สิงคโปร์วอล์ค

สิงคโปร์วอล์ค

โดย : สุวิทย์ เมฆวิบูลย์

Loading

ไม่ได้มีแค่ นิยายออนไลน์ ให้อ่าน ที่ อ่านเอา  แต่เรายังมีเรื่องราวการเดินทางของ สุวิทย์ เมฆวิบูลย์ ชายหนุ่มผู้ที่เชื่อว่า การเดินทางกับการดื่มกิน คือองค์ประกอบสำคัญในการเติมไฟ เพิ่มพลังให้ชีวิต และเขายินดีแบ่งปันขุมพลังนี้กับผู้อ่าน “อ่านเอา” ได้ อ่านออนไลน์ 

…………………………………………..

– สิงคโปร์วอล์ค 

 

เที่ยวเมือง (ที่จริงเป็นประเทศ) เล็กๆ อย่างสิงคโปร์ที่มีพื้นที่ประมาณ 697 ตารางกิโลเมตร เท่าๆ กับเกาะภูเก็ตของไทย ประกอบด้วย 1 เกาะใหญ่ (คือเกาะสิงคโปร์) และเกาะเล็กๆ อีกมากกว่า 60 เกาะ สิงคโปร์มีประชากร 5,469,700  คน ความหนาแน่นเป็นอันดับ 2 รองจากโมร็อกโกคือ 7,615 คนต่อตารางกิโลเมตร หากอยากจะเห็นเกือบทั่วเมือง ต้องใช้รถไฟฟ้าเป็นยานพาหนะซึ่งมีเพียง 5 สาย MRT กับ 3 ลูปสั้นๆ ของ LRT แต่ MRT ที่วิ่งผ่านแลนด์มาร์ก สถานที่ไฮไลต์ มีแค่เพียง 3 สาย บางจุดต้องใช้น่องเดินเจาะสำรวจไปเรื่อยๆ

3 เส้นทางเดินผสมกับการนั่งรถไฟที่ว่านี้ คือ

  1. เขตเมืองเก่า (old town walk) > ย่านคนจีน > ย่านแขก > วัดพระเขี้ยวแก้ว > วัดแขก >
  2. 2. พรอมานาดริมทะเล (River walk) Clark quay > สะพานColeman + Elgin + Cavenagh + Anderson > รัฐสภา > Merlion > Esplanade และ สะพาน DNA (Helix bridge)
  3.  Marina Bay Sands > Gardens by the Bay > Marina Barrage > Flower Dome และ Art Science Museum

ประเมินว่าเส้นทางละ 1 วันเต็มๆ ดูเหมาะเจาะพอดิบพอดี ยกเว้นสายที่ 2 อาจไปแค่ค่อนวัน บ่ายแก่ก็น่าจะจบ แล้วไปนั่งกินกาแฟ ไวน์ เบียร์ รับลมรอดูพระอาทิตย์ตกทะเล แนะนำว่าควรไปอยู่ฝั่ง Merlion นะครับ จะได้มองเห็น อาคาร Marina Bay Sands ประกบคู่กับดวงอาทิตย์ แสงอ่อนๆ แต่ถ้าหากโชคไม่ดีเจอฝนที่มีโอกาสตกสูง เราก็ต้องชดเชยเวลาไป

อากาศที่นี่ร้อนพอๆ กับกรุงเทพฯ 30-35 องศาเป็นปกติ แต่ไม่ได้ร้อนสาหัสสากรรจ์เท่าไร รู้สึกสบายดี เพราะการออกแบบภูมิทัศน์กับผังเมือง ใช้ร่มเงาจากต้นไม้และตัวอาคารบดบังแสงแดดได้ดีในช่วงบ่ายๆ… แถมมีลมทะเลพัดถ่ายเทตลอดเวลา ทำให้เราสามารถเดินหน้า 5 เกียร์ได้ทั้งวัน

นอกนั้นก็เป็นย่านช้อปปิ้ง ถนนออร์ชาร์ด ซึ่งกลายเป็นอดีตสวรรค์ไปแล้วล่ะ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับอัตราภาษีและแฟชั่นเทรนด์ ที่กรุงเทพฯ ไม่เสียเปรียบสิงคโปร์และฮ่องกงเลย คนไทยเราจึงไม่นิยมไปเตร่ช้อปปิ้งนอกประเทศกันแล้ว มีแต่ไปกินๆๆ คุยๆๆ แอ็กติ้งริมอ่าว แล้วก็แชร์!!!

สำหรับตั๋วรถไฟฟ้า ไม่ควรซื้อตั๋วแบบเหมาจ่าย 1 วัน 2 วัน เพราะมีกติกาเขี้ยวลากดินตามสไตล์สิงคโปเรียนที่ไม่ยอมเสียเปรียบใครง่ายๆ สมราคาสมญานามว่า ‘Fine City’ ( นครแห่งค่าปรับ) ตั๋วจะมีค่ามัดจำ10 เหรียญ แล้วจะคืนให้เมื่อครบ 5 วันหลังการใช้วันแรก เอ้อ ใครจะไปรอรับล่ะ คนไทยไปเที่ยวบ้านลื้อก็แค่ 3-4 วัน อาเจ็กแกกะจะยึดมัดจำคนที่ไม่อ่านแน่ๆ ถ้าจะเอาสะดวกๆ ก็ใช้บัตรเติมเงินเดิมของเพื่อนๆ หรือญาติที่มีอยู่แล้ว ดีกว่า เพราะซื้อบัตรเติมเงินใหม่ก็ต้องมีค่าออกบัตรอีก งั้นก็ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวสะดวกสุดๆ เเล้ว เตรียมแลกเหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ให้ดีๆ แบงค์ก็ใช้ได้ 5 และ10 ดอลลาร์ ไปหน้าเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติเถอะ กดง่ายและเร็ว ภาษาอังกฤษอ่านเข้าใจง่ายๆ ลงไปชานชาลาก็จำชื่อสถานีปลายทางที่เราจะไปให้แม่นๆ ไม่ตกขบวนหรอก ราคาตั๋วที่สิงคโปร์จะไม่มีตั๋วผู้สูงอายุสำหรับคนต่างชาติ เพราะฉะนั้น อย่าไปถามเลยให้เสียเวลา

ไปเที่ยวกันเลยดีกว่าครับ

ผมชอบเส้นทางที่ 2 มาก เริ่มจากตอนเช้า หลังไปนั่งซดและแทะกระดูกหมูชิ้นโตบะกุ๊ดเต๋แสนอร่อยที่ Clark Quay แล้วก็ออกเดินทอดน่องเลียบ Riverfront 3 ชั่วโมง จากห้าง The Central ใกล้ท่าเรือ Eu Tong Sen ไล่ไปจนจบที่หน้าโรงแรม Fullerton ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Raffle Place ตลอดเส้นทางจะเห็นหญิงชายจ๊อกกิ้งไปตามริมน้ำไม่ว่าเที่ยง บ่าย เย็นค่ำ สลับกับคนเดินเล่น

เส้นทางนี้จะเห็นจุดไฮไลต์ของสิงคโปร์มากมาย มีทั้งรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำ อาคาร และสะพานหลายแห่ง มี 2 แห่งที่ชื่นชอบมากๆ ในฐานะวิศวกรโครงสร้าง และเชื่อว่าใครๆ ที่เห็นจะต้องอยากได้สะพานแบบนี้เป็นแบ็กกราวนด์ นั่นคือสะพาน Cavanagh และสะพาน Helix สะพานแรกทรงโบราณ คลาสสิก แข็งแรงแต่อ่อนช้อย มีโค้ง มีลวดลาย ส่วนสะพานหลังเป็นสื่อสัญลักษณ์รูปโครงสร้างDNA ดูทันสมัย แฝงทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ นักท่องเที่ยวมักอ่านเจอในหนังสือและนิยมเรียกขานกันว่าสะพาน DNA

ช่วงสายๆ ก่อนเที่ยง ควรแวะไปดูน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth) ที่อยู่ใจกลางห้างสรรพสินค้าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ชื่อ Suntec City โผล่ขึ้นจากใต้ดินกลางสี่แยกถนนเลย รอบวงเวียนนั้นมีตึกของ Suntec City อยู่ 5 อาคาร เรียงล้อมน้ำพุเป็นอาณาจักรของ Suntec

จริงๆ เราสามารถเดินลงจากวงเวียนน้ำพุลงไปชั้นใต้ดินห้างได้ เก๋มากครับ ออกแบบออกมาสวยงาม ไม่เชย และใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าทุกตารางนิ้ว มีความหมายเกี่ยวกับความเชื่อถือของคนตะวันออก มีคำเล่าขานให้เดินรอบฐาน 3 รอบ แล้วจะมั่งมีศรีสุข ใครอยากจะรวยแบบกลุ่ม Suntec City ก็ต้องนั่งไปลงสถานี Promenade แล้วเดินถามทาง ไม่ไกล สัก 300 เมตร ถ่ายรูปเสร็จกินข้าว โจ๊ก กาแฟ ก๋วยเตี๋ยว รอบๆ ฐานน้ำพุนั่นเลย เพราะตรงนั้น (ข้างใต้วงเวียนบนถนน) ก็คือฟู้ดคอร์ตติดแอร์สะอาดสะอ้าน มีโต๊ะเก้าอี้ ห้องน้ำให้บริการอย่างสบาย 

 

Don`t copy text!