อิ่มอร่อย 3 มื้อ ที่ปากน้ำโพ

อิ่มอร่อย 3 มื้อ ที่ปากน้ำโพ

โดย : สุวิทย์ เมฆวิบูลย์

Loading

ไม่ได้มีแค่ นิยายออนไลน์ ให้อ่าน ที่ อ่านเอา  แต่เรายังมีเรื่องราวการเดินทางของ สุวิทย์ เมฆวิบูลย์ ชายหนุ่มผู้ที่เชื่อว่า การเดินทางกับการดื่มกิน คือองค์ประกอบสำคัญในการเติมไฟ เพิ่มพลังให้ชีวิต และเขายินดีแบ่งปันขุมพลังนี้กับผู้อ่าน “อ่านเอา” ได้ อ่านออนไลน์ 

…………………………………………..

–  อิ่มอร่อย 3 มื้อ ที่ปากน้ำโพ 

คลิกซื้อ E-Book ‘ในสวนอักษร’ ที่นี่

ตั้งแต่เป็นเด็กวัยชั้นประถมจำได้ว่าไม่รู้จัก ‘จังหวัดนครสวรรค์’ เลย พ่อแม่ญาติพี่น้องและใครๆ ก็เรียกว่าปากน้ำโพ ฟังดูเป็นจังหวัดใหญ่ๆ จริงๆ แล้วก็ไม่ไกลจากบ้าน (จ.ตาก) มากนัก เพียง 180 กิโลเมตร แต่นั่งรถโดยสารกันนานโขเลย 4-5 ชั่วโมง หลับแล้วหลับอีก สมัยก่อนรถไม่มีแอร์ ไม่ว่ารถส่วนตัว หรือรถโดยสาร แต่ก็ไม่ยักกะร้อน หน้าต่างรถทุกบานต้องเปิดกว้างๆ ให้ลมพัดเข้ามาเต็มๆ ไม่มีใครกลัวฝุ่นจากถนน ยกเว้นผู้หญิงไม่ว่ารุ่นสาวจนถึงคนแก่จะโพกผ้าคลุมผมปิดหน้าตาไปด้วย แม่ก็โพก ท่านบอกกันลม กันแดด และกันฝุ่น ถนนพหลโยธินตอนนั้นมีเพียง 2 เลน ถนนยางมะตอยสลับลูกรัง (ที่มีมากกว่าเยอะเลย) บางช่วงผิวถนนเป็นหลุม เป็นคลื่น ผิวทางแคบๆ รถต้องวิ่งสวนกัน ขับกันไม่เร็ว ไปอย่างช้าๆ รถโดยสาร ไม่ว่า บขส. ทันจิตต์ทัวร์ ถาวรฟาร์ม (2 บริษัทนี้ถือกำเนิดในเมืองนครสวรรค์) หยุดจอดกันแหลก แวะรับคนทุกชุมชนไล่ดะไปตั้งแต่ วังหิน โกสัมพี วังเจ้า กำแพงเพชร คลองขลุง สลกบาตร ลาดยาว จำได้ว่าได้มาเที่ยวเฉพาะตอนมีงิ้ว หรือ เด (พ่อ) แม่มีธุระปะปัง

พอเรีบนจบก็มีโอกาสมาทำงานแบบผ่านไปผ่านมาบ่อยๆ ตั้งแต่ปี 2527 จนคุ้นเคยกับที่พักโรงแรมและร้านอาหาร ร้านขนม เมื่อ 2-3 ปีล่าสุดที่ผ่านมา มาทำงานที่ อ.บรรพตพิสัย เกือบ 1 ปี ต้องมานอนพักค้างในตัวเมืองหลายครั้ง เลยหิ้วรองเท้าวิ่งและเสื้อกล้ามติดรถมาด้วย ไปสำรวจพื้นที่ออกกำลังกายให้ลงตัวกับงาน จึงจัดตารางเป็นตื่น 6 โมงเช้า ขับรถ 5 นาทีไปสนามกีฬากลางของจังหวัด ริมถนนสายเอเชีย ถ้ามาจากสี่แยกสะพานเดชา ตรงขึ้นเหนือ (ที่จะไปกำแพงเพชร) สัก 3-4 กิโลเมตร อยู่ฝั่งขวามือ สูดโอโซน วิ่งชิลชิลเหยาะๆ ไปตามลู่วิ่งยางสีส้ม กวดไล่ตามนักกีฬาท้องถิ่น รุ่นเด็กๆ หนุ่มสาว เงียบๆ เบาๆ สัก 13-15 รอบสนามฟุตบอล แปลกใจมากที่บางวันแม้เป็นวันอาทิตย์ คนนครสวรรค์มาออกกำลังกายกันน้อยมาก เห็นหน้าค่าตากัน แค่ 8-9 คน ไม่คึกคักเหมือนที่ระยอง เชียงราย กรุงเทพฯ ตามที่คาดหวังเลย… พออากาศเริ่มร้อนเพราะดวงตะวันโผล่ขอบชายเขา ก็ได้เวลาใกล้จะ 8 โมงเช้าพอดี เหงื่อโชกท่วมตัว อาบน้ำ แล้วก็ออกมาวนหาของอร่อยกิน เริ่มจาก…

มื้อเช้า… ก็ต้องข้าวแกงมื้อเช้าของคนท้องถิ่น เสาะแสวงหาร้านของแท้ ที่ไม่ใช่ขายคนจร รถผ่าน รถทัวร์ ร้านนี้เขามีทั้งแกง ต้ม ผัด เล้ง บะกุ๊ดเต๋ ให้เลือกมากเกิน 20 ถาดขึ้นไป เมนูหลักมีพะแนงหมู ต้มข่าไก่ ผัดเผ็ดปลาดุกกรอบ แกงเขียวหวาน ไข่ยัดไส้ ไข่ลูกเขย เห็นคนนั่งกินกันเต็มร้าน มีทั้งข้าราชการ พนักงาน พ่อค้าแม่ค้า รู้เลยว่าอร่อยแหงๆ ใครจดพิกัดไปก็สบายละ ต่อไปนี้มาเตร่แถวนี้ไม่อดตายแล้วยาหยี ที่สั่งประจำก็ผัดถั่วงอกเต้าหู้เหลืองกับปลาดุกกรอบผัดพริกขี้หนู ราดข้าวมารสเผ็ดพอดี ทั้ง 2 อย่างผัดได้เข้าเนื้อ ไม่มันไม่เลี่ยน ไม่หวานเกินไป แบบร้านข้าวแกงทั่วๆ ไป อร่อยถูกปากใช้ได้ 2 อย่าง 35 บาท ถูกอย่างนี้มีหรือจะไม่กลับมาอีก แม้ลูกค้าจะเยอะพลุกพล่านไปนิดตามประสาร้านริมทาง ลูกค้าขาจรก็เลยฝากท้องไปด้วยทุกเช้า ร้านอยู่ใกล้สามแยกที่จะเลี้ยวขวาไป จ.พิษณุโลก (ทางหลวงสาย 117) แต่ให้ขับตรงไป จ.ตาก 300 เมตร เลยธนาคารกสิกรไทยและโรงแรมวัชระก่อนถึงโรงแรมเอเชีย ร้านเป็นตึกแถว ตั้งโต๊ะให้นั่ง 5-6 โต๊ะ คนตักขายหน้าตู้กับข้าวเป็นเฮียรุ่นเดอะ 2 คน แต่ร้านดันชื่อ ‘แม่จิตร’ ไม่รู้ว่าร้านของเมียหรือของแม่ ไม่กล้าถาม กลัวเฮียแกด่าว่าจุ้นจ้าน จะอดกิน… ขายทุกวันเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 แต่หลัง 10 โมงเช้าไปแล้วกับข้าวจะลดน้อย และไม่สดอร่อยเท่า 7-8 โมงเช้า บันทึกไว้ได้เลยสำหรับคนเดินทางขึ้นเหนือ..

ตอนมื้อเที่ยง มีร้านโปรดอยู่ 2 ร้าน เจ้าประจำที่ชอบไปชิม เริ่มจากทางเลือกแรกเป็นของคอ ‘ผัดไทย’ ให้ไปร้านแม่พยอม ที่หน้าผา กินกันมาสิบกว่าปีเพราะรู้จักจากคำแนะนำของเพื่อนนักเรียน อนศ. มัธยม (คุณสมโชค บุญยวนิชกุล) เจ้าของท่าทราย ‘ยืนยง’ พื้นเพเพื่อนสมโชคเป็นคนลพบุรีแต่มาสร้างฐานะตัวเองที่ปากน้ำโพ คุณน้าแกผัดเส้นเล็กแบบโบราณคือเน้นให้นุ่มด้วยน้ำมัน ซอส น้ำมะขามเปียก แล้วค่อยใส่ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ผัดต่อไปจึงเคล้าถั่วลิสงตำและกุ้งแห้งตัวน้อย ถ้าชอบเปรี้ยวนำ แก้เลี่ยน ก็บีบมะนาวซีก จะได้รสชาติพอดิบพอดี เปรี้ยวนำที่ปลายลิ้น แต่สำคัญมากๆ คือไม่เผ็ดไม่หวาน น้ำมันคลุกเส้นมันกำลังพอดี ไม่ต้องปรุงเลย มองไปลูกค้าคนอื่นๆ ก็คีบตะเกียบใส่ปากแบบไม่เติมเครื่องปรุงเช่นกัน รสมือดีจริงๆ พวกแม่ครัวรุ่นใหญ่เนี่ย แกขายถูกมากครับ เพียงจานละ 30 บาท ไม่ว่าเส้นเล็ก วุ้นเส้น เกี๊ยวกรอบ…

พลาดไม่ได้สำหรับผัดไทยเลิฟเวอร์ อาหารไทยจานเด็ดรสโบราณๆ เช่นนี้ชักจะหาทานได้ยากมาก หากไม่รักกันจริงๆ จ้างก็ไม่บอกนะครับ อร่อยมากเลย ให้ 10 คะแนนเต็ม ร้านแม่พะยอมเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวหลังคาต่ำๆ เตี้ยๆ แต่ก็โปร่งลมเพราะหน้าต่างด้านข้างเปิดโล่ง หันหน้าออกแม่น้ำปิง… บริเวณนี้เขาเรียกกันว่าหน้าผา ลูกค้าจะเยอะมากโดยเฉพาะมื้อเที่ยง เห็นรถจอดเต็มสองฝั่งถนน ก็มาถูกทางแล้ว กด GPS หากขับเลยร้านก๋วยเตี๋ยวหนังหมูถั่วฝักยาว ไป 50 เมตร ก็เจอ แต่ถ้าเห็นศาลเจ้าจีน ก็เข้าไปกราบไหว้ แล้วเดินย้อนกลับมาร้านแม่พยอม ไม่ถึง 80 เมตรครับ

อีกร้านสำหรับมื้อกลางวัน เป็นก๋วยเตี๋ยวหมู ปลา ไก่ ลูกชิ้นปลากราย และหมูเด้งที่อร่อยมากๆ ก็คือ หมูบะช่อบดปรุงรส ใส่มาในชามเดียวเลย ถือว่าของดีคู่เมืองปากน้ำโพ อุตส่าห์ดั้นด้นหาเธอ ‘เจ๊เตี้ย’ จนเจอ..ไม่ยากแล้ว อร่อยแบบง่ายๆ ฉับไว มีครบทุกเส้น น้ำ แห้ง สะดวกรวดเร็ว ถูกปากและราคาไม่แพงเลย ร้านอยู่บนทางเท้าข้างๆ ริมรั้ววัดนครสวรรค์ หาไม่ยาก ขับรถมาตามถนนสวรรค์วิถี ถ้าแยกมาจากถนนพหลโยธิน ก็มองทางขวาให้ดี เจอป้ายวัด ก็เลี้ยวขวาเข้าไปจอดในลานวัดแล้วเดินออกมา เลี้ยวขวาไปสุดกำแพงวัด เดินเลาะริมถนนไปสัก 30 เมตร เจอโต๊ะนั่งสิบกว่าโต๊ะ สั่งเลย รวดเร็ว มีวันหนึ่ง… โชคดีได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับคุณพี่สุภาพสตรี แม้ไม่รู้จักกัน แต่พอทราบว่าไม่ใช่คนท้องถิ่น แนะนำมื้อเย็นให้ไปร้านข้าวต้มที่มีเมนูแกงป่า เมนูโปรดของผม และยังมีแกงส้ม ผัดเผ็ดผัดผัก ยำ ต้มยำง่ายๆ อีกเพียบในแบบร้านโต้รุ่งแต่ฝีมือไม่เป็นสองรองใคร คุณพี่เธอย้ำแถมว่าติดๆ กันมีไอติมกะทิของโปรดอีกนะ

Google Maps บอกตามนี้นะครับ …เข้าถนนสวรรค์วิถี สายหลักของปากน้ำโพ จากสี่แยกบิ๊กซีสายเอเชีย มาสัก 1 กม. เจอโรงเรียนสตรีฯ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงเทพด้านซ้ายมือ แล้วมองไปฝั่งตรงข้าม ร้านตึกแถว 2 คูหาชื่อ ‘กมลวรรณ’ ใกล้ธนาคารกสิกรไทย ขายข้าวต้มช่วงเย็นถึงดึกร้านอาหารตามสั่งพื้นๆทั่วไป แต่ฝีมือและรสชาติไม่ธรรมดาเลย เจ้าของร้าน เด็กเสิร์ฟสุภาพอ่อนน้อม เรียบร้อย กุ๊กฝีมือดีจริงๆ ลองมาแล้วหลายเมนู ทุกจานรสชาติดี อร่อยครับ ไปทีไรมักจะสั่งแกงป่าปลากดคังหรือลูกชิ้นปลากรายที่รสจัดจ้านมาก ใส่ครบเครื่องมะเขือพวง กระชาย ใบมะกรูด พริกสด แต่ที่ส่งเสริมรสออกมาให้โดนก็คงเป็นพริกแกงที่หอมเผ็ดจัด ชอบครับ ให้ 10 คะแนนเต็มไปเลย บางวันก็สั่งแกงส้มปลาช่อนสดถั่วฝักยาวและดอกแค รสเข้มข้น แต่ไม่เผ็ดและไม่หวานมาก ซดน้ำแกงได้สบายๆ ควรสั่งของแห้งมากินแนมด้วย เช่น ปลาสลิดทอด กรอบกินได้ทั้งตัว ผัดคะน้าหมูกรอบ ก้านใบนิ่มไม่แข็ง ไข่เจียวเพลนๆ ไม่ต้องใส่อะไรเลย ขอข้าวสวยร้อนๆ สัก 2 จาน ยอมฝ่ากฎเหล็กงดมื้อเย็นทุกครั้งที่มานครสวรรค์ทุกที อาหารที่ร้านกมลวรรณ ทานได้หมดจานแบบไม่เหลือสักชิ้นคาจาน จนน้องบ๋อยค้อนแล้วค้อนอีก ไปทีไรจ่ายค่าอาหารไม่เกิน 300 บาท เพราะไม่มีเบียร์ ไม่มีเหล้า ด้วยบรรยากาศริมถนน มันไม่น่าจะอภิรมย์กับสุราไวน์ เบียร์ อย่างชาวบ้านคนอื่นๆ ที่คุณพี่อาเฮียทั้งหลาย เขาจะนั่งยิ้มไปจิบไป… เฮ้อ

อิ่มแล้วก็เดินมารถเข็นข้างๆ ร้าน มีแผงไอติม ‘พงษ์ VIP’ ไอติมกะทิ เห็นคิวยาวเฟื้อย ก็ใจเย็นๆ รอโต๊ะรอคิว ส่วนใหญ่คนท้องถิ่นจะซื้อแบบเทคโฮมเพราะมีโต๊ะเพียง 3-4 โต๊ะ ไอติมตักใส่เครื่อง 3 อย่างจำพวกเม็ดบัว เผือกกวน แห้ว ถั่วแดง ลูกชิดมันเชื่อม ทำนองนี้แหละ… ตักราดท็อปปิ้งบนไอติมกระทิ 2 ลูก -20 บาท สุดยอดครับ หอมมันพอดีๆ อร่อยหวานชื่นใจในยามค่ำคืน แนะนำแฟนนักชิม ถ้าผ่านมานครสวรรค์แวะได้เลย ไม่ผิดหวังจริงๆ ราคาสบายกระเป๋าและประทับใจในรสชาติแน่นอน 3 มื้อใน 1 วัน มีโพยกันแล้ว หากยังไม่อิ่มพอ คราวหน้าจะพาไปร้านอาหารคาวมีสไตล์ มีเมนูสร้างสรรค์ของตัวเอง ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น หาง่ายๆ กินในห้องแอร์บ้าง แล้วไปต่อด้วยขนมหวานจีนโบราณที่นับวันจะหาทานยาก เพราะรุ่นอาเจ๊ อาม่า ล้มหายไปทีละร้านๆ จนเหลือนับร้านได้ในเมืองไทย นั่นก็คือโบ๊กเกี้ย (บั๊วเกี้ย) ขนมหวานของคนไหหลำ แล้วก็เซ็งซิมอี้ เต้าทึง เช็งทึง กับขนมหวานไทยจำพวกใส่น้ำแข็ง เติมน้ำกะทิ มะพร้าวอ่อน โพยขนมที่นี่ได้ความอนุเคราะห์มาจากเพื่อนสาว อาจารย์รสสุคนธ์ มีศรี (ศรีสวัสดิ์) จากโรงเรียนนครสวรรค์ เพื่อนสนิทตั้งแต่ชั้นอนุบาล เรียนมาด้วยกันที่ จ.ตาก เธอเชี่ยวชาญรอบรู้เรื่องดอกไม้ใบหญ้าและขนม โฆษณาว่าขนมหวานเมืองนครสวรรค์อร่อยไม่แพ้ที่ไหนในเมืองไทย ยังต้องพึ่งพาข้อมูลทีเด็ดที่ซ่อนไว้อีกมากมาย แล้วอาจารย์รสสุคนธ์ท่านจะช่วยผมไปแคะคุ้ยเอาของดีนครสวรรค์มาฝากอ่านมาเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ

 

สวัสดีครับ

Don`t copy text!