชสามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งของคาวและของหวาน แต่ส่วนใหญ่มักเป็นของหวาน
ครั้งแรกที่เห็นยางพีชในซูเปอร์มาร์เก็ตในสิงคโปร์เมื่อหลายปีก่อนอิฉันได้แต่กระพริบตางงๆ นี่มันคืออะไรไม่รู้จัก ราคาไม่ถูกเลยถุงนิดเดียวสี่ห้าเหรียญ กลับมาแล้วพอดีเห็นรายการอาหารจากยูทูปของบล็อคเกอร์สาวจีนคนดัง หลี่จื่อชวี่ ทำให้รู้ว่าไอ้ก้อนๆ เล็กๆ นี่คือยางพีชและใช้ทำอาหารได้ แถมน่าอร่อย ทำให้นึกเสียดายว่าทำไมตอนนั้นไม่รู้จักซื้อมาลอง
พอได้ไปสิงคโปร์อีกครั้งเลยซื้อมาลองสองสามถุง ครั้งแรกไม่รู้ที่ซื้อเห็นในซูเปอร์มาร์เก็ตก็รีบคว้ามา มารู้หลังจากนั้นไม่นานว่าถ้าไปซื้อจากตลาดของแห้งที่บูกิส (Bugis) ราคาจะถูกกว่ามาก ฉะนั้นถ้าใครไปสิงคโปร์และอยากได้อาหารแห้งและขนมสารพัดจากจีนให้ไปที่บูกิสนะคะ ที่ตั้งจะอยู่ใกล้กับวัดเจ้าแม่กวนอิม Kwan Im Thong Hood Cho ที่โด่งดังและเป็นที่นับถือจากชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวมาก
ศูนย์รวมขายพวกอาหารแห้งจะตั้งอยู่ชั้นบนของฮอกเกอร์เซ็นเตอร์บูกิส ทั้งชั้นจะเต็มไปด้วยร้านค้าใหญ่น้อย ขายอาหารแห้งทั้งหน่อไม้ เห็ดหูหนู เห็ดหอม ปลาหมึก ปลิงทะเล หอยเชลล์ หมูเค็ม รวมไปถึงผลไม้แห้งต่างๆ อย่างลูกพลับ แอปริคอต ฟิกซ์ เครื่องกระป๋อง ซอสปรุงรส ถั่วสารพัด เรียกว่าจะหาอะไรหาได้หมด
รอบนี้ไปในช่วงใกล้ตรุษจีนพอดี นอกจากจะมีเครื่องประดับแต่งบ้านสีสันแดงสดใสรับปีเสือแล้ว บูกิสยังเต็มไปด้วยคน คน และคน ทั้งคนมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมเพื่อเป็นสิริมงคลและคนที่มาซื้อของแห้งเข้าบ้านเตรียมรับตรุษจีน
ที่นี่มียางพีชขายอยู่หลายร้าน แต่ขอแนะนำให้ไปร้านใหญ่ที่มีคนซื้อเยอะๆ ราคาของจะถูกกว่าเจ้าเล็กๆ หลายเหรียญเหมือนกัน ถ้าหาไม่เจอ (รับรองว่าไม่เจอค่ะ ของในร้านเยอะมาก) ให้ถามหาจากคนขายได้ เขาจะไปหยิบมาให้
เมื่อได้ของมาแล้วก็มาดูวิธีทำกัน ที่บ้านต้มแบบเป็นของหวานนะคะ เพราะยังไม่กล้าลองสูตรที่เป็นของคาว
เริ่มแรกล้างยางพีชเพื่อเอาฝุ่นผงและเศษเปลือกไม้ที่ติดๆ มาออกก่อน จากนั้นก็แช่น้ำสะอาดทิ้งไว้หนึ่งคืน ยางพีชใช้ไม่ต้องมากนะคะ ตอนแรกอิฉันไม่รู้แช่น้ำกำมือหนึ่ง…แม่เจ้าประคุณเอ๋ย มันพองเสียจนต้องใช้หม้อใบใหญ่สุดของบ้านมาต้มกันเลย ฉะนั้นเอาไม่มากค่ะ ยางพีชแช่น้ำแล้วจะขยายขึ้นหลายเท่า แช่เยอะเดี๋ยวกินไม่หมด
หลังจากแช่น้ำหนึ่งคืนแล้ว จากที่เป็นก้อนกรวดแข็งๆ ก็จะกลายสภาพเป็นเหมือนวุ้นก้อนๆ นิ่มๆ หยุ่นๆ ลองบีบดูว่าข้างในนิ่มหมดไม่เหลือส่วนแข็งแล้วก็ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง เอาลงหม้อต้มพร้อมลำใยแห้ง พุทราจีน แปะก๊วย เก๋ากี้ เครื่องพวกนี้แล้วแต่ชอบนะคะ ใครชอบอะไรก็ต้มใส่ลงไป ที่สิงคโปร์เห็นใส่เห็ดหูหนูขาวด้วย ใส่น้ำตาลพอประมาณแล้วแต่ชอบหวานมากหวานน้อย ตามปกติที่เคยทำจะต้มประมาณ 40 นาทีค่ะ
ยางพีชหรือเถาเจียว (เคยเห็นเมนูของหวานในไทยที่ทำขายเรียกน้ำตาดอกท้อ) จะมีลักษณะเหมือนวุ้นนุ่ม หยุ่นๆ หนืดเล็กน้อย ตัวของมันไม่มีรส บางคนกินแล้วบอกเหมือนกินวุ้น บางคนก็ว่าเหมือนรังนก แต่กินแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น เคยต้มยางพีชให้ญาติผู้ใหญ่ที่ป่วยท่านหนึ่งใส่น้ำแข็งนิดหนึ่งพอหวานๆ เย็นๆ ลูกสาวที่ดูแลแม่อยู่ชักชวนคนป่วยกินบอกว่ากินแล้วเช็ง เช็ง คือใสๆ รสไม่ได้เข้มข้นแต่ให้ความรู้สึกสดชื่น
ยางพีชนอกจากนุ่มละมุนลิ้นแล้วยังอุดมด้วยคอลลาเจน ช่วยเรื่องหล่อลื่นของข้อต่อ ใครอยากผิวเต่งตึงกระโดดได้ดึ๋งดั๋งแบบข้อต่อไม่ลั่นกร๊อบก็ลองหายางพีชมากินกันนะคะ ตอนนี้เห็นขายอยู่ทางออนไลน์เจ้าดังของไทยแล้วไม่ต้องหอบหิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลมาเอง ยี่ห้อและน้ำหนักเดียวกับที่ซื้อจากตลาดบูกิสเลยค่ะ ราคาแพงกว่าพอสมควรแต่ไม่ถึงขนาดรับไม่ได้
ในสิงคโปร์ตามร้านขายยาจีนนอกจากจะมีน้ำสมุนไพรหลายชนิดต้มวางเป็นขวดๆ ขายแล้ว บางร้านมียางพีชต้มขายด้วย ไปคราวนี้ลองซื้อมาเทียบกับฝีมือทำของแม่ครัวจำเป็น ผลคือที่ซื้อมานั้นเขาต้มยางพีชจนนุ่มมาก ไม่มีแปะก๊วย แต่ใส่เห็ดหูหนูขาวเยอะมาก รสไม่หวานจัด น้ำน้อยมีแต่เนื้ออัดแน่น กินได้ทั้งอุ่นและเย็นแต่ที่นี่ไม่ใส่น้ำแข็งค่ะ ถ้วยละ 3.50 เหรียญหรือประมาณ 88 บาท แต่เยอะมากกินได้สามคนสบายๆ
นอกจากต้มกับลำใยแห้งแล้ว ยังเคยเห็นเมนูซุปผักข้าวโพดกับยางพีช เครื่องดื่มน้ำผึ้งมะนาวยางพีช ยางพีชใส่นมกับบราว์ชูการ์ พุดดิ้งนมยางพีช แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นได้แต่ดูรูปและวิธีทำนะคะ ไม่เคยกล้าลงมือทำเองจริงๆ กลัวกินไม่ได้ต้องเททิ้งเสียดายของ
กลับถึงเมืองไทยรีบส่งยางพีชหรือเถาเจียวไปให้คนสั่ง จากนั้นก็รอ…เผื่อพ่อครัวหมอนักเขียนจะรังสรรค์เมนูอะไรอร่อย ๆ จากเถาเจียวส่งกลับมาให้
อย่าให้พี่รอเก้อล่ะหมอโอ๊ต!